DestinationLifestyle

DESTINATION
5 จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น
เติมพลังรับแสงแรกของปีใหม่

ช่วงปลายปีลมเย็นๆ อากาศดีแบบนี้ บวกกับวันหยุดที่มีติดต่อกันหลายวัน ทำให้หลายคนเลือกที่จะออกเดินทางไปเที่ยวชมธรรมชาติ และหนึ่งในที่สุดของการเที่ยวหน้าหนาว ก็คือการพาตัวเองไปรับแสงแรกในบรรยากาศสุดพิเศษ ชมพระอาทิตย์ขึ้นแบบสวยๆ ให้ธรรมชาติช่วยชาร์จพลังให้เต็มก่อนเริ่มต้นปีใหม่ ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวงามยามเช้านั้นมีมากมาย หลากอารมณ์หลายสไตล์ทั้งภูเขาและทะเล วันนี้ Power จะมาแนะนำจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นให้ได้ปล่อยใจไปกับทัศนียภาพเบื้องหน้าอันงดงามรับปีใหม่ ผาชะนะได จังหวัดอุบลราชธานี คงจะไม่มีที่ไหนจะเหมาะกับคำว่า “แสงแรก” ไปกว่า ผาชะนะได อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานีอีกแล้ว เพราะนี่คือที่ที่สามารถเห็นพระอาทิตย์ได้ก่อนใครในประเทศไทย ซึ่งการใช้เป็นสถานที่บอกเวลาดวงอาทิตย์ขึ้น ก็มิได้เป็นความพิเศษเพียงอย่างเดียวของที่นี่อย่างแน่นอน เพราะทิวทัศน์ที่มองเห็นนั้นต้องเรียกว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและผืนป่าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา ทะเลหมอกที่ไหลผ่านในหน้าหนาว ลำน้ำโขงที่ทอดยาวกั้นดินแดนประเทศลาวที่อยู่เบื้องหน้า และไฮไลต์อย่างแสงสีทองที่โผล่พ้นทิวเขาสาดตรงมายังผาที่เรากำลังยืนอยู่ นักท่องเที่ยวสามารถกางเต็นท์พักแรมได้บริเวณลานกางเต็นท์ที่จัดไว้บริการ และเนื่องจากผาชะนะไดตั้งอยู่ในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติ จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อห้ามและระเบียบต่างๆ ที่กำหนดไว้ โดยหลังจากปิดทำการในช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมา ทางอุทยานฯ ก็ได้ทำการปรับปรุงเส้นทางการเดินทางให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น ทว่ายังคงมีความคดเคี้ยวและแคบสำหรับผู้ไม่ชินเส้นทาง จึงมีการกำหนดช่วงเวลาการขึ้นลงเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวนั่นเอง สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/pt074 เสม็ดนางชี จังหวัดพังงา เปลี่ยนบรรยากาศจากภูเขาไปทะเลกันบ้างกับจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดพังงา สถานที่ท่องเที่ยวที่เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะไม่กี่ปีมานี้ จุดชมวิวเสม็ดนางชีนั้นรายล้อมไปด้วยเกาะแก่งและภูเขาหินปูนน้อยใหญ่ของอ่าวพังงา เมื่อพระอาทิตย์ยามเช้าฉายแสงสีทองกระทบผิวน้ำ แสงและเงาจากฝีมือของธรรมชาติ ก่อให้เกิดเป็นความมหัศจรรย์ราวกับภาพวาด ถ่ายรูปอย่างไรมุมไหนก็สวย แต่จะสวยที่สุดก็ต่อเมื่อได้ไปเห็นด้วยตาตนเอง การขึ้นไปยังจุดชมวิวเสม็ดนางชีนั้น แบ่งออกเป็น 2 จุดด้วยกัน จุดบนสุดที่ระยะทาง 500 เมตร มีที่พัก ที่กางเต็นท์บริการ มองเห็นภาพกว้างได้เป็นอย่างดี ส่วนจุดที่สองที่ระยะทาง 300 เมตร จะเห็นวิวภูเขาทิวทัศน์ต่างๆ ได้ใกล้กว่า นอกจากนั้นบริเวรโดยรอบก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมอีกมากมาย ทั้งชมวิถีชีวิตชุมชน ชมทะเลแหวก หรือเช็กอินที่ James Bond Island กันเพลินๆ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/tatphangnga/ ม่อนกิ่วลม จังหวัดตาก ม่อน เป็นภาษาถิ่นทางภาคเหนือ แปลว่า เนินเขาหรือยอดเขา โดยม่อนกิ่วลมตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่เมย จังหวัดตาก บริเวณแนวตะเข็บชายแดนด้านตะวันตกของไทยติดต่อกับประเทศเมียนมา ซึ่งที่นี่ถือเป็นจุดชมดวงอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของภาคเหนือ ความพิเศษอยู่ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพได้ทั้งทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออก รวมถึงในหน้าหนาวจะมีทะเลหมอกที่มียอดเขาโผล่พ้นขึ้นมาราวกับเกาะกลางทะเลสีขาวโพลน ตามปกติสภาพอากาศที่ชื้นของลุ่มแม่น้ำเมยนี้ทำให้อากาศเย็นสบายและมีหมอกตลอดทั้งปี แถมในแต่ละวันกว่าหมอกจะจางไปก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงวัน ม่อนกิ่วลมอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 12 กิโลเมตร ต้องเดินเท้าขึ้นไปซึ่งนับว่าค่อนข้างไกล นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จึงนิยมพักค้างแรมที่ม่อนอื่นๆ ระหว่างทาง อย่างม่อนปุยหมอกก่อนหนึ่งคืน ตื่นเช้ามาชมบรรยากาศแล้วจึงออกเดินทางต่อไปยังม่อนกิ่วลม โดยข้างบนนั้นสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จะมีไม่มาก ที่นี่จึงเหมาะสำหรับสายลุยที่ต้องการการผจญภัยท่ามกลางธรรมชาติ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/MaeMoeiNationalPark/ ทะเลบัวแดง จังหวัดอุดรธานี ทะเลบัวแดง เป็นทุ่งดอกบัวในทะเลสาบหนองหาน ทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในอำเภอกุมภวาปี และพื้นที่บางส่วนในอำเภอประจักษ์ศิลปาคม จังหวัดอุดรธานี ตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์องที่นี่ขอย่างหนึ่งก็คือพระเอกอย่าง “บัวแดง” ที่งอกงามบานสะพรั่งอวดโฉมสีสันสดใสอยู่เต็มบึง โดยปกติบัวแดงนั้นจะบานช่วงปลายปี ราวเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ทำให้เหมาะแก่การไปรับพลังจากธรรมชาติในบรรยากาศเย็นสบายของฤดูหนาวเป็นอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวนิยมที่จะไปรอกันตั้งแต่เช้ามืดเพื่อลงเรือล่องไปในบึง รอชมความงามของพระอาทิตย์ขึ้นส่องแสงสีเหลืองทองตัดกับสีแดงอมชมพูของบัวแดงที่จะบานในตอนเช้าราวกับนัดกันไว้ไม่มีผิด เมื่อฟ้าเริ่มสางสีของบรรยากาศจึงค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละน้อย แต่ก็ยังคงความงดงามสามารถถ่ายรูปกันจนเพลิน ซึ่งนั่นเองคือข้อดีอันเป็นเสน่ห์ของธรรมชาติ ความเรียบง่ายที่ดูเผินๆ อาจไม่มีอะไร แต่จริงๆ แฝงไว้ด้วยรายละเอียดมากมายที่ต้องใช้เวลาและความใส่ใจจึงจะมองเห็น สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://www.facebook.com/tatudon/ สะพานมอญ จังหวัดกาญจนบุรี สะพานมอญอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แต่การเดินทางนั้นก็มีข้อจำกัดอยู่เล็กน้อย เนื่องจากถนนหนทางค่อนข้างลำบากและคดเคี้ยว การขับรถส่วนตัวไปเองจึงต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ แต่หากจะโดยสารรถประจำทางจากตัวเมืองเข้าไปก็ต้องเช็กรอบรถให้ดี เพราะในแต่ละวันจะมีเพียงไม่กี่รอบและหมดเร็ว เมื่อพูดถึงสะพานมอญหรือสังขละบุรี หลายคนจะนึกถึงวิถีชีวิตของสองเชื้อชาติริมฝั่งแม่น้ำกับภาพของสะพานไม้ที่เชื่อมสายใยวัฒนธรรมของสองฟากฝั่งไว้ด้วยกันเป็นอย่างแรก แต่อีกหนึ่งไฮไลต์ที่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนพลาดไม่ได้ก็คือความงดงามของพระอาทิตย์ในยามเช้า ที่ส่องสว่างผ่านด้านหลังของภูเขา สะท้อนลงมากระทบผิวน้ำซองกาเลียจนเป็นประกาย พร้อมๆ กับชาวบ้านที่ออกมาทำกิจกรรมของเช้าวันใหม่ เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวา การเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ อีกครั้ง เหมือนอย่างที่พระอาทิตย์ยังคงขึ้นในทุกวัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม https://kanchanaburi.mots.go.th/ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก…
Editor
28 December 2021
DestinationLifestyle

DESTINATION
สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษส่งท้ายปี
กับ 4 สถานที่เคานต์ดาวน์วิวดีในกรุงเทพมหานคร

