DestinationLifestyle

DESTINATION
ทริปไหว้พระเสริมสิริมงคลรับปีใหม่

เริ่มต้นปีใหม่แบบดีต่อใจ ด้วยทริปไหว้พระขอพรเสริมสิริมงคล ที่ให้คุณได้ทั้งเที่ยวเปิดหูเปิดตา พร้อมๆ กับเปิดรับสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต สุขกายสบายใจ ให้ตลอดปีมีแต่ความราบรื่น อย่างที่วันนี้ Power จะพาไปสำรวจวัดและศาสนสถานอันศักดิ์สิทธิ์ที่สายบุญตัวจริงห้ามพลาด วัดแชกง , ฮ่องกง วัดแชกง หรือ วัดกังหัน วัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายราชวงศ์หมิงเมื่อเกือบ 400 ปีก่อน ตำนานเล่าว่า นายพลแชกงให้ชาวบ้านติดกังหันอันเป็นสัญลักษณ์ประจำกองทัพของท่านเอาไว้หน้าบ้าน หมู่บ้านจึงรอดพ้นจากโจรสลัด ชาวบ้านจึงนำกังหันมาใช้เป็นสิ่งที่ช่วยปัดเป่าความชั่วร้ายออกไปนั่นเอง โดยที่วัดจะมีกังหันอยู่ 4 ตัวที่มีความหมายแตกต่างกันไป ได้แก่ เดินทางปลอดภัย อายุยืนยาว โชคลาภเงินทอง และสมปรารถนา เชื่อกันว่าหากหมุนครบ 3 รอบ จากนั้นตีกลองดังๆ 3 ครั้ง เพื่อให้รับรู้ทั่วกันทั้งฟ้าดิน พรที่ขอก็จะเป็นจริง วัดพระเขี้ยวแก้ว, สิงคโปร์ วัดชื่อดังในประเทศสิงคโปร์ที่พุทธศาสนิกชนนิยมไปเคารพสักการะขอพร โดดเด่นด้วยตัวอาคารสีแดงศิลปกรรมสมัยราชวงศ์ถัง “พระเขี้ยวแก้ว” ในที่นี้หมายถึงพระเขี้ยวแก้วด้านซ้าย พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าที่จัดแสดงอยู่ที่วัดแห่งนี้ ตัวอาคารมีทั้งหมด 5 ชั้น ชั้น 1 เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระประธานและพระโพธิสัตว์ 8 พระองค์ ชั้น 2 เป็นห้องสมุดและร้านจำหน่ายของที่ระลึก ชั้น 3 เป็นพิพิธภัณฑ์ ชั้น 4 คือ Sacred Light Hall ที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว และชั้นดาดฟ้า สวนหย่อมเล็กๆ ที่สามารถขึ้นไปนั่งพักชมวิวได้ วัดเชียงทอง, ลาว ไปกันที่หลวงพระบาง ประเทศลาว วัดเชียงทอง อีกหนึ่งโบราณสถานที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วัดหลวงเก่าแก่ที่เปรียบเสมือนวัดประตูเมืองแห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อราว พ.ศ. 2103 โดยสมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์ผู้ปกครองราชอาณาจักรล้านช้าง ไฮไลต์ของที่นี่ก็คือ “สิม” หรือ อุโบสถของวัดที่ประดิษฐานพระประธาน งดงามด้วยจิตรกรรมฝาผนังและการตกแต่ง ถือเป็นสมบัติล้ำค่าที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์เป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นยังมีหอพระม่านที่ประดิษฐาน พระม่าน 1 ใน 3 พระพุทธรูปสำคัญของเมืองที่ชาวพุทธนิยมมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลอีกด้วย ปุราเบซากิห์, อินโดนีเซีย เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย มีประชากรส่วนใหญ่ที่นับถือศาสนาฮินดู และ “ปุราเบซากิห์” ก็คือวัดฮินดูที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของเกาะ จึงได้ชื่อว่าเป็น วัดแม่ โดยปุราหรือปูรานั้นหมายถึง โบสถ์พราหมณ์ตามแบบแผนของบาหลี ซึ่งแตกต่างจากโบสถ์พราหมณ์แบบอินเดียที่มักจะมีหอสูงที่มีความวิจิตร (วัดแขกสีลมก็เข้าข่ายนั้น) แต่ที่บาหลีมักออกแบบมาเพื่อเป็นพื้นที่เปิด ภายในรั้วอาณาเขตที่ตกแต่งเพื่อกั้นส่วนต่างๆ “จันดีเบินตาร์” ประตูที่แบ่งเขตมณฑลชั้นนอกออกจากมณฑลชั้นกลางของที่นี่ และทิวทัศน์ของเขาอากุงเมื่อมองจากปุรา คือทัศนียภาพอันงดงามที่มาพร้อมกับความศักดิ์สิทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ เจดีย์เฉินก๊วก, เวียดนาม เจดีย์เฉินก๊วก ตั้งอยู่บนเกาะเล็กๆ บริเวณทะเลสาบทางตะวันตกของเมือง เป็นเจดีย์ที่เก่าแก่ที่สุดจากวัดพุทธฯ ที่เก่าแก่ที่สุดในฮานอย ความสงบร่มรื่น สถาปัตยกรรมอายุกว่า 1,500 ปี และบรรยากาศของพื้นที่อันศักดิ์สิทธิ์ คือสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวสายบุญได้เป็นอย่างดี สำหรับไฮไลต์อย่างเจดีย์เฉินก๊วกนั้น มีความสูงถึง 15 เมตร แบ่งเป็น 11 ชั้น ภายในจารึกประวัติความเป็นมาของเจดีย์และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางปรินิพพานทองคำ รวมไปถึงต้นโพธิ์ใหญ่ที่มีจุดกำเนิดมาจากต้นศรีมหาโพธิ์จากอินเดียอีกด้วย*กรุณาตรวจสอบวัน-เวลาเปิดให้บริการ และมาตรการทางด้านสาธารณสุขอีกครั้ง ท่องเที่ยวสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ด้วย KING POWER CLICK & COLLECT บริการพิเศษจาก คิง เพาเวอร์ ที่ช่วยให้ช้อปสินค้า ดิวตี้…
Editor
9 December 2022
DestinationLifestyle

