DestinationLifestyle

DESTINATION
Feel the charms of Phuket,
the destination that never fades away from memories

An inspiration seeker’s quest has started. Feel the charms of the beaches that are more beautiful than ever. Feel the touch of civilisation through the course of time in “Phuket”, the destination with the breeze of joy, memorable beaches, and the experience that will make you fall in love over and again. The appeal of a journey will never end. Visit three beaches in Phuket without leaving the mainland! Get lost by the simplicity and privacy at “Yanui Beach”. Yanui Beach is a hidden and serene beach on the way from Laem Phromthep to Nai Lan Beach. Years ago, this beach would not have been known by many. Apart from its simplicity and pristine nature, this fine sandy beach with its splendid curve, coupled with the surrounding indigo blue sea, has captured everyone’s heart these days. With a handful of tourists, this beach offers you with privacy. What could be…
Editor
9 July 2021
Food & DrinksLifestyle

FOOD & DRINKS
Casual Eats or Fine Dining
Phuket makes perfect gourmet getaway

Phuket is definitely one of the world-class holiday destinations in Thailand as the whole island is teeming with numerous different attractions. Stunning beaches may be the main draw but its vibrant food scene also earns a serious reputation befitting a place on the famous Michelin Guide. With its broad and sophisticated range of eateries, travellers enjoy exploring a wide range of cuisines and ambiance from fiery southern Thai flavours, charming restaurants that let you come into close contact with lush green forest to posh dining venues perfect for special days with your loved ones. Eat Your Way Through Downtown Phuket Retro Chinese Café - Kopitiam Phuket This café & restaurant has been a popular dining spot for tourists and locals over a decade. They specialise in Thai style Hokkien dishes and authentic Phuket soul food. The place has kept an atmospheric old feel making it look like a scene straight…
Editor
9 July 2021
Lifestyle

Lifestyle
เปลี่ยนวัน Work from Home ธรรมดา
ให้มีสีสันมากกว่าเดิม

ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่าจากวิกฤตการณ์ Covid-19 หลายองค์กรหันมาปรับตัวให้พนักงานสามารถทำงานจากบ้าน หรือ Work from Home ได้เกือบ 100% แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจะเหมาะกับการทำงานที่บ้านกันเสียทีเดียว หลายคนกำลังประสบปัญหาเรื่องสภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมสำหรับการทำงานที่บ้าน รวมถึงความพร้อมของอุปกรณ์ไม่ตอบโจทย์ เกิดภาวะเครียดสะสม ส่งผลให้พลังในการทำงานลดน้อยลง ไม่มีเรี่ยวแรงไปคิดไอเดียใหม่ๆ วันนี้ Power จึงขอแนะนำเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่จะมาเปลี่ยนวัน Work from Home ธรรมดาให้มีสีสันมากกว่าเดิม เริ่มต้นด้วยการเลือกยุทธศาสตร์การวางโต๊ะทำงานให้ถูกหลักฮวงจุ้ยกันก่อน