สำหรับค่ำคืนที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองอย่างคืนส่งท้ายปีเก่านั้น การพาตัวเองและคนรักไปใช้เวลาร่วมกันในสถานที่พิเศษ ถือเป็นการเตรียมตัวต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจนี้ได้ดีอย่าบอกใคร เพราะเราต่างรู้ดีว่า ปีเดือนอันแสนหนักหนากำลังจะผ่านพ้นไปในไม่ช้า และสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานครที่เราได้คัดสรรมาเป็นอย่างดีเหล่านี้ ล้วนมีความพิเศษในแบบฉบับของตัวเอง หลากหลายครบทุกรสชาติทั้งแม่น้ำ ชุมชน ถนน และบนฟ้า ซึ่งก็รับประกันได้เลยว่า จะช่วยมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้ประทับอยู่ในใจไว้ตั้งแต่นาทีแรกของปี 2022 กันเลยทีเดียว Ratchadamnoen Road หลังจากกลับจากการเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างถนนที่สวยงามสง่าขึ้นเส้นหนึ่ง เพื่อทรงใช้ในการเสด็จพระราชดำเนินระหว่างพระบรมมหาราชวังกับพระราชวังดุสิต รวมถึงให้ประชาชนได้มีเส้นทางไว้สำหรับทำมาค้าขายได้สะดวกกว่าแต่ก่อน ตลอดจนเดินเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจไปในตัว พระราชทานนามว่า “ถนนราชดำเนิน” โดยต้นแบบก็มิใช่ใดอื่น Champs-Élysées แห่งมหานครปารีส ถนนที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในโลกนั่นเอง ดูเหมือนคำกล่าวที่ว่า “Paris is always a good idea.” จะไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยไปนักในครั้งนี้ ถนนราชดำเนินเมื่อครั้งสร้างเสร็จใหม่ๆ นั้น มีสภาพเป็นถนนโล่งๆ มีช่องทางสำหรับเดินรถและเดินเท้า พร้อมกับเสาไฟและเก้าอี้รายทางอย่างยุโรปนิยม ต่อมาจึงมีการสร้างเกาะกลางถนนและอาคารเพิ่มเติมเข้าไป ซึ่งก็ยังคงยึดต้นแบบมาจากสถาปัตยกรรมโมเดิร์นสไตล์ฝรั่งเศสขณะนั้น กระทั่งภายหลังเริ่มมีบทบาทมากขึ้นทั้งในทางสังคมและวัฒนธรรม มีโรงเรียน โรงแรม อนุสรณ์สถาน หอสมุด สนามมวย และที่ทำการกระทรวงต่างๆ พร้อมประดับตกแต่งไฟตลอดเส้นทางในเทศกาลเฉลิมฉลองสำคัญๆ กลายเป็นถนนเส้นหลักแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ที่ไม่เคยหลับไหล ในยามค่ำคืนของวันสิ้นปี ถนนเก่าอายุร้อยกว่าปีที่ผสมผสานไว้ซึ่งความแตกต่างแห่งยุคสมัยอันเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เส้นนี้ จะงดงามเป็นทวีด้วยดวงไฟที่ประดับประดาสว่างไสวสุกสกาวตลอดเส้นทาง ซึ่งหากได้ขับรถหรือเดิน “ดูไฟราชดำเนิน” แล้วล่ะก็ นอกจากความงดงามที่รับรู้ได้ในทันที เมื่อลองสังเกตดีๆ ยังจะสามารถสัมผัสได้ถึงกาลเวลาที่เปลี่ยนผ่าน ถนนแห่งนี้ได้เชื่อมโยงของไทยเดิม (พระบรมมหาราชวัง-วัดพระแก้ว) เข้ากับของไทยใหม่ (พระราชวังดุสิต-พระที่นั่งอนันตสมาคม) ตามจุดประสงค์แรกที่มันถูกสร้างขึ้น ในขณะที่ตัวเองกลับเป็นสิ่งที่รับมาจากโลกตะวันตก สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ในช่วงเวลานั้นที่ประเทศไทยกำลังอยู่ในยุคของการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัย (Modernisation) ได้เป็นอย่างดี ทว่าในขณะที่ความคิดกำลังเดินทางย้อนไปในอดีต นาฬิกาที่ยังคงเดินไปข้างหน้าก็บอกให้รู้ว่าปีใหม่มาถึงแล้ว Sala Arun Bangkok ร้านอาหารพร้อมที่พักในตัวแห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ในชุมชนท่าเตียน ย่านชุมชนเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงรัตนโกสินทร์ นั่นหมายความว่า “ศาลาอรุณ” จึงแวดล้อมไปด้วยบรรยากาศของวัด วัง ตลอดจนวิถีชีวิตของชุมชนริมเจ้าพระยา โดยเฉพาะความงดงามตรึงตาตรึงใจของพระปรางค์วัดอรุณฯ แสนสง่าที่อีกฟากฝั่งของแม่น้ำ แน่นอนว่าการบริการ การตกแต่ง หรือรสชาติของอาหารนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย เพราะคุณจะได้สัมผัสกับที่พักแสนอบอุ่น สบายๆ เป็นกันเอง รวมไปถึงรสชาติของอาหารไทยที่ผสมผสานกับอาหารนานาชาติอย่างฝรั่งเศสหรืออิตาเลียนได้อย่างยอดเยี่ยมลงตัว ทว่าเสน่ห์ที่เป็นดั่งไฮไลต์ของ “ศาลาอรุณ” รวมถึง ร้านอาหาร “The Deck by Arun Residence” และ “Eagle Nest” รูฟท็อปบาร์ที่ตั้งอยู่ในที่พักแห่งนี้ ก็คือทิวทัศน์ของพระปรางค์วัดอรุณฯ ที่ไม่ว่าจะชมในยามเช้าหรือยามค่ำคืน ก็ชวนหลงใหลและเนรมิตให้วันนั้นกลายเป็นวันพิเศษขึ้นได้ในทันที ด้วยความที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัดพอดี จึงสามารถที่จะสัมผัสความงามได้อย่างเต็มตา ยังมีลมหนาวที่พัดมาเอื่อยๆ ในค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าช่วยเสริมบรรยากาศ ทำให้ภาพขององค์พระปรางค์ต้องแสงไฟอยู่ใต้แสงดาว จะต้องเป็นภาพประทับใจแรกของปีที่ยากจะลืมเลือนอย่างแน่นอน Sirimahannop ห้องอาหารและบาร์ที่ลอยโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ สร้างขึ้นโดยมี “เรือทูลกระหม่อม” เรือใบสามเสาคล้ายเรือสําเภาซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศเป็นต้นแบบ โดยถือเป็นเรือประวัติศาสตร์ที่ทำหน้าที่เชื่อมสยามกับโลกตะวันตก ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงมีพระราชดําริเรื่องการเปิดการค้าเสรี การทำสนธิสัญญาเบาว์ริง และการเดินเรือกับอังกฤษ กระทั่งในเวลาต่อมาเมื่อถึงคราวจำเป็น เรือทูลกระหม่อมก็ได้เปลี่ยนหน้าที่จากเรือสินค้าไปเป็นเรือรบประจำการป้องกันปากน้ำเจ้าพระยา ก่อนจะถูกปลดระวางในฐานะเรือรบใช้ใบลําสุดท้ายของกองทัพเรือ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า ณ ท่าเรือของเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ท่าเรือขนส่งระหว่างประเทศแห่งแรก อดีตย่านอุตสาหกรรมที่ยังคงความมีชีวิตชีวาไม่เสื่อมคลาย โดยไฮไลต์อยู่ที่บริเวณชั้นดาดฟ้าของเรือ (Upper Deck) ที่รายล้อมไปด้วยทัศนียภาพธรรมชาติอันงดงามของสายน้ำแห่งแผ่นดิน สถาปัตยกรรมสะพานแบบอสมมาตรที่สูงเป็นอันดับ 5 ของโลกของสะพานพระราม 3 ตลอดจนเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตริมฝั่งเจ้าพระยา…
Editor
24 December 2021
DestinationLifestyle

