DestinationLifestyle

DESTINATION
5 จุดชมทะเลหมอกสุดอันซีนที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง

“ทะเลหมอก” ความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติที่รอให้เราไปสัมผัสเป็นประจำทุกปลายฝนต้นหนาว มวลหมอกสีขาวโพลนงดงามในยามเช้าที่ให้ความรู้สึกนุ่มราวกับปุยนุ่นที่ระดับสายตา ทั้งยังได้สูดอากาศดีๆ สดชื่นจนชุ่มปอด ว่าแล้วก็อย่ารอช้า ออกไปกอดทะเลหมอก กับ 5 จุดชมทะเลหมอกสุดอันซีนที่เราไม่อยากให้คุณพลาดกันเถอะ สกายวอล์คอัยเยอร์เวง จังหวัดยะลา ลงใต้ไปที่อำเภอเบตงกับแลนด์มาร์กแห่งใหม่ที่ตื่นตาตื่นใจไม่แพ้ที่อื่น ที่ความสูง 2,038 ฟุตจากระดับน้ำทะเล คุณจะได้เห็นทะเลหมอกขาวในยามเช้าแบบ 360 องศา ตัวอาคารจุดชมวิวเป็นโครงสร้างเหล็ก สูง 45 เมตร ตั้งอยู่บนยอดเขาไมโครเวฟ โดยมีไฮไลต์เป็นทางเดินชมวิวสกายวอล์คอัยเยอร์เวงที่ยื่นออกไปให้คุณใกล้หมอกมากขึ้น ยังมีส่วนที่พื้นเป็นกระจกใสสามารถมองลงไปเห็นต้นไม้เขียวขจี อากาศที่นี่เย็นสบายตลอดทั้งปี หมอกจะหนาจัดในช่วงเช้ามืดจนถึงสายๆ พอเริ่มจางก็ยังเห็นความงดงามของผืนป่าฮาลา-บาลา เจ้าของสมญานาม Amazon of Asia อีกด้วย รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก   ดอยอ่างขาง จังหวัดเชียงใหม่ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมเมื่อไปเยือนเชียงใหม่ เดิมดอยอ่างขางเป็นพื้นที่ที่มีการทำไร่เลื่อนลอยและปลูกฝิ่น แต่ปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นพื้นที่ทางการเกษตรและค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับพืชเมืองหนาว จึงเต็มไปด้วยพืชผัก ผลไม้ ดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ อย่างดอกนางพญาเสือโคร่ง ไร่สตรอว์เบอร์รี และไร่ชา เป็นต้น ดอยอ่างขางครบครันไปด้วยความงดงามของธรรมชาติ มีจุดกางเต็นท์ให้คนรักภูเขาและลมเย็นของเมืองหนาวได้สัมผัสบรรยากาศกันได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะจุดชมวิวม่อนสนที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวพระอาทิตย์ขึ้นแบบพาโนรามา และทะเลหมอกกว้างไกลสุดตา รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก ม่อนหมอกตะวัน จังหวัดตาก สถานที่ท่องเที่ยวอันซีนแห่งใหม่ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก จากพื้นที่เกษตรของชาวเขา ถูกปรับให้เป็นสวนดอกไม้และจุดชมวิวธรรมชาติแบบ 360 องศา บนความสูง 1,100 เมตร ทั้งอากาศบริสุทธิ์และไอเย็น ทำให้ม่อนหมอกตะวันคือจุดหมายปลายทางสำหรับช่วงปลายฝนต้นหนาวอย่างแท้จริง นอกจากนี้โดยรอบยังมีทิวทัศน์ของผืนป่าและทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงาม หากเข้าหน้าหนาวเต็มตัว หมอกจะจับกลุ่มกันหนาแน่นทางด้านตะวันออกเนื่องจากตรงนั้นมีน้ำตกป่าหวายที่ส่งเสียงความสดชื่นมาให้ได้ยินถึงบนม่อน ตกกลางคืนอย่าลืมดูดาวท่ามกลางอากาศหนาว พอตื่นเช้ามาก็ชมสายหมอกที่อยู่รอบกาย รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก ดอยภูลังกา จังหวัดพะเยา วนอุทยานภูลังกา อีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดพะเยา มีลักษณะเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนอยู่ในเทือกเขา เหมาะสำหรับสายลุยที่ชอบเดินป่าพิชิตยอดดอยสูง ซึ่งทางวนอุทยานฯ จัดเส้นทางเดินผ่านสันดอยต่างๆ โดยระหว่างทางก็จะได้ชมกับธรรมชาติ นกนานาชนิด รวมไปถึงทุ่งดอกโคลงเคลงที่จะบานสะพรั่งในช่วงปลายฝนต้นหนาว และเมื่อเดินตามสันเขาขึ้นไปอีกจะถึงจุดสูงสุดที่ยอดดอยภูลังกา จะมีบ้านพักบริการนักท่องเที่ยวบนยอดภูประมาณ 5 หลัง มีลานกางเต็นท์ ให้ได้จับจองเฝ้ามองทะเลหมอกยามเช้าและชมทิวทัศน์ได้ไกลถึงฝั่งลาวเลยทีเดียว รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก ยอดดอยผาตั้ง จังหวัดเชียงราย ดอยผาตั้งเป็นยอดดอยอยู่ในเทือกเขาหลวงพระบาง หนึ่งในจุดชมวิวที่สำคัญแห่งพรมแดนไทย-ลาวที่ความสูง 1,800 เมตรจากระดับน้ำทะเล นอกจากธรรมชาติอันงดงาม ที่นี่ก็ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวของวิถีชีวิตจากหมู่บ้านชาวจีนฮ่อ ม้ง และเย้า ดอยผาตั้งสามารถเดินขึ้นไปได้ไม่ยาก รวมระยะทางทั้งหมด ประมาณ 950 เมตร เส้นทางลัดเลาะไปตามเนินเขาจะผ่านจุดชมวิวต่างๆ โดยมี “เนิน 103” เป็นจุดสุดท้ายที่นักท่องเที่ยวนิยมไปให้ถึงเพื่อชมทะเลหมอกในตอนเช้า ชมพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น รวมไปถึงแม่น้ำโขงและทิวทัศน์ของฝั่งประเทศลาว รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก*กรุณาตรวจสอบวัน-เวลาเปิดให้บริการ และมาตรการทางด้านสาธารณสุขอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป การเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย ยกเลิกระบบ Test & Go แล้ว ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวทำได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมพบกับ KING POWER CLICK & COLLECT บริการพิเศษจาก คิง เพาเวอร์ ที่ช่วยให้ช้อปสินค้า ดิวตี้ ฟรี กับ คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ รับของง่ายขึ้นที่สนามบินทั้งขาเข้า-ขาออก รายละเอียดเพิ่มเติม…
Editor
