Lifestyle

LIFESTYLE
National Book Lovers Day
รวมหนังสือน่าอ่านที่เหล่าคนดังแนะนำ

ครั้งหนึ่ง Benjamin Franklin อดีตประธานาธิบดีผู้ยิ่งใหญ่และบิดาผู้สร้างชาติของสหรัฐอเมริกาเคยกล่าวไว้ว่า “บุคคลที่น่าเห็นใจที่สุดคือผู้ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวในวันฝนพรำโดยที่อ่านหนังสือไม่เป็น” สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับการอ่านมากเพียงใด นอกจากนั้นหลายคนอาจจะทราบดีว่าคนดังหรือผู้ที่ประสบความสำเร็จมากมายในโลก มีหนังสือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาก้าวมาถึงจุดนี้ได้ อย่างไรก็ตามไม่กี่ปีมานี้ได้มีการกำหนดให้วันที่ 9 สิงหาคม ของทุกปีเป็น National Book Lovers Day หรือ วันคนรักหนังสือ ขึ้น เพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญของการอ่าน กิจกรรมทรงคุณค่าที่หลายคนอาจมองข้ามไปนั่นเอง และ Power ก็ไม่พลาดที่จะมาชวนคุณหยิบหนังสือไม่ว่ารูปแบบใดขึ้นมาอ่าน แบ่งปัน แนะนำ รวมถึงส่งต่อให้กับผู้คน ที่สำคัญยังได้รวบรวมหนังสือที่เหล่าคนดังหนอนหนังสืออยากจะแนะนำ ให้ทุกคนเป็นไอเดียสำหรับเล่มต่อไปอีกด้วย Chris Hemsworth แนะนำ The Boy, The Mole, The Fox and The Horse by Charlie Mackesy แม้แต่นักแสดงเจ้าของบทเทพเจ้าสายฟ้า Thor ที่หลายคนคุ้นตา ยังพ่ายแพ้ให้กับความงดงามของหนังสือเล่มนี้ Charlie Mackesy ศิลปินและนักวาดภาพประกอบชาวอังกฤษได้นำเสนอความหวังและแรงบันดาลใจในช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนเช่นนี้ ผ่านบทสนทนาและภาพลายเส้นเด็กชาย ตุ่น จิ้งจอก และม้า ที่ไม่ว่าผู้อ่านจะอายุเท่าใดก็สามารถเข้าถึงได้ Natalie Portman แนะนำ Breasts and Eggs นักแสดงเจ้าบทบาทผู้หลงใหลในการอ่าน เธอแนะนำหนังสือที่แปลมาจากภาษาญี่ปุ่น เจ้าของรางวัล Akutagawa Prize ครั้งที่ 138 เล่มนี้ Breasts and Eggs ผลงานของ Mieko Kawakami วรรณกรรมที่สะท้อนความเป็นหญิงในญี่ปุ่นที่เล่าขานผ่านเรื่องราวของผู้หญิงสามคน Adele แนะนำ Untamed by Glennon Doyle นี่คือหนังสือที่ทำให้ Adele แทบคลั่งเมื่อได้อ่าน ในฐานะนักร้องสาวที่กวาดแทบจะทุกรางวัลบนโลกจนอาจเรียกได้ว่าเธอมีทุกอย่างที่ใครๆ ใฝ่ฝันแล้ว เช่นเดียวกับ Glennon Doyle ผู้เขียน กับการใช้ชีวิตอยู่ในกรงที่มองไม่เห็น กระทั่งเกิดคำถามขึ้นมาว่า “ก่อนที่โลกจะมาบอกว่าคุณเป็นใคร...คุณเป็นใครกันแน่” John Legend แนะนำ Let the Trumpet Sound by Stephen B. Oates ศิลปินอาร์แอนด์บีเจ้าของรางวัล Grammy Award คนโปรดของใครหลายคน ชื่นชอบที่จะใช้เวลาว่างไปกับการอ่าน โดยเฉพาะสารคดี ชีวประวัติของบุคคลสำคัญ และหนึ่งในเล่มโปรดตลอดกาลของเขาก็คือเล่มนี้ เรื่องราวของ Martin Luther King, Jr. ไอคอนแห่งการเรียกร้องสิทธิมนุษยชน บุคคลที่ใช้ความฝันในการสร้างประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของสหรัฐอเมริกา Harry Styles แนะนำ Norwegian Wood by Haruki Murakami สำหรับนักร้องขวัญใจแห่งยุค ผู้เปี่ยมไปด้วยสไตล์และพรสวรรค์เรื่องแฟชั่นมากที่สุดคนหนึ่งของโลก Harry Styles เป็นอีกคนที่รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ โดยมี Norwegian Wood ผลงานชิ้นสำคัญของนักเขียนชาวญี่ปุ่นชื่อดัง Haruki Murakami ผู้ถนัดในการนำเสนอเรื่องราวของความสัมพันธ์ หัวใจที่แหว่งวิ่น อารมณ์ และเพลงแจซ เข้าไว้ด้วยกันอย่างงดงาม Emma Watson แนะนำ Le Petit…
Editor
9 August 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
International Cat Day
วันของเจ้านายที่มาพร้อมความน่ารักและโชคดี

8 สิงหาคม ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น International Cat Day หรือ วันแมวสากล วันที่เหล่าทาสจะร่วมเฉลิมฉลองให้กับเจ้านายที่บ้าน สิ่งมีชีวิตลึกลับที่บางทีก็มีสถานะเป็นของเหลว รักอิสระ อยากรู้อยากเห็น ชอบเสี่ยง เจ้าก้อนขนปุยที่แม้จะเอาแต่ใจที่สุดในโลก แต่ก็ชุบชูใจช่วยให้เราผ่านช่วงเวลาที่หนักหนาไปได้เสมอ แมวผูกพันกับมนุษย์มาเป็นเวลายาวนาน อย่างที่เราคุ้นตาในวัฒนธรรมอียิปต์โบราณ กับการเคารพบูชาแมวไม่เพียงในฐานะเทพ แต่ในฐานะผู้ปกป้องอีกด้วย (ดูเหมือนว่าแมวจะเป็นพระเจ้าสำหรับมนุษย์เรามาหลายพันปีแล้ว) ในเวลาต่อมาแมวก็มีบทบาทแทบจะในทุกวัฒนธรรมของโลกไม่ว่าจะในเรื่องดีหรือร้าย ในขณะเดียวกันทุกวันนี้ก็มีเจ้าเหมียวจำนวนไม่น้อยที่ยังคงลำบาก ต้องการความช่วยเหลือ รวมถึงไม่ได้รับการดูแลอย่างที่ควรจะเป็น นั่นจึงทำให้ IFAW หรือ กองทุนระหว่างประเทศเพื่อสวัสดิการสัตว์ ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นกับสัตว์ที่คนทั่วโลกรัก จึงได้จัดตั้ง International Cat Day ขึ้นมาในปี 2002 สำหรับแมวในประเทศไทยเองก็มีมากมายหลากหลายสายพันธุ์ ซึ่งได้รับความนิยมไม่แพ้พันธุ์ต่างประเทศ อีกทั้งในปัจจุบันยังหาชมได้ไม่ง่ายนัก แน่นอนว่าบรรดาเจ้านายที่สืบเชื้อสายมาจากเทพย่อมต้องไม่ธรรมดา เพราะนอกจากจะน่ารักจนใจเจ็บแล้ว ตามความเชื่อโบราณการเลี้ยงแมวสายพันธุ์ไทยยังมาพร้อมกับโชคดีอีกด้วย ไปทำความรู้จักกับบางส่วนของแมวมงคลสายพันธุ์ไทยพร้อมพลังวิเศษของพวกเขากันได้เลย วิเชียรมาศ วิเชียร หมายถึง เพชร, มาศ หมายถึง ทอง เพียงแค่ชื่อก็มีความหมายมงคลสุดๆ สำหรับเจ้าเหมียวไทยที่รู้จักไปทั่วโลกในนามSiamese Cat นั่นเอง แมววิเชียรมาศมีขนสั้นสีขาวหรือน้ำตาลอ่อน มีแต้มสีครั่งที่บริเวณใบหน้า