DESTINATION
5 ประเทศ ที่ใครๆ ก็อยากไปฉลองปีใหม่ 2022

เพราะเทศกาลปีใหม่มีได้แค่ปีละครั้ง จึงเป็นดั่งช่วงเวลาแห่งความสุขที่หลายคนพยายามทำให้พิเศษที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไล่เรียงเรื่อยมาตั้งแต่คริสต์มาส สัปดาห์สุดท้ายของปีท่ามกลางบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง กระทั่งผ่านพ้นเข้าสู่วินาทีแรกของวันที่ 1 มกราคม นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลายคนจึงต้องการที่จะฉลองปีใหม่ในสถานที่สุดพิเศษ ลองนึกดูว่าจะดีแค่ไหน หากได้เริ่มต้นปีด้วยความรู้สึกอันอิ่มเอม ได้สัมผัสประสบการณ์ที่ต่างไปจากเดิม รวมถึงได้เติมพลังชีวิตในบรรยากาศที่ดีต่อใจ ให้สมกับช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองที่รอคอยมาทั้งปี ซึ่ง Power ก็มีจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่หลายคนอยากไปส่งท้ายปีเก่ามาแนะนำ จะมีที่ไหนบ้างนั้นไปดูพร้อมๆ กันได้เลย 1. รัสเซีย รัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่เราสามารถเดินทางไปได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และแน่นอนว่าความหนาวเย็นนั้นไม่ต้องพูดถึงโดยเฉพาะช่วงปลายปีแบบนี้ การไปฉลองส่งท้ายปีเก่าที่นั่นจึงนับเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เพราะนอกจากจะได้สัมผัสกับอากาศดีๆ แล้ว ความงดงามของเมืองหลวงอย่างมอสโกไม่เคยทำให้ใครผิดหวังแน่นอน ในฐานะศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของประเทศ มอสโกเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจมากมาย สถาปัตยกรรมและการตกแต่งอันน่าทึ่งที่พบเห็นได้ทั้งเมือง พร้อมที่จะพาคุณก้าวเข้าสู่ปีใหม่ท่ามกลางสถานที่ที่หนาวที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีฉากหลังในยามค่ำคืนเป็นพลุสุดตระการตา ซึ่งจุดที่ห้ามพลาดนั้นอยู่ที่จัตุรัสแดงอันเลื่องชื่อ แลนด์มาร์กที่รายล้อมไปด้วยจิตวิญญาณความเป็นรัสเซียอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นมหาวิหารเซนต์เบซิล พระราชวังเครมลิน หรืออนุสรณ์สถานเลนิน เพราะคุณจะได้สัมผัสกับแสงไฟระยิบระยับที่ขับให้เมืองที่มหัศจรรย์อยู่แล้วอลังการมากยิ่งขึ้นไปอีก 2. สหราชอาณาจักร ลอนดอนในช่วงปีใหม่ไม่เคยน้อยหน้าใครอยู่แล้ว แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่ากิจกรรมบางอย่างอาจเปลี่ยนไป แน่นอนว่าบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองยังคงอยู่ เพียงแต่ถูกปรับให้เหมาะสมมากขึ้นเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นการได้ไปเคานต์ดาวน์ที่ลอนดอนยังคงเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจอยู่เสมอ และสิ่งที่เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของคริสต์มาสและปีใหม่ใจกลางลอนดอนก็คือ การประดับไฟที่ Regent Street ในคอนเซปต์ “The Spirit of Christmas” ซึ่งเป็นธรรมเนียมต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงกลางยุค 50 โดยปกติจะเริ่มประดับประดากันตั้งแต่ปลายพฤศจิกายน ทำให้ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมารู้สึกได้ถึงบรรยากาศของการเฉลิมฉลองที่ใกล้เข้ามาทุกที นอกจากนี้ ถนนเส้นอื่นๆ ในละแวกใกล้เคียง ไม่ว่าจะเป็น Oxford Street, Bond Street หรือ Carnaby Street ก็งดงามสว่างไสวไปด้วยไฟประดับไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน รวมไปถึงบรรดางานศิลปะจากศิลปินร่วมสมัยก็มีให้ชมอย่างไม่ขาดสาย สมกับเป็นมหานครแห่งความเก๋ไก๋และคลาสสิกของใครหลายคน 3. ฝรั่งเศส การได้ใช้เวลาช่วงเทศกาลปีใหม่ในมหานครที่งามหยดย้อยอย่างปารีสนั้น คงเป็นดั่งความฝันของใครหลายคนอย่างไม่ต้องสงสัย ในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมที่เป็นภาพแทนของความโรแมนติกและคลาสสิกอย่างเป็นอมตะ ทำให้การจินตนาการว่ากำลังเดินฝ่าลมหนาว ดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนของสองข้างทางที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟ ลัดเลาะไปตามช็องเซลีเซ ผ่านประตูชัยฝรั่งเศสและจัตุรัสแห่งดวงดาว แล้วข้ามแม่น้ำแซนไปดูพลุข้ามปีที่หอไอเฟล เพียงเท่านี้ก็เป็นความทรงจำที่จับใจไปอีกนาน นอกจากนี้ ความพิเศษของปารีสในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าที่ดึงดูดผู้คนรวมไปถึงสร้างบรรยากาศของการเฉลิมฉลองได้เป็นอย่างดีก็คือ Christmas Market ที่สวน Tuileries ด้วยขนาดของตลาด ความครึกครื้น และกิจกรรมมากมายในนั้น ไม่ว่าจะเป็นไอซ์สเกต เดินดูงานคราฟต์ หาของกิน หรือจิบไวน์ร้อน เหล่านี้ล้วนทำให้การไปเดินเล่นที่นั่นคืออีกหนึ่งหมุดหมายของการไปฉลองปีใหม่ที่ฝรั่งเศสก็ว่าได้ 4. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลายปีมานี้สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกรวมถึงคนไทยเรา ภาพของเมืองสวรรค์กลางทะเลทรายและความอลังการของบรรดาตึกระฟ้า น่าจะเป็นสิ่งแรกที่เรานึกถึงเมืองอย่างดูไบ ซึ่งนอกจากความล้ำสมัยยิ่งใหญ่ตระการตาแล้ว ดูไบยังเต็มไปด้วยแลนด์มาร์กอันสวยงาม ที่พร้อมจะเพิ่มดีกรีความพิเศษขึ้นไปอีกหลายเท่าในช่วงปีใหม่นี้ ตื่นตาตื่นใจไปกับแสงสีเสียงบริเวณทะเลสาบ Burj Khalifa ที่รายล้อมไปด้วยสิ่งก่อสร้างสุดมหัศจรรย์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นพลุสุดอลังการจากตึกที่สูงที่สุดในโลก Burj Khalifa ชมโชว์สุดอลังการของ Dubai Fountain น้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ประดับด้วยไฟหลายพันดวงและโปรเจกเตอร์สี 50 เครื่อง กับน้ำพุเต้นระบำที่สูงขึ้นไปในอากาศถึง 500 ฟุต รวมไปถึงอีกหนึ่ง “ที่สุดในโลก” ในเรื่องความใหญ่ของ Dubai Mall ห้างสรรพสินค้าที่เรียกได้ว่ามีทุกอย่างที่คุณต้องการอยู่ในนั้น 5. สหรัฐอเมริกา ย้อนกลับไปเมื่อตอนสิ้นปี 2020 ที่ผ่านมา ถือเป็นครั้งแรกที่ไม่เปิดให้คนทั่วไปเข้าไปในงานเคานต์ดาวน์ที่ไทม์สแควร์ในรอบ 116 ปี แต่ถ้าในสถานการณ์ปกติ “นิวยอร์ก” คือหนึ่งในสถานที่เคานต์ดาวน์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย สายตาทุกคู่ล้วนจับจ้องไปที่ไทม์สแควร์อย่างไม่กะพริบตาในเวลาใกล้เที่ยงคืน จนอาจพูดได้ว่างานฉลองส่งท้ายปีเก่าที่นั่นไม่ได้เป็นแค่ปาร์ตี้ แต่มันคือประเพณีของโลก และแม้ว่าตอนนี้หลายอย่างเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทาง แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นปกตินัก โดยปีนี้ก็ได้มีการคลายมาตรการบางอย่างลงแล้ว ในขณะเดียวกันก็ใช้วิธีถ่ายทอดสดทางออนไลน์ในบางส่วนควบคู่กันไป พูดง่ายๆ ว่า จัดน้อยแต่จัดนะ เพราะบรรดานิวยอร์เกอร์และนิวยอร์กเลิฟเวอร์ทุกคนต่างคิดถึงช่วงเวลานี้ของปีกันแบบสุดๆ ไปเลย…
Editor
16 December 2021
DestinationLifestyle

DESTINATION
10 ประเทศยอดนิยมเที่ยวแบบปลอดภัย
ไม่ต้องกักตัว

ฉีดวัคซีน COVID-19 แล้วเที่ยวได้ หลังจากที่อดทนเงียบเหงากันอยู่นาน เพราะสถานการณ์โรคระบาดที่ทำให้ได้รับผลกระทบกันไปทั่วโลก มาถึงวันนี้เชื่อว่าหลายๆ คนคงคิดถึงบรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศกันอยู่ไม่น้อย เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเริ่มดีขึ้นในหลายๆ ประเทศและตัดสินใจเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดสอีกครั้ง เหล่านักเดินทางที่ลุ้นกันแบบที่เรียกว่าแทบจะนับวันรอก็เริ่มยิ้มได้ เตรียมหาข้อมูลวางแผนการเดินทางกันยกใหญ่ วันนี้ Power จึงอยากมาแชร์ลิสต์ 10 ประเทศที่คุณสามารถเดินทางไปเที่ยวได้แล้วแบบปลอดภัย ไม่ต้องกักตัว เพียงแต่ต้องเตรียมความพร้อมของตัวเองให้ไม่ตกหล่น คำนึงถึงความปลอดภัยทั้งกับตนเองและผู้อื่น และที่สำคัญต้องฉีดวัคซีนครบแล้วทั้ง 2 เข็ม ซึ่งจะมีประเทศอะไรบ้างนั้นไปดูพร้อมๆ กันได้เลย 1. ไอร์แลนด์ (Ireland) และนี่คือประเทศที่ครองแชมป์ในเรื่องของการจัดการโควิดได้ดีที่สุดจากการจัดอันดับของ Bloomberg ไอร์แลนด์ ประเทศที่เป็นเกาะเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานและเต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น อุทยานแห่งชาติคิลลาร์นี ปราสาทหินแคเชล ปราสาทดันลูซ หน้าผาโมเฮอร์ จัตุรัส Eyre Square และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ อีกมากมายที่พร้อมให้คุณเดินทางไปสัมผัสได้อย่างปลอดภัย โดยนักเดินทางที่จะสามารถเข้ามาท่องเที่ยวที่ไอร์แลนด์ได้แบบไม่ต้องกักตัวเพิ่มเติมนั้น ต้องได้รับวัคซีนป้องกัน COVID-19 แบบครบโดสตามที่ได้รับการรับรองโดย European Medicines Agency (EMA) หรืออาจมีเอกสารเพิ่มเติมอย่างเอกสารยืนยันการฟื้นตัวแบบสมบูรณ์ในกรณีที่เคยได้รับเชื้อ COVID-19 มาก่อน ไม่เกิน 180 วัน หรือมีผลตรวจ RT-PCR ที่เป็นลบ ออกไม่เกิน 72 ชั่วโมง ก่อนออกเดินทาง เพื่อความมั่นใจในการเดินทาง ศึกษาข้อกำหนดการเดินทางเพิ่มเติม คลิก 2. สเปน (Spain) อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่รักษามาตรฐานด้านการจัดการโควิดได้ดี ใครที่กำลังคิดถึงความสวยงามของสถาปัตยกรรมและความยิ่งใหญ่อลังการในงานออกแบบที่โดดเด่นสะดุดตา เราเชื่อว่าหนึ่งในนั้นต้องมี สเปน ซึ่งเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ทั้งในแง่ของสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ พิพิธภัณฑ์อันน่าทึ่ง และธรรมชาติที่งดงาม ไม่ว่าจะเป็น Plaza Mayor จุดเช็กอินอันเป็นไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดเมื่อเดินทางมาถึงมาดริด ความโอ่อ่าสง่างามของมหาวิหารบาเลนเซีย ที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ของงานศิลปะแบบนีโอ-คลาสสิก โกทิก บาโรก เพลิดเพลินไปกับการชื่นชมมรดกโลกที่ Alhambra งานศิลป์ชั้นยอดของชาวมัวร์ ชมความยิ่งใหญ่อลังการของพิพิธภัณฑ์ใจกลางเมืองบาเลนเซียที่ The City of the Arts and Sciences หรือ ตื่นตาตื่นใจไปกับ Gran Canaria Islands ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์แบบผสมผสานทั้งทะเล ทะเลทราย ไร่องุ่น และภูเขาไฟที่ดับแล้ว นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบเฉพาะตัวอีกมากมายที่พร้อมจะทำให้คุณหลงรักได้ไม่ยาก สำหรับนักเดินทางที่จะเข้ามาท่องเที่ยวที่สเปนได้แบบไม่ต้องกักตัวเพิ่มเติมนั้น ต้องได้รับวัคซีนป้องกัน COVID-19 แบบครบโดสตามที่ได้รับการรับรองโดย European Medicines Agency (EMA) หรือได้รับอนุญาตให้ใช้ในกรณีฉุกเฉินโดยองค์การอนามัยโลก (​WHO) ศึกษาข้อกำหนดการเดินทางเพิ่มเติม คลิก 3. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมืองอภิมหาเศรษฐีที่ใครๆ ต่างก็อยากไปเยือนสักครั้งแห่งนี้ นอกจากจะขึ้นชื่อในเรื่องของความหรูหราล้ำสมัยแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ตึก Burj Khalifa อันสูงตระหง่านใจกลางดูไบ, พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Dubai Mall Aquarium ที่ใหญ่ที่สุดในโลก หรือหากอยากขี่อูฐหรือขับรถจี๊ปซาฟารีตะลุยทะเลทรายก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งทางการดูไบได้เปิดรับนักท่องเที่ยวเพื่อการท่องเที่ยวแบบปลอดภัย มั่นใจได้กับมาตรการการจัดการโควิดที่ติดท็อป 5 ทั้งจากการจัดอันดับของ Bloomberg และ Nikkei สำหรับนักเดินทางที่ต้องการไปเยือนดูไบแบบไม่ต้องกักตัวเพิ่มเติมนั้น ต้องได้รับวัคซีนป้องกัน COVID-19 ที่ได้รับการยอมรับแบบครบโดส และต้องมีหลักฐานผลตรวจ…
Editor
5 November 2021
DestinationLifestyle