19 July 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
World Emoji Day

หากใครเคยสังเกต เวลาที่เราพิมพ์คำว่า Calendar หรือ ปฏิทิน บนสมาร์ตโฟน นอกจากที่ระบบปฏิบัติการจะช่วยสะกดหรือแนะนำคำต่างๆ ให้แล้ว ก็ยังปรากฏ Emoji รูปปฏิทินอีกด้วย ซึ่งรูปนั้นจะเป็นวันที่ 17 กรกฎาคม และนั่นก็เป็นที่มาของ “World Emoji Day” วันที่เฉลิมฉลองให้กับทุก Emoji ในฐานะส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน และสิ่งประดิษฐ์แห่งยุคดิจิทัลที่ “ช่วย” พูดแทนเรามาแล้วหลายต่อหลายครั้ง Emoji ถือกำเนิดขึ้นมาช่วงปลายยุค 90s พร้อมๆ กับการที่โลกเราเริ่มใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการสื่อสารพูดคุยกัน และในปี 1998 Shigetaka Kurita ที่ในขณะนั้นทำงานอยู่ในทีมพัฒนาระบบอินเทอร์เน็ตบนมือถือให้กับบริษัท NTT DoCoMo พบว่า การส่งข้อความนั้นมีข้อจำกัดจากการใช้ตัวอักษรได้เพียงครั้งละ 250 ตัวอักษร ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะสามารถใช้แทนคำพูดได้มากมายจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก “ภาพ” นั่นเองShigetaka Kurita เริ่มดีไซน์ Emoji จนได้ทั้งหมด 176 รูป และถึงแม้ว่าจะมีความละเอียดไม่มาก เพียงรูปละ 12 × 12 พิกเซล แต่เหล่า Emoji ก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเขาได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากมังงะญี่ปุ่นที่มักจะแสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าด้วยสัญลักษณ์หรือลายเส้นที่ไม่ซับซ้อนแต่กลับสื่อสารได้ดีจนเหลือเชื่อ ไม่ว่าจะเป็น เหงื่อตก เส้นเลือดปูดที่ขมับ ตาหยี หลอดไฟปิ๊ง เป็นต้น ความสำเร็จดังกล่าวเป็นเหตุให้บริษัทอื่นๆ ต้องพัฒนาระบบให้รองรับ Emoji ของ Shigetaka Kurita ได้ ไม่เว้นแม้แต่ Apple ที่ได้เพิ่มแป้นพิมพ์ Emoji เข้ามาเป็นครั้งแรกบน iOS 6 ส่วนสาเหตุที่ Emoji ปฏิทินต้องเป็นวันที่ 17 กรกฎาคม นั่นก็เป็นเพราะว่า นั่นคือวันที่มีการเปิดตัว iCal ซอฟต์แวร์ปฏิทินบน Mac นั่นเอง กระทั่งหลายปีต่อมาเมื่อ Jeremy Burge ผู้ก่อตั้ง Emojipedia (เว็บไซต์ที่เปรียบเสมือนวิกิพีเดียของโลก Emoji) ได้กำหนด World Emoji Day ขึ้นมาเป็นครั้งแรกในปี 2014 ก็ต้องเป็นวันที่ 17 กรกฎาคม อย่างแน่นอน มาร่วมเฉลิมฉลอง World Emoji Day ด้วยการใช้เหล่าสัญลักษณ์สุดคิวต์เหล่านี้ในการสื่อสาร อาจจะเล่นสนุกกับเพื่อนๆ สร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะ ถ่ายภาพโพสท่าเลียนแบบ Emoji รวมไปถึงใช้บอกความในใจที่อาจจะไม่กล้าพูดตรงๆ ลองส่งรูปดอกไม้ หัวใจ แหวน กระเป๋า รองเท้า หรือธงชาติประเทศที่อยากไปให้ใครสักคนดู ไม่แน่ว่าอาจจะได้อะไรดีๆ กลับมาเพราะ Emoji ก็เป็นได้ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก https://worldemojiday.com/ https://emojipedia.org/ https://en.wikipedia.org/
Editor
15 July 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
National Ice Cream Day
We All Scream for Ice Cream

“ไอศกรีม” คือของหวานที่เพอร์เฟ็กต์ที่สุดที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างแทบไร้ข้อกังขา รสชาติแห่งความสุขที่มาพร้อมความสดชื่นเย็นยะเยือก สาเหตุของรอยยิ้มของเด็กๆ หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่ทุกเพศทุกวัย แม้แต่ปัญหาอะไรที่คิดไม่ตกก็ดูเหมือนจะทุเลาลงได้เพราะไอศกรีม ความนิยมที่มีต่อไอศกรีมเกิดขึ้นทั่วโลกโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา จนทำให้ประธานาธิบดี Ronald Reagan ได้กำหนดวันอาทิตย์สัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคม ปี 1984 ขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองความรักที่ผู้คนมีต่อไอศกรีม “National Ice Cream Day” ครั้งแรกของโลกจึงได้ถือกำเนิดขึ้นนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา รวมไปถึงยังให้เดือนกรกฎาคมทั้งเดือนเป็นเดือนแห่งไอศกรีมอีกด้วย ต้นกำเนิดของไอศกรีม หรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับไอศกรีมในปัจจุบันนั้นยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด บ้างว่ามีมาตั้งแต่ราวคริสต์ศตวรรษที่ 1 สมัยจักรพรรดิเนโรแห่งจักรวรรดิโรมัน ที่ได้พระราชทานเลี้ยงไอศกรีมทหาร โดยในสมัยนั้นทำจากเกล็ดน้ำแข็ง (หิมะ) ผสมกับน้ำผึ้งและผลไม้ให้อารมณ์ซอร์เบต์ในปัจจุบัน บ้างย้อนไปไกลกว่านั้นเป็นพันๆ ปีที่ชาวจีนนำนมไปเก็บรักษาไว้ในหิมะจนแข็ง หรืออีกเรื่องดังอย่าง มาร์โค โปโล นักเดินทางชาวเวนิสที่นำสูตรกลับจากจีนจนไปโด่งดังที่อิตาลีนั่นก็ด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไรเราก็ได้เรียนรู้ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งว่า “ใครๆ ก็ชอบไอศกรีม” สำหรับ National Ice Cream Day ในปีนี้ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม อย่ารอช้าที่จะหาไอศกรีมรสโปรดมารับประทานให้หนำใจ หรือจะลองรสชาติใหม่ๆ วันนี้ก็ถือเป็นโอกาสที่เหมาะสมเหลือเกิน เพราะในปัจจุบันมีไอศกรีมหลากหลายรสที่ทั้งแปลกใหม่และอร่อยเกิดขึ้นมากมาย แล้วก็อย่าลืมอวดภาพประทับใจบนโซเชียลมีเดีย จะได้ชวนเพื่อนๆ มาสนุกด้วยกัน คิง