เพื่อส่งเสริมให้การทำงานสำเร็จราบรื่น เกิดความสบายใจ เสริมพลังดวงการงานให้รุ่ง! แล้วยังอ้างอิงกับหลักสุขภาพอีกด้วย ห้ามทำงานบนที่นอนเด็ดขาด ห้องนอนเป็นห้องแห่งความสงบ มีพลังเย็น การที่เรานำอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นพลังดวงอาทิตย์ มาไว้บนที่นอนนั้นส่งผลเสียต่อฮวงจุ้ย ส่วนในเรื่องของสุขภาพมีผลวิจัยที่แสดงว่าการที่เราทำงานบนที่นอนนั้นจะทำให้เรารู้สึกไม่ได้พักผ่อน เหมือนต้องทำงานตลอดเวลา อีกทั้งอุปกรณ์ต่างๆ อาจจะมีฝุ่นทำให้การนอนหลับของเรานั้นแย่ลงได้ ห้ามตั้งโต๊ะทำงานใกล้ห้องน้ำ เพราะห้องน้ำเป็นแหล่งสะสมพลังงานลบ การอยู่ใกล้จะเกิดอาการเจ็บป่วยและจะมีอุปสรรคในการทำงาน สอดคล้องกันกับในด้านหลักสุขภาพที่ห้องน้ำเป็นแหล่งรวมเชื้อโรค และมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อาจทำให้เราเจ็บป่วยได้ ไม่ตั้งโต๊ะทำงานตรงกับประตู ประตูทางเข้านั้นตามความเชื่อคือจะมีสิ่งวุ่นวายวิ่งเข้าหาเราตลอด ทำให้การทำงานนั้นไม่ราบรื่น ควรตั้งโต๊ะที่มุมห้องด้านใดด้านหนึ่ง โดยให้เห็นหน้าต่างนิดหน่อยเพื่อรับพลังงานธรรมชาติเข้ามา ส่วนในหลักสุขภาพนั้น ประตูมักจะมีคนเดินเข้าออกทำให้เราเสียสมาธิในการทำงานนั่นเอง การจัดวางหน้าจอคอมพิวเตอร์ และการปรับระดับโต๊ะทำงานและเก้าอี้ให้พอดี องศาการมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ไม่พอดี คือหนึ่งในสาเหตุของการปวดต้นคอและหลัง ควรปรับระดับความสูงของโต๊ะทำงานและเก้าอี้ให้สามารถนั่งทำงานในท่าทีที่สบาย และปรับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา ตามด้วยจัดองศาแป้นพิมพ์ให้สามารถพิมพ์ได้ง่าย ช่วยลดอาการปวดเมื่อยต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ขอแนะนำไอเทม Magic Keyboard คู่หูที่ยอดเยี่ยมมอบประสบการณ์การพิมพ์อันน่าทึ่ง พิเศษกว่าด้วยดีไซน์ที่ช่วยยกเครื่อง iPad Pro และ iPad Air ของคุณให้ลอยขึ้นเหนือจากโต๊ะ พร้อมปรับระดับให้เข้ากับการใช้งานได้อย่างเหมาะสม SHOP NOW นอกจากนี้ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การทำงานของคุณลื่นไหล ไม่มีสะดุด และถ้าหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการปรับเปลี่ยนสถานที่ในการทำงานแล้วล่ะก็ อุปกรณ์แท็บเล็ตพกพาสะดวก อย่าง SAMSUNG Galaxy Tab S7+ LTE 128GB* ก็เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดี SHOP NOW ปิดท้ายด้วยไอเทมเสริมที่ควรมีสำหรับโซนทำงาน เพื่อสร้างสีสันให้การทำงานไม่น่าเบื่อ หลายคนอาจจะยังรู้สึกเบื่อหน่ายกับบรรยากาศเดิมๆ แนะนำให้ลองสร้างบรรยากาศในการทำงานใหม่ๆ เพื่อเติมไฟ​และปลุกแรงบันดาลใจให้กับตัวเอง ด้วยไอเทมของตกแต่งอย่าง แจกันดอกไม้ ของสะสม ผลิตภัณฑ์อะโรมา หรือของตกแต่งอื่นๆ ที่นอกจากจะช่วยทำให้คุณรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลายแล้ว เผลอๆ คุณยังได้ไอเดียใหม่ๆ มาต่อยอดให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย PAÑPURI Crystal Lotus Aroma Diffuser Copper* SHOP NOW DONNA CHANG Soothing Jasmine Reed Diffuser 200 มล.* SHOP NOW BATH&BLOOM Octobre Refilled Scented Sachet 20 กรัม* SHOP NOW SWAROVSKI Atlantic Puffins* SHOP NOW AMPHAN Aroma Charcoal Diffuser 10 มล.* SHOP NOW MAHANAKHON SKYWALK Tower Model with Frame -…
Editor
7 July 2021
Lifestyle