DESTINATION
“ดรีมทริป”
เที่ยวทริปในฝันแบบ Virtual

Virtual Tour หรือ การท่องเที่ยวเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้หลายกิจกรรมย้ายไปอยู่ที่หน้าจอกันอย่างจริงจัง อันที่จริงเทคโนโลยีดังกล่าวได้เริ่มพัฒนามาสักระยะหนึ่งแล้ว ด้วยเหตุผลหลักๆ คือ มันใช้สำหรับ “ลองก่อนไปที่จริง” อารมณ์เดียวกับการที่ผู้บริโภคได้ดูหนังตัวอย่างก่อนตัดสินใจ และใช้สำหรับ “ไปในที่ที่ไปไม่ได้” อย่างเช่นที่ที่เข้าถึงไม่สะดวก มีความอ่อนไหวทางสิ่งแวดล้อมหรือวัฒนธรรมต่างๆ นั่นเอง    ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งเราจะไปไหนไม่ได้เลยขึ้นมาจริงๆ Virtual Tour จึงเป็นเครื่องมือสำหรับ #เที่ยวทิพย์ ชั้นดีของใครหลายคน ที่แม้ว่าในช่วงแรกๆ อาจจะทำได้แค่แก้ขัดไปก่อน แต่พอผ่านไปสักพัก กลับกลายเป็นว่าเริ่มชินกับการเที่ยวผ่านหน้าจอไปเสียแล้ว เพราะในขณะที่มีบางอย่างขาดหายไป Virtual Tour ก็ให้อะไรหลายอย่างที่การเที่ยวจริงให้ไม่ได้เช่นกัน และวันนี้ Power จึงอยากอาสาพาคุณไปเที่ยวทิพย์ในอารมณ์ต่างๆ เป็นทริปในฝันที่รอวันจะเป็นทริปจริงๆ ในไม่ช้านี้  ลุยทิพย์ Great Wall of China เคยมีคำกล่าวว่า “เมื่อมองประเทศจีนจากอวกาศ คุณจะเห็นมังกรนอนขดตัวอยู่ และนั่น คือกำแพงเมืองจีน” แน่นอนว่าความยิ่งใหญ่ของสิ่งก่อสร้างที่เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางแห่งนี้ หากได้มองจากด้านบน คงเจอกับภาพที่น่าอัศจรรย์เป็นแน่แท้ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่จำเป็นต้องอิจฉานักบินอวกาศไป เพราะไม่มีสิ่งก่อสร้างใดบนโลกสามารถมองเห็นได้จากอวกาศเลยสักที่เดียว   แนะนำให้เข้าไปที่เว็บไซต์ airpano.com ที่จะพาคุณไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนได้แบบเอกซ์คลูซิฟสุดๆ ผ่านมุมมองที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นมุมมองคนเดิน หรือมุมสูงกว่า 700 เมตรจากเฮลิคอปเตอร์ มีฟังก์ชันให้เลือกหลากหลายทั้ง ภาพแบบปกติ, Architectural, Fisheye Stereographic, Little Planet และ Tube View ซึ่งทำให้ภาพที่สุดแสนจะอลังการอยู่แล้วยิ่งพิเศษขึ้นไปอีก นอกจากนั้นยังมีข้อมูล คำบรรยาย และซาวนด์ประกอบที่ได้อารมณ์สุดๆ ไปเลย   เที่ยวกำแพงเมืองจีน https://www.airpano.com/360photo/China-Great-Wall/   Machu Picchu มาชูปิกชู หรือ เมืองสาบสูญแห่งอินคา เป็นซากอารยธรรมโบราณของชาวอินคาที่ตั้งอยู่บนหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ในเทือกเขาแอนดีส ประเทศเปรู ที่ความสูงประมาณ 2,430 เมตร และแม้ว่าจะยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อการใด เป็นเมือง สถานที่บูชายัญ หรือแค่เพียงที่พักตากอากาศของชนชั้นสูง แต่ที่แน่ๆ ความสลับซับซ้อนของสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้างซึ่งสร้างด้วยหินกว่า 200 หลัง ไล่ลงมาตามความชันของหุบเขา ที่ทั้งหมดเชื่อมกันด้วยขั้นบันไดกว่า 3,000 ขั้นนั้น ก็ทำให้ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เป็นที่เรียบร้อย  หลังจากการล่มสลายของชาวอินคา อารยธรรมแห่งนี้ก็ถูกลืมเป็นเวลาหลายร้อยปี จนกระทั่งมีการค้นพบอีกครั้งในปี ค.ศ. 1911 โดยนักโบราณคดีชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า Hiram Bingham จึงเป็นที่รู้จักอีกครั้ง แต่การไปเยือนมาชูปิกชูก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี เพราะต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม ด้วยเส้นทางขึ้นไปนั้นเป็นป่าเขา เมื่อไปถึงข้างบนอากาศยิ่งเบาบาง และจะต้องมีไกด์ท้องถิ่นนำทางเท่านั้น ทำให้ Virtual Tour ได้รับความนิยมไม่น้อยสำหรับสถานที่แห่งนี้ ลองเข้าไปสำรวจเรียกน้ำย่อยกันดูก่อน แล้วค่อยหาโอกาสไปเยือนที่จริงกันสักครั้ง   เที่ยวมาชูปิกชู https://fromcusco.com/spheres/mp/index.htm   อาร์ตทิพย์ Louvre Museum ช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมาในปารีส มีผู้คนจำนวนหนึ่งออกมาเรียกร้องกึ่งประท้วงเล็กๆ ให้ทางการทำสิ่งหนึ่งซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นฝรั่งเศสได้ดีมากๆ นั่นคือ “เปิดพิพิธภัณฑ์” ให้เข้าชมเสียที โดยพวกเขาให้เหตุผลว่า กำลังจะทนไม่ไหวแล้ว ไม่ได้ดูงานศิลปะมานานจนทนไม่ไหวแล้ว   ในความเป็นจริงแม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นหรือไม่ ลูฟวร์ ในฐานะพิพิธภัณฑ์เก่าแก่ที่หล่อเลี้ยงโลกของศิลปะมายาวนาน ก็มีนโยบายปรับตัวให้เท่าทันโลก และมีการพัฒนาระบบ Virtual Tour ที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกอยู่แล้ว โดยในขณะนี้ได้มีการแบ่งออกเป็น Exhibition ต่างๆ ได้แก่ The Advent of the Artist, Power Plays, The Body in Movement และ Founding Myths: From Hercules to Darth Vader นอกจากนั้นยังใจดีออกฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Louvre Collections ที่รวบรวมผลงานศิลปะมาให้ชมกันแบบชัดๆ กว่า 480,000 ชิ้น เรียกว่าดูกันได้ทั้งปีไม่มีเบื่อกันเลยทีเดียว  เที่ยว Louvre Museum https://www.louvre.fr/en/online-tours ชม Louvre Collections https://collections.louvre.fr/en/  Klimt vs. Klimt ชื่อของ Gustav Klimt อาจไม่เป็นที่รู้จักมากเท่าผลงานของเขา จิตรกรรมสีน้ำมันบนผ้าใบรูปของคู่รักที่ยืนจูบกันท่ามกลางสีทองมลังเมลือง หรือ The Kiss ผลงานชิ้นเอกที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “โมนาลิซ่าแห่งออสเตรีย” นั้น ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่กรุงเวียนนา ในความครอบครองของหอศิลป์แห่งชาติของออสเตรีย   Gustav Klimt นั่นเริ่มต้นศึกษาศิลปะแบบคลาสสิก ทำให้มีทักษะในเชิงช่างสูง แต่ในเวลาต่อมาด้วยปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต จึงได้ปรับเปลี่ยนแนวทางของตัวเองไปมาก เขากลายเป็นศิลปินหัวก้าวหน้าที่ทำลายเส้นแบ่งระหว่าง งานวิจิตรศิลป์ กับ งานออกแบบตกแต่ง โดยเอกลักษณ์ที่สำคัญของเขาคือการใช้สีทองซึ่งแต่เดิมมักใช้กับงานศิลปะของชนชั้นสูง รวมไปถึงลวดลายประดับประดาและรายละเอียดในแบบศิลปะอาร์ตนูโวที่อลังการ นั่นจึงทำให้ Google Art & Culture ได้ทำการรวบรวมผลงานชิ้นสำคัญของเขาในหลายๆ ยุค มาจัดเป็นนิทรรศการออนไลน์ที่มีชื่อว่า Klimt vs. Klimt ลองไปหาคำตอบดูกันได้ว่า Gustav Klimt เป็นศิลปินหัวโบราณหรือหัวก้าวหน้า เป็นเฟมินิสต์หรือเสือผู้หญิง เป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่หรือช่างฝีมือธรรมดาคนหนึ่ง   ชมนิทรรศการ Klimt vs. Klimt https://artsandculture.google.com/pocketgallery/ เมืองทิพย์ Golden Gate Bridge สัญลักษณ์ของซานฟรานซิสโก สิ่งมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมที่เชื่อมระหว่างเขตปกครองมาริน รัฐแคลิฟอร์เนีย กับอ่าวซานฟรานซิสโกแห่งนี้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1933 และเมื่อเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1937 ก็เป็นสะพานแขวนที่ยาวและสูงที่สุดในโลก และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศสหรัฐอเมริกาในทันที หลังจากที่ก่อนหน้านี้ใครๆ ต่างก็พูดกันว่า “มันเป็นไปไม่ได้”   ช่องแคบ Golden Gate สถานที่ที่สะพานแห่งนี้ทอดข้ามไปนั้น มีที่มาจากสมัยช่วงต้นศตวรรษที่…
Editor
15 October 2021
DestinationLifestyle

