แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สามารถไปเที่ยวต่างประเทศได้แบบปกติเหมือนเมื่อก่อน ด้วยความคิดถึงก็มีบ้างที่หยิบเอารูปทริปเก่าๆ ขึ้นมาดูแล้วนึกย้อนไปถึงโมเมนต์ที่ไม่ได้สัมผัสมานานเหล่านั้น จนเกือบจำไม่ได้ว่าเก็บพาสปอร์ตไว้ที่ไหน แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลายคนได้เริ่มที่จะวางแผนหรือคิดล่วงหน้ากันไว้บ้างแล้วว่าถ้าสถานการณ์ดีขึ้นเมื่อไร จุดหมายปลายทางที่จะต้องไปให้ได้นั้นจะเป็นที่ไหนบ้าง วันนี้ Power จึงอยากมาชวนคุยถึงประเทศยอดฮิตที่ใครหลายคนคิดถึง เพื่อเพิ่มดีกรีความ “อยากบิน” ให้มากขึ้นไปอีก และเมื่อวันนั้นมาถึง ไม่ว่าคุณตั้งใจจะไปเปิดประสบการณ์ในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน หรือไปซ้ำที่เก่าที่เคยประทับใจมาแล้วก็ตาม ก็รับประกันได้ว่ามันจะเป็นความรู้สึกใหม่อันมีค่าที่พ่วงมาด้วยความสุขให้กับนักเดินทางเช่นคุณอย่างแน่นอน ญี่ปุ่น นี่คือประเทศจุดหมายปลายทางที่คนไทยรักอีกที่หนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนอกจากจะอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย ใช้เวลาเดินทางไม่นานมากแล้ว เมื่อไม่กี่ปีมานี้รัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้ประกาศยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศให้กับคนไทยที่มีวัตถุประสงค์ในการท่องเที่ยวและพำนักที่ประเทศญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วันอีกด้วย ทำให้ฝันของหลายๆ คนเป็นจริงได้ง่ายขึ้น ด้วยคนไทยนั้นได้รับวัฒนธรรมจากญี่ปุ่นจนผูกพันมาเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาะพ็อปคัลเจอร์ที่ถูกจริตบ้านเราอย่างเพลง การ์ตูน ของเล่น รวมไปถึงศิลปวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยโบราณอันเป็นเอกลักษณ์เลื่องชื่อมากมาย ความหลากหลาย ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แทบไม่ต้องหาก็พบเจอได้ที่นี่ พูดง่ายๆ ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวสายไหน ญี่ปุ่นก็ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี สำหรับสายอาร์ตคุณจะต้องตื่นเต้นไปกับแทบจะเรียกได้ว่าเกือบทุกอย่างของที่นั่น ตั้งแต่ตึกรามบ้านช่อง สถาปัตยกรรม ป้าย ดีไซน์ต่างๆ ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงทั้งงานของญี่ปุ่นเองไปจนถึงงานระดับตำนานจากโลกตะวันตก ถ้าเป็นสายธรรมชาติญี่ปุ่นก็มีสถานที่ท่องเที่ยวทุกแบบ ทั้งทะเล ภูเขา ไฮกิ้งเบาๆ ไปจนถึงตั้งแคมป์จริงจัง และแน่นอนสายกิน คุณจะต้องเตรียมกระเพาะเอาไว้ให้ดี เพราะอาหารญี่ปุ่นคือสวรรค์ของฟู้ดเลิฟเวอร์อย่างแท้จริง ใครที่เคยไปแล้วจะต้องเข้าใจดีว่าญี่ปุ่นนั้นไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ส่วนคนที่ยังไม่เคยไปอาจจะปักหมุดที่โตเกียวไว้ก่อนก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว เพราะสะดวกสบาย การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะก็ทำได้ไม่ยาก หรือหากอยากจะไปเมืองไหนก็ลองหาข้อมูลล่วงหน้าเอาไว้รับรองว่าไม่ผิดหวัง จนอยากที่จะกลับไปอีกหลายๆ รอบอย่างแน่นอน เหมือนกับที่ป้าย Welcome to Japan ที่สนามบินนาริตะกล่าวต้อนรับเราทุกครั้งที่ไปถึง โดยมีภาษาญี่ปุ่นเขียนด้วยตัวอักษรฮิรางานะทางด้านข้างแปลได้ความว่า “ขอต้อนรับการกลับมาอีกครั้ง” นั่นเอง อิตาลี ไปต่อกันที่ฝั่งยุโรปกันบ้างกับประเทศที่ซ่อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไว้ในทุกซอกหลืบ อิตาลี จะทำให้คุณสัมผัสถึงความเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ในอดีตได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่ไปถึง เต็มอิ่มไปกับศิลปกรรมตั้งแต่ยุคโรมันโบราณ ตื่นตาตื่นใจในความอลังการของสถาปัตยกรรมยุคกลางแบบโกทิก เรียนรู้อดีตอันเฟื่องฟูในฐานะศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรืองแห่งยุโรปสมัยเรเนซองซ์ ไปจนถึงหลงมนตร์เสน่ห์ธรรมชาติที่แสนงดงามของชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในส่วนของอาหารการกิน อิตาลีก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนทั่วโลกถามหา ซึ่งนอกจากพิซซ่าหรือพาสตาที่ขึ้นชื่อแล้ว ก็อย่าพลาดโอกาสที่จะลิ้มลองรสชาติของขนมอย่างทิรามิสุจากดินแดนต้นกำเนิด หรือไอศกรีมเจลาโตที่มีรูปลักษณ์และรสสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ ที่คนอิตาเลียนเองมักจะพูดเสมอๆ ว่า เจลาโตคือเจลาโต ไอศกรีมคือไอศกรีม อย่าได้เหมารวมกันเชียว นอกจากนั้น อิตาลียังมีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง โคลอสเซียม อดีตสนามกีฬาและลานประลองแห่งจักรวรรดิโรมัน อันเปี่ยมไปด้วยความงามและชั้นเชิงการก่อสร้างทางวิศวกรรมที่มาก่อนกาล หรือหอเอนปิซา หอสูงสีขาวตั้งตระหง่านท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลก ที่ทั้งเก่าแก่ งดงาม และเป็นคำถามว่ามันจะไม่ล้มจริงๆ ใช่ไหม ตุรกี ดินแดนสองทวีปที่มีพื้นที่อยู่ทั้งในเอเชียและทวีปยุโรปแห่งนี้ ปัจจุบันได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากมายจนกลายเป็น 1 ใน 10 จุดหมายปลายทางชั้นนำของโลก ความน่าสนใจของตุรกีนั้น มีทั้งในด้านความหลากหลายทางภูมิประเทศ อันมีจุดเด่นจากการเคลื่อนไหวของเปลือกโลก อย่างเช่นที่ Pamukkale น้ำตกหินปูนที่งดงามราวกับภาพความฝัน ส่วนภูมิอากาศจะเป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่มีครบถ้วนทุกฤดูให้เที่ยวได้ทั้งปี รวมไปถึงด้านวัฒนธรรมที่ผสมผสานจาก เติร์ก อนาโตเลีย และออตโตมัน ซึ่งยาวนานต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณเลยทีเดียว ด้วยความที่ตุรกีมีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่หลายพันปีก่อนคริสตกาล ทำให้ประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามเป็นหลักแห่งนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นถึงความเป็นคริสต์อยู่ไม่น้อย อย่าง Hagía Sophía ศาสนสถานอันยิ่งใหญ่ ที่ก่อสร้างมาตั้งแต่เมื่อราว ค.ศ. 537 โบสถ์คริสต์ที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิโรมันตะวันออกในเวลานั้น จนกระทั่งประมาณ 1,000 ปี ต่อมา เมื่อจักรวรรดิออตโตมันเรืองอำนาจจึงได้เปลี่ยนเป็นมัสยิด ด้วยเหตุนี้เองเราจึงสามารถเห็นร่องรอยที่สำคัญของทั้งสองศาสนาได้ตั้งแต่โครงสร้างภายนอกไปจนถึงรายละเอียดในการตกแต่งอันวิจิตรที่ข้ามกาลเวลามาจนปัจจุบัน ซึ่งในเชิงสุนทรียศาสตร์ เราอาจรู้จักกับคำว่า Beauty ที่สื่อถึงความงาม แต่กับ Hagía Sophía คุณจะได้สัมผัสกับสภาวะที่เรียกกันว่า Sublime หรือ “ความงามที่ยิ่งใหญ่กว่าความงาม” นั่นคือ การที่มนุษย์ได้เผชิญหน้ากับความยิ่งใหญ่บางอย่างที่มิอาจกลั่นกรองออกมาเป็นภาษาได้ ฝรั่งเศส สมมติว่าคุณกำลังทำข้อสอบแล้วรู้ว่าคำตอบที่ถูกต้องควรจะเป็นอะไร คุณจะตอบข้อนั้นไหม? หรือจะตัดสินใจไปตอบข้ออื่น เพียงเพราะว่าไม่อยากตอบเหมือนคนอื่น เช่นเดียวกัน…
Editor14 October 2021