เพาเวอร์ พร้อมเสิร์ฟความสุขใน National Ice Cream Day ไปกับหลากหลายเมนูไอศกรีมจาก ไทย เทสต์ ฮับ รางน้ำ ที่ได้รวบรวมสตรีตฟู้ดร้านดังมาไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น TOKYO BEAN “เต้าหู้” อาหารโปรตีนสูง ไขมันน้อย ย่อยง่าย สู่การรังสรรค์ให้กลายเป็นเมนูขนมหวานรับประทานเล่น ที่เน้นคุณประโยชน์เรื่องสุขภาพ รสชาติอร่อย เหมาะกับทุกเพศทุกวัย พลาดไม่ได้กับเมนูไอศกรีมน้ำเต้าหู้ ไอศกรีมโยเกิร์ต และพุดดิ้งน้ำเต้าหู้ HONEY NUKA ขนมหวานที่มาพร้อมคอนเซปต์ “Sweeten By Honey” จึงทำให้เมนูไอศกรีม Honey Comb และ Yuzu Sorbet หอมหวานลงตัวและมีรสสัมผัสอย่างเป็นธรรมชาติ All Coco เติมความสดชื่นไปกับความหอมหวานของมะพร้าวน้ำหอม ที่ทั้งอร่อยและเปี่ยมไปด้วยสรรพคุณในการรีเฟรชร่างกาย พร้อมให้ลองแล้วกับเมนูน้ำมะพร้าวน้ำหอมเกล็ดหิมะ น้ำมะพร้าวน้ำหอมเกล็ดหิมะ Charcoal และมะพร้าวน้ำหอมสโนว์บอล All Coco เติมความสดชื่นไปกับความหอมหวานของมะพร้าวน้ำหอม ที่ทั้งอร่อยและเปี่ยมไปด้วยสรรพคุณในการรีเฟรชร่างกาย พร้อมให้ลองแล้วกับเมนูน้ำมะพร้าวน้ำหอมเกล็ดหิมะ น้ำมะพร้าวน้ำหอมเกล็ดหิมะ Charcoal และมะพร้าวน้ำหอมสโนว์บอลพบกับความอร่อยจาก ไทย เทสต์ ฮับ รางน้ำ รวมไปถึงโซน ไทย เทสต์ ฮับ เอกซ์เพรส ชั้น 3 คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 น. – 21.00 น. อีกทั้งยังสะดวกสบายไปอีกขั้นด้วยบริการฟู้ดเดลิเวอรีที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยส่งตรงถึงบ้าน เพียงเปิดแพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง Robinhood, LINE MAN หรือ GrabFood แล้วค้นหาบนแอปพลิเคชันว่า Thai Taste Hub King Power Rangnam ก็เตรียมรอรับความอร่อยได้เลย นอกจากนี้ ยังมีอีกหลากหลายความอร่อยให้คุณได้เฉลิมฉลองเดือนแห่งไอศกรีมอย่างจุใจที่…
Editor
15 July 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
ไปเที่ยวเกาหลีใต้ 2022
มีอะไรต้องเตรียมบ้าง

เกาหลีใต้ หนึ่งในจุดหมายปลางทางที่ไม่เคยห่างหายไปจากลิสต์ของเหล่านักท่องเที่ยวชาวไทยมาตลอดหลายปีนี้ โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมาที่ไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ “ทริปเกาหลี” ที่หลายคนวางแผนไว้จึงมีอันต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ดูเหมือนว่าเวลานั้นใกล้เข้ามาเต็มที่แล้ว เมื่อเกาหลีใต้กลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง ซึ่งนอกจากที่ชาวไทยอย่างเราๆ นั้นสามารถเข้าเกาหลีใต้ได้แบบฟรีวีซ่าและไม่ต้องกักตัวหากได้รับวัคซีนครบแล้วนั้น Power ก็ไม่พลาดที่จะมาสรุปให้ว่า ถ้าจะไปเที่ยวเกาหลีใต้ในปี 2022 นี้ มีเอกสารที่จำเป็นอะไรต้องเตรียมบ้าง 1. ลงทะเบียนในระบบ K-ETA บุคคลสัญชาติเกาหลีและไทยที่มีจุดประสงค์การเดินทางเพื่อท่องเที่ยว เยี่ยมเยียนครอบครัว ประชุมสัมมนา หรือธุรกิจ (ที่ไม่มีการแสวงหาผลกำไร) สามารถเดินทางระหว่างสองประเทศได้ สามารถพำนักได้ไม่เกิน 90 วัน โดยจำเป็นต้องมีการขออนุมัติเดินทางเข้าประเทศผ่านระบบ K-ETA (Korea Electronic Travel Authorization) ก่อนการเดินทางเข้าประเทศ ผ่านเว็บไซต์ https://www.k-eta.go.kr/ หรือ แอปพลิเคชัน K-ETA มีค่าธรรมเนียม 10,000 วอน จากนั้นรอรับผลการอนุมัติทางอีเมล 2. เมื่อได้รับอีเมลตอบรับแล้วจึงจองตั๋วเครื่องบิน หลังจากผล K-ETA อนุมัติแล้ว จึงจะสามารถจองตั๋วเครื่องบินได้ 2. เมื่อได้รับอีเมลตอบรับแล้วจึงจองตั๋วเครื่องบิน หลังจากผล K-ETA อนุมัติแล้ว จึงจะสามารถจองตั๋วเครื่องบินได้ 3. ลงทะเบียนรับ Q-CODE หรือกรอกข้อมูลการฉีดวัคซีนล่วงหน้าก่อนเดินทาง การลงทะเบียน Q-CODE เป็นการขอยกเว้นการกักตัวก่อนเข้าเกาหลีใต้ โดยผู้ที่สามารถทำการลงทะเบียนได้จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนที่รับรองโดยองค์การอนามัยโลก (WHO) และต้องได้รับการฉีดเข็มที่ 2 เกิน 14 วันขึ้นไป แต่จะต้องไม่เกิน 180 วัน4. จองตรวจ RT-PCR จองคิวตรวจ RT-PCR ทั้งที่ไทยและเกาหลีใต้ โดยผลตรวจที่ไทยจะต้องออกภายใน 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง ส่วนที่เกาหลีใต้จะต้องตรวจหลังจากเข้าประเทศภายใน 72 ชั่วโมง โดยสามารถทำการจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ https://safe2gopass.com/login ซึ่งจะให้บริการที่สนามบินอินชอน4. จองตรวจ RT-PCR จองคิวตรวจ RT-PCR ทั้งที่ไทยและเกาหลีใต้ โดยผลตรวจที่ไทยจะต้องออกภายใน 48 ชั่วโมงก่อนออกเดินทาง ส่วนที่เกาหลีใต้จะต้องตรวจหลังจากเข้าประเทศภายใน 72 ชั่วโมง โดยสามารถทำการจองล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ https://safe2gopass.com/login ซึ่งจะให้บริการที่สนามบินอินชอน 5. ขอเอกสาร International Vaccination Certificate ขอเอกสารการฉีดวัคซีน หรือ International Vaccination Certificate โดยสามารถขอได้ที่แอปพลิเคชันหมอพร้อม 6. พรินต์เอกสารต่างๆ เตรียมความพร้อม ทำประกันการเดินทาง ประกันสุขภาพ รวมถึงพรินต์เอกสารทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง เช่น ผลอนุมัติ K-ETA, Q-CODE, ผลตรวจยืนยัน PCR เป็นต้น เพื่อความสะดวกรวดเร็วในขั้นตอนตรวจเอกสาร 6. พรินต์เอกสารต่างๆ เตรียมความพร้อม ทำประกันการเดินทาง ประกันสุขภาพ รวมถึงพรินต์เอกสารทั้งหมดให้เรียบร้อยก่อนเดินทาง เช่น ผลอนุมัติ K-ETA, Q-CODE, ผลตรวจยืนยัน PCR เป็นต้น เพื่อความสะดวกรวดเร็วในขั้นตอนตรวจเอกสารตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป การเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย ยกเลิกระบบ Test & Go แล้ว ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวทำได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมพบกับ KING POWER CLICK & COLLECT บริการพิเศษจาก คิง…