DESTINATION
5 ประเทศ ในบักเก็ตลิสต์ หลังโควิดต้องไปให้ได้

แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สามารถไปเที่ยวต่างประเทศได้แบบปกติเหมือนเมื่อก่อน ด้วยความคิดถึงก็มีบ้างที่หยิบเอารูปทริปเก่าๆ ขึ้นมาดูแล้วนึกย้อนไปถึงโมเมนต์ที่ไม่ได้สัมผัสมานานเหล่านั้น จนเกือบจำไม่ได้ว่าเก็บพาสปอร์ตไว้ที่ไหน แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลายคนได้เริ่มที่จะวางแผนหรือคิดล่วงหน้ากันไว้บ้างแล้วว่าถ้าสถานการณ์ดีขึ้นเมื่อไร จุดหมายปลายทางที่จะต้องไปให้ได้นั้นจะเป็นที่ไหนบ้าง วันนี้ Power จึงอยากมาชวนคุยถึงประเทศยอดฮิตที่ใครหลายคนคิดถึง เพื่อเพิ่มดีกรีความ “อยากบิน” ให้มากขึ้นไปอีก และเมื่อวันนั้นมาถึง ไม่ว่าคุณตั้งใจจะไปเปิดประสบการณ์ในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน หรือไปซ้ำที่เก่าที่เคยประทับใจมาแล้วก็ตาม ก็รับประกันได้ว่ามันจะเป็นความรู้สึกใหม่อันมีค่าที่พ่วงมาด้วยความสุขให้กับนักเดินทางเช่นคุณอย่างแน่นอน ญี่ปุ่น นี่คือประเทศจุดหมายปลายทางที่คนไทยรักอีกที่หนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนอกจากจะอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย ใช้เวลาเดินทางไม่นานมากแล้ว เมื่อไม่กี่ปีมานี้รัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้ประกาศยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศให้กับคนไทยที่มีวัตถุประสงค์ในการท่องเที่ยวและพำนักที่ประเทศญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วันอีกด้วย ทำให้ฝันของหลายๆ คนเป็นจริงได้ง่ายขึ้น ด้วยคนไทยนั้นได้รับวัฒนธรรมจากญี่ปุ่นจนผูกพันมาเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาะพ็อปคัลเจอร์ที่ถูกจริตบ้านเราอย่างเพลง การ์ตูน ของเล่น รวมไปถึงศิลปวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยโบราณอันเป็นเอกลักษณ์เลื่องชื่อมากมาย ความหลากหลาย ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แทบไม่ต้องหาก็พบเจอได้ที่นี่ พูดง่ายๆ ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวสายไหน ญี่ปุ่นก็ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี สำหรับสายอาร์ตคุณจะต้องตื่นเต้นไปกับแทบจะเรียกได้ว่าเกือบทุกอย่างของที่นั่น ตั้งแต่ตึกรามบ้านช่อง สถาปัตยกรรม ป้าย ดีไซน์ต่างๆ ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงทั้งงานของญี่ปุ่นเองไปจนถึงงานระดับตำนานจากโลกตะวันตก ถ้าเป็นสายธรรมชาติญี่ปุ่นก็มีสถานที่ท่องเที่ยวทุกแบบ ทั้งทะเล ภูเขา ไฮกิ้งเบาๆ ไปจนถึงตั้งแคมป์จริงจัง และแน่นอนสายกิน คุณจะต้องเตรียมกระเพาะเอาไว้ให้ดี เพราะอาหารญี่ปุ่นคือสวรรค์ของฟู้ดเลิฟเวอร์อย่างแท้จริง ใครที่เคยไปแล้วจะต้องเข้าใจดีว่าญี่ปุ่นนั้นไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ส่วนคนที่ยังไม่เคยไปอาจจะปักหมุดที่โตเกียวไว้ก่อนก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว เพราะสะดวกสบาย การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะก็ทำได้ไม่ยาก หรือหากอยากจะไปเมืองไหนก็ลองหาข้อมูลล่วงหน้าเอาไว้รับรองว่าไม่ผิดหวัง จนอยากที่จะกลับไปอีกหลายๆ รอบอย่างแน่นอน เหมือนกับที่ป้าย Welcome to Japan ที่สนามบินนาริตะกล่าวต้อนรับเราทุกครั้งที่ไปถึง โดยมีภาษาญี่ปุ่นเขียนด้วยตัวอักษรฮิรางานะทางด้านข้างแปลได้ความว่า “ขอต้อนรับการกลับมาอีกครั้ง” นั่นเอง อิตาลี ไปต่อกันที่ฝั่งยุโรปกันบ้างกับประเทศที่ซ่อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไว้ในทุกซอกหลืบ อิตาลี จะทำให้คุณสัมผัสถึงความเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ในอดีตได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่ไปถึง เต็มอิ่มไปกับศิลปกรรมตั้งแต่ยุคโรมันโบราณ ตื่นตาตื่นใจในความอลังการของสถาปัตยกรรมยุคกลางแบบโกทิก เรียนรู้อดีตอันเฟื่องฟูในฐานะศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรืองแห่งยุโรปสมัยเรเนซองซ์ ไปจนถึงหลงมนตร์เสน่ห์ธรรมชาติที่แสนงดงามของชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในส่วนของอาหารการกิน อิตาลีก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนทั่วโลกถามหา ซึ่งนอกจากพิซซ่าหรือพาสตาที่ขึ้นชื่อแล้ว ก็อย่าพลาดโอกาสที่จะลิ้มลองรสชาติของขนมอย่างทิรามิสุจากดินแดนต้นกำเนิด หรือไอศกรีมเจลาโตที่มีรูปลักษณ์และรสสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ ที่คนอิตาเลียนเองมักจะพูดเสมอๆ ว่า เจลาโตคือเจลาโต ไอศกรีมคือไอศกรีม อย่าได้เหมารวมกันเชียว นอกจากนั้น อิตาลียังมีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง โคลอสเซียม อดีตสนามกีฬาและลานประลองแห่งจักรวรรดิโรมัน อันเปี่ยมไปด้วยความงามและชั้นเชิงการก่อสร้างทางวิศวกรรมที่มาก่อนกาล หรือหอเอนปิซา หอสูงสีขาวตั้งตระหง่านท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลก ที่ทั้งเก่าแก่ งดงาม และเป็นคำถามว่ามันจะไม่ล้มจริงๆ ใช่ไหม ตุรกี ดินแดนสองทวีปที่มีพื้นที่อยู่ทั้งในเอเชียและทวีปยุโรปแห่งนี้ ปัจจุบันได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากมายจนกลายเป็น 1 ใน 10 จุดหมายปลายทางชั้นนำของโลก ความน่าสนใจของตุรกีนั้น มีทั้งในด้านความหลากหลายทางภูมิประเทศ อันมีจุดเด่นจากการเคลื่อนไหวของเปลือกโลก อย่างเช่นที่ Pamukkale น้ำตกหินปูนที่งดงามราวกับภาพความฝัน ส่วนภูมิอากาศจะเป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่มีครบถ้วนทุกฤดูให้เที่ยวได้ทั้งปี รวมไปถึงด้านวัฒนธรรมที่ผสมผสานจาก เติร์ก อนาโตเลีย และออตโตมัน ซึ่งยาวนานต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณเลยทีเดียว ด้วยความที่ตุรกีมีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่หลายพันปีก่อนคริสตกาล ทำให้ประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามเป็นหลักแห่งนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นถึงความเป็นคริสต์อยู่ไม่น้อย อย่าง Hagía Sophía ศาสนสถานอันยิ่งใหญ่ ที่ก่อสร้างมาตั้งแต่เมื่อราว ค.ศ. 537 โบสถ์คริสต์ที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิโรมันตะวันออกในเวลานั้น จนกระทั่งประมาณ 1,000 ปี ต่อมา เมื่อจักรวรรดิออตโตมันเรืองอำนาจจึงได้เปลี่ยนเป็นมัสยิด ด้วยเหตุนี้เองเราจึงสามารถเห็นร่องรอยที่สำคัญของทั้งสองศาสนาได้ตั้งแต่โครงสร้างภายนอกไปจนถึงรายละเอียดในการตกแต่งอันวิจิตรที่ข้ามกาลเวลามาจนปัจจุบัน ซึ่งในเชิงสุนทรียศาสตร์ เราอาจรู้จักกับคำว่า Beauty ที่สื่อถึงความงาม แต่กับ Hagía Sophía คุณจะได้สัมผัสกับสภาวะที่เรียกกันว่า Sublime หรือ “ความงามที่ยิ่งใหญ่กว่าความงาม” นั่นคือ การที่มนุษย์ได้เผชิญหน้ากับความยิ่งใหญ่บางอย่างที่มิอาจกลั่นกรองออกมาเป็นภาษาได้ ฝรั่งเศส สมมติว่าคุณกำลังทำข้อสอบแล้วรู้ว่าคำตอบที่ถูกต้องควรจะเป็นอะไร คุณจะตอบข้อนั้นไหม? หรือจะตัดสินใจไปตอบข้ออื่น เพียงเพราะว่าไม่อยากตอบเหมือนคนอื่น เช่นเดียวกัน…
Editor
14 October 2021
DestinationLifestyle