Lifestyle
Let Social Media Day Make Your Day

ดูเหมือนโลกจะแคบลงทุกวัน เรามีโทรศัพท์ให้ได้ยินเสียงกันแม้ไม่ได้อยู่ต่อหน้า เรามีแฟกซ์ช่วยส่งข้อมูลได้ในทันทีทั้งที่อยู่ไกลกัน แล้ววันหนึ่งเราก็มี “โซเชียลมีเดีย” ที่ปฏิวัติวิธีการสื่อสารของโลกนี้ไปอย่างสิ้นเชิง เพราะนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เราสามารถติดต่อกับเพื่อนหรือครอบครัวได้ตลอดเวลาที่ต้องการ นักธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ผู้คนจำนวนมากใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการสื่อสารมากขึ้นทุกวัน กลายเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมครั้งสำคัญ จนกระทั่งมีการกำหนดให้วันที่ 30 มิถุนายน ของทุกปี เป็น Social Media Day เพื่อให้เราตระหนักว่า ไม่กี่ปีมานี้ ชีวิตเราเปลี่ยนไปมากขนาดไหน โซเชียลมีเดีย หรือ สื่อสังคม นั้นหมายความถึงสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เราใช้สื่อสารกันผ่านอินเทอร์เน็ต ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็ Facebook นั่นแหละ อันที่จริงทุกวันนี้แค่คำว่า Facebook ก็แทบจะแทนความหมายของโซเชียลมีเดียได้เกือบทั้งหมดแล้ว แต่ถ้าถามว่าจุดเริ่มต้นของโซเชียลมีเดียอยู่ตรงไหน ก็ต้องย้อนกลับไปราวๆ ปี 1997 กับเว็บไซต์ที่มีชื่อว่า SixDegrees.com SixDegrees ถูกพัฒนาขึ้นโดย Andrew Weinreich นักธุรกิจชาวอเมริกันที่ทำการต่อยอดแนวคิด Six Degrees of Separation ที่ว่า คนสองคนใดๆ บนโลกจะรู้จักกันผ่าน “เพื่อนของเพื่อน” เป็นทอดๆ โดยที่ไม่เกิน 6 ช่วง เขาจึงหวังจะสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ จากความสัมพันธ์นี้ขึ้นมา ด้วยการเปิดให้ผู้ใช้งานสร้างโพรไฟล์ของตนเองและทำความรู้จักกับผู้ใช้คนอื่นในลักษณะยกกำลังสอง ซึ่งนั่นอาจจะพาเราไปเจอกับคนที่อยากขายนาฬิการุ่นที่เราอยากซื้อ หรือได้รู้จักกับคนที่ชอบกินอาหารอินเดียมากพอจะแนะนำร้านเด็ดให้ได้ นับว่าเป็นไอเดียที่ล้ำมากสำหรับยุคนั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะล้ำเกินไป เพราะก่อนปี 2000 อินเทอร์เน็ตยังเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มมากๆ ทำให้ SixDegrees ไม่ประสบความสำเร็จมากนักทั้งๆ ที่พอจะเห็นโอกาสอยู่รำไร จนกระทั่ง Andrew Weinreich ตัดสินใจ Exit และขายธุรกิจของเขาไปในที่สุดหลังจากนั้นไม่นานเมื่อโลกก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตผู้คนมากขึ้น พร้อมๆ กับการถือกำเนิดของโซเชียลมีเดียเจนฯ ใหม่ อย่าง Friendster, MySpace และ LinkedIn ที่ต่างก็สืบทอดเจตนารมณ์ของ SixDegrees มาทั้งนั้น เพียงแต่มีเอกลักษณ์และเป้าหมายที่แตกต่างกันไปนั่นเอง จนมาถึง Facebook YouTube และ Twitter ที่เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของโซเชียลมีเดียอย่างแท้จริง โซเชียลมีเดียนั้นทำให้เราติดต่อกับเพื่อนได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้คนแปลกหน้าเข้ามาในชีวิต รวมถึงการเป็นช่องทางการติดตามข่าวสาร ช้อปปิ้ง และความบันเทิงขนาดยักษ์ แน่นอนว่าทุกอย่างล้วนมี 2 ด้าน หลายคนใช้ประโยชน์จากมันในการทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จ แต่หลายคนก็ต้องเป็นทุกข์เพราะมันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และนี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งของ Social Media Day คงปฏิเสธไม่ได้ว่าโซเชียลมีเดียกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ที่เหลือก็แค่ใช้ให้เหมาะสม เป็นประโยชน์กับทั้งตัวเองและส่วนรวมก็น่าจะพอ ซึ่ง Social Media Day นั้น เปิดโอกาสให้คุณร่วมฉลองหนึ่งในนวัตกรรมอันยอดเยี่ยมของมนุษยชาตินี้ ด้วยการโพสต์เรื่องราวดีๆ อาจจะเป็นประโยชน์ที่คุณได้รับจากโซเชียลมีเดีย แชร์สิ่งดีๆ ไปสู่ผู้คน รวมไปถึงลองใช้แพลตฟอร์มใหม่ๆ ดูบ้าง ใครจะรู้ว่าอาจจะได้ประสบการณ์ดีๆ ความรู้ ความบันเทิง หรือโอกาสใหม่ๆ จนทำให้วันนั้นกลายเป็นวันที่น่าจดจำสำหรับคุณก็ได้Bill Gates มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Microsoft อันลือลั่น เคยแนะนำหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า Factfulness เขียนโดย Hans Roslin เขาเล่าว่านี่เป็นหนังสือที่ให้ความรู้และมุมมองที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งที่เขาเคยอ่านมาเลย Factfulness ได้แสดงให้เห็นว่าโลกทุกวันนี้ต่างไปจากเดิมอย่างไร ในขณะที่คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่ามันแย่ ถามว่าแย่ไหม? ใช่ มันมีส่วนแย่ แต่ถามว่ามันดีขึ้นกว่าแต่ก่อนหรือเปล่า? แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ อัตราการเสียชีวิตของเด็กเล็กที่ลดลง…
Editor
30 June 2021
DestinationLifestyle

