วันวาเลนไทน์ หรือ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปีนั้น เป็นที่รู้กันดีว่าบรรยากาศโดยรอบจะอบอวลไปด้วยมวลแห่งความสุข ความห่วงใย และความปรารถนาดีที่ใครต่อใครต่างส่งให้กันในนามของ “ความรัก” หนึ่งในสิ่งที่นามธรรมที่สุดในโลกที่แม้แต่นักปรัชญาก็หานิยามไม่ได้ แต่เราทุกคนก็ยินดีที่จะใช้โอกาสนี้มอบช่วงเวลาสุดพิเศษให้กับคนที่เรารัก ที่มาที่ไปของวันวาเลนไทน์ไม่มีบันทึกไว้อย่างแน่ชัดว่าเกิดขึ้นเมื่อใด ที่ไหน หรือ เพราะอะไร บ้างก็เชื่อว่าเกิดจากนักบุญวาเลนไทน์ นักบวชในคริสต์ศาสนาที่ยอมฝืนคำสั่งของจักรพรรดิแห่งโรมันที่ประกาศห้ามให้มีการจัดงานแต่งงานในช่วงสงคราม แต่ท่านก็แอบจัดพิธีให้กับคู่รักมากมาย บ้างก็เชื่อว่าเป็นเรื่องราวของนายแพทย์ที่ไปมีความรักต้องห้ามกับหญิงสาวตาบอดจนต้องโทษประหาร โดยที่ก่อนตายได้ทำการอธิษฐานและเขียนโน้ตถึงนาง กระทั่งเกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นทำให้นางมองเห็นและได้อ่านข้อความสุดท้ายจากเขาว่า “From your Valentine” อย่างไรก็ตามวันวาเลนไทน์ได้กลายมาเป็นวันที่เราจะมอบของขวัญให้กับคนสำคัญข้างกาย นอกเหนือไปจากความรู้สึกดีๆ ที่ให้อยู่แล้วทุกวัน เพื่อให้วันนี้กลายเป็นวันพิเศษขึ้นกว่าเดิม อาจจะเป็นดอกกุหลาบสักดอก การ์ดน่ารักๆ สักใบ หรือ อาหารอร่อยๆ ที่มาพร้อมกับบรรยากาศแสนพิเศษสักมื้อ Power จึงไม่รอช้าที่จะพาไปทำความรู้จักกับขนมและอาหารที่ จะช่วยเติมความหวานให้กับความสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์นี้ของคุณ The Happiness That You Can Eat ทำไมช็อกโกแลตถึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของวันแห่งความรัก ตอบง่ายๆ ว่า มันอร่อย เพราะฉะนั้นการมอบของอร่อยๆ ให้กับคนรักมันก็สมเหตุสมผลดี นอกจากนั้นการรับประทานช็อกโกแลตแบบเข้มข้นยังมีประโยชน์มากมาย ทั้งช่วยลดความเครียด อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระจึงช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ มีธาตุเหล็กช่วยบำรุงเลือด รวมไปถึงฟลาโวนอยด์ที่ช่วยบำรุง “หัวใจ” ว่ากันว่ารสชาติดุจดั่งสวรรค์และสัมผัสของช็อกโกแลตชั้นดี ไม่เพียงแต่จะละลายในปากเท่านั้น แต่ยังละลายไปถึงหัวใจ อย่างที่ใครหลายคนเชื่อว่า ช็อกโกแลต ไม่ต่างอะไรจากความสุขที่มาในรูปของกิน The Language of Flowers ราวปลายศตวรรษที่ 17 ความนิยมเรื่องแนวคิดของ “ภาษาดอกไม้” หรือการใช้ดอกไม้เป็นสัญลักษณ์ในการแสดงออกทางอารมณ์ความรู้สึกกำลังเป็นที่นิยมไปทั่วทั้งยุโรป อย่างที่ดอกคาร์เนชั่นสีเหลืองแสดงถึงความผิดหวัง ดอกผักตบสีม่วงนั้นร้องขอการให้อภัย และแน่นอนดอกกุหลาบสีแดงแทนความรักจากหัวใจ ดอกกุหลาบนั้นเกี่ยวข้องกับวีนัส เทพีแห่งความรักของชาวโรมัน ตามตำนานเล่าว่าเมื่ออดอนิสคนรักของวีนัสตาย เลือดของเขาเมื่อรวมเข้ากับหยดน้ำตาอันเกิดจากความเสียใจของนาง ที่บริเวณนั้นได้เกิดเป็นพุ่มดอกไม้สีแดงเข้มขึ้นมา