DESTINATION
เที่ยวเมืองไทย ปลายฝนต้นหนาว

แม้ว่าโควิด-19 จะทำให้บรรยากาศของการท่องเที่ยวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาซบเซาลงไปมาก แต่ล่าสุดด้วยสถานการณ์ในหลายๆ จังหวัดเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับมาตรการคลายล็อกดาวน์ที่ทำให้การเดินทางไปยังที่ต่างๆ ทำได้อย่างสะดวกมากขึ้น สถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนคิดถึงจึงได้ทยอยกลับมาเปิดให้บริการกันอีกครั้ง เรียกว่าทันปลายฝนต้นหนาวย่างเข้าเดือนตุลาคมพอดิบพอดี Power จึงมาแนะนำจุดหมายปลายทางสำหรับทริปต่อไป ให้คุณได้ออกไปสัมผัสอากาศเย็นสบายช่วงปลายปี กลับไปหาความสุขง่ายๆ ที่ห่างหายจากเราไปนาน อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน น่าน จังหวัดที่ขึ้นชื่อในเรื่องธรรมชาติอันสวยสงบ ซึ่ง “เชียงกลาง” อำเภอที่เล็กที่สุดในจังหวัด หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนที่หลายคนมองข้ามไป ด้วยความที่อยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดและถูกล้อมไปด้วยอำเภออื่นๆ ทุกทิศทาง ทำให้เชียงกลางกลายเป็นเพียงแค่ทางผ่านหรือจุดหมายที่ไปไม่ถึงไปโดยปริยาย และนั่นเองทำให้เสน่ห์อันน่าหลงใหลของที่แห่งนี้ คือความสงบเงียบไม่พลุกพล่าน วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คน และธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ ความสวยงามของธรรมชาติที่เชียงกลาง โดยเฉพาะวิวทุ่งนาไกลลิบตาที่มีทิวเขาเป็นฉากหลังนับเป็นไฮไลต์ของที่นี่ ซึ่งถ้าไปเยือนในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ทุ่งนาในหน้าฝนกำลังเขียวขจีเต็มที่ เมฆหมอกในบรรยากาศชื้นๆ ช่างดูสดชื่นมีชีวิตชีวา หรือถ้าไปในช่วงปลายฝนต้นหนาวราวเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ที่อากาศกำลังเย็นสบาย ก็จะเจอกับรวงข้าวสุกสกาวสีทอง ยิ่งในยามบ่ายคล้อยที่ต้องกับแสงอาทิตย์ ถือเป็นความงามสั่งลาก่อนที่หลังจากนี้ไม่นานจะถูกเก็บเกี่ยวไปในช่วงปลายปีนั่นเอง *เนื่องจากจังหวัดน่านเป็นพื้นที่ควบคุม การเดินทางเข้าจังหวัดจำเป็นต้องแสดงหลักฐาน (เช่น หลักฐานการได้รับวัคซีน ผลตรวจแบบ RT-PCR หรือ ATK) ต่อเจ้าหน้าที่ในส่วนต่างๆ ทั้งเจ้าหน้าที่ด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ประจำชุมชน หรือพนักงานประจำที่พัก โดยระหว่างอยู่ในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจังหวัดน่าน โทร. 0 5471 6399 อ่างเก็บน้ำวังบอน จังหวัดนครนายก สำหรับสายแคมปิ้งที่ต้องการการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ อ่างเก็บน้ำวังบอน เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ แถมยังไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก โดยอ่างเก็บน้ำฯ ตั้งอยู่ที่ตำบลนาหินลาด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ซึ่งอยู่ในเขตรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพราะฉะนั้นถึงแม้จะอยู่รอบนอกของพื้นที่อุทยานฯ แต่รับประกันว่าความสมบูรณ์ของธรรมชาตินั้นไม่แพ้กันเลย ด้วยความที่อ่างเก็บน้ำฯ ไม่มีรถประจำทางผ่าน รวมถึงไม่มีห้องพักหรู มีเพียงสถานที่ให้กางเต็นท์ ห้องอาบน้ำ (มีบริการห้องสุขาสำหรับผู้พิการ) และร้านค้าเล็กๆ อำนวยความสะดวกเท่านั้น ทำให้ที่นี่เหมาะกับคนที่รักความสงบ ทำกับข้าวรับประทานง่ายๆ แล้วหย่อนใจไปกับธรรมชาติท่ามกลางบรรยากาศของภูเขาที่โอบล้อมผืนน้ำ อีกทั้งธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์บริเวณนั้น ทำให้สามารถสนุกไปกับกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ เช่น เดินป่า ดูนก พายเรือแคนูชมความงามของน้ำตกวังบอน รวมไปถึงโรยตัวจากหน้าผาจริงที่มีถึง 4 แห่งผ่านสายน้ำตก 5 แห่งอีกด้วย โดยกิจกรรมอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง แนะนำให้ติดต่อทางเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามข้อมูลล่วงหน้า การไปพักที่อ่างเก็บน้ำวังบอน สามารถไปกันเป็นกลุ่ม ทำกิจกรรมสนุกสนานกับเพื่อนๆ หรือจะไปพักผ่อนแบบเงียบๆ ก็ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรคุณก็จะได้สัมผัสกับความร่มรื่นของแมกไม้ ได้ยินเสียงน้ำตกแว่วดัง และตื่นมาพบกับอากาศบริสุทธิ์สดชื่น พร้อมเติมพลังชีวิตให้เต็มอีกครั้งอย่างแน่นอน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก เว็บไซต์ http://www.tat8.com/ *เนื่องจากจังหวัดนครนายกเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การเดินทางเข้าจังหวัดจำเป็นต้องแสดงหลักฐาน (เช่น หลักฐานการได้รับวัคซีน ผลตรวจแบบ RT-PCR หรือ ATK) ต่อเจ้าหน้าที่ในส่วนต่างๆ ทั้งเจ้าหน้าที่ด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ประจำชุมชน หรือพนักงานประจำที่พัก โดยระหว่างอยู่ในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจังหวัดนครนายก โทร. 0 3731 4575 จุดชมวิวเขาบ่อเตย จังหวัดจันทบุรี จันทบุรี จุดหมายปลายทางไม่ใกล้ไม่ไกลใช้เวลาขับรถประมาณ 3 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ จังหวัดที่มีครบทุกอารมณ์ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ ทะเล ภูเขา น้ำตก ร้านกาแฟ คาเฟ่ รวมไปถึงร้านอาหารอร่อยๆ มากมาย และอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนที่ห้ามพลาดก็คือ จุดชมวิวเขาบ่อเตย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นที่ที่คุณจะได้ชมแสงสุดท้ายของวันได้สวยงามที่สุดในเมืองจันทบุรี จุดชมวิวเขาบ่อเตย อยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน…
Editor
7 October 2021
DestinationLifestyle

Destination
ดื่มด่ำไปกับมนตร์เสน่ห์แห่งภูเก็ต
จุดหมายปลายทางที่ไม่เคยจางไปจากความทรงจำ

การเดินทางครั้งใหม่ของนักล่าแรงบันดาลใจได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว สัมผัสมนตร์เสน่ห์แห่งท้องทะเลที่งดงามกว่าเคย พร้อมสูดกลิ่นอายอารยธรรมผ่านกาลเวลาที่ “ภูเก็ต” จุดหมายปลายทางที่รวบรวมคลื่นลมแห่งความสุข ชายหาดแห่งความทรงจำ กับประสบการณ์ที่จะทำให้คุณหลงรักอีกครั้ง เพราะเสน่ห์ของการเดินทางไม่มีคำว่าสิ้นสุด พาเที่ยว 3 หาดภูเก็ตไม่ต้องออกเกาะ! หลงเสน่ห์อันเรียบง่ายในแบบส่วนตัวที่ “หาดยะนุ้ย” หาดยะนุ้ย เป็นหาดเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบเชียบบนเส้นทางระหว่างแหลมพรหมเทพกับหาดในหาน หลายปีก่อนอาจยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก ผิดกับในเวลานี้ที่ใครๆ ต่างก็พากันหลงรักในความสงบเรียบง่าย และเต็มไปด้วยเสน่ห์ในแบบธรรมชาติสรรค์สร้าง ความโค้งสวยของชายหาด เมื่อมาผนวกเข้ากับน้ำทะเลสีฟ้าคราม และเม็ดทรายเนื้อละเอียดนุ่มละมุนเท้า เลือกรองรับผู้คนแบบบางตา จึงให้บรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งความเป็นส่วนตัว เพียงแค่ได้นอนอาบแดดอ่านหนังสือเล่มโปรด หรือทำกิจกรรมยามว่างสำหรับครอบครัว ก็ทำให้หาดยะนุ้ยกลายเป็นหาดสวรรค์ได้ไม่ยาก การเดินทาง เดินทางโดยใช้เส้นทางแหลมพรหมเทพ ขับรถลงเขาไปประมาณ 2 กิโลเมตร มีบริการจอดรถฟรีบริเวณริมหาด แนะนำให้แวะเที่ยวหาดยะนุ้ยในช่วงเย็น เพื่อพายเรือคายักออกไปชมแสงสุดท้ายของวัน รับรองได้เลยว่า ภาพของพระอาทิตย์สีส้มดวงกลมโตที่ค่อยๆ หย่อนตัวลงสู่ผิวน้ำกลางทะเล จะเป็นซีนสุดประทับใจที่คุณไม่อาจลืมเลือน ปลดปล่อยอะดรีนาลีนไปกับกิจกรรมสุดมันส์ที่ “หาดป่าตอง” หาดป่าตอง เป็นหาดในดวงใจของผู้คนที่รักในแสงสีเสียงและกิจกรรมทางน้ำ ด้วยลักษณะชายหาดโค้งรูปตัว U ยาวประมาณ 9 กิโลเมตร ที่มีแนวภูเขาคั่นหัวและท้ายหาด จึงช่วยบังคลื่นลมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งน้ำทะเลสีเขียวสดใสยังเหมาะมากสำหรับการเล่นน้ำและทำกิจกรรมทางทะเล ไม่ว่าจะเป็น เจ็ตสกี พาราชูต สปีดโบต เรือใบ และอื่นๆ นอกจากนั้นยังเรียงรายไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งและร้านอาหาร ทำให้เหล่านักเดินทางจากทั่วสารทิศต่างพร้อมใจกันมาเยือนไม่ได้ขาด จึงไม่น่าแปลกใจที่หาดป่าตองจะเป็นหาดที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของภูเก็ต การเดินทาง หาดป่าตองอยู่ห่างจากตัวเมืองภูเก็ตประมาณ 15 กิโลเมตร เดินทางโดยใช้ถนนวิชิตสงคราม 4020 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนน 4029 จากนั้นเลี้ยวเข้าถนน 4233 ซึ่งเป็นถนนเลียบหาดป่าตอง จอดรถได้สะดวกสบายตลอดแนว หรือหากอยากเหมาเรือหางยาวไปเที่ยวหาดใกล้ๆ ก็พร้อมอำนวยความสะดวกได้อย่างครบครัน จุดเล่นเซิร์ฟอันน่าหลงใหลที่ “หาดกะตะ” หาดกะตะ เป็นหาดเล็กๆ อยู่ทางภูเก็ตตอนใต้ พื้นที่ชายหาดยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว และมีเกาะปูเป็นสัญลักษณ์อยู่ทางด้านหน้า หาดกะตะจะแบ่งออกเป็น 2 หาดคือ กะตะใหญ่ และ กะตะน้อย อยู่ห่างกันประมาณ 500 เมตร โดยมีแหลมหินคั่นกลาง เมื่อพูดถึงหาดกะตะโดยทั่วไปจะหมายถึงหาดกะตะใหญ่ หาดกะตะนั้นเป็นที่เลื่องลือในแง่งามความใสของน้ำทะเล มีแนวปะการังสวยยาวต่อเนื่องไปจนถึงเกาะปู และคลื่นลมพอเหมาะพอดีที่จะเปลี่ยนหาดแห่งนี้ให้เป็นเกาะสวรรค์ของผู้ที่รักการดำน้ำและเล่นเซิร์ฟ การเดินทาง จากตัวเมืองภูเก็ตใช้ถนน 4021 มาทางทิศใต้ เลี้ยวขวาที่วงเวียนเข้าถนน 4028 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยโคกโตนด ก่อนจะเลี้ยวขวาสั้นๆ เข้าถนนกะตะ และเลี้ยวซ้ายอีกครั้งเข้าซอยปากปางเลียบหาดกะตะ จอดรถได้สะดวกสบายตลอดแนว ชมแสงสุดท้ายที่ดีที่สุดที่ “แหลมกระทิง” แหลมกระทิง เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกสุดอันซีนอีกแห่งหนึ่งของภูเก็ต ตั้งอยู่ที่ตำบลกะรน อำเภอเมืองภูเก็ต โดดเด่นด้วยก้อนหินไฮไลต์ที่มีลักษณะคล้ายเรือใบยอดแหลมชี้ขึ้นฟ้ายื่นออกไปทางทะเล สัญลักษณ์ของแหลมกระทิงที่ใครมาเห็นเป็นต้องถ่ายภาพ แม้ว่าการเดินทางจะค่อนข้างลำบาก แต่สุดท้ายแล้วเราจะได้ดื่มด่ำไปกับความสวยแบบลืมเหนื่อย เมื่อยามที่ได้นั่งรอชมพระอาทิตย์ตกน้ำบนลานหิน ได้ชมวิวทะเลแบบ 360 องศา วิวทุ่งหญ้าริมหน้าผา รับลมทะเลเย็นๆ ที่พัดผ่าน ได้ปล่อยใจปล่อยกาย คลอเคล้าไปกับเสียงกดชัตเตอร์ถ่ายภาพและผู้คน ก็ให้บรรยากาศที่อบอุ่นดีอยู่ไม่น้อย การเดินทาง เดินทางได้ 2 เส้นทางคือ จากบ้านกระทิง รีสอร์ต สามารถจอดรถได้ทั้งภายในและภายนอกรีสอร์ต จากนั้นเดินเลียบกำแพงรีสอร์ต ลัดเลาะชายหาดสลับโขดหินระยะทางประมาณ 800 เมตร (มีค่าผ่านทาง) และอีกหนึ่งเส้นทางคือ จากลานจอดรถผาหินดำ เส้นทางนี้นั่งรถโฟร์วีลไดรฟ์ไปยังจุดเดินเท้า จากนั้นเดินต่อประมาณ 20 นาที ระยะทางประมาณ 300…
Editor
9 July 2021
DestinationLifestyle

DESTINATION
เที่ยวสายลุยสไตล์แอดเวนเจอร์
กระตุ้นหัวใจให้กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง

การท่องเที่ยว ไม่ว่าแบบไหนก็ช่วยเติมหัวใจของนักเดินทางให้เต็มได้ทั้งนั้น ยิ่งในวันที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ในวันที่สถานการณ์รอบข้างไม่ค่อยเป็นใจ ออกไปมองหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ สักหน่อยก็ดีเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงชอบที่จะพาตัวเองไปเผชิญหน้ากับความท้าทายและประสบการณ์แปลกใหม่จากการท่องเที่ยวสไตล์แอดเวนเจอร์ สมบุกสมบันไปกับธรรมชาติและกิจกรรมผจญภัยต่างๆ และวันนี้ Power จะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเอาใจขาลุยให้ทดไว้ในใจกันก่อน โอกาสเหมาะเจาะเมื่อไรเก็บกระเป๋าออกไปลุยกันได้เลย ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก ล่องแก่ง กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัยประจำหน้าฝนของเหล่านักท่องเที่ยวสายลุยผู้หลงใหลในความท้าทายที่มาพร้อมกับความชุ่มฉ่ำ และอีกหนึ่งสายน้ำที่พลาดไม่ได้ก็คือลำน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้รับการขนานนามว่าแล่นเรือยางล่องแก่งได้สนุกติดอันดับ 1 ใน 5 ของไทยเลยทีเดียว ลำน้ำเข็กเป็นลำน้ำขนาดกลาง มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ช่วงที่เหมาะสมกับการล่องแก่งมีระยะทางรวม 8 กิโลเมตร ใช้เวลาในการล่องแก่งประมาณ 3 ชั่วโมง ถ้าไม่ใช่หน้าฝนลำน้ำเข็กจะใสสะอาดสามารถลงไปเล่นได้ ทว่าในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคมเช่นนี้ ปริมาณน้ำจะเพิ่มขึ้น ไหลเชี่ยว มีระดับความรุนแรงแตะถึงระดับ 4 – 5 เหมาะแก่การล่องแก่งเป็นอย่างยิ่ง โดยระดับความแรงของกระแสน้ำจะเริ่มที่ระดับ 1 – 2 ก่อน ที่จุดปล่อยตัวบริเวณน้ำตกแก่งซอง จากนั้นจึงค่อยๆ ไล่ระดับไปถึง 3 – 4 หรือ 5 ก่อนที่จะลดดีกรีลงมาให้หายใจหายคอในช่วงท้าย ตลอดเส้นทางจะได้พบกับแก่งต่างระดับ คดเคี้ยวต่างๆ กันถึง 18 แก่ง เรียกว่าเก็บครบทุกรสชาติได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ข้อดีอีกอย่างของที่นี่คือลำน้ำอยู่ไม่ไกลจากถนน ไม่ต้องบุกป่าฝ่าดงแบกเรือเข้าไป การเตรียมตัวจึงไม่ยุ่งยากมาก เพียงแต่เตรียมความพร้อมด้านร่างกายและจิตใจ สวมอุปกรณ์ป้องกัน และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ประจำเรืออย่างเคร่งครัด สอบถามสภาพลำน้ำกับทางเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพิษณุโลก ที่ โทร. 0 5525 2742 – 43 ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เป็นพื้นที่ที่มีสภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ ปกคลุมไปด้วยป่าธรรมชาติที่สวยงาม เป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำปาด อากาศเย็นสบายตลอดปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27 องศาเซลเซียส และเส้นทางขึ้นภูที่นี่ติด 1 ใน 5 ของเส้นทางพิชิตยอดเขาที่ยากที่สุดในเมืองไทย เมื่อออกสตาร์ตจากที่ทำการอุทยานไม่นานก็จะพบกับความงดงามของน้ำตกภูสอยดาว น้ำตกขนาดกลางที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีทั้งหมด 5 ชั้น แต่ละชั้นมีชื่อสุดไพเราะว่า ภูสอยดาว สกาวเดือน เหมือนฝัน กรรณิการ์ และสุภาภรณ์ ต่อด้วยน้ำตกสายทิพย์ น้ำตกขนาดเล็ก มี 7 ชั้น สภาพป่าโดยรอบน้ำตกมีความชุ่มชื้นมาก จึงมีมอสส์สีเขียวงามตาปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ และเมื่อผ่านด่านน้ำตกและเนินวัดใจต่างๆ ไปได้ก็จะพบกับลานสนสามใบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ลานสนสามใบตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,633 เมตร สภาพพื้นที่เป็นเป็นป่าสนสามใบเนินสูงต่ำสลับกันไป อุดมสมบูรณ์ด้วยดอกไม้ป่ามากมายหลายชนิดขึ้นเป็นทิวสวยงามผลัดกันออกดอกหมุนเวียนไปตามช่วงฤดูกาล ที่ขึ้นชื่อมากคือ ดอกหงอนนาคสีม่วงอ่อน ที่ออกดอกในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน การเดินทางไปเที่ยวรวมถึงกางเต็นท์นอนที่ลานฯ ต้องเดินทางเท้าขึ้นไปเป็นระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาราว 4 – 6 ชั่วโมง อาจจะไกลหน่อยแต่วิวพระอาทิตย์ตกสุดสวยรอคุณอยู่ที่นั่น ในขณะที่ยามค่ำคืนท้องฟ้าก็ดารดาษด้วยแสงดาวราวกับจะสอยมาได้จริงๆ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนจองเข้าอุทยานฯ ล่วงหน้าได้ที่ โทร. 095 629 9528 หรือ https://www.facebook.com/phusoidao07/ Hanuman World Zipline จังหวัดภูเก็ต สำหรับสายแอดเวนเจอร์ขาลุย ต้องไม่พลาดกับกิจกรรมที่อาศัยความกล้าที่กำลังมาแรงอย่าง Zipline เด็ดขาด โดย Zipline…
Editor
25 June 2021
DestinationLifestyle

