Lifestyle

LIFESTYLE
ยกสตรีตฟู้ดเจ้าดังมาปาร์ตี้ที่บ้าน
ด้วยบริการเดลิเวอรีจาก
ไทย เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์

ไทย เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์ ศูนย์รวมสตรีตฟู้ดเจ้าเด็ดเจ้าดังที่คัดสรรอาหารระดับตำนาน เปิดประสบการณ์ความอร่อยจากสุดยอดร้านต้นตำรับทั่วประเทศ พร้อมเสิร์ฟความอร่อยกว่า 100 เมนู รวมไปถึงหลากหลายเมนูเด็ดที่ได้รับการการันตีจากมิชลินไกด์ มารวมไว้ในที่เดียว ณ ใจกลางกรุงเทพมหานครนอกจากคุณจะได้ลิ้มลองหลากหลายรสชาติระดับตำนานโดยไม่ต้องไปหลายที่ ไม่ต้องวนหาที่จอดรถ ไม่ต้องต่อคิวนาน ก็สามารถสัมผัสกับเมนูเด็ดจากร้าน ผัดไทยไฟทะลุ, สุกี้เมาเวอริค, เผ็ดเผ็ด เฮ่!, ก๋วยจั๊บนายเอ็ก, ยี่ สับ หลก, ผิน, ลิ้ม เหล่า ซา, ครวญ, ก๋วยเตี๋ยวอนามัย, ชุมพลปาท่องโก๋, บุญเลิศ และทับทิมกรอบสยาม แล้ว คุณยังสามารถเนรมิตปาร์ตี้ที่บ้านได้ง่ายๆ ด้วยบริการฟู้ดเดลิเวอรีที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยส่งตรงถึงบ้าน ค้นหาบนแอปพลิเคชันว่า Thai Taste Hub Mahanakhon CUBE เพียงเท่านี้ระหว่างที่กำลังเตรียมงานอยู่ที่บ้าน อีกไม่นานก็รอรับความอร่อยได้เลย ไทย เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์ ตั้งอยู่บริเวณ ชั้น 1 มหานคร คิวบ์ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีช่องนนทรี (ทางออก 3) เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.30 น. ผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://kingpowermahanakhon.co.th/cube หรือ หมายเลขโทรศัพท์ 0 2677 8721
Editor
25 October 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
World Food Day
อร่อยกับอาหารนานาชาติ
ที่ คิง เพาเวอร์ มหานคร

16 ตุลาคม ของทุกปี “วันอาหารโลก” วันที่เราร่วมกันตระหนักถึงความสำคัญของอาหารในด้านต่างๆ เพื่อความยั่งยืนในอนาคต สุดสัปดาห์นี้ อยากชวนทุกคนมาสัมผัสประสบการณ์พิเศษแห่งการรับประทานอาหารหลากอารมณ์หลายรสชาติกันที่ คิง เพาเวอร์ มหานคร MAHANAKHON EATERY พบกับหลากหลายรสชาติที่จะพาทุกคนมารวมตัวกัน สนุกสนานไปกับประสบการณ์ Dining รูปแบบใหม่ จาก 7 ร้านดัง ที่ Cross ทั้งอาหารและความรู้สึก บนความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในมื้อเดียว ไม่ว่าจะเป็น Avril Gourmet & Bordier Selection, el’mar, Isabella Italian Rotisserie by ANDREAS, Meat & Spice by Another Hound Café, Maison du Vin, ICI และ Other Café Mahanakhon Eatery ตั้งอยู่ที่ชั้น G มหานคร คิวบ์ เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีช่องนนทรี (ทางออก 3) เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 – 22.00 น. สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมทั้งติดตามข่าวสาร กิจกรรม และโปรโมชั่นพิเศษต่างๆ ได้ที่ www.kingpowermahanakhon.co.th Facebook Instagram หรือ โทรศัพท์ 0 2677 8721OJO ห้องอาหารเม็กซิกันระดับพรีเมียม Ojo (โอโฮ) บนชั้น 76 คิง เพาเวอร์ มหานคร ความอร่อยที่มาพร้อมเสน่ห์น่าค้นหา รายล้อมด้วยวิวกรุงเทพฯ สุดลูกหูลูกตา อีกทั้งเมนูอาหารทั้งหมดยังถูกรังสรรค์โดยเชฟ ปาโก ที่พร้อมเสิร์ฟความอร่อยสไตล์เม็กซิกันแท้ๆ ผสานความดั้งเดิมและเทคนิคการปรุงแต่งสมัยใหม่เข้าด้วยกัน จนออกมาเป็นอาหารเม็กซิกันแบบยกระดับที่ควรค่าแก่การลิ้มลอง เรียกได้ว่าเย้ายวนในทุกๆ องค์ประกอบ ตั้งแต่การตกแต่งร้าน จวบจนหน้าตาของอาหารที่ออกมาดูดีจนไม่สามารถละสายตาได้ ห้องอาหารโอโฮ เปิดให้บริการทุกวัน มื้อกลางวันตั้งแต่เวลา 11.30  – 14.30 น. และมื้อเย็นเวลา 17.30 น. ถึงเที่ยงคืน รายละเอียดเพิ่มเติม Facebook MOTT 32 สูตรลับเฉพาะที่ถูกส่งผ่านนับตั้งแต่รุ่นสู่รุ่นผสานเทคนิคใหม่ๆ นำเสนอและปรุงแต่งเพื่อให้ออกมาเป็นอาหารจีนสไตล์โมเดิร์นมื้อที่ดีที่สุดที่ MOTT 32 พบกับซิกเนเจอร์อย่าง Apple Wood Roasted 42 Days Peking Duck “Signature Mott 32 cut” เป็ดปักกิ่งรมควันด้วยไม้แอปเปิลโดยใช้เป็ดที่มีอายุเพียง 42 วันเท่านั้น ตามด้วย Barbecue Pluma Iberico Pork, Yellow Mountain Honey หมูแดงบาร์บีคิวไอเบอริโก้ที่คัดเฉพาะเนื้อหมูไอเบอริโก้ท็อปเกรดจากสเปนนำไปหมักด้วยน้ำผึ้งและปรุงรสตามสูตรลับเฉพาะ Mott 32 Bangkok ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 ของ The…
Editor
14 October 2022
DestinationLifestyle