DESTINATION
ลุยหิมะท้าหนาวกับ 5 เมืองสกียอดฮิต

หนาวนี้เชื่อว่าหลายคนกำลังวางแผนทริปยาวๆ ไปลุยหิมะกันให้สมกับที่ไม่ได้เดินทางไกลๆ มาตั้งหลายปี และหนึ่งในกิจกรรมที่ขาดไม่ได้ในเมืองหิมะก็คือสกี ไม่ว่าคุณจะเป็นสายสปอร์ตตัวจริง หรือสายสมัครเล่นที่อยากสนุกสนานท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ ก็อย่าลืมเตรียมความพร้อมของร่างกายให้ดี หยิบเสื้อกันหนาวตัวโปรดของคุณ แล้วปักหมุดไปยังเมืองสกียอดฮิตที่ Power นำมาฝากกันวันนี้ได้เลย ZERMATT, SWITZERLAND เมื่อพูดถึง Zermatt เมืองอันสงบทางตอนใต้ของสวิตเซอร์แลนด์ติดกับชายแดนอิตาลี หลายคนจะนึกถึงอากาศบริสุทธิ์ ยอดเขาMatterhorn รูปทรงพีระมิดที่คุ้นตา รวมถึงสกีรีสอร์ตกับวิวชั้นเยี่ยมที่รอให้คุณไปพิสูจน์ด้วยตัวเอง และแน่นอนว่าการได้ไปเยือนจุดเล่นสกีที่สูงที่สุดของเทือกเขาแอลป์ ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบของฤดูหนาวที่ Zermatt ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของนักสกีและนักท่องเที่ยวทั่วโลก BAQUEIRA-BERET, SPAIN พาคุณไปยังเทือกเขาพิรินี พรมแดนทางธรรมชาติระหว่างสเปนกับฝรั่งเศส ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นนักสกีในระดับไหน Baqueira-Beret ก็มีทุกอย่างรองรับไว้อย่างครบครัน คุณจะได้พบกับพื้นที่ฝึกอันกว้างขวางสำหรับบีกินเนอร์ ทางลาดที่แสนท้าทาย ไปจนถึงสกีครอสคันทรีความยาวหลายกิโลเมตร ส่วนเด็กๆ ก็สามารถสนุกสนานไปกับคอร์สสกีพื้นฐาน สวนหิมะ และกิจกรรมเพื่อคุณหนูๆ ได้อีกมากมาย PARK CITY, USA Park City เมืองท่องเที่ยวแห่งรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา เจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2002 และยังเป็นที่พำนักของนักกีฬาสกีทีมชาติสหรัฐฯ อีกด้วย Park City มีสกีรีสอร์ตขนาดใหญ่ 2 ที่ ได้แก่ Deer Valley Resort และ Park City Mountain Resort ที่ทั้งครบครันไปด้วยนานากิจกรรมวินเทอร์สปอร์ต รวมถึงเป็นสถานที่จัดการแข่งขันสกีระดับโลกหลายรายการ โดยนอกเหนือจากสกีหรือสโนว์บอร์ดแล้ว นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนยังสามารถเอนจอยไปกับแลนด์มาร์กของเมืองอย่าง Utah Olympic Park, Park City Museum และ Kimball Art Center ได้อีกด้วย GULMARG, INDIA สวิตเซอร์แลนด์มีเทือกเขาแอลป์ อินเดียเราก็มี “หิมาลัย” และ Gulmarg ก็เป็นอีกหนึ่งเดสทิเนชันยอดฮิตสำหรับนักสกีจากทั่วโลก เรื่องความสวยงามนั้นไม่ต้องพูดถึง เพราะ Gulmarg เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในอดีตรัฐชัมมูและกัศมีร์หรือแคชเมียร์อันเลื่องชื่อนั่นเอง ซึ่งที่นี่ยังเป็นลานสกีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย นอกจากนั้นคุณสามารถนั่งเคเบิลคาร์แล้วดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพของหมู่บ้านยิปซี ต้นสน ทิวเขา รวมไปถึงยอดเขา K2 ยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสองของโลกรองจากเอเวอเรสต์ได้ในวันฟ้าเปิด NISEKO, JAPAN ขึ้นเหนือไปกันที่เกาะฮกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เมือง Niseko ตั้งอยู่ใกล้กับภูเขา Yotei ที่ได้รับฉายาว่า “ฟูจิแห่งฮกไกโด” หิมะที่นี่มีความหนานุ่มเป็นพิเศษ ซึ่งก็จะต้องใช้ทักษะในการเล่นสกีที่ต่างไปจากที่อื่นบ้างเล็กน้อย แต่คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะเด็กๆ ต่างก็หลงรักอยู่ดี เพราะล้มแล้วไม่เจ็บนั่นเอง กิจกรรมอื่นๆ ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นเล่นสโนว์บอร์ด นั่งเลื่อนเทียมกวาง และที่ขาดไม่ได้คือแช่น้ำร้อน ซึ่งก็มีให้เลือกหลากหลายแนว สายวินเทจ สายมินิมัล สายธรรมชาติ มีครบ#LoveTravellers #PowerTravellers #ชวนไทยเที่ยวโลกชวนโลกเที่ยวไทย #ชวนไทยเที่ยวโลก #KingPower
Editor
6 December 2022
DestinationLifestyle

DESTINATION
เที่ยวปีใหม่ ลุยหิมะกันให้เย็นฉ่ำ

สำหรับชาวเมืองร้อนอย่างเราๆ ลมเย็นปลายปีแบบนี้อาจจะยังไม่สาแก่ใจ คนจำนวนไม่น้อยจึงเลือกที่จะวางแผนทริปปีใหม่กันที่เมืองหนาวทั้งหลาย ซึ่งนอกจากอากาศจะเย็นฉ่ำสะใจแล้ว ภาพของหิมะสีขาวโพลนที่ปกคลุมเมืองทั้งเมือง แม่น้ำที่กลายเป็นน้ำแข็ง รวมไปถึงแสงไฟในค่ำคืนคริสต์มาส คือเสน่ห์ที่ควรค่าแก่การไปเยือนต้อนรับการกลับมาของการเดินทางได้เป็นอย่างดี และวันนี้ Power ก็มีเดสทิเนชั่นเย็นๆ มาฝาก จะมีที่ไหนบ้างไปดูกันเลย TALLINN OLD TOWN, ESTONIA เอสโตเนีย ประเทศเล็กๆ ที่มีประวัติศาตร์อันยาวนานแห่งนี้ ตั้งอยู่ในภูมิภาคบอลติกทางยุโรปเหนือ ด้วยความที่มีอาณาเขตติดกับอ่าวฟินแลนด์ ทะเลบอลติก รวมถึงการที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ทำให้เอสโตเนียแม้จะมีประชากรน้อยที่สุดในประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป แต่ก็มีความหลากหลายทางภูมิประเทศและวัฒนธรรม อย่างที่ Tallinn เมืองหลวงอันโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมจากยุคกลาง โดยเฉพาะในเขตโอลด์ทาวน์ที่เราจะเห็นยอดแหลมของโบสถ์เรียงรายอยู่ทั่วเมือง ยิ่งในฤดูหนาวที่สีส้มอิฐของหลังคาอันเป็นเอกลักษณ์ตัดกับหิมะสีขาว ยิ่งทำให้ผู้ไปเยือนรู้สึกราวกับอยู่ในเทพนิยายอย่างไรอย่างนั้น RICHMOND PARK, ENGLAND Richmond Park ตั้งอยู่ใจกลางมหานครลอนดอน เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาสวนของราชวงศ์อังกฤษ ที่นี่ยังคงความเป็นธรรมชาติแบบไม่ได้ปรุงแต่ง พื้นที่บางส่วนคล้ายกับเป็นป่าย่อมๆ ที่เต็มไปด้วยสัตว์น้อยใหญ่ โดยเฉพาะกวางแฟลโลว์ ด้วยสมัยก่อนสวนแห่งนี้เป็นสถานที่ล่ากวาง แต่เมื่อมีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ Richmond Park จึงกลายเป็นสถานที่อนุรักษ์สัตว์และพืชที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเสน่ห์ของความเป็นธรรมชาติและบรรยากาศอันเงียบสงบของที่นี่จะยิ่งงดงามขึ้นอีกหลายเท่าเมื่อมีหิมะสีขาวปกคลุมจนทั่ว หนาวหน่อยแต่สวยอย่าบอกใคร LAPLAND, FINLAND ดินแดนมหัศจรรย์ในฝันของใครหลายคน Lapland ตั้งอยู่ทางเหนือของประเทศฟินแลนด์ ครอบคลุมพื้นที่หลายประเทศในเขตอาร์กติก อากาศหนาวเย็นและมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี โดยบางพื้นที่ของ Lapland อาจเกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืน นั่นคือพระอาทิตย์ไม่ตกเป็นเวลาหลายสิบวันในช่วงฤดูร้อน ในขณะเดียวกันก็ไม่ขึ้นเลยช่วงฤดูหนาว สำหรับกิจกรรมที่พลาดไม่ได้ก็คือการไปเยือนบ้านและที่ทำงานของซานตาคลอส นั่งรถเลื่อนจากน้องเรนเดียร์หรือฮัสกี้ ล่องเรือตัดน้ำแข็ง รวมถึงตามล่าแสงเหนือให้ได้สักครั้งในชีวิต CENTRAL PARK, USA นอกจากนิวยอร์กซิตี้ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คน แสงสี และความมีชีวิตชีวา สมชื่อเมืองที่ไม่เคยหลับใหลเมืองหนึ่งของโลกแล้ว หากคุณได้ไปในช่วงหนาวนี้ อย่าได้พลาดที่จะไปเยือน Central Park อีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของเมือง ไปสัมผัสความโรแมนติกราวกับฉากในภาพยนตร์เรื่องโปรดของคุณถูกย้อมด้วยสีขาว เมื่อมองไปรอบๆ อาจจะเห็นเด็กๆ ปั้นสโนว์แมน เล่นไอซ์สเกต หรือใครอยากจะเติมอารมณ์หนาวๆ เหงาๆ ในสวนที่รายล้อมไปด้วยตึกระฟ้า คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้ เพราะเพียงแค่เดินเล่นไปตามทาง ชมแสงไฟสีส้ม ข้ามสะพานมองสองข้างทางสวยๆ สักหน่อย เป็นอันจบ PLITVICE LAKES NATIONAL PARK, CROATIA อุทยานแห่งชาติที่ใหญ่และมีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศโครเอเชีย Plitvice Lakes National Park ได้รับการขนานนามว่างดงามราวกับสววรค์ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1979 อุทยานฯ แห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของหมี สุนัขป่า รวมถึงนกหลายชนิด ความโดดเด่นอยู่ที่ทะเลสาบที่มีมากถึง 16 แห่ง ไล่เรียงลดหลั่นกันลงมาจากด้านบนสู่ด้านล่าง Plitvice Lakes National Park จึงผสมผสานด้วยสีเขียว สีคราม สีเทอร์คอยส์ แต่ทั้งหมดนี้จะกลายสภาพเป็นสีขาวโพลนในฤดูหนาว น้ำตกกลายเป็นน้ำแข็งดูสวยแปลกตา เหมือนเวลาหยุดเดินให้เราได้สัมผัสความมหัศจรรย์นี้อย่างใกล้ชิด#LoveTravellers #PowerTravellers #ชวนไทยเที่ยวโลกชวนโลกเที่ยวไทย #ชวนไทยเที่ยวโลก #KingPowerขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.royalparks.org.uk/ https://whc.unesco.org/ https://en.wikipedia.org/
Editor
23 November 2022
DestinationLifestyle