DESTINATION
ท่องไปในกาลเวลา
เที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ผ่านหน้าจอ

ยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่องสำหรับกระแส “เที่ยวทิพย์” ในช่วงที่การเดินทางออกไปยังสถานที่ต่างๆ ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้สะดวกเช่นนี้ การอยู่กับบ้านแม้จะฟังดูน่าเบื่อ แต่มันมีส่วนสำคัญในการช่วยหยุดยั้งการแพร่กระจายของโรคระบาดได้ โชคยังดีที่ความก้าวหน้าของโลกทุกวันนี้ ยังพอมีช่องทางให้เราเที่ยวผ่านหน้าจอพอแก้เหงาได้ไม่ยาก จริงอยู่ที่การเที่ยวเสมือนจริงอาจทำให้เสน่ห์บางอย่างหล่นหายไป ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สายลม แสงแดด หรือแม้แต่ความเป็นไปของบรรดาผู้คนในสถานที่นั้นๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสียไปทั้งหมด เพราะหลายครั้งการที่เราต้องเผชิญกับอุณหภูมิเกินต้าน ฝนที่เทลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ทำให้การถ่ายรูปสวยๆ กลายเป็นเรื่องยาก รวมไปถึงข้อจำกัดของการเข้าชมหลายๆ อย่าง วันนี้ Power จึงจะมาชวนทุกคนไปออกทริปย้อนเวลา ผ่านทางเว็บไซต์อุทยานประวัติศาสตร์เสมือนจริง (Virtual Historical Park) ที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราว ประวัติความเป็นมา ข้อมูลเชิงลึกต่างๆ พร้อมคำบรรยาย 5 ภาษาให้ได้ศึกษากันอย่างเต็มอิ่ม ในรูปแบบเสมือนจริงกับภาพ 360 องศา ที่รับรองว่าไม่สามารถสัมผัสได้จากที่ไหนนอกจากทางหน้าจอของคุณเองเท่านั้น อุทยานประวัติศาสตร์ หมายถึง บริเวณสถานที่ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และโบราณคดี มีองค์ประกอบสำคัญหลักๆ ได้แก่ สถาปัตยกรรม ซากโบราณสถาน สภาพแวดล้อมของโบราณสถาน ตลอดจนการผสมผสานกันระหว่างการก่อสร้างของมนุษย์กับธรรมชาติแวดล้อม โดยจะต้องมีการผสมผสานกันอย่างกลมกลืน และสามารถที่จะรักษาสภาพอันเป็นของแท้และดั้งเดิมนั้นไว้ได้ ปัจจุบันประเทศไทยมีอุทยานประวัติศาสตร์ในการดูแลของกรมศิลปากรทั้งสิ้น 11 แห่งทั่วประเทศ  โดยล่าสุดกรมศิลปากรได้ประกาศจัดตั้งปราสาทสด๊กก๊อกธม จังหวัดสระแก้ว ขึ้นเป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งใหม่ แห่งที่ 11 เมื่อปี พ.ศ. 2560 ที่ผ่านมา และจาก 11 แห่ง มีอุทยานฯ 4 แห่ง ที่ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ซึ่งถือเป็นไฮไลต์ที่เราจะไปทำความรู้จักกันในวันนี้ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรสุโขทัย ราชธานีเก่าซึ่งมีอำนาจอยู่บริเวณภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18–19 แห่งนี้ มีผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยม กำแพงเมืองกว้างประมาณ 1,600 เมตร ยาวประมาณ 1,800 เมตร มีโบราณสถานสำคัญตั้งอยู่กลางเมืองและกระจายตัวทั่วทั้งเมือง นอกจากนี้ยังพบโบราณสถานน้อยใหญ่กระจายอยู่ทั่วไปภายนอกกำแพงเมืองทั้งสี่ทิศรวมแล้วมากกว่า 200 แห่งอีกด้วย โบราณสถานที่สำคัญ ได้แก่ มณฑปวัดศรีชุม ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปมารวิชัยขนาดใหญ่อันงดงามอ่อนช้อยตามพุทธศิลป์แบบสุโขทัย วัดมหาธาตุ วัดหลวงและสุสานหลวงประจำเมือง ประกอบด้วยเจดีย์ประธาน วิหาร มณฑป โบสถ์ และเจดีย์รายจำนวนมากถึง 200 องค์ วัดช้างล้อม ตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง สถานที่พบศิลาจารึกหลักที่ 106 อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย อีกหนึ่งอุทยานประวัติศาสตร์ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสุโขทัยแห่งนี้ เป็นแหล่งค้นพบทางโบราณคดีสำคัญถึงการเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ที่มีการอาศัยต่อเนื่องและพัฒนามาเป็นชุมชนร่วมสมัยทวารวดี ต่อมาได้มีการย้ายศูนย์กลางของเมืองมาทางด้านทิศเหนือ และเรียกชื่อเมืองว่า “ศรีสัชนาลัย” โดยดำรงสถานะเป็นเมืองลูกหลวงที่มีความสำคัญควบคู่กันมากับเมืองสุโขทัยนั่นเอง อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของโลกร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เนื่องจากหลักฐานที่ปรากฏ แสดงให้เห็นถึงผลงานทางสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น นับเป็นตัวแทนของศิลปกรรมไทยยุคแรก และเป็นต้นกำเนิดของการสร้างประเทศ โบราณสถานที่สำคัญ ได้แก่ วัดเจดีย์เจ็ดแถว ภายในวัดมีเจดีย์ทรงต่างๆ มากถึง 33 องค์ วางตัวอย่างเป็นระเบียบแบบแผนตามคติจักรวาล สันนิษฐานได้ว่าเป็นสุสานหลวง หรือสถานที่บรรจุอัฐิของพระบรมวงศานุวงศ์ในราชวงศ์สุโขทัย วัดนางพญา กับวิหารประธานที่มีผิวปูนฉาบประดับลายปูนปั้น อันเป็นแรงบันดาลใจให้ช่างฝีมือท้องถิ่นนำไปพัฒนาต่อยอดเป็นลวดลายเครื่องประดับเงินและทองที่รู้จักกันในนาม “ทองโบราณศรีสัชนาลัย” วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง (วัดพระบรมธาตุเมืองเชลียงหรือวัดพระปรางค์) ปรางค์ประธานขนาดใหญ่ก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูน ด้านหน้าองค์ปรางค์มีวิหาร ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ถัดไปทางด้านขวามีพระพุทธรูปปูนปั้นปางลีลาที่มีลักษณะอ่อนช้อยงดงามมาก จนนักประวัติศาสตร์ศิลปะยกย่องให้เป็นมาสเตอร์พีซเทียบเท่าประติมากรรมของ Donatello ศิลปินแห่งยุค Renaissance เลยทีเดียว อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรุงศรีอยุธยา อดีตราชธานีอันยิ่งใหญ่ที่มีอายุยืนยาวถึง 417 ปี มีโบราณสถานมากมาย ทั้งพระราชวังโบราณ…
Editor
14 May 2021