DESTINATION
เที่ยวสายลุยสไตล์แอดเวนเจอร์
กระตุ้นหัวใจให้กลับมาเต้นแรงอีกครั้ง

การท่องเที่ยว ไม่ว่าแบบไหนก็ช่วยเติมหัวใจของนักเดินทางให้เต็มได้ทั้งนั้น ยิ่งในวันที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ในวันที่สถานการณ์รอบข้างไม่ค่อยเป็นใจ ออกไปมองหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ สักหน่อยก็ดีเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงชอบที่จะพาตัวเองไปเผชิญหน้ากับความท้าทายและประสบการณ์แปลกใหม่จากการท่องเที่ยวสไตล์แอดเวนเจอร์ สมบุกสมบันไปกับธรรมชาติและกิจกรรมผจญภัยต่างๆ และวันนี้ Power จะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเอาใจขาลุยให้ทดไว้ในใจกันก่อน โอกาสเหมาะเจาะเมื่อไรเก็บกระเป๋าออกไปลุยกันได้เลย ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก ล่องแก่ง กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัยประจำหน้าฝนของเหล่านักท่องเที่ยวสายลุยผู้หลงใหลในความท้าทายที่มาพร้อมกับความชุ่มฉ่ำ และอีกหนึ่งสายน้ำที่พลาดไม่ได้ก็คือลำน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งได้รับการขนานนามว่าแล่นเรือยางล่องแก่งได้สนุกติดอันดับ 1 ใน 5 ของไทยเลยทีเดียว ลำน้ำเข็กเป็นลำน้ำขนาดกลาง มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ ช่วงที่เหมาะสมกับการล่องแก่งมีระยะทางรวม 8 กิโลเมตร ใช้เวลาในการล่องแก่งประมาณ 3 ชั่วโมง ถ้าไม่ใช่หน้าฝนลำน้ำเข็กจะใสสะอาดสามารถลงไปเล่นได้ ทว่าในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคมเช่นนี้ ปริมาณน้ำจะเพิ่มขึ้น ไหลเชี่ยว มีระดับความรุนแรงแตะถึงระดับ 4 – 5 เหมาะแก่การล่องแก่งเป็นอย่างยิ่ง โดยระดับความแรงของกระแสน้ำจะเริ่มที่ระดับ 1 – 2 ก่อน ที่จุดปล่อยตัวบริเวณน้ำตกแก่งซอง จากนั้นจึงค่อยๆ ไล่ระดับไปถึง 3 – 4 หรือ 5 ก่อนที่จะลดดีกรีลงมาให้หายใจหายคอในช่วงท้าย ตลอดเส้นทางจะได้พบกับแก่งต่างระดับ คดเคี้ยวต่างๆ กันถึง 18 แก่ง เรียกว่าเก็บครบทุกรสชาติได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ข้อดีอีกอย่างของที่นี่คือลำน้ำอยู่ไม่ไกลจากถนน ไม่ต้องบุกป่าฝ่าดงแบกเรือเข้าไป การเตรียมตัวจึงไม่ยุ่งยากมาก เพียงแต่เตรียมความพร้อมด้านร่างกายและจิตใจ สวมอุปกรณ์ป้องกัน และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ประจำเรืออย่างเคร่งครัด สอบถามสภาพลำน้ำกับทางเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพิษณุโลก ที่ โทร. 0 5525 2742 – 43 ภูสอยดาว จังหวัดอุตรดิตถ์ อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เป็นพื้นที่ที่มีสภาพป่าค่อนข้างสมบูรณ์ ปกคลุมไปด้วยป่าธรรมชาติที่สวยงาม เป็นแหล่งต้นน้ำของลำน้ำปาด อากาศเย็นสบายตลอดปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 27 องศาเซลเซียส และเส้นทางขึ้นภูที่นี่ติด 1 ใน 5 ของเส้นทางพิชิตยอดเขาที่ยากที่สุดในเมืองไทย เมื่อออกสตาร์ตจากที่ทำการอุทยานไม่นานก็จะพบกับความงดงามของน้ำตกภูสอยดาว น้ำตกขนาดกลางที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีทั้งหมด 5 ชั้น แต่ละชั้นมีชื่อสุดไพเราะว่า ภูสอยดาว สกาวเดือน เหมือนฝัน กรรณิการ์ และสุภาภรณ์ ต่อด้วยน้ำตกสายทิพย์ น้ำตกขนาดเล็ก มี 7 ชั้น สภาพป่าโดยรอบน้ำตกมีความชุ่มชื้นมาก จึงมีมอสส์สีเขียวงามตาปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณ และเมื่อผ่านด่านน้ำตกและเนินวัดใจต่างๆ ไปได้ก็จะพบกับลานสนสามใบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ลานสนสามใบตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,633 เมตร สภาพพื้นที่เป็นเป็นป่าสนสามใบเนินสูงต่ำสลับกันไป อุดมสมบูรณ์ด้วยดอกไม้ป่ามากมายหลายชนิดขึ้นเป็นทิวสวยงามผลัดกันออกดอกหมุนเวียนไปตามช่วงฤดูกาล ที่ขึ้นชื่อมากคือ ดอกหงอนนาคสีม่วงอ่อน ที่ออกดอกในช่วงเดือนสิงหาคม – กันยายน การเดินทางไปเที่ยวรวมถึงกางเต็นท์นอนที่ลานฯ ต้องเดินทางเท้าขึ้นไปเป็นระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาราว 4 – 6 ชั่วโมง อาจจะไกลหน่อยแต่วิวพระอาทิตย์ตกสุดสวยรอคุณอยู่ที่นั่น ในขณะที่ยามค่ำคืนท้องฟ้าก็ดารดาษด้วยแสงดาวราวกับจะสอยมาได้จริงๆ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนจองเข้าอุทยานฯ ล่วงหน้าได้ที่ โทร. 095 629 9528 หรือ https://www.facebook.com/phusoidao07/ Hanuman World Zipline จังหวัดภูเก็ต สำหรับสายแอดเวนเจอร์ขาลุย ต้องไม่พลาดกับกิจกรรมที่อาศัยความกล้าที่กำลังมาแรงอย่าง Zipline เด็ดขาด โดย Zipline…
Editor
25 June 2021
Lifestyle

Travel in Style
Pretty in Pink National Pink Day

PHOTOGRAPHY : COURTESY OF BRANDS ปลุกทุกการเดินทาง ตามรอยประวัติศาสตร์อันหอมหวาน ในวัน NATIONAL PINK DAY ด้วยการทำให้ทุกรันเวย์ของคุณเป็นสีชมพู! นาฬิกาข้อมือ จาก Chopard ต่างหู จาก Bottega Veneta แว่นตา จาก Burberry เสื้อ จาก Kenzo กระเป๋า จาก Gucci ผ้าพันคอ จาก Burberry กระโปรง จาก Kenzo รองเท้า จาก Bottega Veneta National Pink Day นาฬิกาข้อมือ จาก Rolex กางเกงขายาว จาก Prada แว่นตา จาก Dior กระเป๋าสตางค์ จาก Gucci กระเป๋าสะพาย จาก Balenciaga เสื้อ จาก Gucci รองเท้า จาก Burberry ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://www.pinaultcollection.com/en
Editor
23 June 2021
Lifestyle