DESTINATION
World Children’s Day
พาเจ้าตัวเล็กออกไปเที่ยวโลกฉลองวันเด็กโลก

20 พฤศจิกายน ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น “วันเด็กสากล” โดยองค์การสหประชาชาติ เริ่มต้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1954 อันมีเป้าหมายหลักเพื่อให้โลกหันมาตระหนักถึงความสำคัญของเด็กทุกคน ซึ่งหลังจากนั้นก็ตามมาด้วยการเรียกร้องสิทธิเพื่อเด็กๆ อีกหลายอย่างตามมา เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองวันสำคัญของเด็ก วันนี้ Power จะพาไปรู้จักกับเดสทิเนชันที่เหมาะทั้งกับเด็กและทุกคนที่ยังมีความเป็นเด็กในหัวใจ ซึ่งเหมาะจะเป็นทริปครอบครัวในช่วงปลายปีเช่นนี้ หรือจะวางแผนเผื่อไว้ล่วงหน้ายาวๆ ก็น่าสนุก เพราะการพาเจ้าตัวเล็กออกไปหาประสบการณ์ดีๆ ข้างนอกนั่น ล้วนเป็นการสะสมวัตถุดิบที่มีค่าในการใช้ชีวิตให้กับอนาคตของพวกเขาเป็นอย่างดี NAIROBI, KENYA เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเคนยา Nairobi ในตอนนี้เป็นเขตเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยความเจริญรุ่งเรืองในด้านต่างๆ ทว่าท่ามกลางความคึกคักของเมืองใหญ่ ก็ยังมี Nairobi National Park พื้นที่ทางธรรมชาติขนาดใหญ่อันเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่ากว่า 100 ชนิด โดยเฉพาะแรดที่ถือว่าที่นี่ประสบความสำเร็จในการดูแลรักษามากที่สุดแห่งหนึ่งในเคนยา อุทยานฯ ตั้งอยู่ถัดจากศูนย์กลางของเขตเมืองลงมาทางใต้เพียง 7 กิโลเมตร ทำให้พื้นที่แบบภูมิอากาศแห้งขนาด 117 ตารางกิโลเมตร ที่มีสัตว์น้อยใหญ่อยู่กันแบบธรรมชาตินี้นั้น สามารถมองเห็นฉากหลังเป็นทิวทัศน์ของตึกระฟ้าดูแปลกตา อุทยานฯ มีการล้อมรั้วไว้ 3 ทาง คือ ทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ในขณะที่ทางทิศใต้มีแม่น้ำ Mbagathi เป็นปราการทางธรรมชาติ ที่เมื่อถึงฤดูกาลก็จะมีการอพยพเข้าออกของฝูงสัตว์ด้วยนั่นเอง ROVANIEMI, FINLAND ว่ากันว่าบุคคลที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลกคือ “ซานตาคลอส” และที่ Rovaniemi เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศฟินแลนด์ ก็คือหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่ผู้คนทั่วโลกจะไปสานฝันในเทศกาลคริสต์มาสทุกๆ ปี ด้วยเพราะว่าที่นี่เป็นที่ตั้งของ Santa Claus Village ที่ทำงานของซานตาคลอสนั่นเอง โดยในหมู่บ้านจะแบ่งเป็นโซนต่างๆ ให้เที่ยว ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ของเล่น ร้านขายของที่ระลึก ที่ทำการไปรษณีย์ ที่ถือเป็นไฮไลต์สำคัญก็ว่าได้ เพราะคุณจะได้เจอกับซานตาคลอสที่คอยรับจดหมายจากเด็กๆ ทั่วโลก และคุณก็ยังสามารถส่งจดหมายจากที่นี่เพื่อที่จะประทับตราว่าส่งจากซานตาคลอสก็เก๋อย่าบอกใคร เจอซานต้าแล้วก็จะไม่นั่งรถลากเลื่อนกับน้องกวางเรนเดียร์ได้อย่างไร เพราะเมือง Rovaniemi ยังมีกิจกรรมอีกมากมาย มีฟาร์มเรนเดียร์ ฟาร์มน้องไซบีเรียนฯ ให้คุณเพลิดเพลินไปกับความน่ารักของเจ้าขนปุยท่ามกลางหิมะขาวโพลน ตื่นตาตื่นใจขึ้นอีกหน่อยก็อย่าพลาดล่องเรือตัดน้ำแข็งลำยักษ์ ประสบการณ์พิเศษที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นฟินแลนด์สุดๆ GEORGIA AQUARIUM, USA พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจอร์เจีย ตั้งอยู่ที่เมืองแอตแลนตา ครั้งหนึ่งที่นี่เคยครองตำแหน่งอะแควเรียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก แม้ว่าตอนนี้จะตกมาอยู่อันดับ 3 แต่ก็ยังคงใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ด้วยจำนวนของสัตว์มากกว่า 100,000 ตัว จาก 500 ชนิด พื้นที่ 20 เอเคอร์ และการจัดแสดงอันน่าตื่นตาตื่นใจ จึงทำให้ผู้มาเยือนโดยเฉพาะเด็กๆ พากันหลงใหลในความงดงามและความมหัศจรรย์ของโลกใต้น้ำกันทุกคน ไฮไลต์ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำจอร์เจียได้แก่ ฉลามวาฬ วาฬเบลูกา และกระเบนราหู ซึ่งที่นี่ถือเป็นไม่กี่ที่ในสหรัฐอเมริกาที่มีสัตว์ที่หายากและโดยปกติจะอยู่ในน่านน้ำที่ไกลออกไปเช่นนี้จัดแสดงอยู่ แน่นอนว่ารูปแบบของการจัดแสดงก็ไม่ธรรมดา อย่างอุโมงค์ใต้น้ำที่สามารถมองเห็นฉลามและสัตว์อื่นๆ Viewing Theatre ขนาดใหญ่ให้เราสังเกตการณ์ใกล้ๆ ราวกับกำลังอยู่ใต้น้ำจริงๆ รวมถึงห้องฉายภาพยนตร์สารคดีและการ์ตูนในแบบ 4 มิติอีกด้วย ALBUQUERQUE, USA Albuquerque เมืองขนาดใหญ่ใจกลางรัฐนิวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกา มีเทศกาลที่จัดต่อเนื่องเป็นประจำทุกปีมาตั้งแต่ปี 1972 นั่นคือ “Albuquerque International Balloon Fiesta” เทศกาลบอลลูนนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความตื่นตาตื่นใจที่ดึงดูดผู้คนทุกเพศทุกวัยนับแสนไปเยือนในทุกๆ ต้นเดือนตุลาคม ในครั้งแรกนั้นเทศกาลจัดขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของงานฉลองครบรอบ 50 ปี ของสถานีวิทยุ 770 KOB Radio บอลลูน 13 ลูก ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเหนือลานจอดรถ…
Editor
15 November 2022
DestinationLifestyle

