Lifestyle

LIFESTYLE
ผ่อนคลายไปกับงานคราฟต์
ฝึกฝีมือ สร้างสมาธิ เสริมรายได้

“งานคราฟต์” หรืองานฝีมือ ที่ได้รับการสร้างสรรค์ออกมาจากมือของมนุษย์ ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปผลงานต่างๆ ที่ออกมาก็มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่เป็นงานถักทอหรือเครื่องปั้นดินเผาอย่างสมัยก่อนเท่านั้น แต่ในปัจจุบันความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ก็พัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง ไม่เพียงแค่เพื่อความสวยงามอย่างเดียว แต่ยังคำนึงถึงประโยชน์ในการใช้สอยอีกด้วย ไม่ว่าจะนำมาตกแต่งบ้านเพิ่มความเก๋ไก๋ได้อย่างเป็นเอกลักษณ์ หรือทำเป็นข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งบางคนยังฝึกฝนและพัฒนามาเป็นอาชีพเสริม ในยามที่เศรษฐกิจไม่คล่องตัวแบบนี้ได้อีกด้วย เพื่อใช้เวลาในวันอยู่บ้านให้เกิดประโยชน์ อีกทั้งยังเป็นการผ่อนคลายความตึงเครียดต่างๆ ในช่วงนี้ Power จึงนำบางส่วนของงานคราฟต์ที่เราสามารถทำได้ด้วยมือของเราเอง ที่นอกจากจะช่วยให้เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมยามว่างแล้ว ยังช่วยในการฝึกสมาธิได้ดี และที่สำคัญอาจช่วยเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง งานคราฟต์เรซิ่น จริงๆ แล้วผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเรซิ่น คิดว่าหลายท่านคงจะเห็นกันมานานแล้ว และแม้ว่าเวลาจะผ่านไปแต่งานคราฟต์ที่เกี่ยวกับเรซิ่นก็ไม่เคยหลุดจากวงจรหรือตกเทรนด์เลยสักครั้ง เพราะทำได้ง่าย ดีไซน์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะทรงกลม ทรงรี ทรงเหลี่ยม หรือฟรีสไตล์ อีกทั้งยังนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง ไม่ว่าจะเป็น จานอเนกประสงค์ จานรองแก้ว ถาด หรือของประดับตกแต่งอื่นๆ ซึ่งเราสามารถตกแต่งและออกแบบลวดลายพร้อมใส่สีสันให้สวยงามได้ตามชอบใจ แถมยังพูดได้ว่าเป็นของชิ้นเดียวในโลกที่ไม่ซ้ำแบบใคร เพราะผ่านการทำมือแบบชิ้นต่อชิ้น ซึ่งงานเรซิ่นนี้ก็มีเทคนิคในการทำหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคการเล่นสี หรือการใช้ตัวช่วยมาสร้างลวดลาย เช่น กลีบดอกไม้ เปลือกหอย แต่ถ้าใครมีฝีมือทางด้านศิลปะเป็นทุนเดิม จะลองวาดลวดลายเอง ก็น่าสนใจดีไม่น้อย งานคราฟต์จัดสวนในขวดแก้ว จากช่วงนี้ที่เขานิยมเลี้ยงต้นไม้หลากหลายชนิด ขายได้ราคาหลายหลัก เราก็เลยขออิงกระแสสักเล็กน้อย ด้วยการจัดสวนขนาดย่อมในขวดแก้ว ตามแต่จินตนาการจะพาไป ซึ่งสามารถเลือกขนาดและรูปแบบได้ตามต้องการ แล้วแต่ใจชอบ อาจจะตกแต่งด้วยกรวดหินดินทรายตามธรรมชาติ และต้นไม้พันธุ์เล็กนานาพันธุ์ หรือบางคนอาจจะอยากเพิ่มสตอรีเข้าไปอีกสักนิดด้วยโมเดลที่ชื่นชอบ ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ หรือสิ่งของ ก็ย่อมได้ งานนี้นอกจากจะช่วยสร้างความเพลิดเพลินได้เป็นอย่างดี ให้ชีวิตมีแต่ความสดชื่นแล้ว หากฝีมือดีเข้าตาเงินทองก็อาจไหลมาเทมาได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น หากมีเวลาว่างลองหากิจกรรมที่ชื่นชอบหรือสนใจแล้วลองฝึกปรือกันดูสักหน่อย นอกจากจะช่วยพัฒนาทักษะงานฝีมือแล้ว ยังได้ในเรื่องของการฝึกสมาธิ ทำให้สามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้น ถือเป็นการชาร์จแบตให้ร่างกายและจิตใจได้ผ่อนคลายไปในตัว อีกทั้งยังสามารถมองเห็นลู่ทางสร้างโอกาสที่ดีในอนาคตอีกด้วย
Editor
22 September 2021
Lifestyle