DESTINATION
Autumn in Japan
ชวนชมใบไม้เปลี่ยนสี
พร้อมรับลมหนาวกันที่ญี่ปุ่น

เดือนตุลาคมคือช่วงเวลาที่หลายคนสนุกสนานกับการแพลนไปเที่ยว ด้วยอากาศที่เริ่มเย็นสบาย จะไปที่ไหนก็บรรยากาศดี พิเศษหน่อยก็ตรงที่ทริปปลายปีที่ใกล้เข้ามานี้เราสามารถเดินทางไปต่างประเทศกันได้แล้ว ซึ่งหนึ่งในประเทศที่คนไทยจำนวนไม่น้อยเฝ้ารอ จะเป็นที่ใดไปไม่ได้นอกจาก “ญี่ปุ่น” ยิ่งตอนนี้ตรงกับฤดูใบไม้ร่วงพอดี ช่วงเวลารอยต่อก่อนที่จะเข้าฤดูหนาว อากาศดี ใบไม้เริ่มพากันเปลี่ยนสี แน่นอนว่าสิ่งนี้ถือเป็นไฮไลต์ที่ทำให้การไปเยือนญี่ปุ่นน่าตื่นเต้นไม่แพ้ฤดูอื่นๆ วันนี้ Power จะชวนไปเที่ยวจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ขึ้นชื่อในเมืองต่างๆ ของญี่ปุ่น ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย SHINKYO BRIDGE – Tochigi ขึ้นไปทางเหนือของโตเกียวราว 140 กิโลเมตร Nikko เมืองที่ตั้งอยู่ในทิวเขาในจังหวัด Tochigi เมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และหนึ่งในแลนด์มาร์กที่พลาดไม่ได้เมื่อไปเยือนก็คือ Shinkyo Bridge ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 สะพานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น “สะพานศักดิ์สิทธิ์” คืออีกสมญานามของสะพานโค้งสีแดงอันเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเอโดะแห่งนี้ สายน้ำเบื้องล่าง ทิวทัศน์ของต้นไม้สีแสดของฤดูใบไม้ร่วง และพลังแห่งธรรมชาติที่รายล้อม ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ทำให้คุณต้องประทับใจ จนนึกขอบคุณตัวเองที่ได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองเลยทีเดียว KAWAGUCHIKO LAKE – Yamanashi นอกจากทะเลสาบ Kawaguchiko คือหนึ่งในจุดชมวิวภูเขาฟูจิที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์อีกมากมายที่รอให้เราไปสัมผัสอีกด้วย ในปี 2013 ทะเลสาบ Kawaguchiko ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกพร้อมกันกับภูเขาฟูจิ ภายใต้ชื่อ “ฟูจิซัง – สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งบันดาลใจทางศิลปะ” โดยเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หิมะแรกของปีก็ได้มาเยือนยอดฟูจิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากได้ไปเที่ยวในช่วงนี้คุณจึงจะได้สัมผัสบรรยากาศของภูเขาฟูจิแบบมีหิมะปกคลุม ใบไม้เปลี่ยนสีรอบทะเลสาบ รวมไปถึงอุโมงค์ใบไม้สีสวยท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย MEIJI-JINGŪ GAIEN – Tokyo ตุลาคมย่างเข้าพฤศจิกายนในขณะที่ใบไม้เปลี่ยนไปเป็นสีส้มและแดงทั่วญี่ปุ่น ทว่า ณ ใจกลางกรุงโตเกียว คุณจะได้พบกับสีเหลืองทองอร่ามของต้นแปะก๊วยกว่า 100 ต้น ที่เรียงรายสองฝั่งถนนและเกาะกลางเป็นระยะทางกว่า 300 เมตร สู่สวน Meiji-Jingū Gaien ที่ในช่วงเวลานี้จะมีเทศกาลชมต้นแปะก๊วยและใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้เที่ยวเล่น บรรยากาศคึกคักไปด้วยร้านรวงมากมาย หากมีเวลาก็สามารถนั่งกินอาหารชมความงามของธรรมชาติได้เพลินๆ นอกจากนี้ยังมีโซนกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ลานสเกตน้ำแข็ง สนามกีฬา พิพิธภัณฑ์ รวมไปถึงพาร์กสำหรับเด็กอีกด้วย JOZANKEI – Hokkaidō ขึ้นเหนือไปยังเกาะ Hokkaidō ที่จะเข้าฤดูใบไม้ร่วงก่อนภาคอื่นๆ ของญี่ปุ่น Jozankei นั้นขึ้นชื่อเรื่องน้ำพุร้อน ลำธาร ภูเขา และต้นไม้ ซึ่งแน่นอนว่าจะพากันเปลี่ยนสีละลานตาในช่วงนี้ แม้ว่า Jozankei จะอยู่ห่างจาก Sapporo เพียงหนึ่งชั่วโมง แต่กลับเงียบสงบและมีธรรมชาติที่งดงามอุดมสมบูรณ์ การได้แช่ออนเซ็นท่ามกลางอากาศเย็น สัมผัสสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ของฤดูกาล หรือจะพายเรือล่องไปตามแม่น้ำ Toyohira ชมทัศนียภาพสองข้างทางก็ฟินไปอีกแบบ SHIRAKAWA-GO – Gifu ภาพของ Shirakawa-go หมู่บ้านน่ารักที่มีหิมะขาวโพลนอยู่บนหลังคาอาจจะเป็นที่คุ้นตาของใครหลายคน แต่บรรยากาศแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมในฤดูใบไม้ร่วงของหมู่บ้านที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งนี้ก็สวยงามทรงคุณค่าไม่แพ้กัน จุดเด่นของที่นี่ก็คือตัวบ้าน รูปทรง และเทคนิควิธีการก่อสร้างอันเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่กันจริงๆ คุณสามารถเดินชมบ้านเก่าตามจุดต่างๆ พิพิธภัณฑ์ และจุดชมวิวจากมุมสูงที่มองเห็นได้ทั้งหมู่บ้าน ต้องบอกว่าสีสันของต้นไม้และภูเขาที่อยู่ไกลออกไปนั้นงดงามราวกับภาพวาดเลยทีเดียว*กรุณาตรวจสอบวัน-เวลาเปิดให้บริการ และมาตรการทางด้านสาธารณสุขอีกครั้ง ท่องเที่ยวสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ด้วย KING POWER CLICK & COLLECT บริการพิเศษจาก คิง เพาเวอร์ ที่ช่วยให้ช้อปสินค้า ดิวตี้ ฟรี กับ คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ รับของง่ายขึ้นที่สนามบินทั้งขาเข้า-ขาออก…
Editor
14 October 2022
DestinationLifestyle