DESTINATION
“ญี่ปุ่น” หนาวนี้ คนเดียวก็เที่ยวได้แล้ว

ถือเป็นข่าวดีที่มาพร้อมกับลมหนาวช่วงก่อนปีใหม่ก็ว่าได้ เมื่อการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศกลับมาจนเกือบเป็นปกติแล้ว มาตรการต่างๆ เริ่มอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่หลายคนรอคอย ล่าสุดรัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้เปิดฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวได้อย่างอิสระเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งช่วงปลายปีนี้ไปจนถึงต้นปีหน้า คุณก็จะได้สัมผัสกับลมหนาวที่ญี่ปุ่นอย่างเต็มที่ แน่นอนว่า Power ก็ไม่รอช้าที่จะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวท่ามกลางอากาศหนาวเย็นและหิมะขาวโพลนที่ควรค่าแก่การไปญี่ปุ่นอีกครั้งในรอบ 3 ปี MOUNT FUJI – Yamanashi “ภูเขาฟูจิ” ตั้งอยู่ระหว่างจังหวัดชิซูโอกะและจังหวัดยามานาชิ ทางตะวันตกของกรุงโตเกียว ชาวญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยโบราณมีความผูกพันกับภูเขาที่สูงที่สุดในประเทศแห่งนี้เป็นอย่างมาก ด้วยปรากฏอยู่ทั้งในบทกวี วรรณกรรม นิทาน และภาพเขียนมากมาย จนกลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นที่คนทั่วโลกรู้จักจวบจนทุกวันนี้ อันที่จริงหากวันที่ฟ้าเปิดก็สามารถมองเห็นภูเขาฟูจิจากกรุงโตเกียวได้ไม่ยาก แต่อย่ากระนั้นเลย ในชีวิตควรเดินทางไปเยือนฟูจิแบบใกล้ๆ ให้เต็มตากันสักครั้ง โดยแลนด์มาร์กยอดนิยมก็คือ ทะเสสาบทั้ง 5 ที่อยู่บริเวณฐานของภูเขาฟูจิ เขตจังหวัดยามานาชิ ได้แก่ ทะเลสาบคะวะงุชิ, โมโตซุ, ไซ, โชจิ และยะมะนะกะ ที่เดินทางไปไม่ยาก รวมถึงมีที่พักและกิจกรรมมากมายให้คุณสนุกสนานโดยมีภูเขาฟูจิเป็นฉากหลังสุดตระการตา SHIRAKAWAGO – Gifu เมื่อฤดูหนาวมาเยือนประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี นักเดินทางจากทั่วทุกสารทิศจะปักหมุดไปที่ “ชิราคาวาโกะ” หมู่บ้านมรดกโลกในจังหวัดกิฟุ เพื่อที่จะได้สัมผัสกับความงามของหมู่บ้านที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน รวมไปถึงความพิเศษที่มีเพียงปีละครั้ง อย่างงาน Shirakawago Light Up หรือ เทศกาลแสดงไฟหมู่บ้านชิราคาวาโกะ ทว่าด้วยจำนวนที่รองรับได้จำกัด ทำให้การไปเทศกาลนี้นั้นค่อนข้างยาก เพราะนอกจากจะต้องวางแผนล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ แล้ว ก็ยังต้องพกดวงไปเยอะๆ อีกด้วย แต่ถึงอย่างไรถ้าอยากไปจริงๆ แล้วล่ะก็ รับประกันว่าคุ้มค่าแก่ความพยายามอย่างแน่นอน SHIROGANE BLUE POND – Hokkaido Shirogane Blue Pond สระน้ำสีฟ้าที่คู่ควรกับคำว่า “สวยทุกมุม” อย่างแท้จริง เดิมทีสระแห่งนี้ถูกขุดขึ้นด้วยจุดประสงค์ในการป้องกันเมืองบิเอะจากอันตรายจากการปะทุของภูเขาไฟโทะกะชิเมื่อปี 1988 แต่ความมหัศจรรย์บางอย่างก็เกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อน้ำในสระมีสารอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์เป็นส่วนประกอบ จนสะท้อนแสงไล่เป็นสีเทอร์คอยส์ มรกต ไปจนถึงน้ำเงินโคบอลต์ ที่สำคัญความสงบเยือกเย็นของบรรยากาศช่วงปลายปีจะยิ่งช่วยผ่อนคลายจิตใจอันเหนื่อยล้าของผู้มาเยือนได้เป็นอย่างดี ทำให้หลังจากปี 2014 ที่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมชมสระในฤดูหนาวเป็นครั้งแรก ก็มีผู้คนเดินทางไปรับพลังจากธรรมชาติสีฟ้าอันงดงามกันอย่างไม่ขาดสาย GINZAN ONSEN – Yamagata หมู่บ้านออนเซ็นเล็กๆ ท่ามกลางหุบเขา ที่มีประวัติยาวนานกว่า 100 ปีแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่เมืองโอะบะนะซะวะ จังหวัดยามากาตะ โดดเด่นด้วยบรรยากาศย้อนยุค รวมถึงติดอันดับแหล่งน้ำพุร้อนที่ควรค่าต่อการมาเยือนในฤดูหนาว บ้านเรือนยังคงเอกลักษณ์ของสมัยไทโชช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ที่เราจะเห็นได้จากร่องรอยการเข้ามาของชาติตะวันตกในญี่ปุ่นนั่นเอง โดยแต่เดิมที่นี่เป็นอดีตเหมืองแร่ที่รุ่งเรือง ครั้นพอเลิกกิจการก็ค่อยปรับเปลี่ยนจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม และฤดูหนาวที่เต็มไปด้วยหิมะก็ได้ชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่หมู่บ้านแห่งนี้งดงามที่สุดของปี NAKABASHI BRIDGE – Gifu “นะคะบะชิ” สะพานสีแดงข้ามแม่น้ำมิยะกะวะที่คงเอกลักษณ์ดั้งเดิมของญี่ปุ่นไว้อย่างเต็มเปี่ยม อีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญเมื่อได้ไปเยือนเมืองสโลว์ไลฟ์ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันงดงามอย่างทะกะยะมะ และหลังจากใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วงเปลี่ยนสีจนสดแข่งกับตัวสะพานไม่ทันไร สีสันเหล่านั้นก็กำลังถูกสีขาวเข้าปกคลุม สีแดงของสะพานจึงค่อยๆ โดดเด่นขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมๆ กับอากาศหนาวเย็นและบรรยากาศแห่งความสุขของปีใหม่*กรุณาตรวจสอบวัน-เวลาเปิดให้บริการ และมาตรการทางด้านสาธารณสุขอีกครั้ง ท่องเที่ยวสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ด้วย KING POWER CLICK & COLLECT บริการพิเศษจาก คิง เพาเวอร์ ที่ช่วยให้ช้อปสินค้า ดิวตี้ ฟรี กับ คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ รับของง่ายขึ้นที่สนามบินทั้งขาเข้า-ขาออก รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก #LoveTravellers #PowerTravellers #ชวนไทยเที่ยวโลกชวนโลกเที่ยวไทย #ชวนไทยเที่ยวโลก #KingPower
Editor
4 November 2022
DestinationLifestyle