นั่นคือดอกกุหลาบ หรืออย่างของไทยก็มี มัทนะพาธา บทละครพูดคำฉันท์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ตำนานดอกกุหลาบกับความรักอันเจ็บปวดนั่นเอง นอกจากความสวยงามแล้ว กลีบกุหลาบก็ยังนำมารับประทานได้ แถมยังมีประโยชน์มากเสียด้วย เพราะอุดมไปด้วยวิตามินซี วิตามินบี วิตามินเค แคลเซียม โพแทสเซียม รวมไปถึงแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่างๆ สามารถนำมาทำเป็นอาหารและเครื่องดื่มได้หลากหลาย เช่น ชาดอกกุหลาบ สลัดดอกกุหลาบ เค้กกุหลาบ หรือจะจิ้มกินกับน้ำพริกแบบไทยๆ ก็เก๋ไปอีกแบบ The Fruit of Love สตรอว์เบอร์รี ผลไม้ที่โดดเด่นที่สุดในวันแห่งความรัก เจ้าผลไม้สีแดงรูปหัวใจนี้มีความเกี่ยวข้องกับเทพีวีนัส ตามตำนานถือเป็นญาติห่างๆ ของดอกกุหลาบ และด้วยรูปร่างหน้าตารวมไปถึงรสชาติของมัน หลายคนจึงเปรียบเปรยเอาไว้ว่า หากถามว่าความรักรสชาติเป็นอย่างไร ก็ให้สตรอว์เบอร์รีแทนคำตอบนั้นได้เลย นอกจากนั้นมันยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์อีกด้วย ยังมีเรื่องเล่าอีกว่า ถ้าคุณเจอผลสตรอว์เบอร์รีแฝด แล้วได้ทำการแบ่งมันให้ใครสักคนกิน ทั้งสองก็จะตกหลุมรักซึ่งกันและกัน สตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกว่าผลไม้อย่างส้ม องุ่น และกีวีหลายเท่า มีวิตามิน เส้นใยอาหาร และกรดโฟลิกที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและมะเร็ง นิยมรับประทานสดๆ หรือจะนำไปจับคู่กับของหวานอย่างช็อกโกแลตก็อร่อย รวมไปถึงนำไปเป็นส่วนผสมตัดรสชาติกับอาหารคาวอย่างฟัวกราส์ย่างก็ช่วยชูรสให้ความรู้สึกสดชื่นเข้ากันลงตัว I Herb You เมื่อพูดถึงสมุนไพรก็มักจะชวนให้นึกถึงยา จริงอยู่ที่สรรพคุณทางการรักษาเหล่านั้น ดูจะห่างไกลจากคำว่าโรแมนติกอยู่พอสมควร แต่ถึงอย่างไรสมุนไพรก็ยังส่งผลดีต่ออารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์ เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ใจอุ่น เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่รับประทานร่วมกับคนรักในวันวาเลนไทน์นี้ โรสแมรี่ ในสมัยโบราณใช้เป็นสัญลักษณ์ของความรู้เนื่องจากมีสรรพคุณช่วยให้ความจำดี เป็นสมุนไพรที่มีความโดดเด่นเรื่องกลิ่นและน้ำมันในตัว นิยมนำไปสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย มีสารที่มีประโยชน์ช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็ง เสริมสร้างการผลิตคอลลาเจนช่วยให้ผิวกระชับ ที่สำคัญโรสแมรี่ยังเป็นสมุนไพรที่เชฟขาดไม่ได้ อันที่จริงแค่นึกถึงสเต็กเนื้อหรือปลาที่มีกลิ่นของโรสแมรี่บางๆ ก็สุขใจแล้ว ลาเวนเดอร์ กลิ่นที่เหมือนน้ำหอมจากธรรมชาติของลาเวนเดอร์ช่วยได้เสมอในเรื่องความโรแมนติก หนึ่งในน้ำมันหอมระเหยที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดที่จะช่วยสะกิดความรู้สึกของความสุขให้เคลิบเคลิ้มในอารมณ์แห่งเดือนกุมภาพันธ์…
Editor12 February 2021