หูทั้งสองข้าง เท้าทั้งสี่เท้า หาง และบริเวณอวัยวะเพศ รวมทั้งสิ้น 9 ตำแหน่ง ลักษณะนิสัยขี้อ้อน ชอบพูดชอบคุย มีความเชื่อกันว่าถ้าเลี้ยงจะได้ลาภก้อนโต สีสวาด แมวสีสวาด หรือที่รู้จักกันในชื่อ แมวโคราช ตามถิ่นกำเนิดที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เป็นหนึ่งในแมวที่ให้โชคตามบันทึกสมุดข่อยโบราณ ลำตัวมีสีสวาด (Silver Blue) ขนสั้น เมื่อยังเด็กนัยน์ตาสีฟ้า แต่จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองอำพันเมื่อโตขึ้น เชื่อกันว่าเป็นแมวนำโชคลาภและจะนำมาซึ่งความสุขสวัสดิมงคลแก่ผู้เลี้ยง โกนจา โกนจา หรือ โกญจา (แปลว่า นกกระเรียน) เป็นแมวขนสั้นสีดำสนิททั้งตัว หัวกลม ปากเรียวแหลม หูตั้ง นัยน์ตาสีเหลืองอมเขียว รูปร่างคล่องแคล่วปราดเปรียว หางยาว ปลายแหลมตรง ขณะเคลื่อนไหวดูสง่างาม มีลักษณะคล้ายคลึงกับสายพันธุ์บอมเบย์ของต่างประเทศ เชื่อว่าเป็นแมวที่ช่วยส่งเสริมเรื่องงานให้ประสบความสำเร็จสมดังปรารถนา ขาวมณี ขาวมณี หรือ ขาวปลอด แมวพันธุ์ขนสั้นสีขาวนวลนุ่ม ใบหูขนาดกลางถึงใหญ่ จมูกเชิดเล็กน้อย โดดเด่นที่ดวงตาทั้งสองข้างที่อาจเป็นสีฟ้า เหลืองอำพันหรือเขียว ซึ่งแต่ละข้างอาจจะคนละสีกันได้ ด้วยความหายากจึงมักเรียกกันว่า “แมวนำโชค” ที่จะนำโชคลาภมาให้เจ้าของอยู่เสมอ ศุภลักษณ์ แมวศุภลักษณ์ หรือ แมวทองแดง อีกหนึ่งสายพันธุ์เก่าแก่ที่เริ่มจะหาได้ยากในปัจจุบัน โดดเด่นด้วยขนสีทองแดงหรือสีน้ำตาล โดยใบหน้า ปลายหู ปลายขา และหาง จะมีสีที่เข้มกว่าบริเวณอื่นๆ ของลำตัว คล้ายกับแมววิเชียรมาศ ฝ่าเท้าอวบ นัยน์ตาสีเหลืองอำพัน หนวดคล้ายเส้นลวดทองแดง มีนิสัยขี้อ้อน รักอิสระสุดๆ ในสมัยโบราณมักเป็นที่นิยมของชนชั้นสูงด้วยเชื่อว่าจะนำความสุข ความเจริญ ความร่ำรวย และยศถาบรรดาศักดิ์มาให้นั่นเองทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแมวมงคลสายพันธุ์ไทยเท่านั้น ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีรูปร่างหน้าตาและสีสันที่หลากหลาย โดยเฉพาะแมวดำที่ไม่ได้นำโชคร้ายมาให้แต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับมีคนจำนวนไม่น้อยที่หลงเสน่ห์แมวดำไปเต็มๆ และสำหรับวันแมวสากลนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะมอบความรักความเมตตาให้กับเจ้าเหมียวทุกตัวไม่ว่าคุณจะเป็น Cat Person หรือไม่ แต่ถ้าใครเป็นทาสแมวอยู่แล้วล่ะก็ อย่าลืมชวนเพื่อนๆ ถ่ายรูปเจ้านายมาอวดกันบนโซเชียลมีเดีย รับรองว่าเรียกรอยยิ้มได้ทั้งวันแน่นอนขอขอบคุณข้อมูลจาก https://nationaltoday.com/ https://th.wikipedia.org/
Editor
5 August 2022
DestinationLifestyle

DESTINATION
สิงหาพาแม่เที่ยว
อาบน้ำแร่แช่น้ำพุร้อนธรรมชาติจากทั่วโลก

ต้อนรับเดือนสิงหาคม ชวนคุณแม่เที่ยวให้สุขใจสบายกายไปกับน้ำพุร้อนธรรมชาติ ที่แม้หลายคนจะนึกถึงประเทศญี่ปุ่นเป็นที่แรก แต่นั่นก็ไม่ใช่ที่เดียว เพราะยังมีน้ำพุร้อนอีกหลายที่ในโลกให้ได้ไปแช่ไปผ่อนคลาย ครบรสทั้งบรรยากาศดีและคุณประโยชน์ จนเรียกได้ว่าเป็นทริปครอบครัวสุดอบอุ่น (จนถึงร้อน) พร้อมทั้งสุขภาพดีไปพร้อมๆ กัน Blue Lagoon – Iceland หลายคนยกให้ Blue Lagoon เป็นสถานที่แห่งแรกที่จะไปเยือนเมื่อเดินทางถึงไอซ์แลนด์ รวมถึงอาจเป็นจุดส่งท้ายทริปก่อนกลับอีกด้วย นี่คือความมหัศจรรย์ที่ต้องไปเยือนให้ได้สักครั้ง ทะเลสาบสีฟ้าที่รายล้อมไปด้วยทัศนียภาพแสนตื่นตาตื่นใจแห่งนี้เกิดขึ้นด้วยความไม่ตั้งใจในยุค 70s จากการดำเนินการของโรงพลังงานความร้อนใต้พิภพ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ไอซ์แลนด์ใช้ประโยชน์จากน้ำร้อนเดือดใต้ดินนั่นเอง ซึ่งหลังจากนั้นน้ำจะถูกปล่อยทิ้งลงในทุ่งลาวาใกล้ๆ กระทั่งแร่ธาตุในน้ำสะสมจนน้ำไม่สามารถซึมลงไปได้อีก เกิดเป็นทะเลสาบน้ำอุ่นอันงดงามที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อผิว Blue Lagoon ได้รับการปรับปรุงเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ น้ำในทะเลสาบเป็นน้ำที่เวียนเข้ามาใหม่จึงมั่นใจได้ในเรื่องความสะอาด สิ่งก่อสร้างต่างๆ ถูกออกแบบให้เป็นมิตรและรบกวนทัศนียภาพน้อยที่สุด สมกับเป็นสถานที่ในฝันที่รวมความมหัศจรรย์ของพื้นพิภพเบื้องล่างและแสงเหนือของท้องฟ้าดินแดนนอร์ดิกไว้ได้อย่างลงตัว รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก Leukerbad – Switzerland มุ่งหน้าสู่ใจกลางเทือกเขาแอลป์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสวิตเซอร์แลนด์ Leukerbad หมู่บ้านเล็กๆ ที่ขึ้นชื่อในเรื่องบ่อน้ำร้อนธรรมชาติเพื่อสุขภาพท่ามกลางทิวทัศน์ภูเขาตระการตา รวมไปถึงหลากกิจกรรมทั้งอินดอร์และเอาต์ดอร์ที่ทุกคนในครอบครัวสามารถสนุกด้วยกันได้ทุกฤดูที่ไปเยือน บ่อน้ำพุร้อนแห่ง Leukerbad นั้นได้รับความนิยมมาตั้งแต่สมัยโรมันโบราณ ด้วยเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์ในการผ่อนคลายอารมณ์ ลดความตึงเครียด และช่วยฟื้นฟูเอเนอร์จีให้กลับมาเต็มเหมือนเดิม จะมีอะไรดีไปกว่าการได้แช่น้ำร้อนธรรมชาติกลางแจ้งและรับพลังจากภูเขาที่ตั้งตระหง่านอยู่รอบตัว รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก Chena Hot Springs – USA น้ำพุร้อนอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี แห่งอะแลสกา ถูกค้นพบโดยพี่น้อง Robert และ Thomas Swan จากการที่พวกเขาสังเกตว่ามีไอน้ำผุดขึ้นมาทางตอนบนของแม่น้ำ Chena