Lifestyle
Let’s take a selfie!
National Selfie Day – June 21, 2021

ยิ้มรับความสดใสในวัน National Selfie Day ด้วยการลองฟิลเตอร์ใหม่ หามุมหรือสถานที่สุดโปรด เช็กความพร้อมของเสื้อผ้าหน้าผม ปรับองศาของใบหน้าในมุมที่เกิดที่สุด ก่อนหยิบกล้องโทรศัพท์ออกมา กดถ่ายแล้วโพสต์! Power ขอใช้โอกาสนี้ชวนทุกคนมาร่วมฉลองโมเมนต์ดีๆ ด้วยการอวดรูปสวยหล่อแข่งกันให้สมกับที่เป็นวันเซลฟี่แห่งชาติ! มาทำความรู้จัก ‘วันเซลฟี่แห่งชาติ’ กันเถอะ เพราะภาพเหมือนของคนเราไร้กาลเวลาเหมือนงานศิลปะ นับตั้งแต่การประดิษฐ์กล้องฟิล์มขึ้นในปี 1885 มนุษย์เราก็ถูกดึงดูดด้วยภาพลักษณ์ของตัวเองในรูปแบบที่จับต้องได้ ก่อนจะมีการนำการถ่ายภาพดิจิทัลเข้าสู่กระแสหลัก ซึ่งได้กระตุ้นแนวโน้มของงานภาพเหมือนตนเอง ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1990 จนถึงต้นทศวรรษ 2000 ด้วยการพัฒนาภาพถ่ายที่สามารถเห็นภาพได้ในทันที ทำให้เป็นวิธีถ่ายภาพที่มีราคาไม่แพง และเข้าถึงได้ง่ายกว่าการถ่ายภาพด้วยฟิล์มในรุ่นก่อนๆ เมื่อถึงเวลาที่กล้องโทรศัพท์ กล้องดิจิทัลและโซเชียลมีเดีย มาบรรจบกันเมื่อราวๆ ปี 2005 “เซลฟี่” ก็ไม่ใช่เพียงแค่คำศัพท์ใหม่ในพจนานุกรมอีกต่อไป หากแต่เป็นปรากฏการณ์โลกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง Robert Cornelius Vivian Maier / Andy Warhol เซลฟี่แรกที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางมาจาก โรเบิร์ต คอร์นีเลียส (Robert Cornelius) นักเคมีชาวอเมริกันและบิดาผู้ก่อตั้งการถ่ายภาพ เขาต้องนั่งนิ่งๆ ประมาณ 10-15 นาที เพื่อสร้างภาพเหมือนของตนเองครั้งแรก โดยใช้วิธีการถ่ายภาพแบบดาแกโรไทป์ในปี 1839 จากนั้นเซลฟี่ก็มีวิวัฒนาการไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับเทคโนโลยีการถ่ายภาพ โดยมีศิลปินมากมายได้หันมาสร้างเซลฟี่ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น ศิลปินที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่มีพรสวรรค์เต็มเปี่ยมอย่าง Vivian Maier ไปจนถึงไอคอนป๊อปคัลเจอร์อย่าง Andy Warhol เรียกได้ว่าการตามรอยรากเหง้าของการเซลฟี่ยุคใหม่ คือการออกเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์โลก จนมาถึงช่วงต้นทศวรรษ 2000 เซลฟี่ได้ถูกเผยแพร่สู่สาธารณะ ด้วยการเปิดตัวกล้องโทรศัพท์มือถือเครื่องแรก ตั้งแต่นั้นมาเซลฟี่ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นวิธีการสื่อสารแบบเป็นกันเอง และเป็นรูปแบบศิลปะที่สมบูรณ์แบบ เซลฟี่ได้ช่วยเปิดตัวอาชีพของผู้คนในทุกสาขา ตั้งแต่ความบันเทิงและศิลปะ ไปจนถึงการตลาดและธุรกิจhttps://www.instagram.com/kyliejenner/https://www.instagram.com/selenagomez/ https://www.instagram.com/beyonce/ https://www.instagram.com/justinbieber/ ทำไมเราถึงรักวันเซลฟี่แห่งชาติ เพราะสารพัดอุปกรณ์เสริมที่พร้อมจะทำให้เราดูสวยหล่อกว่าที่เคยนั่นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็น ไฟวงแหวน ไม้เซลฟี่ อุปกรณ์ติดกล้องโทรศัพท์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ฟิลเตอร์! เรียกได้ว่ามีผลิตภัณฑ์มากมายที่พร้อมจะช่วยให้เรายกระดับการเซลฟี่ได้อย่างถึงใจ แล้วทำไมคนรักเทคโนโลยีที่ทำให้การเซลฟี่เป็นงานศิลปะ จะไม่ชอบกันล่ะ! ข้อควรระวังสำหรับคนที่ชอบเซลฟี่ การไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ นั้น นอกจากการห้ามถ่ายภาพในบางสถานที่แล้ว ไม้เซลฟี่ที่หลายๆ คนชื่นชอบ ได้ถูกห้ามใช้ในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมหลายแห่งด้วยเช่นกัน รวมถึงสวนสาธารณะ ดิสนีย์แลนด์ เทศกาลดนตรีและพิพิธภัณฑ์บางแห่งด้วย เพราะฉะนั้นหากจะไปเซลฟี่ที่ใดก็อย่าลืมเช็กดูให้ดีๆ ถึงกฏกติกาของสถานที่นั้นๆ เสียก่อน ไม่เช่นนั้นวันสุขที่สดใส อาจกลายเป็นวันเศร้าที่หม่นหมอง เพราะโดนฉลองด้วยค่าปรับเอาได้ และแม้ว่าการเซลฟี่นั้นจะสามารถช่วยเยียวยาจิตใจหรือช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับคนที่ชื่นชอบได้จริง แต่ก็ต้องบอกว่าเราไม่จำเป็นต้องโพสต์ทุกการเซลฟี่ขึ้นบนโซเชียล เพื่อเรียกยอดไลก์หรือผลประโยชน์ใดๆ ก็ตาม เพราะอาจมีดราม่าตามมาอย่างที่ได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ยิ่งในยุคปี 2021 ที่ข่าวสารรวดเร็วทันใจ ที่มักจะมาพร้อมมือขุดและทัวร์ลงด้วยแล้ว การเซลฟี่อาจทำให้ไม่แฮปปี้อย่างที่คิด ว่าแล้วก็ไปเซลฟี่กันเถอะ! APPLE iPhone 12 Pro SHOP NOW DJI OM4 SHOP NOW FUJIFILM Instax SQ1 Instant Camera SHOP NOW ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก https://nationaltoday.com/ https://en.wikipedia.org/wiki/Robert_Cornelius http://www.loc.gov/ http://www.vivianmaier.com/ https://www.anatomyfilms.com/ https://www.instagram.com/dualipa/ https://www.instagram.com/gigihadid/
Editor
21 June 2021
Food & DrinksLifestyle

