จากสถานการณ์ที่ทำให้เราออกไปพบเจอผู้คนได้เท่าที่จำเป็น และการปรับวิถีชีวิตให้ต้องใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น อาจทำให้ใครหลายคนตกอยู่ในภาวะเครียดและไม่สดใสร่าเริงเหมือนเมื่อก่อน กิจกรรมที่ช่วยฟื้นฟูจิตใจมากมายต่างพากันตบเท้าเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรา มองๆ ไปอาจจะเห็นแป้งโดและอุปกรณ์ทำอาหารชุดใหม่กวักมือเรียก เสื่อโยคะที่ไม่เปื้อนเหงื่อมาสักพัก หรือรายชื่อกลุ่มเพื่อนตัวแสบที่เมาท์กันจนแสบคอเมื่อวันก่อน อย่างไรก็ตามในช่วงที่เวลาเดินช้าแบบนี้ อีกกิจกรรมที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายและลดความตึงเครียดได้ดีไม่แพ้อย่างอื่น นั่นก็คือการอ่านหนังสือ กิจกรรมสุดคลาสสิกที่ก่อนหน้านี้หลายคนอาจจะยุ่งจนไม่มีเวลาหยิบเล่มโปรดจาก “กองดอง” ขึ้นมาอ่าน แต่สำหรับใครที่ยังไม่มีเล่มไหนเล็งไว้เป็นพิเศษ วันนี้ Power จะมาแนะนำหนังสือน่าอ่านที่ทั้งสนุกและมีประโยชน์ ให้คุณผ่อนคลายรวมถึงสามารถนำข้อคิดไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย Quiet: The Power of Introverts in a World That Can't Stop Talking โดย Susan Cain ทุกวันนี้ไม่ว่าคุณจะมีบุคลิกค่อนไปทาง Introvert หรือ Extrovert ก็ไม่ใช่ปัญหาอย่างที่มันเคยเป็นเมื่อหลายปีก่อนอีกต่อไป ในอดีตเรื่องบุคลิกภาพเคยเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกมาพูดถึงกันอย่างกว้างขวางว่าแบบไหนดีกว่ากัน แต่ปัจจุบันมีงานวิจัยมากมายที่ออกมายืนยันแล้วว่า นิสัยชอบเก็บตัว ชอบทำอะไรคนเดียว ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จหรือการมีภาวะผู้นำแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามอาจจะพูดได้ว่า สถานการณ์ตอนนี้คล้ายๆ จะบีบให้เราทุกคนเป็นคน Introvert ก็ไม่ผิดนัก ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะช่วยให้คุณใช้เวลาเงียบๆ เหงาๆ ได้อย่างมีประโยชน์มากทีเดียว Quiet: The Power of Introverts in a World That Can't Stop Talking ได้รับยกย่องจาก The Guardian ให้เป็นหนังสือ 1 ใน 10 เล่มที่ดีต่อสมองแห่งทศวรรษ เมื่อปี ค.ศ. 2018 มันทำให้เรามองเห็นความแตกต่างของผู้คน รวมไปถึงเข้าใจและยอมรับที่จะเป็น “ตัวเอง” โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเองมากเช่นนี้ คนเราไม่ว่าจะชอบอยู่กับคนอื่นหรือไม่ แต่ในยามที่ต้องอยู่คนเดียวก็มักที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ดี ได้โฟกัสสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างมีสมาธิ อีกทั้งยังเป็นการหลีกเลี่ยงที่จะคล้อยตามความคิดของคนอื่นโดยไม่รู้ตัวอีกด้วย ซึ่งไอเดียบรรเจิดทั้งหลายก็มักจะมาในช่วงเวลาแบบนี้นี่เอง ข้อดีของการอยู่คนเดียวอีกอย่างคือคุณไม่จำเป็นต้องตะโกนเพื่อให้ได้อะไรดีๆ รวมไปถึงมีเวลามากพอให้กับสิ่งที่ควรจะให้เวลา อย่างที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกล่าวไว้ว่า “ผมไม่ใช่คนฉลาดหรอก ผมแค่อยู่กับปัญหานั้นนานพอ” Eat That Frog! โดย Brian Tracy สำหรับใครที่กำลังไม่แน่ใจว่า Work from Home ทั้งที นี่ไม่ได้ทำให้มีงานน้อยลงเลยหรือ ก็ต้องบอกว่า “ใช่” ซึ่งในความเป็นจริงไม่ว่าจะทำงานที่ไหน คุณก็มักจะพบว่าปริมาณงานนั้นดูเหมือนจะมากกว่าเวลาที่มีเสมอ เพราะฉะนั้นสิ่งที่สามารถทำได้และควรจะทำคือการตั้งธงของความคิดเสียใหม่ และรับมือกับงานกองพะเนินนั้นด้วยการโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุดก่อน Eat That Frog! ได้เปรียบเทียบ “กบ” ว่าเป็นเสมือนงานที่ต้องทำ โดยเฉพาะงานที่คุณรู้สึกขยาดที่จะทำมันจนเสร็จได้นั่นเอง ยิ่งถ้ามีงานที่เข้าข่ายแนวนี้มากกว่า 1 งาน ก็ให้เริ่มต้นลงมือจัดการกับงานที่ยากและสำคัญกว่าก่อนเลย โดยจะต้องทำในทันทีอย่างไม่มีอิดออด เพราะมันไม่มีประโยชน์ถ้าจะต้องนั่งจ้องกบตัวนั้นนานๆ จริงไหม? เลือกกบให้ดีก่อนจะกิน การวางแผนนั้นสำคัญเสมอ หลายคนขยันปีนบันไดแทบขาดใจ โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าบันไดนั้นพาดไปถูกที่หรือเปล่า หนังสือเล่มนี้จะช่วยย้ำเตือนในเรื่องการลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆ ในชีวิต โดยเฉพาะเมื่อต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน ที่ที่เป็นเซฟโซนจนบางครั้งเผลอใจไปกับความสบายนั้น เพราะยิ่งสบาย ยิ่งต้องมีวินัย ซึ่งนั่นหมายถึงความสามารถที่จะลงมือทำในสิ่งที่ควรทำ ในเวลาที่สมควร ไม่ว่าตอนนั้นจะรู้สึกอยากทำหรือไม่ก็ตามนั่นเอง Daring Greatly โดย Brené Brown อีกหนึ่งหนังสือขายดีในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ที่ยังคงนำข้อคิดมาปรับใช้ได้ดีในสถานการณ์ปัจจุบัน ท่ามกลางปัจจัยหลายๆ อย่างที่ส่งผลให้เราต่างเกิดความรู้สึกว่าตัวเองนั้นกำลังไม่มีความสุข Dr. Brené Brown ผู้เขียน…
Editor26 July 2021