จึงได้สันนิษฐานว่าจะต้องมีน้ำพุร้อนอยู่บริเวณนั้นอย่างแน่นอน แต่ก็มิได้ทำการสำรวจเพิ่มเติม จนกระทั่งในปีต่อมา Robert ต้องการที่จะหาทางรักษาโรคไขข้อของเขา การสำรวจจึงถูกสานต่อ และ Chena Hot Springs ก็เริ่มเป็นที่รู้จักนับแต่นั้นเป็นต้นมา ปัจจุบัน Chena Hot Springs รอต้อนรับผู้คนจากทั่วโลก ด้วยพลังแห่งการบำบัดจากธรรมชาติ ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมอันงดงาม ณ ดินแดนเฉียดใกล้ขั้วโลกเหนือ ที่ซึ่งคุณจะได้เพลิดเพลินไปกับแสงเหนือ ป่าเขา หิมะ และวัฒนธรรมชาวพื้นเมืองที่น่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งของโลก รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก Pamukkale – Turkey ตุรกี ดินแดนสองทวีป จุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับต้นๆ ของโลก และหนึ่งในสถานที่ที่ดึงดูดผู้คนให้ไปเยือนได้อย่างไม่ขาดสายก็คือ Pamukkale นครโบราณที่ยังคงไว้ซึ่งร่องรอยของความเจริญทางด้านศิลปวัฒนธรรมในอดีต ไม่ว่าจะเป็นโรงละคร โรงอาบน้ำ รวมไปถึงไฮไลต์อย่าง Pamukkale อันมีความหมายว่า ปราสาทปุยฝ้าย เนินเขาหินปูนสีขาวโพลนความยาวเกือบ 3 กิโลเมตร ที่มีระเบียงน้ำตกงดงาม เปี่ยมไปด้วยสรรพคุณทางการรักษาและบรรยากาศเบื้องหน้าที่ดีต่อใจ น้ำแร่อุณภูมิตั้งแต่ 35°C ไปจนถึงเดือดปุดๆ ไหลลงมาเป็นน้ำตกยังจุดต่างๆ ครอบคลุมทั้งปราสาทปุยฝ้าย บางส่วนเกิดเป็นแอ่งน้ำ ความร้อนกำลังพอดี เชิญชวนให้ลงแช่ผ่อนคลายยิ่ง ทั้งแร่ธาตุในน้ำยังช่วยบรรเทาโรคไขข้อและหอบหืด จึงเป็นที่นิยมมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณ จะเรียกที่นี่ว่าสปาที่มาก่อนกาลก็คงจะไม่ผิดนัก รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก Terme Di Saturnia - Italy บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ตั้งอยู่ใน Saturnia เมืองเล็กๆ ในแคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยชื่อ Saturnia นั้นตั้งชื่อตาม Saturn เทพเจ้าของชาวโรมัน ตำนานว่ากันว่าท่านรู้สึกเหนื่อยหน่ายกับการที่มนุษย์เอาแต่ทำสงครามกัน จึงเขวี้ยงสายฟ้าฟาดลงมา บังเกิดเป็นบ่อน้ำพุร้อนอันงดงามที่ช่วยปลอบประโลมมนุษยชาตินั่นเอง Terme di…
Editor
5 August 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
ดอกไม้นี้เพื่อแม่
สัญลักษณ์แทนใจในวันพิเศษของคุณแม่จากทั่วโลก

สิงหาคมเป็นอีกเดือนหนึ่งของปีที่มีความหมายสำหรับคนไทย ด้วยมีวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคมของทุกปี ที่ทำให้เดือนทั้งเดือนอบอวลไปด้วยบรรยากาศของความรัก เด็กๆ ทำการ์ดอวยพร ลูกๆ ซื้อของขวัญแทนใจให้คุณแม่ แน่นอนว่า “ดอกมะลิ” เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในเทศกาลนี้ ด้วยเพราะความหมายดีๆ ที่มาพร้อมความงดงาม ทำให้ดอกไม้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำวันแม่ในหลายวัฒนธรรมของโลก ซึ่งก็แตกต่างกันไปในแต่ละที่ วันนี้ Power จะพาไปทำความรู้จักกับดอกไม้วันแม่ของนานาประเทศ ให้ลูกๆ เก็บไปเป็นไอเดียหาของขวัญในวันพิเศษเพื่อคนพิเศษในปีนี้กัน ดอกมะลิ ไม้มงคลที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวอินเดียใช้ดอกมะลิในการบูชาเทพเจ้า สันนิษฐานว่าดอกมะลิเข้าสู่ประเทศไทยพร้อมๆ กับพุทธศาสนาจากประเทศอินเดียนั่นเอง ดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์มีกลิ่นหอมชนิดนี้จึงนิยมใช้สำหรับการสักการะบูชา งานมงคล และเป็นดอกไม้ประจำวันแม่ของประเทศไทย ประเทศไทยมีมะลิหลายสายพันธุ์ ซึ่งล้วนแต่มีกลิ่นหอมสดชื่น เย็นใจ ให้ความรู้สึกสงบ โดยเฉพาะ “มะลิซ้อน” ที่ได้รับความนิยมในเทศกาลวันแม่เป็นอย่างมาก ด้วยเพราะสามารถออกดอกได้ทั้งปี เหมือนความรักของแม่ที่มีให้เราทุกวัน สีขาวของดอกแทนความหมายถึงรักที่บริสุทธิ์ รวมไปถึงกลีบดอกที่ซ้อนกันนั้นเปรียบได้กับอ้อมแขนของแม่นั่นเอง ดอกคาร์เนชัน หากบอกว่าสหรัฐอเมริกาคือประเทศต้นกำเนิดของวันแม่สากลก็ไม่ผิดนัก โดยเริ่มมาจากผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชื่อว่า Anna Jarvis ซึ่งคุณแม่ของเธอได้อุทิศชีวิตเพื่อเหล่าทหารผ่านศึกในสงครามกลางเมืองสหรัฐอเมริกา และเธอได้พยายามรณรงค์ให้หลายฝ่ายตระหนักในเรื่องนี้ จนกระทั่งประธานาธิบดี Woodrow Wilson ก็ได้ประกาศให้วันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1914 ซึ่งในเวลาต่อมาก็มีอีกหลายประเทศที่กำหนดวันแม่ของตนให้ตรงกับวันนี้เช่นกัน หนึ่งในกิจกรรมที่ Anna Jarvis ทำในระหว่างหลายปีที่เธอเรียกร้อง คือการจัดงานรำลึกถึงแม่ของเธอในโบสถ์ ซึ่งเธอก็ได้มอบดอกคาร์เนชันสีขาว ดอกไม้โปรดของแม่เธอ กว่า 500 ดอก เพื่อเป็นเกียรติแก่แม่ทุกคน หลายปีต่อมาดอกคาร์เนชันก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของวันแม่ในสหรัฐอเมริกาและหลายประเทศที่รับแนวคิดนี้ไปใช้ โดยดอกคาร์เนชันสีชมพูสำหรับแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่ และดอกคาร์เนชันสีขาวสำหรับแม่ที่ไปอยู่บนสวรรค์แล้ว ดอกกุหลาบ วันแม่ของประเทศแคนาดาตรงกับวันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมเช่นเดียวกับประเทศสหรัฐอเมริกา วันสำคัญที่ทุกคนจะเฉลิมฉลองให้กับความรักของแม่ รวมไปถึงสุภาพสตรีทุกคนในครอบครัว โดยมีดอกกุหลาบเป็นดอกไม้แทนความรู้สึกดีๆ ที่มอบให้กัน ดอกกุหลาบไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ก็ไม่เคยปราศจากความหมายที่เกี่ยวข้องกับความรักไปได้ รวมไปถึงการที่ดอกไม้ชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในตำนานและเทพนิยายต่างๆ มาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะการเป็นสัญลักษณ์แทนพระแม่มารี พระมารดาของพระเจ้า สตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกนั่นเอง ดอกกุหลาบจึงเป็นดอกไม้มงคลที่คู่ควรกับความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่เช่นนี้เอง ดอกเบญจมาศ ออสเตรเลีย อีกหนึ่งประเทศที่มีวันแม่ตรงกับวันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคม ในขณะที่สหรัฐอเมริกามี Anna Jarvis ที่ผลักดันให้เกิดวันแม่ ออสเตรเลียก็มี Janet Hayden เธอพบว่าผู้ป่วยสตรีที่กำลังทนทุกข์และโดดเดี่ยวมากมาย เป็น หรือ เคยเป็น “แม่” มาก่อน จึงได้เริ่มแคมเปญขอรับบริจาคให้กับสตรีผู้ยากไร้เป็นเวลาหลายปี กระทั่งช่วยเหลือแม่นับร้อยคนไม่ให้ถูกลืมไปจากสังคม ในที่สุดวันแม่ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นในออสเตรเลีย Chrysanthemum หรือ ดอกเบญจมาศ คือดอกไม้ประจำวันแม่ของออสเตรเลีย ไม่ใช่เพราะแค่มีคำว่า “mum” อยู่ในชื่อเท่านั้น แต่ยังบานสะพรั่งในช่วงเดือนพฤษภาคมอีกด้วย ดอกเบญจมาศนั้นแทนความหมายดีๆ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นมิตรภาพ กำลังใจ หรือการสนับสนุนจากครอบครัว โดยเฉพาะดอกเบญจมาศสีแดงที่สื่อถึงความรักและความกตัญญูที่มีต่อแม่นั่นเอง ดอกเดย์ลิลี แม้ว่าวันแม่ของประเทศจีนจะตรงกับวันแม่สากล แต่ดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์กลับแตกต่างออกไป ดอกเดย์ลิลี หรือ ดอกไม้จีน ที่บานเต็มที่ในช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน คือผู้ทำหน้าที่แทนความรักที่ลูกๆ มีต่อแม่ และถึงแม้ว่าชื่อจะทำให้นึกถึงดอกลิลี รูปร่างหน้าตาอาจจะคล้าย แต่ก็ไม่ใช่ โดยลักษณะเด่นคือการที่จะบานแต่เช้าตรู่และร่วงโรยเมื่อหมดวัน นั่นจึงน่าจะทำให้ได้ชื่อว่า Daylily นั่นเอง ดอกเดย์ลิลีนั้นมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานในประเทศจีน เกี่ยวข้องกับศิลปะหลากหลายแขนง ความงดงามทำให้จิตรกรนิยมวาดภาพ ความหมายมงคลด้วยแปลว่า “ดอกไม้ลืมทุกข์” จึงถูกใช้ในวรรณกรรมบ่อยครั้ง รวมถึงเป็นสัญลักษณ์แทนความรักที่เกี่ยวข้องกับแม่มาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง การมอบดอกเดย์ลิลีให้แม่ในวันแม่จึงหมายถึงการอวยพรให้มีสุขภาพที่ดี หมดทุกข์หมดโศกนั่นเอง
Editor
3 August 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
The Standard, Bangkok Mahanakhon
ที่สุดแห่งการพักผ่อน
บนตึกสูงเสียดฟ้าที่คูลที่สุดของกรุงเทพฯ

โรงแรม The Standard, Bangkok Mahanakhon เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อย ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2565 พร้อมโปรโมชั่นเปิดตัวสุดพิเศษกับ แพ็กเกจ Bite into Bangkok ที่รวมทั้งห้องพักและเครดิตสำหรับการใช้บริการภายในโรงแรมมูลค่าสูงสุดถึง 5,000 บาท ไม่ว่าจะเป็นห้องอาหารชื่อดังของโรงแรมอย่าง Ojo (โอโฮ), Mott 32 Bangkok, The Standard Grill และอีกมากมาย The Standard ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2542 เป็นที่รู้จักในวงกว้างจากการสร้างสรรค์รสนิยมล้ำสมัย ดีไซน์แปลกใหม่ และมาตรฐานที่ไม่เหมือนใคร โดยปัจจุบันได้สร้างสรรค์โรงแรมที่ฉีกกรอบรูปแบบเดิมๆ มาแล้ว 6 แห่ง ในนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส ไมอามี ลอนดอน มัลดีฟส์ และ The Standard, Hua Hin ก่อนมีการเปิดตัวครั้งล่าสุดของแฟล็กชิปในเอเชีย The Standard, Bangkok Mahanakhon เป้าหมายในการสร้างสรรค์และพัฒนาทุกโครงการของ The Standard ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม รูฟท็อปดิสโก้เธค หรือนิตยสาร คือการฉีกกฎเกณฑ์ รวมถึงการนำเสนอประสบการณ์ที่หาได้เฉพาะที่ The Standard เท่านั้น ด้วยบุคลิกของความสนุกสนาน ขี้เล่น รวมถึงการให้ความสำคัญในทุกรายละเอียดอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ และการบริการ ซึ่งกลายเป็นเอกลักษณ์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ The Standard ในฐานะผู้บุกเบิกในธุรกิจโรงแรมที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งในด้านของห้องพัก การท่องเที่ยว อาหารการกิน ไนต์ไลฟ์ และอื่นๆ อีกมากมายสำหรับ The Standard, Bangkok Mahanakhon จุดหมายปลายทางสำหรับโรงแรมแฟล็กชิปแห่งแรกในเอเชีย ‘กรุงเทพมหานคร’ เมืองหลวงของประเทศไทยที่ไม่เคยหลับใหล มาพร้อมห้องพัก 155 ห้อง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบนตึกมหานคร ห้องพักตั้งแต่ขนาด 40 ตารางเมตร จนถึงห้องเพนต์เฮาส์อันโอ่โถงขนาด 144 ตารางเมตร ล้อมรอบไปด้วยวิวเมืองกรุงเทพฯ ชวนหลงใหลในยามค่ำคืน รวมถึงสระว่ายน้ำพร้อมกับวิวพระอาทิตย์ลับฟ้า ห้องออกกำลังกายระดับแนวหน้า ห้องประชุมงานเลี้ยงสัมมนาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสุดทันสมัยมากมาย ห้องอาหารมากรางวัลจากประเทศจีน Mott 32 Bangkok,  The Parlor แหล่งรวมพลของวัยรุ่นสุดครีเอทิฟ หรือคนรักการดื่มชาจะต้องถูกใจกับ Tease ทีรูมที่รอให้คุณมาสัมผัสประสบการณ์การดื่มชาแบบใหม่ไม่ซ้ำใคร สเต๊กเฮาส์สไตล์อเมริกันแท้ๆ ที่ The Standard Grill ตลอดจนแหล่งแฮงเอาต์บนรูฟท็อปกับสุดยอดร้านอาหารและบาร์สไตล์เม็กซิกันแบบยกระดับอย่าง Ojo รังสรรค์มื้ออร่อยด้วยเชฟมือฉมังมากด้วยประสบการณ์และรางวัลมากมายจากประเทศเม็กซิโก และ Sky Beach รูฟท็อปบาร์สุดฮิปที่สูงที่สุดในประเทศไทย ทั้งหมดนี้ The Standard, Bangkok Mahanakhon พร้อมการันตีความสะดวกสบายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ตลอดวันและคืนไว้ในที่เดียวพบกับดีลพิเศษจำนวนจำกัด แพ็กเกจ Bite into Bangkok ประกอบไปด้วย ห้องพัก 1 คืน สำหรับ 2 ท่าน รวมอาหารเช้า โดยสามารถเช็กอินได้ตั้งแต่ 12.00 น. และเลตเช็กเอาต์ได้ถึงเวลา 16.00 น. (ขึ้นอยู่กับจำนวนห้องว่าง…