FOOD & DRINKS
เพราะความสุขนั้นไม่มีขาย
แต่โชคดีที่เรายังกินซูชิได้

ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้ “ปลาดิบ” ไม่ใช่อาหารที่ทุกคนจะสบายใจที่ต้องรับประทานเท่าไรนัก แต่ในช่วง 20 – 30 ปี มานี้ กลับกลายเป็นว่าการรวมตัวกันของข้าวญี่ปุ่นและวัตถุดิบหน้าต่างๆ โดยเฉพาะปลาดิบ ได้ครองใจเหล่าฟู้ดเลิฟเวอร์ทั่วโลก จนอาจกล่าวได้ว่า มีคนจำนวนไม่น้อยฝึกใช้ตะเกียบเพียงเพื่อเอาไว้คีบซูชิเข้าปากก็ว่าได้ และความนิยมนั้นมากถึงขนาดมีการกำหนดให้วันที่ 18 มิถุนายน ของทุกปี เป็น International Sushi Day หรือ วันซูชิสากล เลยทีเดียว ต้นกำเนิดของซูชิอาจจะต้องย้อนกลับไปเป็นพันปี โดยไอเดียแรกเริ่มของการนำข้าวและปลามารวมกันนั้น มีจุดประสงค์เพื่อการถนอมอาหารของชาวญี่ปุ่นและอีกหลายๆ ประเทศบริเวณลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งจะใช้เวลาหมักตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปจนเกิดรสเปรี้ยว ให้อารมณ์คล้ายกับปลาส้ม อาหารในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา จากนั้นจึงนำส่วนของข้าวออกแล้วรับประทานแต่เนื้อปลา เรียกว่า นาเระซูชิ ต่อมาจึงพัฒนาสูตรให้ใช้เวลาหมักน้อยลง และสามารถรับประทานข้าวหมักนั้นไปด้วยกันได้ เรียกว่า นามะนาเระซูชิ ซึ่งซูชิอย่างหลังนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นบรรพบุรุษสายตรงของซูชิที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบันอันที่จริงหัวใจสำคัญของซูชินั้นไม่ใช่ปลาแต่เป็นข้าวหมักกับเกลือ โดยในเวลาต่อมาช่วงสมัยเอโดะ ได้มีการนำน้ำส้มสายชูมาใช้แทนการหมักแบบเดิม จึงได้รสเปรี้ยวกลมกล่อมในระยะเวลาที่สั้นลงมากๆ นั่นเอง ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการที่เอโดะ หรือโตเกียวในปัจจุบัน เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของญี่ปุ่นในเวลานั้น แน่นอนว่าธรรมชาติของเมืองใหญ่ไม่ว่ายุคสมัยใดก็จะมีความเร่งรีบและความวุ่นวายสูง หากมีอะไรที่ช่วยประหยัดเวลาได้ สิ่งนั้นย่อมได้รับความนิยมได้ไม่ยาก อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญคือเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่คันโตเมื่อปี ค.ศ. 1923 ที่ทำให้คนญี่ปุ่นจำนวนมากต้องพลัดถิ่นไปยังที่ต่างๆ ของโลก พร้อมๆ กับ “ฟาสต์ฟู้ด” ที่ฟาสต์แต่ไม่ฉาบฉวย แถมยังเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์และวัฒนธรรมการกินอย่างซูชิ ซึ่งความนิยมของซูชิในโลกตะวันตกนั้นว่ากันว่าในสหรัฐอเมริกาซูชิกลายเป็นอาหารสุดเก๋ที่เหล่าดาราฮอลลีวู้ดคลั่งไคล้ จนเกิดเมนูฟิวชั่นอย่างแคลิฟอร์เนียโรลขึ้นในยุคเซเวนตีส์เลยทีเดียวปัจจุบันมีซูชิมากมายหลากหลายประเภทในเลือกรับประทาน ไม่ว่าจะเป็น นิกิริซูชิ ข้าวปั้นขนาดพอดีคำที่มีหน้าต่างๆ ที่เราคุ้นเคย มากิซูชิ ข้าวปั้นห่อสาหร่าย ชิราชิซูชิ ข้าวหน้าปลาดิบที่รวมไปถึงวัตถุดิบอื่นๆ อย่าง หมึก หอย หรือไข่หวาน ทั้งนี้แม้ว่าซูชิจะได้ชื่อว่าเป็นอาหารยอดนิยมอันดับต้นๆ ของโลก แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น เฉกเช่นสิ่งที่ได้รับความนิยมอื่นๆ การจะเข้าใจในสิ่งนั้นได้มีทางเดียวคือต้องลองด้วยตัวเอง เคล็ดลับอยู่ที่การเลือกร้านที่ดี ร้านที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง และรังสรรค์โดยเชฟที่เปี่ยมล้นไปด้วยจิตวิญญาณของการทำอาหารญี่ปุ่น เพื่อให้ได้มาซึ่งคุณภาพและประสบการณ์ในการรับประทานที่ดีที่สุด
Editor
18 June 2021
Lifestyle