DESTINATION
HAVE A SEOUL-PR!SE TRIP
เกาหลีที่คิดถึง

หลังจากที่ประเทศเกาหลีใต้ค่อยๆ คลายมาตรการการเข้าประเทศตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ทำให้แผนไปเยือนแดนกิมจิที่หลายคนเฝ้ารอกำลังจะเป็นจริงในไม่ช้า สำหรับคนไทยแล้ว “ความเป็นเกาหลี” ในด้านต่างๆ ผูกพันกับวิถีชีวิตในแบบที่เรียกว่าไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นเพลง หนัง ซีรีส์ อาหาร หรือแฟชั่นที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ตอนนี้นั่นเอง แน่นอนว่าหลังจาก 2 ปีที่เราไม่ได้เดินทางไกลๆ ทริปเกาหลีจึงเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นและชุบชูใจสุดๆ แม้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกจะทำให้เทรนด์ของการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปจากเดิม แต่อีกมุมหนึ่งก็คือความแปลกใหม่ที่เราจะได้สัมผัส รวมถึงอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่คาดคิด ที่รอเซอร์ไพรส์เราอยู่ตลอดการเดินทาง วันนี้ Power จึงพาไปเรียกน้ำย่อยกับ 5 สถานที่เที่ยวในกรุงโซลในอารมณ์ต่างๆ กันสักนิด และสำหรับใครที่กำลังแพลนทริปไปเกาหลี ก็เตรียมตัว SEOUL-PR!SE กันได้เลย GYEONGBOKGUNG PALACE เคียงบกกุง หรือ คยองบกกุง พระราชวังที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล ที่ถึงแม้ว่าในปัจจุบันอาคารหลายส่วนได้ถูกทำลายไปจากครั้งแรกสร้างเมื่อปี 1394 สมัยพระเจ้าแทโจ แห่งราชวงศ์โชซอน แต่อย่างไรที่นี่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของประเทศเกาหลีที่พลาดไม่ได้ เพียงทางเข้าเราจะเห็นฉากหลังของพระราชวังเป็นเขาพูกักซานที่ช่วยส่งให้บรรยากาศดูขลังและสง่างามมากขึ้น ส่วนด้านในมีไฮไลต์สำคัญอย่าง พระที่นั่งคึนจองวอง (Geunjeongjeon) พระที่นั่งกลางน้ำขนาดใหญ่อันเป็นที่ประทับของกษัตริย์เพื่อว่าราชการแผ่นดิน ศาลาฮยางวอนจอง (Hyangwonjeong) ศาลาหกเหลี่ยมศิลปะเกาหลีที่เชื่อมต่อกับ สะพานไม้ชวีฮยางกโย (Chwihyanggyo) สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในสมัยราชวงศ์โชซอน อันเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามจับใจ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ และ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเกาหลี ที่จัดแสดงศิลปวัฒนธรรมที่จะช่วยให้เราซึมซับประวัติศาสตร์ของเกาหลีได้ลึกซึ้งขึ้นอีกด้วย พิกัด: https://goo.gl/maps/Fj55qMniKepDcuEJ7 BUKCHON HANOK VILLAGE หมู่บ้านบุกชอนตั้งอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังเคียงบกกุง นักท่องเที่ยวจึงนิยมปักหมุดไว้ใน Route เดียวกัน ด้วยความที่หมู่บ้านแห่งนี้ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์แบบย้อนยุคท่ามกลางตึกระฟ้าของกรุงโซล บรรยากาศตามตรอกซอกซอยราวกับคุณกำลังเดินอยู่ในสมัยราชวงศ์โชซอนเมื่อหลายร้อยปีก่อน อาคารแต่ละหลังเคยเป็นสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์จริงๆ ซึ่งปัจจุบันก็มีผู้อยู่อาศัยจริงๆ ไม่ได้เป็นการจัดฉาก ทว่าเป็นการปรับตัวของชุมชนที่ผ่านกาลเวลาจนเป็นอย่างที่เป็นในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นการไปเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ คือการไปซึมซับวิถีชีวิตจริงๆ ของชาวเกาหลี นั่นจึงหมายรวมถึงการท่องเที่ยวแบบให้เกียรติผู้อยู่อาศัยด้วยนั่นเอง พิกัด: https://goo.gl/maps/Qca71jmk55oa9SJz9 NAMSAN PARK อุทยานนัมซาน ครอบคลุมบริเวณพื้นที่ทั้งหมดของภูเขานัมซาน สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโซล แรกเริ่มเดิมทีพื้นที่ตรงนี้เป็นการฟื้นฟูกำแพงป้อมปราการเก่าที่ถูกปล่อยทิ้งให้พังมานับศตวรรษ รวมถึงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สามารถชมความงามได้ทุกฤดู อย่างฤดูใบไม้ผลิก็จะมีดอกไม้นานาชนิด โดยเฉพาะดอกซากุระเกาหลีที่บานสะพรั่ง หรือฤดูใบไม้ร่วงกับสีสันใบไม้เปลี่ยนสี ภายในอุทยานยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติ จุดชมวิว โรงละครแห่งชาติเกาหลี พิพิธภัณฑ์ศิลปะการละครแห่งชาติ กระจายอยู่ตามโซนต่างๆ รวมไปถึงไฮไลต์อย่าง ศาลานัมซานพัลกักจอง (Namsan Palgakjeong Pavilion) ศาลาชมวิวรูปทรงแปดเหลี่ยม ที่จะมีการแสดงทางวัฒนธรรมให้ชมทุกวัน สามารถมองเห็นกรุงโซลที่อยู่เบื้องล่าง และ N Seoul Tower ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล พิกัด: https://goo.gl/maps/BZu9puCNkkRHWpCw6 HONGDAE ฮงแด เป็นย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องความคึกคัก แหล่งช้อปปิ้งของวัยรุ่นเกาหลีใกล้มหาวิทยาลัย Hongik จึงรายล้อมไปด้วยไลฟ์สไตล์ที่เทรนดี้ในราคานักศึกษานั่นเอง และโซนหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากก็คือ สตรีตฟู้ด เสน่ห์อันเลื่องชื่อของเกาหลีที่ต้องลอง อันที่จริงย่านที่คึกคักเหล่านี้อาจจะเปลี่ยนไปบ้างหลังจากสถานการณ์โควิด ร้านรวงแฟชั่นต่างๆ อาจหายหน้าหายตากันไปบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังมีให้เห็นอยู่เสมอก็คืออาหารและคาเฟ ซึ่งได้ขยายตัวออกไปรอบฮงแดให้คุณได้เดินสำรวจกันเพลินๆ ใครไปเกาหลีช่วงนี้อาจจะได้เปิดแมปใหม่ๆ เรียกได้ว่าชิคก่อนใคร แบบนี้ก็เก๋ไม่เบา พิกัด: https://goo.gl/maps/GjqDPZrdaAcC8JM26 N SEOUL TOWER โซลทาวเวอร์ หนึ่งในสัญลักษณ์แห่งกรุงโซลที่ไม่ว่าจะมองจากที่อื่นก็สวย หรือจะขึ้นไปบนนั้นแล้วมองไปยังเมืองทั้งเมืองก็ตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน ตัวอักษร N ในชื่อ N Seoul Tower สื่อความหมายถึง New (ใหม่) Natural (ธรรมชาติ) และ Namsan (นัมซาน) ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่บนยอดเขานัมซาน ทำให้จุดชมวิวโซลทาวเวอร์ได้ชื่อว่าเป็นจุดที่สูงที่สุดของเมือง…
Editor
7 October 2022
Lifestyle