Editor
26 July 2022
DestinationLifestyle

DESTINATION
ตะลุยแอฟริกาดินแดนซาฟารี
การผจญภัยครั้งใหม่ที่สายแอดเวนเจอร์ไม่ควรพลาด

แอฟริกา ทวีปที่ได้ชื่อว่า “สุดขีด” ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความสมบูรณ์ของธรรมชาติ วัฒนธรรมท้องถิ่น รวมถึงการมีพื้นที่ภูมิอากาศแบบอบอุ่นอยู่ในทั้งซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ที่ทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพ นั่นจึงทำให้ดินแดนแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดแห่งหนึ่งบนดาวเคราะห์ดวงนี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอันดับ 1 คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากสรรพสัตว์ ทุ่งหญ้า และการผจญภัยสุดมันนั่นเอง เตรียมคอสตูมให้พร้อม เตรียมร่างกายของคุณให้ดี วันนี้ Power มีทริปสนุกๆ มาฝากสายเที่ยวธรรมชาติที่อยากไปดู The Big Five of Africa ให้เห็นกับตา รวมไปถึงทริปท่องเที่ยวแนวผจญภัยสไตล์ซาฟารีที่แอฟริกากันดูสักครั้ง KRUGER NATIONAL PARK – SOUTH AFRICA อุทยานแห่งชาติที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของทวีปแอฟริกา ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศแอฟริกาใต้ ด้วยขนาดและทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ที่นี่เป็นดั่งบ้านหลังใหญ่ของสัตว์ป่านานาชนิด รวมถึงได้รับการประกาศให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์การยูเนสโกอีกด้วย แน่นอนว่าคุณสามารถเจอบิ๊กไฟว์ หรือ สัตว์ป่าแอฟริกาทั้ง 5 ได้ครบ ทั้งสิงโต เสือดาว แรด ช้าง และควายป่า รวมไปถึงบรรดาสัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ สัตว์น้ำ และพันธุ์ไม้หายากต่างๆ อีกมากมาย ในขณะที่ไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้ก็คือ สิงโตขาว สัตว์เฉพาะถิ่นที่จะพบได้เฉพาะอุทยานแห่งชาติครูเกอร์แห่งนี้ที่เดียวเท่านั้น KATAVI NATIONAL PARK – TANZANIA อุทยานแห่งชาติ Katavi ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของทวีปที่ประเทศแทนซาเนีย แม้ที่นี่อาจไม่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเท่าอุทยานฯ อื่นๆ ในแทนซาเนียด้วยเพราะระยะทางที่ไกล แต่หากมีโอกาสก็นับว่าคุ้มค่าที่ได้ไปเยือน เพราะที่นี่เต็มไปด้วยสัตว์ป่าขนาดใหญ่อยู่กันเป็นฝูง ไม่ว่าจะเป็น ควายป่าแอฟริกา ม้าลาย ยีราฟ ช้างแอฟริกา และฮิปโปโปเตมัส โดยเฉพาะช่วงหน้าแล้งราวเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม ที่บริเวณรอบหนองน้ำจะกลายเป็นจุดรวมตัวของสัตว์ป่านานาชนิด รับรองว่าภาพของบ่อโคลนที่เต็มไปด้วยฝูงฮิปโปฯ นับร้อย จะต้องถูกใจสายธรรมชาติสายลุยตัวจริงอย่างแน่นอน BWINDI IMPENETRABLE FOREST – UGANDA ชื่อ Bwindi เป็นภาษาท้องถิ่นของยูกันดาที่มีความหมายว่า “สถานที่ที่เต็มไปด้วยความมืด” เพียงเท่านี้ก็พอจะทำให้เราจินตนาการถึงความลึกลับ ป่าดงดิบ และความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติได้เป็นอย่างดี ด้วยความที่ป่า Bwindi มีต้นไผ่ขึ้นแทรกตัวกระจายไปกับไม้ยืนต้นต่างๆ แถมข้างล่างยังปกคลุมไปด้วยเฟิร์น เถาวัลย์ และพืชนานาชนิด มองไปทางไหนจึงมีแต่สีเขียว พร้อมๆ กับบรรยากาศสลัวจากการที่แสงอาทิตย์ส่องลงมาได้ไม่เต็มที่นั่นเอง ที่นี่ยังเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เป็นที่อาศัยของกอริลลาภูเขาถึงครึ่งหนึ่งของสายพันธุ์ที่มีบนโลก รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก ผีเสื้อ กบ ชนิดต่างๆ อีกมากมาย OKAVANGO DELTA – BOTSWANA ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโอคาวังโก ประเทศบอตสวานา ได้รับสมญาว่าเป็นดั่งโอเอซิสแห่งคาลาฮารี ทะเลทรายอันแห้งแล้งทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา Okavango Delta นับเป็นที่ดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำในแผ่นดิน หรือพื้นที่ชุ่มน้ำไม่ติดทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยพื้นที่กว่า 15,000 ตารางกิโลเมตร ในฤดูน้ำหลากช่วงต้นปีที่นี่จะกลายเป็นพื้นที่รับน้ำทั้งจากประเทศแองโกลาและแทนซาเนีย น้ำจะใส ปรากฏขึ้นเป็นเกาะแก่งและทะเลสาบที่อุดมสมบูรณ์มากมาย ทำให้มีปลาชุกชุม เป็นแหล่งอาหารของสัตว์ป่าหลากหลายชนิด รวมถึงเป็นแหล่งยังชีพของชาวพื้นเมืองอีกด้วย ก่อนที่ความชุ่มชื้นทั้งหมดจะระเหยไปในอากาศเมื่อฤดูแล้งมาถึง ETOSHA NATIONAL PARK – NAMIBIA นามิเบีย ประเทศทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปแอฟริกาที่เราอาจไม่คุ้นเคยนักแห่งนี้ ได้ชื่อว่ามีการบริหารจัดการดูแลและอนุรักษ์สัตว์ป่าโดยเฉพาะสัตว์ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยความที่นามิเบียมีพื้นที่กว้างใหญ่และมีประชากรไม่มาก จึงเต็มไปด้วยพื้นที่เวิ้งว้างว่างเปล่าสุดสายตา จึงนำไปสู่แนวคิดการอยู่ร่วมกันของคนกับสัตว์อย่างสันติ ปล่อยให้สัตว์ป่าได้ใช้ชีวิตในธรรมชาติอย่างสงบสุข ไม่เบียดเบียนกัน นักท่องเที่ยวที่ไปเยือนก็จะได้ขับรถแล้วเฝ้ามองส่องดูสัตว์จากที่ไกลๆ ตอบโจทย์สายอนุรักษ์แบบสุดๆ…