Editor
15 July 2022
DestinationLifestyle

DESTINATION
ออกไปทักทายโลกสีเขียว
เติมความสดชื่นคืนชีวิตชีวาในวันฝนโปรย

เมื่อเริ่มเข้าหน้าฝนก็ถึงเวลาที่หลายคนเริ่มชีพจรลงเท้ากันอีกครั้ง โดยเฉพาะสายท่องเที่ยวธรรมชาติที่อยากออกไปสัมผัสกับความชุ่มฉ่ำเขียวขจี ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ เย็นสบาย อีกหนึ่งเสน่ห์ของ “กรีนซีซัน” ที่ถึงแม้ว่าจะเต็มไปด้วยละอองฝนโปรยปราย แต่กลับช่วยรีเฟรชเติมความสดชื่นคืนชีวิตชีวาได้ดีอย่าบอกใคร ว่าแล้วก็เตรียมแบกเป้เข้าป่ากันได้เลย อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เบิกบานใจไปกับความเขียวขจีอันชุ่มฉ่ำของอุทยานที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เดินทางเพียงไม่กี่อึดใจจากกรุงเทพฯ คุณก็จะได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สมบูรณ์ เป็นแหล่งดูนก ดูทะเลหมอกยามเช้าได้เกือบตลอดทั้งปีจากบนยอดเขาพะเนินทุ่งซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นแหล่งชมทะเลหมอกที่ดีที่สุดของภาคกลางเลยทีเดียว อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่น่าสนใจมากมาย รวมไปถึงกิจกรรมใกล้ชิดธรรมชาติอย่างการล่องเรือชมทิวทัศน์เพื่อพักผ่อนหรือตกปลาในทะเลสาบ ชมพระอาทิตย์ตกที่สันเขาตะนาวศรี กางเต็นท์พักแรมที่เขาพะเนินทุ่ง ดูนกและผีเสื้อแคมป์บ้านกร่าง สำรวจเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง เป็นต้น รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก อุทยานแห่งชาติขุนสถาน จังหวัดน่าน แหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่งได้รับความนิยมไม่นานมานี้ที่ยังคงเสน่ห์ของธรรมชาติไว้อย่างเต็มเปี่ยม อุทยานฯ ตั้งอยู่บริเวณทางตอนใต้ของจังหวัดน่านติดกับจังหวัดแพร่ ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูงชันสลับซับซ้อน มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ปกคลุมด้วยป่าไม้ชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าสนเขา ป่าดิบเขา และป่าดิบแล้ง นักท่องเที่ยวสามารถไปเยือนได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะหน้าฝนช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน – เดือนตุลาคม ต้องไม่พลาด “ดอยแม่จอก” ที่หลายคนติดใจในบรรยากาศสุดแสนอลังการที่มาพร้อมอากาศเย็นสบาย หากคืนไหนมีฝนตกล่ะก็เตรียมพบกับทะเลหมอกตัดกับความงดงามของแสงอาทิตย์ในยามเช้าได้เลย นอกจากนี้ยังมีจุดท่องเที่ยวอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นดอยธง ดอยผาผึ้ง น้ำตกขุนลี และน้ำตกน้ำลีหลวง รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก อุทยานแห่งชาติเขาสก จังหวัดสุราษฎร์ธานี สัมผัสผืนป่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ ภูเขาดินและภูเขาหินปูนสูงสลับซับซ้อนแลดูแปลกตาด้วยแนวหน้าผาสูงชัน ทางด้านทิศเหนือคือที่ตั้งของ “เขื่อนรัชชประภา” หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน ที่มีบรรยากาศของทะเลสาบเหนือเขื่อนอันงดงามไม่เป็นสองรองใคร อย่างที่หลายคนเปรียบเปรยว่าเป็นกุ้ยหลินเมืองไทยให้เราได้ชื่มชมบรรยากาศนอนฟังเสียงฝนชิลๆ หรือจะกระโดดเล่นน้ำ พายเรือคายักที่หน้าที่พักเลยก็ย่อมได้ นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมและแลนด์มาร์กสำคัญที่ไม่ควรพลาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวเขาสก จุดชมวิวไกรสร ชมถ้ำปะการัง ถ้ำน้ำทะลุ ล่องเรือแคนู ล่องแพชมสายนํ้าคลองศก ขี่ช้างล่องไพรเขาสก และสำหรับนักท่องธรรมชาติอย่าลืมไฮไลต์อย่างภารกิจตามหา “บัวผุด” ดอกไม้ขนาดใหญ่พืชพันธุ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของที่นี่ รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ความอุดมสมบูรณ์ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ทำให้ไม่ว่าฤดูไหนๆ ก็เที่ยวได้หมด แต่หากอยากเสพความเขียวขจีได้ให้สดชื่นกว่าที่เคยก็ต้องหน้าฝน โดยเฉพาะ “ผาตรอมใจ” ที่มีฝนตกชุกและอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ปกคลุมด้วยป่าดงดิบและพันธุ์ไม้ที่ทนต่อสภาพอากาศหนาวเย็นหลายชนิด รวมไปถึง “น้ำตกเหวสุวัต” ที่มีลักษณะเป็นสายน้ำตกลงมาจากหน้าผาสูงประมาณ 20 เมตร ด้านล่างของน้ำตกเป็นแอ่งน้ำและลำธารเหมาะที่จะลงเล่นน้ำ แต่หน้าฝนที่มีปริมาณน้ำมากอาจจะต้องสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อความปลอดภัย นอกจากนั้นภายในอุทยานฯ ยังสามารถสนุกไปกับเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ชมพรรณไม้ ดูนก ดูผีเสื้อ ส่องสัตว์ ดูดาว ขี่จัรยาน และล่องแก่งได้ รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ หน้าฝนอย่างนี้ก็ต้องมาคู่กับดอกไม้ป่า ได้เวลาของฤดูกาลการชมราชินีแห่งมวลไม้ในขุนเขา “ทุ่งดอกกระเจียว” ซึ่งจะบานสะพรั่งสวยงามในเดือนมิถุนายน – สิงหาคมกันแล้ว กระเจียวเป็นพืชล้มลุกจำพวกขิง-ข่า สามารถพบอยู่ทั่วไปขึ้นกระจายตั้งแต่ลานหินงามไปจนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน เป็นช่วงเวลาที่บรรยากาศเย็นสบายเหมาะแก่การมาตั้งแคมป์เป็นอย่างยิ่ง นอนสบายแถมได้ตื่นเช้ามาชมหมอกและทุ่งดอกไม้บานดีต่อใจไปอีก สำหรับ “ลานหินงาม” เป็นลานหินธรรมชาติที่มีรูปร่างสวยงามสมชื่อ เต็มไปด้วยโขดหินใหญ่รูปร่างแปลกตากระจายอยู่เต็มพื้นที่กว่า 10 ไร่ ภายในอุทยานฯ ยังปกคลุมไปด้วยป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณ ทำให้มีความหลากหลายของระบบนิเวศ มีกล้วยไม้ขึ้นอยู่จำนวนมาก พร้อมสัตว์ป่านานาพันธุ์ รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก *กรุณาตรวจสอบวัน-เวลาเปิดให้บริการ และมาตรการทางด้านสาธารณสุขอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป การเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย ยกเลิกระบบ Test & Go แล้ว ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวทำได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมพบกับ KING POWER…
Editor
12 July 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
10 เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก ประจำปี 2022

เพราะเมืองที่น่าอยู่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริม “ศิลปะแห่งการใช้ชีวิต” เป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่าเมืองๆ นั้นจะต้องมีความมั่นคงในด้านต่างๆ ทั้งการเมือง สังคม เศรษฐกิจ การศึกษา การเข้าถึงบริการสาธารณสุข ระบบโครงสร้างพื้นฐาน รวมไปถึงเสถียรภาพทางวัฒนธรรม ตลอดจนเสน่ห์ของเมือง โดยปี 2022 นี้ The Economist Intelligence Unit (EIU) ทำการสำรวจและเก็บข้อมูลต่างๆ ดังกล่าวใน 172 เมืองจากทุกทวีปทั่วโลก จนได้ผลสรุปออกมาว่า “เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก” ประจำปีนี้ ตกเป็นของขาประจำอย่าง Vienna ซึ่งกลับมารั้งอันดับ 1 อีกครั้ง หลังจากที่ปีก่อนมงไปลงที่ Auckland จาก New Zealand นั่นเอง เรามาอัปเดตสักหน่อยดีกว่าว่า Top 10 ของเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกล่าสุดมีที่ไหนกันบ้าง อันดับ 1 Vienna – Austria เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็ถึงเวลาของ The City of Music อีกครั้ง Vienna เมืองหลวงของ Austria นั้นเพียบพร้อมไปด้วยเสถียรภาพและโครงสร้างพื้นฐานของเมืองอันยอดเยี่ยม ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์สมฐานะเมืองคลาสสิกและโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปตะวันออก อันดับ 2 Copenhagen - Denmark หนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสุขเป็นอันดับต้นๆ ของโลก อันเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจในการสร้างเมืองที่ยั่งยืน ที่นอกจากมีภูมิทัศน์อันงดงามแล้ว ก็ยังมีความปลอดภัยสูง อาชญากรรมต่ำ รวมไปถึงสวัสดิการที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้คนอย่างทั่วถึง อันดับ 3 Zurich – Switzerland และ Calgary – Canada ครองอันดับ 3 ร่วมกัน ระหว่าง Zurich เมืองที่ใหญ่ที่สุดใน Switzerland ดินแดนแห่งภูเขาสูง หิมะขาว และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ กับอีกที่ Calgary ประเทศ Canada เมืองที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ไม่ว่าคุณจะชอบดาวน์ทาวน์หรือธรรมชาติ ก็อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมให้ทำตลอดทั้งปี อันดับ 5 Vancouver - Canada อีกหนึ่งเมืองจาก Canada ที่ขึ้นชื่อเรื่องของคุณภาพชีวิตในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ ภูมิประเทศ สิ่งแวดล้อม และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ มีโครงสร้างทางสังคมที่เอื้อต่อความปลอดภัย รวมถึงเป็นเมืองที่โดดเด่นในเรื่องการศึกษาเมืองหนึ่งของโลก อันดับ 6 Geneva – Switzerland เมืองเศรษฐกิจสำคัญของสวิตเซอร์แลนด์ เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อมากมาย รวมไปถึงความมั่นคงเพราะเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ศูนย์กลางทางการทูต ถือเป็นเมืองที่มีองค์กรระหว่างประเทศตั้งอยู่มากที่สุดในโลก อันดับ 7 Frankfurt – Germany เมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐ Hessen และใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศ Germany เป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์ Frankfurt และธนาคารกลางยุโรป รวมถึงเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรปอีกด้วย จึงมีความเจริญและทันสมัย ในขณะเดียวกันก็ยังปรากฏให้เห็นอารยธรรมเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลาง ผสมผสานกับศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยได้อย่างลงตัว อันดับ 8 Toronto – Canada เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ Canada แห่งนี้ ดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมถึงเป็นเมืองในฝันของใครหลายคนอยู่เสมอ ด้วยความเจริญในทุกๆ ด้าน…