DESTINATION
เที่ยวสิงคโปร์ฉบับจัดเต็ม

สิงคโปร์ ประเทศที่เล็กที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ก็เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายครบทุกอารมณ์ ใช้เวลาเดินทางไม่นาน ไม่ต้องขอวีซ่า รวมถึงความสะดวกสบายในด้านต่างๆ ทำให้หลายคนหลงใหลในสิงคโปร์แบบถึงไปแล้วก็ต้องไปอีก ด้วยเพราะว่าเกาะเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์แห่งนี้ ยังคงมีเรื่องเซอร์ไพรส์ให้เสมอ FORT CANNING PARK อาจจะฟังแล้วไม่ค่อย “สิงคโปร์” อย่างที่คนส่วนใหญ่นึกภาพเอาไว้สักหน่อย หากจะบอกว่าเกือบครึ่งหนึ่งของพื้นที่บนบกของประเทศนั้นเป็นพื้นที่สีเขียว อย่างเช่นที่นี่ Fort Canning Park สวนสาธารณะร่มรื่นเขียวขจีที่ดูเหมือนว่าเวลาจะเดินช้ากว่าที่อื่น สถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่ปัจจุบันกลายเป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจและลานกิจกรรมกลางแจ้งอันเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมือง โดยไฮไลต์ของที่นี่ก็คือ อุโมงค์ต้นไม้กับบันไดวน ที่เต็มไปด้วยมุมสวยให้ได้แชะกันอย่างจุใจ ใครสายถ่ายภาพห้ามพลาด พิกัด: https://goo.gl/maps/d5npdMyXQ1ufKHqF9 MARINA BARRAGE จากสิ่งก่อสร้างที่มีจุดประสงค์เพื่อการป้องกันและจัดการน้ำ สู่แลนด์มาร์กและจุดชมทิวทัศน์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ Marina Barrage เป็นเขื่อนที่ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าว Marina Bay จึงล้อมรอบไปด้วยวิวทะเลอันงดงาม คุณยังสามารถมองเห็นแลนด์มาร์กอื่นๆ ของเมืองได้จากสวนที่อยู่บนดาดฟ้า (Green Roof) พื้นที่สีเขียวที่ผู้คนนิยมไปพักผ่อน ปิกนิก ชมเมืองและพระอาทิตย์ตกในยามเย็น สำหรับใครที่ชื่นชอบกิจกรรมทางน้ำอย่างการพายเรือ น้ำบริเวณนี้ก็นิ่งสงบเหมาะเป็นอย่างยิ่ง รวมไปถึงมี Water Playground ที่เป็นโซนสำหรับเด็กอีกด้วย พิกัด: https://goo.gl/maps/yCc2hjJmFXEh2yWo SINGAPORE FLYER ชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ที่จะมอบมุมมองสุดพิเศษของสิงคโปร์ให้กับคุณ ด้วยความสูงราว 165 เมตร ใกล้เคียงกับตึก 42 ชั้น หากโชคดีคุณอาจจะมองเห็นไปไกลกว่า 45 กิโลเมตร ซึ่งนั่นหมายถึงพื้นที่บางส่วนของประเทศมาเลเซียและอินโดนีเซียเลยทีเดียว กระเช้าของ Singapore Flyer มีลักษณะเป็นแคปซูล ขนาด 4 x 7 เมตร มีทั้งหมดจำนวน 28 แคปซูล ซึ่งคุณสามารถจองแพ็กเกจคอร์สอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อสัมผัสประสบการณ์การรับประทานอาหารรสเลิศท่ามกลางวิวสุดแสนตระการตาได้อีกด้วย พิกัด: https://goo.gl/maps/TdskK4Rt1iyJntx99 CLARKE QUAY แหล่งแฮงเอาต์ยามค่ำคืนที่มีชื่อเสียงของสิงคโปร์ Clarke Quay ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสิงคโปร์ มีสะพาน Read Bridge ที่มีอายุกว่า 100 ปี เป็นตัวเชื่อมสองฝั่งเข้าหากัน ในอดีตบริเวณนี้เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมง มีโกดังเก็บสินค้าที่รับมาจาก Bumboat เรือลำเล็กๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ โดยในปัจจุบันก็ยังมีบริการล่องเรือ Bumboat ชมวิวยามเย็นและแสงสีในยามค่ำคืนอยู่ แม้ Clarke Quay จะคึกคักที่สุดเมื่อตอนหลังพระอาทิตย์ตก แต่ก็สามารถเที่ยวได้ตั้งแต่ตอนกลางวัน เงียบๆ คนน้อยๆ บรรยากาศสงบเช่นนี้ก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ พิกัด: https://goo.gl/maps/S755bJwHnPsE8j3u7 BUDDHA TOOTH RELIC TEMPLE วัดพระเขี้ยวแก้ว วัดในพุทธศาสนาที่สร้างขึ้นในรูปแบบศิลปกรรมสมัยราชวงศ์ถังแห่งนี้ ตั้งอยู่ในย่านไชน่าทาวน์ อีกหนึ่งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่พุทธศาสนิกชนนิยมไปเคารพสักการะ ชื่อวัดพระเขี้ยวแก้วนั้นเกิดจากการที่ทางวัดได้นำพระเขี้ยวแก้วด้านซ้ายของพระพุทธเจ้ามาจัดแสดง ตัวอาคารมีทั้งหมด 5 ชั้น ชั้น 1 เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระประธานและพระโพธิสัตว์ 8 พระองค์ ชั้น 2 เป็นห้องสมุดและร้านจำหน่ายของที่ระลึก ชั้น 3 เป็นพิพิธภัณฑ์ ชั้น 4 คือ Sacred Light Hall ที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว และชั้นดาดฟ้า สวนหย่อมเล็กๆ ที่สามารถขึ้นไปนั่งพัก ชมวิว และสูดอากาศดีๆ ได้…
Editor
30 September 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
ฟิตแอนด์เฟิร์ม
ไลฟ์สไตล์ยอดฮิตสำหรับผู้หญิงยุคนี้

เพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรง ต้อนรับ National Women’s Health & Fitness Day ซึ่งตรงกับวันพุธสุดท้ายของเดือนกันยายนของทุกปี Power จึงอยากชวนคุณผู้หญิงทุกคนให้หันมาใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อร่างกายที่แข็งแรง พร้อมกระชับสัดส่วนได้รูปร่างที่ดี ด้วยการออกกำลังกายง่ายๆ ได้ที่บ้าน ไม่ต้องฝ่าฝนตกหรือรถติดให้เสียเวลา กับ 3 วิธีง่ายๆ แบบไม่เน้นอุปกรณ์มากนัก 1. โยคะ ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องของการรวมกายและจิตใจโดยกำหนดลมหายใจให้เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ยังเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ กระดูกสันหลัง และข้อต่อต่างๆ ได้ยืดเหยียด หุ่นฟิตกระชับได้สรีระที่ดีขึ้น อีกทั้งลดอาการปวดเมื่อยต่างๆ ของชาวออฟฟิศได้อีกด้วย อุปกรณ์ก็มีเพียงเสื่อปูรองเท่านั้น 2. กระโดดเชือก อีกหนึ่งการออกกำลังกายที่ใจพร้อมเมื่อไหร่ ก็เริ่มได้เลย ถือเป็นอีกหนึ่งชอยซ์ที่ง่ายและสามารถเผาผลาญแคลอรีได้มหาศาล ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ฝึกการทรงตัว พัฒนาระบบประสาทในร่างกายให้สอดคล้องกันทั้งแขนและขา ฟื้นฟูให้หัวใจได้ทำงานมากขึ้น เลือดสูบฉีด ส่งผลให้ไปเลี้ยงยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้มากขึ้น สุขภาพดีขึ้นพร้อมหัวใจที่แข็งแรง 3. วิ่งหรือเดินเร็ว การออกกำลังกายด้วยการวิ่งนั้น นอกจากไอเทมคู่ใจอย่างรองเท้าผ้าใบดีๆ สักคู่ ก็ต้องอาศัยพลังใจอันแข็งแกร่งที่จะช่วยกระตุ้นให้เราลุกขึ้นมาวิ่งได้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรง เพราะการวิ่งนั้นจะช่วยเผาผลาญแคลอรีได้ดีและยังคงเผาผลาญต่อไปอีกระยะหนึ่งหลังจากที่เราหยุดวิ่งแล้ว แรงกดจากการวิ่งจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของน้ำในข้อต่อ อีกทั้งยังทำให้กล้ามเนื้อบริเวณขาแข็งแรง ช่วยพยุงข้อต่อและลดแรงกระแทกของข้อเข่าได้ดีขึ้น แต่ไม่แนะนำสำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวเยอะ เพราะข้อต่อต่างๆ อาจรับแรงกระแทกมากเกินไป จนทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ การเดินเร็วน่าจะเหมาะกับคุณมากกว่า JAGGAD Women Caledonia Reflect Eco Crop Bra SHOP NOW JAGGAD Women Caledonia Reflect Full Length Pocket Eco Leggings SHOP NOW NIKE ACCESSORIES Men's Elemental Fitness Gloves XL SHOP NOW JASON X-Flash Skipping Rope SHOP NOW X-RUNNING Life Gear Mini Home Gym SHOP NOW X-RUNNING Popular New Fit SHOP NOW
Editor
28 September 2022
DestinationLifestyle

DESTINATION
World Tourism Day 2022
ฉลองวันท่องเที่ยวโลก
ออกไปเที่ยวโลกกันให้หายอยาก