Lifestyle
National Iced Tea Day
วันที่คนรักชายกแก้วขึ้นมาดื่มให้กับความสดชื่น

ชา เครื่องดื่มเก่าแก่ที่อยู่คู่มนุษย์มานานนับพันๆ ปี จนกระทั่งเมื่อราวร้อยกว่าปีที่แล้วนี้เองที่ “ชา” ได้โคจรมาพบกับ “น้ำแข็ง” เกิดเป็นเครื่องดื่มดับกระหายสุดโปรดปรานของผู้คนไปทั่วโลก และในเดือนมิถุนายนซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการในหลายๆ ประเทศเช่นนี้ จึงได้มีการกำหนดให้วันที่ 10 มิถุนายน ของทุกปี เป็น National Iced Tea Day หรือ วันชาเย็นแห่งชาติเดิมทีชาเป็นเครื่องดื่มที่ดื่มแบบร้อนอย่างที่รู้กัน แต่ก็มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามีการนำชาไปดื่มแบบเย็น ปรากฏอยู่ใน Cookbook ที่ตีพิมพ์เมื่อราวๆ ปี ค.ศ. 1870 โดยส่วนใหญ่จะเป็นสูตรที่แนะนำการผสมชาเขียวให้ออกมาในรูปแบบของพันช์ หรือมิกเซอร์สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มากกว่าโฟกัสที่ตัวชาเป็นหลัก ทำให้การดื่มชาแบบไม่ร้อนในลักษณะนี้ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก จนกระทั่งหน้าร้อนวันหนึ่งในปี ค.ศ. 1904 หลังจากเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 ได้เพียงไม่นาน ดูเหมือนว่าโลกจะมี “อะไรใหม่ๆ” เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสาย และในปี ค.ศ. 1904 เมืองเซนต์หลุยส์ รัฐมิสซูรี ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน Louisiana Purchase Exposition หรือที่รู้จักกันในชื่อ St. Louis World’s Fair งานแสดงนิทรรศการระดับโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม การแสดง และอาหารเครื่องดื่มมากมายนับไม่ถ้วน รวมไปถึงยังเป็นปีเดียวกันกับที่สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพการจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ซึ่งในตอนแรกจะจัดที่เมืองชิคาโก แต่สุดท้ายก็ย้ายมาจัดที่เมืองเซนต์หลุยส์ ควบกับงาน World’s Fair ไปเลย ถนนทุกสายจึงมุ่งสู่เมืองเซนต์หลุยส์ และคนเป็นล้านๆ ไปรวมตัวกันที่นั่นโดยมิได้นัดหมาย ภายในงาน Richard Blechynden เจ้าของไร่ชาผู้เปิดบูทขายชาต้องเจอกับปัญหาอย่างหนัก เนื่องจากอากาศที่ร้อนจัดทำให้แทบจะไม่มีลูกค้ามาอุดหนุนชาของเขาเลย เขาจึงตัดสินใจเทชาลงไปในน้ำแข็งแล้วขายมันแบบเย็นๆ ให้รู้แล้วรู้รอดไป ปรากฏว่า “ชาเย็น” ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า กลายเป็นเครื่องดื่มที่ครองใจอเมริกันชนและคนทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็วอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกวันนี้ชาเย็นคือเครื่องดื่มยอดนิยมที่มีการคิดค้นและพัฒนาสูตรอยู่เสมอ บางคนชอบจืด บางคนชอบหวาน บางคนผสมรสชาติและกลิ่นของเลมอน มินต์ พีช แอปเปิล เชอร์รี หรือสตรอว์เบอร์รี ลงไปเพื่อเพิ่มอรรถรส อย่างไรก็ตาม นี่คือวันที่เหล่าคนรักชาจะยกแก้วของคุณขึ้นมา เพื่อเฉลิมฉลองช่วงเวลาแห่งความสดชื่นนี้ไปด้วยกัน นอกจากจะช่วยดับร้อน ชาเย็นยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มากกว่าผักและผลไม้หลายเท่า สามารถช่วยหยุดยั้งความเสื่อมของร่างกายและการเกิดโรคต่างๆ ได้ ที่สำคัญยังสามารถรังสรรค์เป็นเมนูเครื่องดื่มได้อย่างหลากหลาย ถูกอกถูกใจทุกคนอย่างแน่นอนOther Café คาเฟ่สไตล์มินิมัลที่โดดเด่นทั้งการตกแต่งและเครื่องดื่มซิกเนเจอร์สูตรพิเศษ พร้อมเสิร์ฟเมนูชาเย็น รวมไปถึงเครื่องดื่มสดชื่นคลายร้อนหลากหลายสไตล์ ให้คุณผ่อนคลายในทุกวันได้ง่ายๆ สะดวกสบายด้วยบริการฟู้ดเดลิเวอรี ตั้งแต่เวลา 9.00 – 18.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและโปรโมชั่นต่างๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/othercafe8/ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก https://nationaltoday.com/
Editor
10 June 2021
Lifestyle