Editor
8 July 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
The Standard, Bangkok Mahanakhon
เปิดตัวห้องอาหารเม็กซิกัน Ojo
พร้อมสุดยอดเชฟมากรางวัล
จากดินแดนต้นตำรับ

The Standard, Bangkok Mahanakhon (เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร) โรงแรมไลฟ์สไตล์สุดชิค จับมือกับสุดยอดเชฟมากประสบการณ์จากประเทศเม็กซิโก เชฟ Francisco “Paco” Ruano (ฟรานซิสโก ปาโก รูอาโน) เปิดตัวห้องอาหารเม็กซิกัน Ojo (โอโฮ) รังสรรค์เมนูรสชาติอันมีเอกลักษณ์เสมือนต้นตำรับจากเม็กซิโก ซึ่งพร้อมเปิดให้บริการ ซึ่งเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา ห้องอาหารโอโฮ ตั้งอยู่บนชั้น 76 ของ The Standard, Bangkok Mahanakhon พร้อมนำพาทุกท่านไปดื่มด่ำและลิ้มรสอาหารเม็กซิกันระดับพรีเมียมในบรรยากาศหรูหราและชวนดึงดูด โดยชื่อของห้องอาหาร “โอโฮ” หมายถึง “ดวงตา” ในภาษาสเปน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการตกแต่งให้ดูมีเสน่ห์น่าค้นหา รายล้อมด้วยวิวกรุงเทพฯ สุดลูกหูลูกตา อีกทั้งเมนูอาหารทั้งหมดยังถูกรังสรรค์โดยเชฟ ปาโก ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยสไตล์เม็กซิกันแท้ๆ ผสานความดั้งเดิมและเทคนิคการปรุงแต่งสมัยใหม่เข้าด้วยกัน จนออกมาเป็นอาหารเม็กซิกันแบบยกระดับที่ควรค่าแก่การลิ้มลอง เรียกได้ว่าเย้ายวนในทุกๆ องค์ประกอบ ตั้งแต่การตกแต่งร้าน จวบจนหน้าตาของอาหารที่ออกมาดูดีจนไม่สามารถละสายตาได้จุดเริ่มต้นของการนำเสนออาหารเม็กซิกันสู่ชาวไทยเป็นไอเดียมาจาก อมาร์ ลัลวานี่ ประธานกรรมการบริหาร ของ The Standard International ซึ่งมองเห็นว่าในทวีปเอเชียอาหารเม็กซิกันสำหรับหลายๆ ท่านมักจะมีภาพจำหรือเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาหารชาตินี้ จึงอยากนำเสนออาหารเม็กซิกันที่แท้จริงอย่างถูกต้องทั้งในเรื่องของรสชาติ วัตถุดิบที่เลือกสรร และความสวยงามของอาหาร นอกจากนี้ยังได้คัดเลือกเชฟปาโก ให้มาร่วมงานคิดค้นเมนูอาหารที่โอโฮอีกด้วย โดยเชื่อว่าเชฟปาโก จะทำให้ไม่เพียงแต่ชาวไทย แต่เป็นทุกๆ ท่านที่ได้ลิ้มลอง ได้เรียนรู้และเข้าใจถึงแก่นแท้ของอาหารเม็กซิกันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างแน่นอน นอกจากนี้ชื่อ โอโฮ ยังหมายถึงสัญลักษณ์ดวงตาของพระเจ้า หรือ Ojo de Dios (Eye of the God) ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์เมื่อนานมาแล้วที่ผู้คนนับถือบูชาและให้ความสำคัญทั้งในทางศาสนาและวัฒนธรรม รวมไปถึงมีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศเม็กซิโกที่มีความเชื่อมโยงทั้งในเรื่องของประเพณี ความเชื่อของผู้คน ความศรัทธา และเป็นเครื่องหมายของพลังในการปกป้องจากพระเจ้าอีกด้วย ห้องอาหารถูกออกแบบและตกแต่งโดยสตูดิโอออกแบบอันมีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Ou Baholyodhin Studio (OBS) หรือที่รู้จักกันในนาม อู้ พหลโยธิน ผู้อยู่เบื้องหลังสไตล์และเทรนด์ของงานดีไซน์ที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงในระดับนานาชาติ โอโฮมีคอนเซปต์ที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากการเดินทางของคุณอู้นึกย้อนไปถึงสมัยได้ไปสัมผัสมนตร์เสน่ห์ของภูมิภาคอเมริกากลางที่รายล้อมไปด้วยวัฒนธรรมของชนพื้นเมือง ผสานความเป็นยูโรเปียน แอฟริกัน และเอเชียนเข้าด้วยกัน จนสร้างสรรค์ออกมาเป็นความแปลกใหม่ที่ลงตัว ห้องอาหารถูกเนรมิตออกมาสะท้อนความหรูหราในสไตล์ร่วมสมัย โดยมีการเลือกใช้โทนสีทองเพื่อสร้างความโอ่อ่า แรงบันดาลใจมาจากโลหะและหินอัญมณีที่ความหรูหราของอีกซีกโลกเข้ามาผสมผสานอยู่ในงานดีไซน์นี้ นอกจากนี้นักออกแบบยังเลือกใช้วัสดุสิ่งทอเข้ามาสอดประสาน เพื่อสะท้อนถึงวัฒนธรรมของอเมริกันลาติน โอโฮจึงเป็นห้องอาหารที่มีความประณีต หรูหรางดงาม ประดุจขุมเพชรที่เหมาะกับการมาเปิดประสบการณ์ในการมาเพลิดเพลินรับประทานอาหารรสเลิศร่วมกันในส่วนของอาหารนั้น มั่นใจได้ว่าห้องอาหารโอโฮพร้อมมอบสุดยอดประสบการณ์ในการดื่มด่ำและอิ่มเอมอาหารเม็กซิกันให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างที่ไม่เคยได้ลองที่ไหนมาก่อนในประเทศไทย หรือในภูมิภาคนี้แน่นอน ซึ่งเชฟปาโกนั้นได้เคยร่วมทำงานกับหลายห้องอาหารที่กวาดรางวัลมานับไม่ถ้วน ก่อนที่เชฟปาโกจะตัดสินใจเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองที่มีชื่อว่า Alcalde ในปี 2013 ที่ได้รับรางวัลมากมายรวมไปถึง รางวัล Latin America’s 50 Best Restaurants ซึ่งร้านเขานั้นทำให้บ้านเกิดที่เมือง Guadalajara เป็นจุดกำเนิดของวงการอาหารสไตล์โมเดิร์นขึ้นมาทันที นอกเหนือจากเชฟปาโกที่มารังสรรค์เมนู ห้องอาหารโอโฮก็ได้ เชฟ เดอ คูซีน Alonso Luna Zarate (อลอนโซ ลูนา ซาเรท) มาคอยดำเนินการต่อยอดความคิดสร้างสรรค์และเมนูที่คิดค้นโดยเชฟปาโก ผ่านการจัดหาคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นการทำงานใกล้ชิดกับชาวเกษตรกร ชาวประมง หรือซัปพลายเออร์ในประเทศไทย รวมถึงการดูแลทีมที่ห้องอาหารโอโฮเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ที่ได้มาสัมผัสการลิ้มรสมื้ออร่อยนี้ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุดด้านอาหารเชฟปาโกใส่ใจพิถีพิถันทุกขั้นตอนตั้งแต่การคิดเมนู ตลอดจนการเลือกใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดออกมาเป็นอาหารเม็กซิกันสุดพรีเมียม เมนูแนะนำเริ่มจากอาหารรับประทานเล่นอย่าง Ojo Guacamole with Corn Tostadas แผ่นตอร์ติยาโฮมเมดบางกรอบ รับประทานคู่กัวคาโมเลฉบับโอโฮ…
