DestinationLifestyleLifestyle 133Number 133

DESTINATION
Sustainable Travel

By 16 June 2020 No Comments

SUSTAINABLE TRAVEL

ท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในสวิตเซอร์แลนด์

STORY AND PHOTOGRAPHY

NISARAT SITASUWAN

ท่องเที่ยวแบบยั่งยืนในสวิตเซอร์แลนด์

STORY AND PHOTOGRAPHY

NISARAT SITASUWAN

ก่อนที่นักปีนเขาจะมาแสวงหาความท้าทายกับภูเขาสูงต่างๆ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 และดึงดูดให้นักท่องเที่ยวระดับทัศนาจรมาเพลิดเพลินชมวิวทิวทัศน์กับอากาศดีๆ ในช่วงฤดูร้อน ตลอดจนสนุกกับกิจกรรมและกีฬาต่างๆ ในช่วงฤดูหนาว สวิตเซอร์แลนด์เคยเป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการรักษาสุขภาพด้วยน้ำมาก่อนนับตั้งแต่สมัยโรมันเลยทีเดียว

จุดพีคของการเดินทางเพื่อมารักษาสุขภาพด้วยน้ำในสวิตเซอร์แลนด์ คือช่วงกลางศตวรรษที่ 18 เมื่อหลายเมืองมีการสร้างโรงแรมหรูสำหรับให้นักท่องเที่ยวมาพักผ่อนกับน้ำด้วยวิธีต่างๆ แต่ต่อมาสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 ที่อุบัติขึ้น ทำให้กิจการท่องเที่ยวกับน้ำแบบสปาต้องซบเซาลง ทว่ายังมีหลายเมืองที่ปรับตัวได้และยังคงเปิดกิจการสปาหรูให้บริการมาได้จนถึงปัจจุบัน เช่นที่ Bad Ragaz ใน The Canton of St. Gallen 

ที่เขตชีวมณฑล Entlebuch Biosphere เขตสงวนของยูเนสโกใกล้เมืองลูเซิร์น คือบริเวณธรรมชาติที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ

การท่องเที่ยวกับน้ำที่มีคุณสมบัติในการรักษาในธรรมชาติอันพิสุทธิ์ของสวิตเซอร์แลนด์นั้น ยังคงดำรงคุณภาพมาได้แม้จะเปิดตัวสู่โลกให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสมาแล้วร่วม 200 ปี และนี่นับเป็นตัวอย่างที่ดีของการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนที่เรายังคงสามารถสัมผัสประสบการณ์เช่นนั้นได้ในปัจจุบัน

ที่เขตชีวมณฑล Entlebuch Biosphere เขตสงวนของยูเนสโกใกล้เมืองลูเซิร์น คือบริเวณธรรมชาติที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ มีทุ่งหญ้า สายน้ำ หมู่บ้าน และทุ่งเลี้ยงสัตว์ ตั้งอยู่รวมกันเป็นชุมชน และมีบริเวณพิเศษเรียกว่า Kneippanlage ที่กั้นไว้แบบเป็นสาธารณะ เพื่อให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปสัมผัสธรรมชาตินั้นได้ โดยต้องเสียค่าเข้า-ค่าบำรุงรักษาเล็กน้อย พร้อมกันนั้นยังสามารถใช้อุปกรณ์ต่างๆ ที่สร้างสรรค์ไว้ตามปรัชญาของ Sebastian Kneipp (ค.ศ.1821-1897) พระชาวบาวาเรียผู้นำเสนอไอเดียการรักษาสุขภาพแบบองค์รวมที่บอกว่า “Nature is the best pharmacy–ธรรมชาติคือยาที่ดีที่สุด” ซึ่งที่นี่ได้รับการยกย่องว่าเป็น Kneipp Facility ที่สวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์

ระหว่างการเดินไปตามเส้นทางธรรมชาติ ซึ่งมีแผนที่และป้ายบอกทางอย่างชัดเจน เราได้พบกับอ่างอาบแขนเพื่อใช้แช่แขน จุดพักเงียบๆ สำหรับทอดอารมณ์ชมวิวพักผ่อนบนเก้าอี้นอนไม้ นอกจากนี้ยังมีก๊อกน้ำและฝักบัวอยู่หลายจุด เพื่อให้ใช้ล้างหน้า ล้างตัว และล้างเท้า มีทางเดินเท้าเปล่าหลากหลายพื้นผิวที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ สวนสมุนไพรหอมกรุ่น และทางเดินในน้ำที่เราสามารถลงไปเดินท่องน้ำได้อย่างปลอดภัย เพราะมีการทำราวจับไว้ให้ด้วย