DESTINATION
Autumn in Japan
ชวนชมใบไม้เปลี่ยนสี
พร้อมรับลมหนาวกันที่ญี่ปุ่น

เดือนตุลาคมคือช่วงเวลาที่หลายคนสนุกสนานกับการแพลนไปเที่ยว ด้วยอากาศที่เริ่มเย็นสบาย จะไปที่ไหนก็บรรยากาศดี พิเศษหน่อยก็ตรงที่ทริปปลายปีที่ใกล้เข้ามานี้เราสามารถเดินทางไปต่างประเทศกันได้แล้ว ซึ่งหนึ่งในประเทศที่คนไทยจำนวนไม่น้อยเฝ้ารอ จะเป็นที่ใดไปไม่ได้นอกจาก “ญี่ปุ่น” ยิ่งตอนนี้ตรงกับฤดูใบไม้ร่วงพอดี ช่วงเวลารอยต่อก่อนที่จะเข้าฤดูหนาว อากาศดี ใบไม้เริ่มพากันเปลี่ยนสี แน่นอนว่าสิ่งนี้ถือเป็นไฮไลต์ที่ทำให้การไปเยือนญี่ปุ่นน่าตื่นเต้นไม่แพ้ฤดูอื่นๆ วันนี้ Power จะชวนไปเที่ยวจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่ขึ้นชื่อในเมืองต่างๆ ของญี่ปุ่น ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย SHINKYO BRIDGE – Tochigi ขึ้นไปทางเหนือของโตเกียวราว 140 กิโลเมตร Nikko เมืองที่ตั้งอยู่ในทิวเขาในจังหวัด Tochigi เมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม จุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และหนึ่งในแลนด์มาร์กที่พลาดไม่ได้เมื่อไปเยือนก็คือ Shinkyo Bridge ที่ติดอันดับ 1 ใน 3 สะพานที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น “สะพานศักดิ์สิทธิ์” คืออีกสมญานามของสะพานโค้งสีแดงอันเก่าแก่ตั้งแต่สมัยเอโดะแห่งนี้ สายน้ำเบื้องล่าง ทิวทัศน์ของต้นไม้สีแสดของฤดูใบไม้ร่วง และพลังแห่งธรรมชาติที่รายล้อม ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ทำให้คุณต้องประทับใจ จนนึกขอบคุณตัวเองที่ได้ไปเห็นด้วยตาตัวเองเลยทีเดียว KAWAGUCHIKO LAKE – Yamanashi นอกจากทะเลสาบ Kawaguchiko คือหนึ่งในจุดชมวิวภูเขาฟูจิที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นแล้ว สถานที่แห่งนี้ก็ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์อีกมากมายที่รอให้เราไปสัมผัสอีกด้วย ในปี 2013 ทะเลสาบ Kawaguchiko ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกพร้อมกันกับภูเขาฟูจิ ภายใต้ชื่อ “ฟูจิซัง – สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และแหล่งบันดาลใจทางศิลปะ” โดยเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หิมะแรกของปีก็ได้มาเยือนยอดฟูจิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากได้ไปเที่ยวในช่วงนี้คุณจึงจะได้สัมผัสบรรยากาศของภูเขาฟูจิแบบมีหิมะปกคลุม ใบไม้เปลี่ยนสีรอบทะเลสาบ รวมไปถึงอุโมงค์ใบไม้สีสวยท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์เย็นสบาย MEIJI-JINGŪ GAIEN – Tokyo ตุลาคมย่างเข้าพฤศจิกายนในขณะที่ใบไม้เปลี่ยนไปเป็นสีส้มและแดงทั่วญี่ปุ่น ทว่า ณ ใจกลางกรุงโตเกียว คุณจะได้พบกับสีเหลืองทองอร่ามของต้นแปะก๊วยกว่า 100 ต้น ที่เรียงรายสองฝั่งถนนและเกาะกลางเป็นระยะทางกว่า 300 เมตร สู่สวน Meiji-Jingū Gaien ที่ในช่วงเวลานี้จะมีเทศกาลชมต้นแปะก๊วยและใบไม้เปลี่ยนสีให้ได้เที่ยวเล่น บรรยากาศคึกคักไปด้วยร้านรวงมากมาย หากมีเวลาก็สามารถนั่งกินอาหารชมความงามของธรรมชาติได้เพลินๆ นอกจากนี้ยังมีโซนกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ลานสเกตน้ำแข็ง สนามกีฬา พิพิธภัณฑ์ รวมไปถึงพาร์กสำหรับเด็กอีกด้วย JOZANKEI – Hokkaidō ขึ้นเหนือไปยังเกาะ Hokkaidō ที่จะเข้าฤดูใบไม้ร่วงก่อนภาคอื่นๆ ของญี่ปุ่น Jozankei นั้นขึ้นชื่อเรื่องน้ำพุร้อน ลำธาร ภูเขา และต้นไม้ ซึ่งแน่นอนว่าจะพากันเปลี่ยนสีละลานตาในช่วงนี้ แม้ว่า Jozankei จะอยู่ห่างจาก Sapporo เพียงหนึ่งชั่วโมง แต่กลับเงียบสงบและมีธรรมชาติที่งดงามอุดมสมบูรณ์ การได้แช่ออนเซ็นท่ามกลางอากาศเย็น สัมผัสสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ของฤดูกาล หรือจะพายเรือล่องไปตามแม่น้ำ Toyohira ชมทัศนียภาพสองข้างทางก็ฟินไปอีกแบบ SHIRAKAWA-GO – Gifu ภาพของ Shirakawa-go หมู่บ้านน่ารักที่มีหิมะขาวโพลนอยู่บนหลังคาอาจจะเป็นที่คุ้นตาของใครหลายคน แต่บรรยากาศแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมในฤดูใบไม้ร่วงของหมู่บ้านที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแห่งนี้ก็สวยงามทรงคุณค่าไม่แพ้กัน จุดเด่นของที่นี่ก็คือตัวบ้าน รูปทรง และเทคนิควิธีการก่อสร้างอันเป็นเอกลักษณ์ รวมไปถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่อาศัยอยู่กันจริงๆ คุณสามารถเดินชมบ้านเก่าตามจุดต่างๆ พิพิธภัณฑ์ และจุดชมวิวจากมุมสูงที่มองเห็นได้ทั้งหมู่บ้าน ต้องบอกว่าสีสันของต้นไม้และภูเขาที่อยู่ไกลออกไปนั้นงดงามราวกับภาพวาดเลยทีเดียว*กรุณาตรวจสอบวัน-เวลาเปิดให้บริการ และมาตรการทางด้านสาธารณสุขอีกครั้ง ท่องเที่ยวสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ด้วย KING POWER CLICK & COLLECT บริการพิเศษจาก คิง เพาเวอร์ ที่ช่วยให้ช้อปสินค้า ดิวตี้ ฟรี กับ คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ รับของง่ายขึ้นที่สนามบินทั้งขาเข้า-ขาออก…
Editor
14 October 2022
DestinationLifestyle