วันที่ 27 กันยายน ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น World Tourism Day หรือ วันท่องเที่ยวโลก จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีมาตั้งแต่ปี 1980 โดยองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงบทบาทและความสำคัญของการท่องเที่ยวนั่นเอง หลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายลง การเดินทางท่องเที่ยวที่ทุกคนรอคอยก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และเทรนด์หนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่น้อยก็คือ “Revenge Travel” พูดง่ายๆ ว่า เที่ยวโหดเหมือนโกรธโควิด ซึ่งเป็นความรู้สึกอัดอั้นหลังจากที่อุดอู้มานาน โดยคอนเซปต์หลักๆ ก็คือการออกไปเที่ยวไกลๆ เที่ยวยากๆ เที่ยวนานๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยด้วย และวันนี้ Power ร่วมฉลองวันท่องเที่ยวโลกด้วยหลากหลายสถานที่ท่องเที่ยวสุดฟินในโลก ให้คุณออกได้ไปเที่ยวโลกกันให้หายอยาก KOTOR – Montenegro มอนเตเนโกร ประเทศเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ที่หลายคนมองข้าม มอนเตเนโกรมีภูมิประเทศอันงดงามอลังการ ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมที่ชวนค้นหาและน่าสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง โดยหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ Kotor เมืองที่มีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมันโบราณ โดยเมืองเก่าอันเลื่องชื่อแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกในฐานะส่วนหนึ่งของเขตธรรมชาติและประวัติศาสตร์-วัฒนธรรมแห่ง Kotor และงานป้องกันของสาธารณรัฐเวนิสระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16–17: สตาโตดาแตร์รา–สตาโตดามาร์ตะวันตก การเดินชมเมืองจึงเต็มไปด้วยเสน่ห์และกลิ่นอายศิลปะแบบเวเนเชียนสลับกับธรรมชาติอันตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะวิวจากมุมสูงที่สามารถเห็นเมืองทั้งเมืองและอ่าว Kotor ที่เบื้องล่างนั่น CEARÁ – Brazil อีกหนึ่งเดสทิเนชันด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของบราซิล Ceará เป็นรัฐที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ มีชื่อเสียงเรื่องชายหาดที่กว้างขวางตลอดความยาวเกือบ 600 กิโลเมตรที่ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก โดยนอกจากความเงียบสงบและความสมบูรณ์ทางธรรมชาติแล้ว ลักษณะอันโดดเด่นของชายหาดที่นี่ คือ เนินทรายขนาดใหญ่ที่ให้อารมณ์คล้ายกับทะเลทรายอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งนักท่องเที่ยวก็นิยมที่จะมาเล่น Sandboarding เดินสำรวจธรรมชาติ ชมความงามของเนินทรายที่บรรจบกับน้ำทะเลสวยแปลกตา หรือจะนั่งชมพระอาทิตย์เพียงเท่านี้ก็ฟินอย่าบอกใคร CAÑO CRISTALES – Colombia โคลอมเบีย ดินแดนที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งป่าดิบชื้น ที่ราบสูง ทุ่งหญ้า และทะเลทราย มีแนวชายฝั่งและเกาะต่างๆ ทั้งในมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิก จึงไม่น่าแปลกใจที่ปัจจัยเหล่านี้ก่อให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์อย่าง Caño Cristales หรือที่รู้จักกันในชื่อ แม่น้ำห้าสี อันประกอบไปด้วยสีหลักๆ ได้แก่ สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีดำ และสีแดง ซึ่งเป็นสีของพืชใต้น้ำนานาพันธุ์ ด้วยความที่ Caño Cristales อยู่บริเวณรอยต่อของเทือกเขาแอนดีสและป่าแอมะซอน ประกอบกับเป็นแม่น้ำที่น้ำใสแจ๋วไม่มีดินและสัตว์น้ำเลย ทำให้สามารถมองเห็นความงดงามของสีสันได้อย่างชัดเจน แน่นอนว่าความงามเช่นนี้การเดินทางเข้าไปจึงไม่ง่ายนัก แต่ก็นับว่าคุ้มค่าหายเหนื่อย GREAT BARRIER REEF – Australia ด้วยเพราะมีความสำคัญทางธรรมชาติและทางวิทยาศาสตร์ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นวิวัฒนาการทั้งทางธรณีวิทยาและชีววิทยา เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามยิ่ง ตลอดจนเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์และพันธุ์พืชหายาก ทำให้ Great Barrier Reef พืดหินปะการังที่ยาวที่สุดในโลกกว่า 2,000 กิโลเมตร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกตั้งแต่ปี 1981 Great Barrier Reef ประกอบไปด้วยแนวปะการังน้อยใหญ่ราว 3,000 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 345,000 ตารางกิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย ถือเป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต แน่นอนว่าสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ ในปัจจุบันการท่องเที่ยวต้องเป็นไปในเชิงอนุรักษ์อย่างเต็มที่ ทำให้การนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมความมหัศจรรย์จากด้านบน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการรบกวนให้ได้มากที่สุดเป็นวิธีที่น่าสนใจไม่น้อย M'ZAB VALLEY – Algeria แอลจีเรีย อีกหนึ่งประเทศทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ที่แม้หลายคนจะไม่คุ้นเคยแต่รับรองได้ว่าจะต้องเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจไม่แพ้ทริปไหนๆ และจุดหมายปลายทางที่ห้ามพลาดหากได้ไปเยือนก็คือ M'Zab Valley…
Editor
27 September 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
ยังอินซีรีส์อยู่…ชวนอูยองอูไปดูวาฬกันดีกว่า