หลังจากไปเดินชมธรรมชาติและใช้อุปกรณ์ต่างๆ แล้ว ก็รู้สึกได้ถึงความสดชื่น ผ่องใส  ผิวตึง (น้ำเย็นมาก) และพร้อมที่จะรับประทานอาหารมื้อใหญ่ที่โรงเตี๊ยมใน Flühli ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่มีป้ายขึ้น-ลงรถประจำทางไปลูเซิร์น

อีกเมืองหนึ่งที่มีน้ำเป็นตัวชูโรง และดึงดูดนักเดินทางมาตั้งแต่ยุคกลาง คือเมือง Scuol ใน The Canton of Grisons ทางตะวันออกของประเทศ ที่นี่เคยมีโรงแรมหรู Hotel Waldhaus Vulpera เป็นโรงแรมชั้นนำของสวิสแอลป์ ซึ่งใช้น้ำแร่เพื่อให้บริการสปาตั้งแต่ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 แต่เมื่อโรงแรมปิดซ่อมในปี ค.ศ. 1988 ก็เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปีถัดมา บริเวณโรงแรมจึงถูกปรับปรุงให้กลายเป็นสวนสาธารณะในปัจจุบัน ส่วนแหล่งน้ำแร่และเวลเนสสปาแบบทันสมัยก็เปลี่ยนสถานที่ไปสร้างขึ้นใหม่ใกล้ชุมชน เพื่อให้บริการชาวเมืองและผู้มาเยือนได้อย่างสะดวก

Bogn Engiadina Wellness Spa ใน Scuol มีบ่อน้ำแร่ทั้งในร่มและกลางแจ้ง ซึ่งแต่ละบ่อมีอุณหภูมิที่ต่างกัน ทั้งยังมีห้องอบไอน้ำ โซลาเรียม และห้องนวดสปา เช่นเดียวกับสปาของโรงแรมหรู ประชาชนคนทั่วไป รวมทั้งนักท่องเที่ยว สามารถมาใช้บริการได้ โดยชำระค่าบริการเป็นครั้ง หรือถ้าเป็นชาวเมืองก็สมัครเป็นสมาชิกได้ นักท่องเที่ยวหากมาพักโรงแรมหรูในเมือง ก็อาจเข้าใช้สปานี้ได้ฟรี 

เวลเนสสปาของเมือง Scuol ใหญ่โตและทันสมัยครบถ้วนชนิดที่ว่าเห็นแล้วอยากย้ายมาเป็นประชากรของเมืองนี้ เพื่อจะได้เข้าสปากันทุกวัน

อีกเอกลักษณ์หนึ่งของการ์ดา คือบ่อน้ำพุในหมู่บ้านที่มีอยู่หลายบ่อด้วยกัน ตัวบ่อก่อด้วยหินที่สร้างมานับร้อยปีน้ำที่ออกมาจากก๊อกของแต่ละบ่อเป็นน้ำแร่ที่มีคุณสมบัติไม่เหมือนกัน

ติดกับ Scuol คือ Guarda หมู่บ้านเก่าแก่ที่ปรากฏในบันทึกครั้งแรกเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 11 ปัจจุบันหมู่บ้านนี้ยังมีอาคารสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น และสามารถรักษาสภาพของอาคารเหล่านั้นไว้ได้เป็นอย่างดี จนได้รับรางวัลอนุรักษ์ดีเด่นจากสวิส เฮอริเทจ โซไซตี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1975

อีกเอกลักษณ์หนึ่งของ Guarda คือบ่อน้ำพุในหมู่บ้านที่มีอยู่หลายบ่อด้วยกัน ตัวบ่อก่อด้วยหินที่สร้างมานับร้อยปี น้ำที่ออกมาจากก๊อกของแต่ละบ่อเป็นน้ำแร่ที่มีคุณสมบัติไม่เหมือนกัน บางบ่อจืด บางบ่อเค็ม บางบ่อมีรสสนิม น้ำเป็นสีชมพู และบ่อหนึ่งมีฟองซ่าคล้ายโซดาด้วย!! ดังนั้นการเดินเที่ยวไปชิมไปใน Guarda จึงเป็นเรื่องสนุกยิ่งนัก

สวิตเซอร์แลนด์เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้านต่างๆ มานับร้อยปี และน่าทึ่งจริงๆ ที่ยังสามารถรักษาสภาพสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไว้ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังพัฒนาให้ทันยุคสมัยได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

TRAVEL INFORMATION

1. เดินทางจากซูริคสู่บาด รากาซ ด้วยรถไฟ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 15 นาที
2. เดินทางจากลูเซิร์นสู่เฟลอห์ลี ด้วยรถไฟต่อรถประจำทาง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 47 นาที
3. เดินทางจากคูร์สู่สกูล-ทาราสป์ ด้วยรถไฟ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 44 นาที

DESTINATION