Editor
22 July 2022
DestinationLifestyle

DESTINATION
5 จุดชมทะเลหมอกสุดอันซีนที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง

“ทะเลหมอก” ความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติที่รอให้เราไปสัมผัสเป็นประจำทุกปลายฝนต้นหนาว มวลหมอกสีขาวโพลนงดงามในยามเช้าที่ให้ความรู้สึกนุ่มราวกับปุยนุ่นที่ระดับสายตา ทั้งยังได้สูดอากาศดีๆ สดชื่นจนชุ่มปอด ว่าแล้วก็อย่ารอช้า ออกไปกอดทะเลหมอก กับ 5 จุดชมทะเลหมอกสุดอันซีนที่เราไม่อยากให้คุณพลาดกันเถอะ สกายวอล์คอัยเยอร์เวง จังหวัดยะลา ลงใต้ไปที่อำเภอเบตงกับแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่ตื่นตาตื่นใจไม่แพ้ที่อื่น ที่ความสูง 2,038 ฟุตจากระดับน้ำทะเล คุณจะได้เห็นทะเลหมอกขาวในยามเช้าแบบ 360 องศา ตัวอาคารจุดชมวิวเป็นโครงสร้างเหล็ก สูง 45 เมตร ตั้งอยู่บนยอดเขาไมโครเวฟ โดยมีไฮไลต์เป็นทางเดินชมวิวสกายวอล์คอัยเยอร์เวงที่ยื่นออกไปให้คุณใกล้หมอกมากขึ้น ยังมีส่วนที่พื้นเป็นกระจกใสสามารถมองลงไปเห็นต้นไม้เขียวขจี อากาศที่นี่เย็นสบายตลอดทั้งปี หมอกจะหนาจัดในช่วงเช้ามืดจนถึงสายๆ พอเริ่มจางก็ยังเห็นความงดงามของผืนป่าฮาลา-บาลา เจ้าของสมญานาม Amazon of Asia อีกด้วย รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก   ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเมื่อไปเยือนเชียงใหม่ เดิมดอยอ่างขางเป็นพื้นที่ที่มีการทำไร่เลื่อนลอยและปลูกฝิ่น แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นพื้นที่ทางการเกษตรและค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับพืชเมืองหนาว จึงเต็มไปด้วยพืชผัก ผลไม้ ดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ อย่างดอกนางพญาเสือโคร่ง ไร่สตรอว์เบอร์รี และไร่ชา เป็นต้น ดอยอ่างขางครบครันไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ มีจุดกางเต็นท์ให้คนรักภูเขาและลมเย็นของเมืองหนาวได้สัมผัสบรรยากาศกันได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะจุดชมวิวม่อนสนที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวพระอาทิตย์ขึ้นแบบพาโนรามา และทะเลหมอกกว้างไกลสุดตา รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก ม่อนหมอกตะวัน จังหวัดตาก สถานที่ท่องเที่ยวอันซีนแห่งใหม่ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก จากพื้นที่เกษตรของชาวเขา ถูกปรับให้เป็นสวนดอกไม้และจุดชมวิวธรรมชาติแบบ 360 องศา บนความสูง 1,100 เมตร ทั้งอากาศบริสุทธิ์และไอเย็น ทำให้ม่อนหมอกตะวันคือจุดหมายปลายทางสำหรับช่วงปลายฝนต้นหนาวอย่างแท้จริง นอกจากนี้โดยรอบยังมีทิวทัศน์ของผืนป่าและทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงาม หากเข้าหน้าหนาวเต็มตัว หมอกจะจับกลุ่มกันหนาแน่นทางด้านตะวันออกเนื่องจากตรงนั้นมีน้ำตกป่าหวายที่ส่งเสียงความสดชื่นมาให้ได้ยินถึงบนม่อน ตกกลางคืนอย่าลืมดูดาวท่ามกลางอากาศหนาว พอตื่นเช้ามาก็ชมสายหมอกที่อยู่รอบกาย รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก ดอยภูลังกา จังหวัดพะเยา วนอุทยานภูลังกา อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดพะเยา มีลักษณะเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนอยู่ในเทือกเขา เหมาะสำหรับสายลุยที่ชอบเดินป่าพิชิตยอดดอยสูง ซึ่งทางวนอุทยานฯ จัดเส้นทางเดินผ่านสันดอยต่างๆ โดยระหว่างทางก็จะได้ชมกับธรรมชาติ นกนานาชนิด รวมไปถึงทุ่งดอกโคลงเคลงที่จะบานสะพรั่งในช่วงปลายฝนต้นหนาว และเมื่อเดินตามสันเขาขึ้นไปอีกจะถึงจุดสูงสุดที่ยอดดอยภูลังกา จะมีบ้านพักบริการนักท่องเที่ยวบนยอดภูประมาณ 5 หลัง มีลานกางเต็นท์ ให้ได้จับจองเฝ้ามองทะเลหมอกยามเช้าและชมทิวทัศน์ได้ไกลถึงฝั่งลาวเลยทีเดียว รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก ยอดดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงราย ดอยผาตั้งเป็นยอดดอยอยู่ในเทือกเขาหลวงพระบาง หนึ่งในจุดชมวิวที่สำคัญแห่งพรมแดนไทย-ลาวที่ความสูง 1,800 เมตรจากระดับน้ำทะเล นอกจากธรรมชาติอันงดงาม ที่นี่ก็ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวของวิถีชีวิตจากหมู่บ้านชาวจีนฮ่อ ม้ง และเย้า ดอยผาตั้งสามารถเดินขึ้นไปได้ไม่ยาก รวมระยะทางทั้งหมด ประมาณ 950 เมตร เส้นทางลัดเลาะไปตามเนินเขาจะผ่านจุดชมวิวต่างๆ โดยมี “เนิน 103” เป็นจุดสุดท้ายที่นักท่องเที่ยวนิยมไปให้ถึงเพื่อชมทะเลหมอกในตอนเช้า ชมพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น รวมไปถึงแม่น้ำโขงและทิวทัศน์ของฝั่งประเทศลาว รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
Editor
19 July 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
World Emoji Day