สร้างความประทับใจให้ใครหลายคนจนบ่นอุบไม่อยากให้ถึงอีพีสุดท้าย สำหรับ Extraordinary Attorney Woo หรือ อูยองอู ทนายอัจฉริยะ ซีรีส์เกาหลีที่นำเสนอเรื่องราวของทนายสาวคนเก่ง ดีกรีนิติศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติโซล แต่ด้วยภาวะ Autism Spectrum Disorder (ASD) ทำให้เธอไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมอย่างเต็มที่ ไม่บ่อยนักที่เราจะได้ดูซีรีส์ที่ตัวละครมีภาวะ Autism Spectrum เช่นนี้ จนทำให้เราตระหนักรู้ว่า ความบกพร่องบางอย่างไม่ได้ลดทอนคุณค่าในหน้าที่การงานหรือชีวิตได้ มากไปกว่านั้นตัวละครอย่างอูยองอูยังเก่งและมีด้านที่แม้จะแตกต่างแต่ก็งดงาม ไม่ว่าจะเป็นการกินคิมบับเป็นประจำ หรือการพูดถึงวาฬซ้ำๆ อยู่เสมอ ซึ่งพี่ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเลนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งภาพจำของซีรีส์เรื่องนี้ไม่แพ้กัน แน่นอนว่าวาฬไม่ใช่สัตว์ที่เราจะพบเจอได้ง่ายๆ การออกไป “ชมวาฬ” จึงเป็นดั่งช่วงเวลาต้องมนต์ที่ยากจะลืมอย่างแน่นอน และวันนี้ Power ก็มาแนะนำจุดชมวาฬที่ขึ้นชื่อจากทั่วโลกให้ได้ปักหมุดกัน ส่วนคำถามที่ว่าทำไมอูยองอูถึงชอบวาฬมากนั้น ลองไปหาคำตอบในซีรีส์กันได้เลย VANCOUVER ISLAND – Canada เกาะแวนคูเวอร์ เกาะที่ใหญ่ที่สุดในชายฝั่งแปซิฟิกของทวีปอเมริกาเหนือ ดินแดนอันเต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทั้งภูเขา ทะเลสาบ และป่าดิบชื้น พร้อมกิจกรรมอย่างการโต้คลื่น สกี และแน่นอนการชมวาฬ โดยเฉพาะวาฬเพชฌฆาต (Orca) ที่อาศัยอยู่บริเวณทางเหนือและทางใต้ของเกาะ ซึ่งคุณสามารถพายคายักเข้าไปสัมผัสใกล้ๆ ได้ รวมไปถึงวาฬหลังค่อม (Humpback Whale) และวาฬสีเทา (Gray Whale) ที่จะอพยพมาจากอะแลสกาในฤดูหนาวอีกด้วย AZORES – Portugal หมู่เกาะสุดมหัศจรรย์ใจกลางมหาสมุทรแอตแลนติก อันประกอบไปด้วยเกาะหลักๆ น้อยใหญ่ 9 เกาะ ที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป กิจกรรมหลักๆ หนีไม่พ้นการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เช่น การเดินป่า แช่บ่อน้ำร้อน รวมถึงการล่องเรือดูโลมาและวาฬนั่นเอง โดยในแต่ละช่วงของปีก็จะเห็นวาฬต่างชนิดกันไป วาฬหัวทุย (Sperm Whale) นั้นสามารถพบได้ตลอดทั้งปี ส่วนวาฬหลังค่อมพบมากในช่วงเดือนตุลาคม ในขณะที่พี่ใหญ่ วาฬสีน้ำเงิน (Blue Whale) มักจะมาช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม HERVEY BAY – Australia แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญในรัฐควีนส์แลนด์ เมืองชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย ความอุดมสมบูรณ์ทำให้ปริมาณของวาฬหลังค่อมในแถบนี้เพิ่มมากขึ้นทุกปี รวมไปถึงการเป็นแหล่งรวมวาฬหลังค่อมที่อพยพหนีอากาศหนาวจากที่อื่นมาขยายพันธุ์ Hervey Bay จึงก็ค่อยๆ เป็นที่รู้จักว่าเป็นหนึ่งในประสบการณ์การชมวาฬใกล้ๆ แบบแทบจะเอื้อมมือไปสัมผัสได้ PUERTO MADRYN – Argentina Puerto Madryn ประเทศอาร์เจนตินา ดินแดน Patagonia จุดหมายปลายทางสำหรับผู้มีใจรักการเดินทางแบบ Outdoor ที่ขึ้นชื่อมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก พระเอกของงานคือ วาฬเซาเทิร์นไรต์ (Southern Right Whale) หนึ่งในสายพันธุ์วาฬไม่มีฟัน เจ้าตัวโตขี้เล่นที่จะอพยพมายังแถบอเมริกาใต้ในช่วงฤดูหนาวเพื่อผสมพันธุ์ และเอกลักษณ์อันโดดเด่นของวาฬสายพันธุ์นี้ก็คือการเล่นบนผิวน้ำ โต้ครีบกับลม รวมไปถึงหยอกล้อกับเพื่อนๆ อย่างวาฬหลังค่อมหรือโลมาเมื่อมีโอกาสอีกด้วย HERMANUS – South Africa เมืองท่องเที่ยวในประเทศแอฟริกาใต้ ที่ได้ชื่อว่าบางครั้งสามารถมองเห็นวาฬว่ายน้ำอยู่จากชายฝั่งหรือหน้าผาได้เลยโดยเฉพาะในช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิ้นปี อีกทั้งทุกๆ ช่วงปลายเดือนกันยายน จะมีงานใหญ่อย่าง Hermanus Whale Festival ที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองฤดูหาคู่และการมาเยือนของวาฬเซาเทิร์นไรต์ นอกจากนี้ยังสามารถพบวาฬหลังค่อมและวาฬบรูด้า (Bryde's Whale) ได้เช่นกัน MIRISSA – Sri Lanka เมืองเล็กๆ ริมชายฝั่งทางใต้ของประเทศศรีลังกา ที่นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องไนต์ไลฟ์อันสนุกสนานแล้ว การชมวาฬก็เป็นอีกกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดโดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน วาฬหลายชนิดสามารถพบได้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นวาฬฟิน (Fin…
Editor
23 September 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
ลิ้มลองอาหารจีนโมเดิร์นที่ ‘Mott 32’
The Standard, Bangkok Mahanakhon