DESTINATION
HAVE A SEOUL-PR!SE TRIP
เกาหลีที่คิดถึง

หลังจากที่ประเทศเกาหลีใต้ค่อยๆ คลายมาตรการการเข้าประเทศตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ทำให้แผนไปเยือนแดนกิมจิที่หลายคนเฝ้ารอกำลังจะเป็นจริงในไม่ช้า สำหรับคนไทยแล้ว “ความเป็นเกาหลี” ในด้านต่างๆ ผูกพันกับวิถีชีวิตในแบบที่เรียกว่าไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นเพลง หนัง ซีรีส์ อาหาร หรือแฟชั่นที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ตอนนี้นั่นเอง แน่นอนว่าหลังจาก 2 ปีที่เราไม่ได้เดินทางไกลๆ ทริปเกาหลีจึงเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นและชุบชูใจสุดๆ แม้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกจะทำให้เทรนด์ของการท่องเที่ยวเปลี่ยนไปจากเดิม แต่อีกมุมหนึ่งก็คือความแปลกใหม่ที่เราจะได้สัมผัส รวมถึงอะไรอีกหลายอย่างที่ไม่คาดคิด ที่รอเซอร์ไพรส์เราอยู่ตลอดการเดินทาง วันนี้ Power จึงพาไปเรียกน้ำย่อยกับ 5 สถานที่เที่ยวในกรุงโซลในอารมณ์ต่างๆ กันสักนิด และสำหรับใครที่กำลังแพลนทริปไปเกาหลี ก็เตรียมตัว SEOUL-PR!SE กันได้เลย GYEONGBOKGUNG PALACE เคียงบกกุง หรือ คยองบกกุง พระราชวังที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในกรุงโซล ที่ถึงแม้ว่าในปัจจุบันอาคารหลายส่วนได้ถูกทำลายไปจากครั้งแรกสร้างเมื่อปี 1394 สมัยพระเจ้าแทโจ แห่งราชวงศ์โชซอน แต่อย่างไรที่นี่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของประเทศเกาหลีที่พลาดไม่ได้ เพียงทางเข้าเราจะเห็นฉากหลังของพระราชวังเป็นเขาพูกักซานที่ช่วยส่งให้บรรยากาศดูขลังและสง่างามมากขึ้น ส่วนด้านในมีไฮไลต์สำคัญอย่าง พระที่นั่งคึนจองวอง (Geunjeongjeon) พระที่นั่งกลางน้ำขนาดใหญ่อันเป็นที่ประทับของกษัตริย์เพื่อว่าราชการแผ่นดิน ศาลาฮยางวอนจอง (Hyangwonjeong) ศาลาหกเหลี่ยมศิลปะเกาหลีที่เชื่อมต่อกับ สะพานไม้ชวีฮยางกโย (Chwihyanggyo) สะพานไม้ที่ยาวที่สุดในสมัยราชวงศ์โชซอน อันเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามจับใจ นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์พระราชวังแห่งชาติ และ พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านเกาหลี ที่จัดแสดงศิลปวัฒนธรรมที่จะช่วยให้เราซึมซับประวัติศาสตร์ของเกาหลีได้ลึกซึ้งขึ้นอีกด้วย พิกัด: https://goo.gl/maps/Fj55qMniKepDcuEJ7 BUKCHON HANOK VILLAGE หมู่บ้านบุกชอนตั้งอยู่ไม่ไกลจากพระราชวังเคียงบกกุง นักท่องเที่ยวจึงนิยมปักหมุดไว้ใน Route เดียวกัน ด้วยความที่หมู่บ้านแห่งนี้ยังคงไว้ซึ่งเสน่ห์แบบย้อนยุคท่ามกลางตึกระฟ้าของกรุงโซล บรรยากาศตามตรอกซอกซอยราวกับคุณกำลังเดินอยู่ในสมัยราชวงศ์โชซอนเมื่อหลายร้อยปีก่อน อาคารแต่ละหลังเคยเป็นสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์จริงๆ ซึ่งปัจจุบันก็มีผู้อยู่อาศัยจริงๆ ไม่ได้เป็นการจัดฉาก ทว่าเป็นการปรับตัวของชุมชนที่ผ่านกาลเวลาจนเป็นอย่างที่เป็นในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นการไปเยือนหมู่บ้านแห่งนี้ คือการไปซึมซับวิถีชีวิตจริงๆ ของชาวเกาหลี นั่นจึงหมายรวมถึงการท่องเที่ยวแบบให้เกียรติผู้อยู่อาศัยด้วยนั่นเอง พิกัด: https://goo.gl/maps/Qca71jmk55oa9SJz9 NAMSAN PARK อุทยานนัมซาน ครอบคลุมบริเวณพื้นที่ทั้งหมดของภูเขานัมซาน สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในกรุงโซล แรกเริ่มเดิมทีพื้นที่ตรงนี้เป็นการฟื้นฟูกำแพงป้อมปราการเก่าที่ถูกปล่อยทิ้งให้พังมานับศตวรรษ รวมถึงสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่สามารถชมความงามได้ทุกฤดู อย่างฤดูใบไม้ผลิก็จะมีดอกไม้นานาชนิด โดยเฉพาะดอกซากุระเกาหลีที่บานสะพรั่ง หรือฤดูใบไม้ร่วงกับสีสันใบไม้เปลี่ยนสี ภายในอุทยานยังมีสถานที่ท่องเที่ยวและกิจกรรมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเดินชมธรรมชาติ จุดชมวิว โรงละครแห่งชาติเกาหลี พิพิธภัณฑ์ศิลปะการละครแห่งชาติ กระจายอยู่ตามโซนต่างๆ รวมไปถึงไฮไลต์อย่าง ศาลานัมซานพัลกักจอง (Namsan Palgakjeong Pavilion) ศาลาชมวิวรูปทรงแปดเหลี่ยม ที่จะมีการแสดงทางวัฒนธรรมให้ชมทุกวัน สามารถมองเห็นกรุงโซลที่อยู่เบื้องล่าง และ N Seoul Tower ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล พิกัด: https://goo.gl/maps/BZu9puCNkkRHWpCw6 HONGDAE ฮงแด เป็นย่านที่ขึ้นชื่อเรื่องความคึกคัก แหล่งช้อปปิ้งของวัยรุ่นเกาหลีใกล้มหาวิทยาลัย Hongik จึงรายล้อมไปด้วยไลฟ์สไตล์ที่เทรนดี้ในราคานักศึกษานั่นเอง และโซนหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากก็คือ สตรีตฟู้ด เสน่ห์อันเลื่องชื่อของเกาหลีที่ต้องลอง อันที่จริงย่านที่คึกคักเหล่านี้อาจจะเปลี่ยนไปบ้างหลังจากสถานการณ์โควิด ร้านรวงแฟชั่นต่างๆ อาจหายหน้าหายตากันไปบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ยังมีให้เห็นอยู่เสมอก็คืออาหารและคาเฟ ซึ่งได้ขยายตัวออกไปรอบฮงแดให้คุณได้เดินสำรวจกันเพลินๆ ใครไปเกาหลีช่วงนี้อาจจะได้เปิดแมปใหม่ๆ เรียกได้ว่าชิคก่อนใคร แบบนี้ก็เก๋ไม่เบา พิกัด: https://goo.gl/maps/GjqDPZrdaAcC8JM26 N SEOUL TOWER โซลทาวเวอร์ หนึ่งในสัญลักษณ์แห่งกรุงโซลที่ไม่ว่าจะมองจากที่อื่นก็สวย หรือจะขึ้นไปบนนั้นแล้วมองไปยังเมืองทั้งเมืองก็ตื่นตาตื่นใจไม่แพ้กัน ตัวอักษร N ในชื่อ N Seoul Tower สื่อความหมายถึง New (ใหม่) Natural (ธรรมชาติ) และ Namsan (นัมซาน) ด้วยทำเลที่ตั้งอยู่บนยอดเขานัมซาน ทำให้จุดชมวิวโซลทาวเวอร์ได้ชื่อว่าเป็นจุดที่สูงที่สุดของเมือง…
Editor
7 October 2022
DestinationLifestyle

DESTINATION
World Tourism Day 2022
ฉลองวันท่องเที่ยวโลก
ออกไปเที่ยวโลกกันให้หายอยาก