Editor
7 July 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
World Chocolate Day
สัมผัสรสชาติของความสุข
ไปกับสารพันเมนูช็อกโกแลต

หากจะมีวันไหนที่เหล่าคนรักช็อกโกแลตจะได้ตามใจปากกับของโปรดได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิด ก็ต้องเป็นวันนี้ World Chocolate Day ซึ่งตรงกับวันที่ 7 กรกฎาคม ของทุกปี วันแห่งการเฉลิมฉลองนานาเมนูช็อกโกแลต ของหวานที่เปี่ยมไปด้วยสรรพคุณที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แถมรสชาติก็ยังดีต่อใจอีกด้วย ช็อกโกแลตคือความสุขที่มาในรูปของกินอย่างแท้จริง อย่างที่หลายคนอาจจะทราบว่า ช็อกโกแลตทำให้สมองหลั่งเอ็นโดรฟินหรือสารแห่งความสุขออกมา ทำให้อารมณ์ดีขึ้น ช่วยลดความเครียด รวมไปถึงคุณค่าทางด้านความงามก็ไม่น้อย เพราะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ มีฟลาโวนอยด์ วิตามินที่คล้ายกับฮอร์โมนเพศหญิง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ความเปล่งปลั่งให้ผิว ไม่ต่างจากผลไม้ตระกูลเบอร์รีเลยนั่นเอง Mahanakhon Eatery พร้อมเนรมิตทุกวันให้เป็น World Chocolate Day พบกับ ICI ร้านขนมหวานและเบเกอรีสไตล์ฝรั่งเศสที่รังสรรค์ศิลปะที่กินได้ กับเมนูช็อกโกแลตที่มีให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น CHOCOLATE PRALINE TART ช็อกโกแลตทาร์ตเข้มข้น อัดแน่นไปด้วยสารพัดช็อกโกแลตที่ประกอบไปด้วย แป้งทาร์ตช็อกโกแลตบางกรอบ ไล่ชั้นขึ้นมาเป็นพราลีนจากถั่วเฮเซลนัต ต่อด้วยดาร์กช็อกโกแลตกานาซเข้มข้น เค้กช็อกโกแลตไร้แป้ง และมูสดาร์กช็อกโกแลตราดด้วยช็อกโกแลตเกลซ COCOA FINANCIER เค้กอัลมอนด์รสช็อกโกแลตไซซ์เล็ก น่ารัก เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ COCOA FINANCIER เค้กอัลมอนด์รสช็อกโกแลตไซซ์เล็ก น่ารัก เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ SNACK BOTTLE BROWNIE BRITTLE บราวนีช็อกโกแลต ทำจากดาร์กช็อกโกแลต 70% ที่นำเข้าจากฝรั่งเศส โรยด้วยเมล็ดมะม่วงหิมพานต์และเกลือทะเล CHOCOLATE DRINK เครื่องดื่มช็อกโกแลตเย็น เข้มข้นด้วยช็อกโกแลตชั้นดี CHOCOLATE DRINK เครื่องดื่มช็อกโกแลตเย็น เข้มข้นด้วยช็อกโกแลตชั้นดีและพลาดไม่ได้กับ Other Café เอาใจเหล่า Chocolate Lover พร้อมเสิร์ฟ Iced Chocolate และ Hot Chocolate หอม เข้มข้นถึงรสช็อกโกแลตMahanakhon Eatery ตั้งอยู่ที่ชั้น G มหานคร คิวบ์ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีช่องนนทรี (ทางออก 3) เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 – 22.00 น. สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมทั้งติดตามข่าวสาร กิจกรรม และโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ ได้ที่ www.kingpowermahanakhon.co.th Facebook Instagram หรือ โทรศัพท์ 0 2677 8721ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://nationaltoday.com/ https://www.vichaiyut.com/
Editor
7 July 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
International Plastic Bag Free Day
ลดการใช้พลาสติกด้วยการ ‘ใช้ซ้ำ’ อย่างคุ้มค่า

พลาสติกถือเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญยิ่ง เพราะนอกจากการใช้เวลาที่ยาวนานในการย่อยสลายแล้ว ผลกระทบต่อระบบนิเวศในมิติต่างๆ ก็ยังส่งผลเสียไปทั่ว แน่นอนว่าวนกลับมาที่มนุษย์เราอย่างไม่ต้องสงสัย วันที่ 3 กรกฎาคม ของทุกปี จึงถูกกำหนดขึ้นมาให้เป็น International Plastic Bag Free Day โดยมีจุดประสงค์หลักให้พวกเราตระหนักถึงการดูแลสิ่งแวดล้อม และรับผิดชอบการกระทำโดยเฉพาะการใช้พลาสติกที่มีอายุการใช้งานแค่ประเดี๋ยวประด๋าว International Plastic Bag Free Day เป็นการมองหาทางเลือกที่จะพิสูจน์ว่า โลกไม่จำเป็นต้องใช้พลาสติกมากอย่างที่เป็นอยู่นี้ และเราสามารถลดการใช้พลาสติกได้ในทุกๆ วัน วิธีการง่ายๆ ที่หลายคนคุ้นเคยก็คือการใช้ถุงผ้า ซึ่งก็ยังคงเป็นวิธีการที่ได้ผล หรือเรียบง่ายกว่าก็คือการทิ้งขยะให้ถูกที่ แต่หากจะย้อนไปถึงต้นตอของปัญหาให้มากกว่านั้นอีกหน่อยก็ “พยายามไม่สร้างขยะ” โดยเฉพาะ Single-use Plastic ทั้งหลาย ปี 2018 ที่ผ่านมา United Nations Environment Programme (UNEP) หรือ โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ ได้กำหนดประเด็นรณรงค์เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลกที่เน้นย้ำไปยังปัญหาพลาสติกโดยตรง และมีคำขวัญว่า “If you can’t reuse it, refuse it” ถ้าใช้ซ้ำไม่ได้...