The Standard, Bangkok Mahanakhon (เดอะ สแตนดาร์ด แบงค็อก มหานคร) โรงแรมไลฟ์สไตล์สุดฮิปจับมือร่วมกับแบรนด์ร้านอาหารระดับโลกอย่าง Mott 32 พร้อมเปิดตัวร้านอาหารจีนชื่อดังสู่ชาวไทยกับ Mott 32 Bangkok ที่จะมานำเสนออาหารไฟน์ไดนิ่งสไตล์จีนโมเดิร์น โดยมุ่งเน้นถึงเรื่องความยั่งยืน คงความต้นตำรับ และการนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาสอดประสานเพิ่มความโดดเด่นในแต่ละเมนู ในฐานะแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก รวมไปถึงเรื่องการประยุกต์อาหารจีนให้มีความทันสมัยแต่คงความดั้งเดิมเอาไว้ และขึ้นชื่อด้วยการนำเสนอวัตถุดิบสดใหม่คุณภาพพรีเมียมจากทั่วโลก Mott 32 ก็ได้นำแนวคิดและคงคุณภาพอันดีเลิศนี้มาใช้กับที่กรุงเทพด้วยเช่นกัน “พวกเรารู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ทำงานร่วมกับแบรนด์ดังอย่าง The Standard โดยเฉพาะกับโรงแรมแฟล็กชิป The Standard, Bangkok Mahanakhon ซึ่งเป็นสถานที่ที่ลงตัวมาก ในการนำเสนอประสบการณ์การรับประทานอาหารจีนชั้นเลิศคู่กับบริการที่ยอดเยี่ยม พร้อมเมนูเครื่องดื่มอันหลากหลาย ทั้งนี้พวกเรามั่นใจว่า Mott 32 Bangkok จะเป็นห้องอาหารอันดับต้นๆ สำหรับนักชิมอย่างแน่นอน” Xuan Mu ผู้ร่วมก่อตั้งกล่าวดังนั้น Mott 32 Bangkok จึงพร้อมนำทัพความอร่อยมาสู่กรุงเทพครั้งแรก ซึ่งเชฟจะนำเทคนิคใหม่ๆ บวกกับสูตรลับเฉพาะที่ถูกส่งผ่านนับตั้งแต่รุ่นสู่รุ่นผสานความโมเดิร์นมานำเสนอและปรุงแต่งให้ออกมาเป็นมื้อที่ดีที่สุด รวมถึงเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Apple Wood Roasted 42 Days Peking Duck “Signature Mott 32 cut” เป็ดปักกิ่งรมควันด้วยไม้แอปเปิลโดยใช้เป็ดที่มีอายุเพียง 42 วันเท่านั้น พร้อมหั่นโชว์โดยผู้ชำนาญสไตล์ซิกเนเจอร์ของ Mott 32 ตามด้วย Barbecue Pluma Iberico Pork, Yellow Mountain Honey หมูแดงบาร์บีคิวไอเบอริโก้ที่คัดเฉพาะเนื้อหมูไอเบอริโก้ท็อปเกรดจากสเปนนำไปหมักด้วยน้ำผึ้งและปรุงรสตามสูตรลับเฉพาะของ Mott 32 จนได้หมูแดงซิกเนเจอร์ที่หาตัวจับยาก และเมนูอื่นอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีเมนูติ่มซำชั้นเลิศที่พลาดไม่ได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น Soft Quail Egg Siu Mai, Pork, Black Truffle ขนมจีบเห็ดทรัฟเฟิลหมูไอเบอริโก้สอดไส้ไข่นกกระทา หรือนักชิมที่โปรดปรานของหวานจะต้องถูกใจกับเมนูของหวานที่ควรค่าแก่การลิ้มลองไม่ว่าจะเป็น Almond Cream Soup with Marshmallows ซุปครีมอัลมอนด์เสิร์ฟพร้อมมาร์ชเมลโล่ White Sesame Chocolate Tart with Lime, Sea Salt and Pine Nuts ทาร์ตช็อกโกแลตงาขาวผสมมะนาว เกลือทะเล และเมล็ดสน ในส่วนของการออกแบบ Mott 32 Bangkok นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากวิถีชีวิต การค้าขาย และประวัติศาสตร์ของจีน ตลอดจนริมแม่น้ำฝั่งอยุธยาในสมัยก่อนของไทย ประยุกต์ให้เข้ากับคอนเซปต์การออกแบบของสตูดิโอ CAP Atelier ซึ่งเป็น อินทีเรียดีไซเนอร์ของ Mott 32 Bangkok ได้ผสมผสานความเป็นฮ่องกงโมเดิร์นเข้าด้วยกัน โดยมุ่งเน้นถึงเรื่องการใช้พื้นที่อันกว้างขวางเพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และการใช้ของตกแต่งที่ถูกคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน อาทิ ของตกแต่งสไตล์วินเทจ และภาพจิตรกรรมเพื่อแสดงถึงความเป็นสมัยใหม่ไปจนถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่แสดงถึงความเป็นไทยอันสวยงาม นอกจากนี้ห้องรับประทานอาหารส่วนตัวยังมีธีมที่แตกต่างกันไป ได้แก่ วัฒนธรรมดนตรีแบบดั้งเดิมของจีนและไทย การค้าขายผ้าไหมระหว่างเอเชียและยุโรป รวมถึงวัสดุที่ช่างฝีมือชาวไทยและชาวจีนนิยมนำมาใช้ในการทำเฟอร์นิเจอร์อย่างไม้สัก ทั้งนี้ทาง CAP Atelier ได้ออกแบบห้องอาหารให้เข้ากับเมืองร้อนโดยเพิ่มโซน Outdoor หรือบริเวณระเบียงด้านนอกรายล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียวในบรรยากาศร่มรื่นไว้ให้เหล่านักชิมนักดื่มได้มาเอนจอย ปิดท้ายด้วยบาร์ซึ่งถูกออกแบบในรูปทรงหกเหลี่ยมสวยงามตระการตาพร้อมเชิญชวนให้คุณเพลิดเพลินไปกับโปรแกรมค็อกเทลและไวน์ลิสต์ที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีโดยทีมงานผู้เชี่ยวชาญ…
Editor
22 September 2022
Lifestyle

LIFESTYLE
World Car Free Day
ร่วมด้วยช่วยกัน
ลดการสร้างมลพิษในอากาศกันเถอะ!

22 กันยายน ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น วันรณรงค์ลดการใช้รถส่วนบุคคล หรือ World Car Free Day โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อให้ผู้ใช้รถได้มองหาทางเลือกทดแทนที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ เช่น การหันมาใช้บริการขนส่งสาธารณะ การเดิน หรือการใช้จักรยาน เป็นต้น เพราะนอกจากจะช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศแล้ว ยังช่วยลดปัญหาจราจร รวมไปถึงโอกาสที่จะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุต่างๆ ได้อีกด้วยนั่นเอง World Car Free Day จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2000 โดยก่อนหน้านั้นก็ได้มีบางประเทศที่เริ่มรณรงค์กันไปบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส อิตาลี เบลเยียม ฯลฯ หลายองค์กรต่างๆ ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย ต่างจัดเคมเปญให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลกันอย่างคึกคัก World Car Free Day และกิจกรรมต่างๆ ในวันนี้ ช่วยย้ำเตือนให้เรารู้ว่า เราจะใช้ชีวิตโดยไม่ใช้รถยนต์ได้อย่างไรบ้าง มันคือจุดเริ่มต้นที่จะนำพาสังคมให้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ในอนาคตอันใกล้อุตสาหกรรมที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงจะต้องถูกแทนที่ด้วยพลังงานสะอาดต่างๆ การวางผังเมืองจะต้องออกแบบทางสำหรับจักรยานที่มากขึ้น ตลอดจนการตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมว่าไม่ใช่เพียงแค่วันใดวันหนึ่ง แต่เราต้องร่วมมือกันทุกวัน BONTRAGER Ion Elite R + Flare R City Light Set SHOP NOW XXX Wavecel Asia Fit Helmet - Azure Blue SHOP NOW RESTRAP Camp Kit Cycling Cap SHOP NOW ROVER AL-FDB207-R SHOP NOW NINEBOT eMoped A35 Electric Bike SHOP NOW D3F Electric Bike - Black SHOP NOW
Editor
20 September 2022