วันที่ 27 กันยายน ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็น World Tourism Day หรือ วันท่องเที่ยวโลก จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีมาตั้งแต่ปี 1980 โดยองค์การการท่องเที่ยวโลกแห่งสหประชาชาติ (UNWTO) มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักถึงบทบาทและความสำคัญของการท่องเที่ยวนั่นเอง หลังจากสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายลง การเดินทางท่องเที่ยวที่ทุกคนรอคอยก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และเทรนด์หนึ่งที่ได้รับความนิยมไม่น้อยก็คือ “Revenge Travel” พูดง่ายๆ ว่า เที่ยวโหดเหมือนโกรธโควิด ซึ่งเป็นความรู้สึกอัดอั้นหลังจากที่อุดอู้มานาน โดยคอนเซปต์หลักๆ ก็คือการออกไปเที่ยวไกลๆ เที่ยวยากๆ เที่ยวนานๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัยด้วย และวันนี้ Power ร่วมฉลองวันท่องเที่ยวโลกด้วยหลากหลายสถานที่ท่องเที่ยวสุดฟินในโลก ให้คุณออกได้ไปเที่ยวโลกกันให้หายอยาก KOTOR – Montenegro มอนเตเนโกร ประเทศเล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป ดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ที่หลายคนมองข้าม มอนเตเนโกรมีภูมิประเทศอันงดงามอลังการ ตลอดจนศิลปวัฒนธรรมที่ชวนค้นหาและน่าสัมผัสเป็นอย่างยิ่ง โดยหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือ Kotor เมืองที่มีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรโรมันโบราณ โดยเมืองเก่าอันเลื่องชื่อแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกในฐานะส่วนหนึ่งของเขตธรรมชาติและประวัติศาสตร์-วัฒนธรรมแห่ง Kotor และงานป้องกันของสาธารณรัฐเวนิสระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 16–17: สตาโตดาแตร์รา–สตาโตดามาร์ตะวันตก การเดินชมเมืองจึงเต็มไปด้วยเสน่ห์และกลิ่นอายศิลปะแบบเวเนเชียนสลับกับธรรมชาติอันตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะวิวจากมุมสูงที่สามารถเห็นเมืองทั้งเมืองและอ่าว Kotor ที่เบื้องล่างนั่น CEARÁ – Brazil อีกหนึ่งเดสทิเนชันด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของบราซิล Ceará เป็นรัฐที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ มีชื่อเสียงเรื่องชายหาดที่กว้างขวางตลอดความยาวเกือบ 600 กิโลเมตรที่ติดกับมหาสมุทรแอตแลนติก โดยนอกจากความเงียบสงบและความสมบูรณ์ทางธรรมชาติแล้ว ลักษณะอันโดดเด่นของชายหาดที่นี่ คือ เนินทรายขนาดใหญ่ที่ให้อารมณ์คล้ายกับทะเลทรายอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งนักท่องเที่ยวก็นิยมที่จะมาเล่น Sandboarding เดินสำรวจธรรมชาติ ชมความงามของเนินทรายที่บรรจบกับน้ำทะเลสวยแปลกตา หรือจะนั่งชมพระอาทิตย์เพียงเท่านี้ก็ฟินอย่าบอกใคร CAÑO CRISTALES – Colombia โคลอมเบีย ดินแดนที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก มีพื้นที่ครอบคลุมทั้งป่าดิบชื้น ที่ราบสูง ทุ่งหญ้า และทะเลทราย มีแนวชายฝั่งและเกาะต่างๆ ทั้งในมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิก จึงไม่น่าแปลกใจที่ปัจจัยเหล่านี้ก่อให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์อย่าง Caño Cristales หรือที่รู้จักกันในชื่อ แม่น้ำห้าสี อันประกอบไปด้วยสีหลักๆ ได้แก่ สีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีดำ และสีแดง ซึ่งเป็นสีของพืชใต้น้ำนานาพันธุ์ ด้วยความที่ Caño Cristales อยู่บริเวณรอยต่อของเทือกเขาแอนดีสและป่าแอมะซอน ประกอบกับเป็นแม่น้ำที่น้ำใสแจ๋วไม่มีดินและสัตว์น้ำเลย ทำให้สามารถมองเห็นความงดงามของสีสันได้อย่างชัดเจน แน่นอนว่าความงามเช่นนี้การเดินทางเข้าไปจึงไม่ง่ายนัก แต่ก็นับว่าคุ้มค่าหายเหนื่อย GREAT BARRIER REEF – Australia ด้วยเพราะมีความสำคัญทางธรรมชาติและทางวิทยาศาสตร์ในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นวิวัฒนาการทั้งทางธรณีวิทยาและชีววิทยา เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามยิ่ง ตลอดจนเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์และพันธุ์พืชหายาก ทำให้ Great Barrier Reef พืดหินปะการังที่ยาวที่สุดในโลกกว่า 2,000 กิโลเมตร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกตั้งแต่ปี 1981 Great Barrier Reef ประกอบไปด้วยแนวปะการังน้อยใหญ่ราว 3,000 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ 345,000 ตารางกิโลเมตร ทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย ถือเป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เกิดจากสิ่งมีชีวิต แน่นอนว่าสามารถมองเห็นได้จากอวกาศ ในปัจจุบันการท่องเที่ยวต้องเป็นไปในเชิงอนุรักษ์อย่างเต็มที่ ทำให้การนั่งเฮลิคอปเตอร์ชมความมหัศจรรย์จากด้านบน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการรบกวนให้ได้มากที่สุดเป็นวิธีที่น่าสนใจไม่น้อย M'ZAB VALLEY – Algeria แอลจีเรีย อีกหนึ่งประเทศทางตอนเหนือของทวีปแอฟริกา ที่แม้หลายคนจะไม่คุ้นเคยแต่รับรองได้ว่าจะต้องเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจไม่แพ้ทริปไหนๆ และจุดหมายปลายทางที่ห้ามพลาดหากได้ไปเยือนก็คือ M'Zab Valley…
Editor
27 September 2022
DestinationLifestyle

DESTINATION
พาเที่ยวเวียดนาม 3 วัน 2 คืน

เวียดนาม ยังคงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมประจำภูมิภาคอาเซียนอยู่เสมอ ด้วยภูมิประเทศที่ทอดยาวตั้งแต่ทางเหนือที่ติดกับประเทศจีน ทางทิศตะวันตกติดกับประเทศลาวและประเทศกัมพูชา ในขณะที่ทางทิศตะวันออกไล่ลงมาถึงทางใต้เป็นอ่าวตังเกี๋ย ทะเลจีนใต้ และอ่าวไทย ทำให้เวียดนามนั้นมีความหลากหลายทั้งด้านสังคม วัฒนธรรม สภาพอากาศ ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยงทางธรรมชาติครบทุกอารมณ์ แน่นอนว่าจะต้องใช้เวลาไม่น้อยถึงจะเก็บครบทุกเดสทิเนชันของความเป็นเวียดนาม แต่ความโชคดีอีกอย่างก็คือการเดินทางไปเวียดนามนั้นไม่ยาก บินตรงไป-กลับไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง เรียกได้ว่าสามารถใช้วันหยุดสุดสัปดาห์ไปได้เลย วันนี้ Power จึงมาแนะนำ Route เที่ยวเวียดนามสั้นๆ 3 วัน 2 คืน ที่เน้นใช้เวลากับพื้นที่ตรงนั้นรวมถึงบริเวณใกล้เคียง เพื่อให้คุณได้สัมผัสกับเวียดนามในอารมณ์อุ่นๆ แบบสบายใจไม่เร่งรีบนั่นเอง HOI AN / DA NANG / HUE เส้นทางแรกเราเริ่มกันที่บริเวณตอนกลางของประเทศเวียดนาม “ฮอยอัน” อดีตเมืองท่าริมฝั่งทะเลจีนใต้ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียนมาเป็นเวลายาวนานหลายร้อยปี และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฮอยอันผสมผสานไปด้วยวัฒนธรรมที่หลากหลายดังที่ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนผ่านสถาปัตยกรรมในเมือง กระทั่งได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกเมื่อ พ.ศ. 2542 อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่ที่ฮอยอันนั้นมีสีมัสตาร์ดน่าถ่ายรูป ที่สำคัญอย่าได้พลาดแลนด์มาร์กอย่างสะพานญี่ปุ่นอายุกว่า 400 ปี อันเป็นเอกลักษณ์ของเมือง ถัดขึ้นไปทางเหนืออีกหน่อย “ดานัง” อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเวียดนาม กับไฮไลต์อย่าง Bana Hills หมู่บ้านสไตล์ฝรั่งเศสบนเขา ที่ความสูง 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศจึงเย็นสบาย พร้อมกับวิวของภูเขาและทะเลอันสวยงาม ในอดีตที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักผ่อนของชาวฝรั่งเศส จึงเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรป ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวเป็นที่พัก รีสอร์ต ร้านอาหาร และแน่นอนมีมุมถ่ายรูปสวยๆ มากมาย และสำหรับสายอาร์ตต้องไม่พลาดไปเยือน “เว้” เมืองหลวงเก่าของเวียดนามในสมัยราชวงศ์เหงียน พื้นที่ทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่ง ไฮไลต์คือ สุสานจักรพรรดิไคดิงห์ ที่ใช้เวลาสร้างยาวนานถึง 11 ปี มีรูปแบบผสมผสานระหว่างศิลปะแบบตะวันตกอันหลากหลายทั้งบาโรก โกทิก นีโอคลาสสิก เข้ากับแนวทางแบบตะวันออกโดยเฉพาะจีน อันเห็นได้จากรูปมังกร รวมไปถึงประติมากรรมรูปทหารที่เรียงรายอยู่มากมายนั่นเอง HANOI / HA LONG “ฮานอย” เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม นครเก่าแก่อายุกว่าพันปีที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งวิถีชีวิต และถึงแม้ว่าความเป็นศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของประเทศ จะทำให้ฮานอยคลาคล่ำไปด้วยผู้คน แต่ท่ามกลางบรรยากาศเร่งรีบของเมืองหลวงก็ยังมีสถานที่เงียบสงบที่ใช้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี นั่นคือ ทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม ที่มีความหมายว่า “คืนดาบ” เนื่องจากมีตำนานเล่าว่า จักรพรรดิเล เหล่ย ได้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ในการขับไล่ชาวจีนที่รุกราน และได้คืนดาบเล่มนั้นให้กับตะพาบตัวหนึ่งลงสู่ใต้น้ำนั่นเอง ภายในบริเวณทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยมนอกจากจะเป็นสวนสาธารณะอันร่มรื่นแล้ว ยังเต็มไปด้วยมุมสวยงามให้ถ่ายรูปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหอคอยโบราณโผล่ขึ้นพ้นน้ำที่สร้างขึ้นในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 หรือสะพานเทฮุกสีแดงสดเชื่อมไปสู่วัดหง็อกเซิน หนึ่งในแลนด์มาร์กของฮานอยที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ไปเยือนทางเหนือของเวียดนามทั้งทีก็ต้องไม่พลาดอ่าวที่มีชื่อเสียงที่สุดอย่าง “ฮาลองเบย์” อีกหนึ่งสถานที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติจากองค์การยูเนสโก ฮาลองเบย์ หรือ อ่าวมังกร มีเกาะหินปูนจำนวน 1,969 เกาะ โผล่พ้นขึ้นมาจากผิวน้ำทะเล กิจกรรมที่แนะนำคือการนั่งกระเช้าลอยฟ้าชมวิวแบบ 360 องศา และ การล่องเรือท่ามกลางเกาะแก่งชมความงดงามของหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ ตลอดจนพายเรือคายักสัมผัสวิถีชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ให้ธรรมชาติช่วยเติมพลังให้เต็มอิ่ม DA LAT เมืองสวรรค์กลางหุบเขาทางภาคใต้ของเวียดนาม “ด่าหลัต” ถูกสร้างขึ้นโดยชาวฝรั่งเศสเมื่อกว่า 100 ปีก่อน ได้รับสมญานามว่าปารีสตะวันออก ด้วยตั้งอยู่บนเขาที่มีอากาศเย็นตลอดปี มีพืชเมืองหนาวนานาชนิด ครบครันไปด้วยที่พัก โรงแรม รีสอร์ต รวมไปถึงธรรมชาติอันงดงาม โดยเฉพาะน้ำตกฟงกัว (Pongour Waterfall) อันเลื่องชื่อ ด้วยขนาดและความสูงทำให้สายน้ำของที่นี่รุนแรง เสียงดัง และทรงพลังเป็นอย่างมาก การเดินทางลงมายังน้ำตกถือว่าสะดวกสบาย สามารถเก็บภาพความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติมุมใกล้-ไกลได้ตลอดทาง*กรุณาตรวจสอบวัน-เวลาเปิดให้บริการ และมาตรการทางด้านสาธารณสุขอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม…
Editor
16 September 2022
DestinationLifestyle