ก็อย่าใช้ ซึ่งถือเป็นแนวคิดที่ค่อนข้างตอบโจทย์และทำได้จริง เนื่องจากในหลายๆ โอกาสที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการใช้พลาสติกได้ แต่เราก็ยังยืดอายุให้มันได้ ด้วยการ ลด ละ เลิก การใช้พลาสติกชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้งนั่นเองนอกจากนี้ การตระหนักถึงการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่ายังสามารถทำได้อีกหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการพกถุงผ้าติดตัว หรือการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านกระบวนการ Upcycling หรือรีไซเคิลต่างๆ ในการเปลี่ยนขยะให้กลายเป็นของใช้ที่มีมูลค่าอีกครั้ง เพราะยิ่งเราสนับสนุนผลิตภัณฑ์เหล่านี้มากเท่าไหร่ จำนวนขยะก็จะลดลงตามไปด้วยนั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันหลายแบรนด์จากหลากหลายวงการต่างก็ไม่นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ หันมาใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ การผลิต ไปจนถึงแพ็กเกจจิงเลยทีเดียว เพราะเพียงแค่เรายืดอายุของสิ่งของที่ใช้ เท่ากับเรากำลังยืดอายุของโลกนี้ออกไปอยู่เช่นกัน นาฬิกา LUMINOX Eco Tide 0320 Series - XS.0321.ECO Luminox ยังคงช่วยสนับสนุนให้โลกนี้น่าอยู่และยั่งยืนยิ่งขึ้น ด้วยการใช้พลาสติกรีไซเคิลจากมหาสมุทร สำหรับกรอบและตัวเรือน SHOP NOW ลิปบาล์ม IRA Eco Tube Lip Balm - Matcha Green Tea 7 กรัม ลิปบาล์มที่อุดมด้วยสารสกัดจากชาเขียว ช่วยต้านการอักเสบและฟื้นฟูริมฝีปากให้สวยสุขภาพดี มาพร้อมความใส่ใจโลกด้วยแพ็กเกจแบบหลอดที่ย่อยสลายได้ 100% SHOP NOW ลิปบาล์ม IRA Eco Tube Lip Balm - Matcha Green Tea 7 กรัม ลิปบาล์มที่อุดมด้วยสารสกัดจากชาเขียว ช่วยต้านการอักเสบและฟื้นฟูริมฝีปากให้สวยสุขภาพดี มาพร้อมความใส่ใจโลกด้วยแพ็กเกจแบบหลอดที่ย่อยสลายได้ 100% SHOP NOW กระเป๋า MAHANAKHON The Joy Luck Club BKK Tote Bag กระเป๋าผ้า Tote Bag ใบใหญ่ น้ำหนักเบา จุของได้เยอะ ใช้ได้หลากหลายโอกาส SHOP NOW L'OCCITANE Almond Shower…
Editor
1 July 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
นิทรรศการ “What the CUBE”
เพราะคิวบ์ มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด

นิทรรศการการแสดงผลงานศิลปะครั้งแรกโดย “มหานคร คิวบ์” (Mahanakhon CUBE) ไลฟ์สไตล์มอลล์ใจกลางเมืองย่านสาทร-สีลม ภายใต้คอนเซปต์ “What the CUBE... เพราะคิวบ์ มีอะไรมากกว่าที่คุณคิด” ผ่านผลงานทางทัศนศิลป์จาก 5 ศิลปินชื่อดัง ทั้ง LOLAY / RUKKIT / BEERPITCH / PIM SUDHIKAM และ BENZILLA อีกทั้งยังถือเป็นภาคต่อจากเดิมที่ศิลปินเคยสร้างสรรค์ผลงานของตนครั้งแรกผ่าน ไทย เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์ แหล่งรวมสตรีตฟู้ดที่ใครๆ หลายคนรู้จัก และในครั้งนี้กับ What the CUBE ทางมหานคร คิวบ์ ขอหยิบยกผลงานอันสร้างสรรค์ของ 5 ศิลปิน 5 สไตล์ ที่มีความแตกต่างกันออกไปตามแบบฉบับที่ตัวเองถนัด พร้อมเอาใจใครหลายๆ คนที่ชื่นชอบและหลงใหลในงานศิลปะให้ได้เสพศิลป์กันเต็มตลอดเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม 2565 นี้ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 19.00 น. ชั้น 3 มหานคร คิวบ์ Meet the Artists “LOLAY” โลเล ผู้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะ การออกแบบ ดนตรี รวมถึงสตรีตอาร์ต ผู้ถ่ายทอดผลงานจากประติมากรรมรูป “สุนัข” ความสูง 3.5 เมตร ตั้งเด่นเป็นสง่าที่ ไทย เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์ อันเป็นตัวแทนของความดีงาม ประกอบไปด้วยรูปสุนัขจำนวนหลายสิบตัวที่อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มก้อนด้วยความสามัคคี มีความจริงใจและรู้จักประนีประนอมต่อกัน พร้อมด้วยหน้าตายิ้มแย้มสดใส เปรียบเหมือนดั่งกระจกที่จะสะท้อนและส่งต่อพลังบวกให้กับผู้ที่ได้พบเห็นให้มีความสุขตามไปด้วย “RUKKIT” รักกิจ สถาพรวจนา จากกราฟิกดีไซเนอร์สู่ศิลปินสตรีตอาร์ต ผู้มีแพสชันเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงาน จนกลายมาเป็นหนึ่งในศิลปินสตรีตอาร์ตที่ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในประเทศไทย ผู้สร้างสรรค์ผลงานที่มีเส้นสายลายมือและการใช้กราฟิกที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในรูปแบบ Graphic Geometric อีกทั้งยังเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานที่ตึก มหานคร คิวบ์ บนกำแพงสูงกว่า 5 เมตร ทั้ง 5 ชั้น ในรูปสัตว์ต่างๆ ได้แก่ ไก่โต้ง สุนัข วัว และหมู “BEERPITCH” พิชญา สถาพรวจนา นักออกแบบจิวเวลรีเจ้าของแบรนด์ “PITCH” ดีกรีเจ้าของรางวัล Demark Award จากประเทศไทย และ Good Design Award จากประเทศญี่ปุ่น ผู้ถือคติ “To be a designer means finding happiness in the ability to create whatever you want to” หรือ “นักออกแบบ คือ ผู้ค้นหาความสุขจากความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งที่คุณต้องการ” ความสนใจล่าสุดของ BEERPITCH คือ Typography ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจในการออกแบบตัวอักษรมาจากการออกแบบเครื่องประดับ…
Editor
1 July 2022