Lifestyle
Donald Duck Day
Happy Birthday June 9, 2021

เมื่อพูดถึง โดนัลด์ ดั๊ก (Donald Duck) เราจะรู้จักเขาในมาดของคุณเป็ดเจ้าอารมณ์ จอมขี้เกียจและช่างโอ้อวด ผู้มีบุคลิกซุกซนและการพูดจาที่ไม่ค่อยจะเข้าใจ แต่เต็มไปด้วยทัศนคติที่ดีต่อชีวิต เขามักจะเริ่มต้นแต่ละวันด้วยอารมณ์ที่มีความสุขโดยไม่สนใจโลก จนกว่าจะมีบางสิ่งบางอย่างเข้ามาทำลาย และลงท้ายด้วยความโมโหจนเป็นเรื่องปกติ โดนัลด์เป็นตัวการ์ตูนยอดนิยมของวอลต์ ดิสนีย์ และเป็นหนึ่งใน 50 ตัวการ์ตูนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลในปี 2002 ของ TV Guide อีกทั้งยังได้รับรางวัลดาวดังบน Hollywood Walk of Fame เขาปรากฏตัวในภาพยนตร์มากกว่าตัวละครดิสนีย์ตัวอื่นๆ และเป็นตัวละครในหนังสือการ์ตูนที่ได้รับการตีพิมพ์มากที่สุดในโลกนอกเหนือจากประเภทซูเปอร์ฮีโร่ Silly Symphonies - The Wise Little Hen (1934) Orphan’s Benefit (1934) Donald Duck - Louie (green) - Dewey (blue) - Huey (red) Donald Duck - Daisy Duck โดนัลด์ ดั๊ก ปรากฏตัวครั้งแรกบนจอเงินในช่วงฤดูร้อนปี 1934 ด้วยบทบาทตลกในภาพยนตร์การ์ตูนชุด Silly Symphonies ตอน The Wise Little Hen ก่อนจะขโมยสปอตไลต์ไปจากมิกกี้แทบจะทันที หลังจากที่ได้ปรากฏตัวร่วมกันเป็นครั้งแรกใน Orphan’s Benefit ปลายปีเดียวกันนั้นเอง เพราะความตลก! ของเขาล้วนๆ ซึ่งในช่วงทศวรรษที่ 1930 โดนัลด์มักปรากฏตัวเป็นส่วนหนึ่งของการ์ตูนสามคน ร่วมกับมิกกี้และกู๊ฟฟี่ ก่อนจะได้รับบทภาพยนตร์ของเขาเอง โดยเริ่มจากดอน โดนัลด์ (1937) ซึ่งจะนำเสนอความรักของโดนัลด์และเดซี่ ดั๊ก (Daisy Duck) หวานใจของโดนัลด์ รวมถึงหลานชายจอมเฮี้ยวอย่างสามแฝด ฮิวอี้ (Huey) ดิวอี้ (Dewey) และหลุย (Louie) ที่แม้ว่าจะน่ารักชวนป่วน การพูดการจาที่มาเหนือ มีไหวพริบและชาญฉลาด แต่พวกเขาก็ไม่สามารถขโมยสปอตไลต์ไปจากโดนัลด์ได้เลย ด้วยเสน่ห์อันน่าขนลุกและแทบจะเข้าใจยากของโดนัลด์นั่นเอง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมโดนัลด์ถึงอยู่ในภาพยนตร์มากกว่า 200 เรื่อง ซึ่งถือว่ามากกว่าตัวละครใดๆ ของดิสนีย์กันเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นก็มาฉลองไปด้วยกันเถอะในวันนี้ 9 มิถุนายน วันเป็ดโดนัลด์แห่งชาติ!9 มิถุนายน 1934 โลกได้แนะนำให้เราได้รู้จักกับตัวละครอันเป็นที่รักอย่าง โดนัลด์ ดั๊ก เจ้าเป็ดขี้หงุดหงิดแห่งดิสนีย์ โดยเริ่มจากการเป็นตัวละครในหนังสือการ์ตูน ซึ่งได้รับการตีพิมพ์มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ความนิยมของ โดนัลด์ ดั๊ก แทบจะเรียกได้ว่าเป็นวีรบุรุษของประเทศฟินแลนด์ เป็นไอคอนวัฒนธรรมป๊อปในฟินแลนด์ เหมือนกับ เฮลโล คิตตี้ ที่อยู่ในญี่ปุ่น โดนัลด์ ดั๊ก สวมชุดกะลาสีเรือสีฟ้าอันเป็นเอกลักษณ์ แต่ไม่สวมกางเกง ยกเว้นเวลาที่ไปว่ายน้ำ! ได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์สั้นและภาพยนตร์สารคดีมากกว่าตัวละครอื่นๆ ของดิสนีย์ ลักษณะนิสัยที่หลากหลายของเขาทำให้เขามีบทบาทมากมาย ไม่ว่าจะเป็น นายทหาร คุณครู ไปจนถึง คุณลุงของลูกเป็ดสามตัว เอกลักษณ์อันโดดเด่นของโดนัลด์ก็คือ เสียงของเขา โดยคลาเรนซ์ แนช ผู้พากย์เสียงต้นฉบับของโดนัลด์ ได้สร้างเสียงที่แตกต่างออกไป ด้วยรูปแบบของการเปล่งเสียงที่ใช้แก้มด้านในเพื่อสร้างเสียงแทนกล่องเสียง ซึ่งแนชค้นพบสิ่งนี้เป็นครั้งแรกในขณะที่พยายามเลียนแบบแพะสัตว์เลี้ยงของเขา Der Fuehrer's Face or Donald…
Editor
9 June 2021