DESTINATION
รวมฮิตจุดเช็กอินที่มาเลเซีย

“มาเลเซีย” ประเทศเพื่อนบ้านทางภาคใต้ของไทย ไม่ใกล้ไม่ไกล แต่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวครบทุกอารมณ์ การเดินทางก็สะดวกสบาย มีลองวีกเอนด์ 3 – 4 วันก็ไปเที่ยวได้ชิลๆ โดยเฉพาะ กัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงและเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ จุดหมายปลายทางที่ใครหลายคนหลงเสน่ห์ในความหลากหลายทางวัฒนธรรม อาหารการกิน รวมไปถึงสถานที่เช็กอินเก๋ๆ มากมาย ซึ่ง Power ก็ไม่พลาดที่จะมาแนะนำจุดเช็กอินยอดฮิตให้คุณได้ปักหมุดรอทริปมาเลเซียกันได้เลย PETRONAS TWIN TOWERS “ตึกแฝดเปโตรนาส” ตั้งอยู่บริเวณใจกลางย่านธุรกิจของกัวลาลัมเปอร์ ได้ชื่อว่าเป็นอาคารแฝดที่สูงที่สุดในโลกด้วยความสูง 451.9 เมตร อีกทั้งยังมี Skybridge สะพานเชื่อมสองตึกเข้าด้วยกันที่สูงที่สุดในโลก ซึ่งคุณสามารถขึ้นไปชมวิวจากตรงนั้นได้อีกด้วย อาคารทั้ง 88 ชั้น โดดเด่นด้วยโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมและการตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ เป็นการผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีและแรงบันดาลใจจากเสาหินทั้ง 5 ของศาสนาอิสลามอัตลักษณ์สำคัญของชาติไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ไม่ว่าจะมาตอนกลางวันหรือกลางคืนก็รับรองว่าจะต้องตื่นตะลึงกับความงดงามอันเป็นสัญลักษณ์ของกัวลาลัมเปอร์แห่งนี้อย่างแน่นอน PUTRAJAYA ปูตราจายา เมืองใหม่ของประเทศมาเลเซีย ตั้งอยู่ห่างจากกัวลาลัมเปอร์ไปทางใต้เพียงนั่งรถประมาณ 20 นาที เมืองนี้มีการพัฒนาขึ้นในช่วงยุค 90s เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางราชการแห่งใหม่ เนื่องจากกัวลาลัมเปอร์นั้นแออัดจนเกินไปจากปัญหาการเจริญเติบโตที่รวดเร็วนั่นเอง ในวันนี้นอกจากปูตราจายาจะเป็นที่ตั้งของฝ่ายบริหารอย่างสมบูรณ์แล้ว ก็ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เพียบพร้อมไปด้วยระบบสาธารณูปโภคชั้นดี มีทะเลสาบ สวนสาธารณะ ละลานตาไปด้วยอาคารสวยๆ ให้คุณเพลิดเพลินไปกับซิตี้สเคปได้อย่างจุใจ ไฮไลต์อย่างหนึ่งที่พลาดไม่ได้คือ Putra Mosque มัสยิดสไตล์เปอร์เซียบนแหลมปูตราจายาที่สีชมพูของตัวอาคารตัดกับสีฟ้าของน้ำและท้องฟ้าสวยอย่าบอกใคร BATU CAVES ถ้ำบาตู ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกัวลาลัมเปอร์ประมาณ 14 กิโลเมตร เขาหินปูนที่ภายในมีถ้ำและเป็นที่ประดิษฐานของเทวาลัย ศาสนาสถานสำคัญของชาวอินเดียที่นับถือศาสนาฮินดูในประเทศมาเลเซีย เดิมทีถ้ำบาตูเป็นถ้ำธรรมชาติ กระทั่งพ่อค้าชาวทมิฬสังเกตเห็นบริเวณปากถ้ำว่ามีลักษณะคล้ายกับหอก อาวุธโบราณที่มีความสัมพันธ์กับพระขันธกุมาร เทพเจ้าแห่งการสงครามในศาสนาฮินดู จึงสร้างเทวาลัยบูชาพระขันธกุมารขึ้นในปี 1890 การไปเยือนถ้ำบาตูจะต้องเดินขึ้นบันได 272 ขั้นขึ้นไป แม้จะไม่ง่ายนักแต่ก็มีผู้ศรัทธาจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลกันไปขอพรเรื่องลูกและสุขภาพ โดยเฉพาะช่วงเทศกาล Thaipusam ตามความเชื่อของชาวฮินดู ไฮไลต์สำคัญได้แก่ประติมากรรมพระขันธกุมารขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก สูงถึง 43 เมตร สีทองอร่าม ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณทางขึ้นบันไดอย่างยิ่งใหญ่อลังการ SULTAN ABDUL SAMAD BUILDING อาคารสุลต่านอับดุลซาหมัด สร้างขึ้นตั้งแต่ราวปลายศตวรรษที่ 19 เพื่อใช้เป็นที่ทำการของหน่วยงานราชการของอังกฤษในช่วงเวลานั้น แรกเริ่มได้รับการออกแบบในสไตล์นีโอคลาสสิกโดย A.C. Norman สถาปนิกชาวอังกฤษ แต่ภายหนังถูกปรับเปลี่ยน ผสมผสานไปด้วยสถาปัตยกรรมอินโด-ซาราเซนิก โมกุล และมัวร์ ปัจจุบันอาคารแห่งนี้เป็นที่ตั้งของศาลสูงและศาลฎีกา โดดเด่นด้วยหอคอยทั้งสามที่มียอดโดมอะลูมิเนียมเคลือบทองแดง อิฐสีน้ำตาลแดงที่ใช้ในการก่อสร้างตัวอาคารเป็นจำนวนหลายล้านก้อน และหอนาฬิกาสูง 41 เมตร สัญลักษณ์ของเมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “บิ๊กเบนแห่งมาเลเซีย”*กรุณาตรวจสอบวัน-เวลาเปิดให้บริการ และมาตรการทางด้านสาธารณสุขอีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป การเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย ยกเลิกระบบ Test & Go แล้ว ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวทำได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมพบกับ KING POWER CLICK & COLLECT บริการพิเศษจาก คิง เพาเวอร์ ที่ช่วยให้ช้อปสินค้า ดิวตี้ ฟรี กับ คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ รับของง่ายขึ้นที่สนามบินทั้งขาเข้า-ขาออก รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก #LoveTravellers #PowerTravellers #ชวนไทยเที่ยวโลกชวนโลกเที่ยวไทย #ชวนไทยเที่ยวโลก #KingPower
Editor
2 September 2022