หากใครเคยสังเกต เวลาที่เราพิมพ์คำว่า Calendar หรือ ปฏิทิน บนสมาร์ตโฟน นอกจากที่ระบบปฏิบัติการจะช่วยสะกดหรือแนะนำคำต่างๆ ให้แล้ว ก็ยังปรากฏ Emoji รูปปฏิทินอีกด้วย ซึ่งรูปนั้นจะเป็นวันที่ 17 กรกฎาคม และนั่นก็เป็นที่มาของ “World Emoji Day” วันที่เฉลิมฉลองให้กับทุก Emoji ในฐานะส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน และสิ่งประดิษฐ์แห่งยุคดิจิทัลที่ “ช่วย” พูดแทนเรามาแล้วหลายต่อหลายครั้ง Emoji ถือกำเนิดขึ้นมาช่วงปลายยุค 90s พร้อมๆ กับการที่โลกเราเริ่มใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการสื่อสารพูดคุยกัน และในปี 1998 Shigetaka Kurita ที่ในขณะนั้นทำงานอยู่ในทีมพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตบนมือถือให้กับบริษัท NTT DoCoMo พบว่า การส่งข้อความนั้นมีข้อจำกัดจากการใช้ตัวอักษรได้เพียงครั้งละ 250 ตัวอักษร ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะสามารถใช้แทนคำพูดได้มากมายจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “ภาพ” นั่นเองShigetaka Kurita เริ่มดีไซน์ Emoji จนได้ทั้งหมด 176 รูป และถึงแม้ว่าจะมีความละเอียดไม่มาก เพียงรูปละ 12 × 12 พิกเซล แต่เหล่า Emoji ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเขาได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากมังงะญี่ปุ่นที่มักจะแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าด้วยสัญลักษณ์หรือลายเส้นที่ไม่ซับซ้อนแต่กลับสื่อสารได้ดีจนเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็น เหงื่อตก เส้นเลือดปูดที่ขมับ ตาหยี หลอดไฟปิ๊ง เป็นต้น ความสำเร็จดังกล่าวเป็นเหตุให้บริษัทอื่นๆ ต้องพัฒนาระบบให้รองรับ Emoji ของ Shigetaka Kurita ได้ ไม่เว้นแม้แต่ Apple ที่ได้เพิ่มแป้นพิมพ์ Emoji เข้ามาเป็นครั้งแรกบน iOS 6 ส่วนสาเหตุที่ Emoji ปฏิทินต้องเป็นวันที่ 17 กรกฎาคม นั่นก็เป็นเพราะว่า นั่นคือวันที่มีการเปิดตัว iCal ซอฟต์แวร์ปฏิทินบน Mac นั่นเอง กระทั่งหลายปีต่อมาเมื่อ Jeremy Burge ผู้ก่อตั้ง Emojipedia (เว็บไซต์ที่เปรียบเสมือนวิกิพีเดียของโลก Emoji) ได้กำหนด World Emoji Day ขึ้นมาเป็นครั้งแรกในปี 2014 ก็ต้องเป็นวันที่ 17 กรกฎาคม อย่างแน่นอน มาร่วมเฉลิมฉลอง World Emoji Day ด้วยการใช้เหล่าสัญลักษณ์สุดคิวต์เหล่านี้ในการสื่อสาร อาจจะเล่นสนุกกับเพื่อนๆ สร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะ ถ่ายภาพโพสท่าเลียนแบบ Emoji รวมไปถึงใช้บอกความในใจที่อาจจะไม่กล้าพูดตรงๆ ลองส่งรูปดอกไม้ หัวใจ แหวน กระเป๋า รองเท้า หรือธงชาติประเทศที่อยากไปให้ใครสักคนดู ไม่แน่ว่าอาจจะได้อะไรดีๆ กลับมาเพราะ Emoji ก็เป็นได้ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก https://worldemojiday.com/ https://emojipedia.org/ https://en.wikipedia.org/
Editor
15 July 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
National Ice Cream Day
We All Scream for Ice Cream

“ไอศกรีม” คือของหวานที่เพอร์เฟ็กต์ที่สุดที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างแทบไร้ข้อกังขา รสชาติแห่งความสุขที่มาพร้อมความสดชื่นเย็นยะเยือก สาเหตุของรอยยิ้มของเด็กๆ หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่ทุกเพศทุกวัย แม้แต่ปัญหาอะไรที่คิดไม่ตกก็ดูเหมือนจะทุเลาลงได้เพราะไอศกรีม ความนิยมที่มีต่อไอศกรีมเกิดขึ้นทั่วโลกโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา จนทำให้ประธานาธิบดี Ronald Reagan ได้กำหนดวันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคม ปี 1984 ขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองความรักที่ผู้คนมีต่อไอศกรีม “National Ice Cream Day” ครั้งแรกของโลกจึงได้ถือกำเนิดขึ้นนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา รวมไปถึงยังให้เดือนกรกฎาคมทั้งเดือนเป็นเดือนแห่งไอศกรีมอีกด้วย ต้นกำเนิดของไอศกรีม หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับไอศกรีมในปัจจุบันนั้นยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด บ้างว่ามีมาตั้งแต่ราวคริสต์ศตวรรษที่ 1 สมัยจักรพรรดิเนโรแห่งจักรวรรดิโรมัน ที่ได้พระราชทานเลี้ยงไอศกรีมทหาร โดยในสมัยนั้นทำจากเกล็ดน้ำแข็ง (หิมะ) ผสมกับน้ำผึ้งและผลไม้ให้อารมณ์ซอร์เบต์ในปัจจุบัน บ้างย้อนไปไกลกว่านั้นเป็นพันๆ ปีที่ชาวจีนนำนมไปเก็บรักษาไว้ในหิมะจนแข็ง หรืออีกเรื่องดังอย่าง มาร์โค โปโล นักเดินทางชาวเวนิสที่นำสูตรกลับจากจีนจนไปโด่งดังที่อิตาลีนั่นก็ด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไรเราก็ได้เรียนรู้ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งว่า “ใครๆ ก็ชอบไอศกรีม” สำหรับ National Ice Cream Day ในปีนี้ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม อย่ารอช้าที่จะหาไอศกรีมรสโปรดมารับประทานให้หนำใจ หรือจะลองรสชาติใหม่ๆ วันนี้ก็ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมเหลือเกิน เพราะในปัจจุบันมีไอศกรีมหลากหลายรสที่ทั้งแปลกใหม่และอร่อยเกิดขึ้นมากมาย แล้วก็อย่าลืมอวดภาพประทับใจบนโซเชียลมีเดีย จะได้ชวนเพื่อนๆ มาสนุกด้วยกัน คิง เพาเวอร์ พร้อมเสิร์ฟความสุขใน National Ice Cream Day ไปกับหลากหลายเมนูไอศกรีมจาก ไทย เทสต์ ฮับ รางน้ำ ที่ได้รวบรวมสตรีตฟู้ดร้านดังมาไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น TOKYO BEAN “เต้าหู้” อาหารโปรตีนสูง ไขมันน้อย ย่อยง่าย สู่การรังสรรค์ให้กลายเป็นเมนูขนมหวานรับประทานเล่น ที่เน้นคุณประโยชน์เรื่องสุขภาพ รสชาติอร่อย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย พลาดไม่ได้กับเมนูไอศกรีมน้ำเต้าหู้ ไอศกรีมโยเกิร์ต และพุดดิ้งน้ำเต้าหู้ HONEY NUKA ขนมหวานที่มาพร้อมคอนเซปต์ “Sweeten By Honey” จึงทำให้เมนูไอศกรีม Honey Comb และ Yuzu Sorbet หอมหวานลงตัวและมีรสสัมผัสอย่างเป็นธรรมชาติ All Coco เติมความสดชื่นไปกับความหอมหวานของมะพร้าวน้ำหอม ที่ทั้งอร่อยและเปี่ยมไปด้วยสรรพคุณในการรีเฟรชร่างกาย พร้อมให้ลองแล้วกับเมนูน้ำมะพร้าวน้ำหอมเกล็ดหิมะ น้ำมะพร้าวน้ำหอมเกล็ดหิมะ Charcoal และมะพร้าวน้ำหอมสโนว์บอล All Coco เติมความสดชื่นไปกับความหอมหวานของมะพร้าวน้ำหอม ที่ทั้งอร่อยและเปี่ยมไปด้วยสรรพคุณในการรีเฟรชร่างกาย พร้อมให้ลองแล้วกับเมนูน้ำมะพร้าวน้ำหอมเกล็ดหิมะ น้ำมะพร้าวน้ำหอมเกล็ดหิมะ Charcoal และมะพร้าวน้ำหอมสโนว์บอลพบกับความอร่อยจาก ไทย เทสต์ ฮับ รางน้ำ รวมไปถึงโซน ไทย เทสต์ ฮับ เอกซ์เพรส ชั้น 3 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 21.00 น. อีกทั้งยังสะดวกสบายไปอีกขั้นด้วยบริการฟู้ดเดลิเวอรีที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยส่งตรงถึงบ้าน เพียงเปิดแพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง Robinhood, LINE MAN หรือ GrabFood แล้วค้นหาบนแอปพลิเคชันว่า Thai Taste Hub King Power Rangnam ก็เตรียมรอรับความอร่อยได้เลย นอกจากนี้ ยังมีอีกหลากหลายความอร่อยให้คุณได้เฉลิมฉลองเดือนแห่งไอศกรีมอย่างจุใจที่…
Editor
15 July 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
ไปเที่ยวเกาหลีใต้ 2022
มีอะไรต้องเตรียมบ้าง

เกาหลีใต้ หนึ่งในจุดหมายปลางทางที่ไม่เคยห่างหายไปจากลิสต์ของเหล่านักท่องเที่ยวชาวไทยมาตลอดหลายปีนี้ โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมาที่ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ “ทริปเกาหลี” ที่หลายคนวางแผนไว้จึงมีอันต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ดูเหมือนว่าเวลานั้นใกล้เข้ามาเต็มที่แล้ว เมื่อเกาหลีใต้กลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ซึ่งนอกจากที่ชาวไทยอย่างเราๆ นั้นสามารถเข้าเกาหลีใต้ได้แบบฟรีวีซ่าและไม่ต้องกักตัวหากได้รับวัคซีนครบแล้วนั้น Power ก็ไม่พลาดที่จะมาสรุปให้ว่า ถ้าจะไปเที่ยวเกาหลีใต้ในปี 2022 นี้ มีเอกสารที่จำเป็นอะไรต้องเตรียมบ้าง 1. ลงทะเบียนในระบบ K-ETA บุคคลสัญชาติเกาหลีและไทยที่มีจุดประสงค์การเดินทางเพื่อท่องเที่ยว เยี่ยมเยียนครอบครัว ประชุมสัมมนา หรือธุรกิจ (ที่ไม่มีการแสวงหาผลกำไร) สามารถเดินทางระหว่างสองประเทศได้ สามารถพำนักได้ไม่เกิน 90 วัน โดยจำเป็นต้องมีการขออนุมัติเดินทางเข้าประเทศผ่านระบบ K-ETA (Korea Electronic Travel Authorization) ก่อนการเดินทางเข้าประเทศ ผ่านเว็บไซต์ https://www.k-eta.go.kr/ หรือ แอปพลิเคชัน K-ETA มีค่าธรรมเนียม 10,000 วอน จากนั้นรอรับผลการอนุมัติทางอีเมล 2. เมื่อได้รับอีเมลตอบรับแล้วจึงจองตั๋วเครื่องบิน หลังจากผล K-ETA อนุมัติแล้ว จึงจะสามารถจองตั๋วเครื่องบินได้ 2. เมื่อได้รับอีเมลตอบรับแล้วจึงจองตั๋วเครื่องบิน หลังจากผล K-ETA อนุมัติแล้ว จึงจะสามารถจองตั๋วเครื่องบินได้ 3. ลงทะเบียนรับ Q-CODE หรือกรอกข้อมูลการฉีดวัคซีนล่วงหน้าก่อนเดินทาง การลงทะเบียน Q-CODE เป็นการขอยกเว้นการกักตัวก่อนเข้าเกาหลีใต้ โดยผู้ที่สามารถทำการลงทะเบียนได้จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนที่รับรองโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) และต้องได้รับการฉีดเข็มที่ 2 เกิน 14 วันขึ้นไป แต่จะต้องไม่เกิน 180 วัน4. จองตรวจ RT-PCR จองคิวตรวจ RT-PCR ทั้งที่ไทยและเกาหลีใต้ โดยผลตรวจที่ไทยจะต้องออกภายใน 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง ส่วนที่เกาหลีใต้จะต้องตรวจหลังจากเข้าประเทศภายใน 72 ชั่วโมง โดยสามารถทำการจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ https://safe2gopass.com/login ซึ่งจะให้บริการที่สนามบินอินชอน4. จองตรวจ RT-PCR จองคิวตรวจ RT-PCR ทั้งที่ไทยและเกาหลีใต้ โดยผลตรวจที่ไทยจะต้องออกภายใน 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง ส่วนที่เกาหลีใต้จะต้องตรวจหลังจากเข้าประเทศภายใน 72 ชั่วโมง โดยสามารถทำการจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ https://safe2gopass.com/login ซึ่งจะให้บริการที่สนามบินอินชอน 5. ขอเอกสาร International Vaccination Certificate ขอเอกสารการฉีดวัคซีน หรือ International Vaccination Certificate โดยสามารถขอได้ที่แอปพลิเคชันหมอพร้อม 6. พรินต์เอกสารต่างๆ เตรียมความพร้อม ทำประกันการเดินทาง ประกันสุขภาพ รวมถึงพรินต์เอกสารทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง เช่น ผลอนุมัติ K-ETA, Q-CODE, ผลตรวจยืนยัน PCR เป็นต้น เพื่อความสะดวกรวดเร็วในขั้นตอนตรวจเอกสาร 6. พรินต์เอกสารต่างๆ เตรียมความพร้อม ทำประกันการเดินทาง ประกันสุขภาพ รวมถึงพรินต์เอกสารทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง เช่น ผลอนุมัติ K-ETA, Q-CODE, ผลตรวจยืนยัน PCR เป็นต้น เพื่อความสะดวกรวดเร็วในขั้นตอนตรวจเอกสาร*อัปเดต ณ วันที่ 16/7/2022 โปรดศึกษาข้อมูลอีกครั้งก่อนการเดินทาง ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.k-eta.go.kr https://cov19ent.kdca.go.kr https://safe2gopass.com
Editor
15 July 2022