LIFESTYLE
เมื่อหัวใจของเจ้าหญิง Diana
ถูกนำมาเล่าใหม่อีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง Spencer

หากเราลองนึกถึงการเป็นนักแสดงในแง่มุมที่ว่า “การสวมบทบาทเป็นคนอื่น” แล้วล่ะก็ นั่นจึงทำให้มันเป็นเรื่องที่ท้าทายอยู่พอสมควรสำหรับการเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราวบางอย่างที่ไม่ใช่ของตัวเองออกมา ยิ่งโดยเฉพาะหากคนๆ นั้นเป็นบุคคลสำคัญที่อยู่ในความสนใจของผู้คนทั่วทั้งโลกตลอดเวลา แม้ในวันที่จากโลกนี้ไปแล้วก็ตาม และเรากำลังพูดถึง Diana เจ้าหญิงแห่งเวลส์ชีวประวัติของเจ้าหญิง Diana นั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นที่สนใจมากเสียจนถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์และซีรีส์อยู่หลายครั้ง แน่นอนว่าการเข้ามาเป็นสมาชิกราชวงศ์อังกฤษในฐานะพระชายาของเจ้าชายชาร์ลส์ รัชทายาทแห่งราชบัลลังก์อังกฤษ อันนำไปสู่ฐานันดรศักดิ์และพระกรณียกิจมากมายที่ตามมา ส่งผลให้เจ้าหญิง Diana กลายเป็นที่จับตามองไม่น้อยไปกว่าพระสวามี รวมไปถึงอิริยาบถและเสน่ห์อันตรึงใจแทบจะในทุกครั้งที่ปรากฏตัวของเจ้าหญิง ยังพลอยสั่นสะเทือนโลกของแฟชั่นไปพร้อมกันอย่างปฏิเสธมิได้ แต่นั่นก็เป็นเพียงมุมมองจากโลกภายนอก ในขณะที่ชีวิตอีกฟากฝั่งหนึ่งในฐานะภรรยา แม่ หรือแม้กระทั่งผู้หญิงคนหนึ่ง เป็นสิ่งที่หลายคนมองข้ามไป และเกือบทุกคนอาจจะไม่เคยเข้าใจเลยแม้แต่น้อย แต่แล้วประเด็นดังกล่าวก็ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาถ่ายทอดผ่านภาพยนตร์ที่มีชื่อว่า Spencer (2021) ซึ่งการประกาศการสร้างภาพยนตร์ชีวประวัติของเจ้าหญิง Diana ในครั้งนี้ ยังสร้างความฮือฮาอีกต่อหนึ่ง เนื่องจากผู้ที่จะมารับบทคือ Kristen Stewart นักแสดงสาวที่ทำใครหลายคนจินตนาการไม่ออกว่า นางเอกที่มีภาพลักษณ์สุดเปรี้ยวคนนี้จะเป็นเจ้าหญิง Diana ได้ จนกระทั่งเมื่อภาพแรกของเธอจากภาพยนตร์ถูกปล่อยออกมา มันก็ได้สั่นสะเทือนอินเทอร์เน็ตนับตั้งแต่วินาทีนั้นด้านผู้กำกับ Pablo Larraín ที่เคยฝากผลงานอันยอดเยี่ยมไว้กับ Jackie (2016) ภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตของ Jacqueline Kennedy อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวไว้ในทำนองว่า “Kristen เป็นคนมีความสามารถ เธอทั้งลึกลับ เปราะบาง และแข็งแกร่งได้ในคราวเดียวกัน ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่เราต้องการ” รวมไปถึงการที่ Spencer ได้คนเขียนบทมือฉมังอย่าง Steven Knight จากซีรีส์ชื่อดังอย่าง Peaky Blinders มาร่วมทีม ยิ่งทำให้ผู้คนต่างเฝ้ารอที่จะได้ชมชีวิตอีกแง่มุมหนึ่งของเจ้าหญิงแห่งเวลส์แทบจะไม่ไหว แน่นอนว่า “แฟชั่น” ก็เป็นสิ่งที่ผู้ชมคาดหวังจะได้เห็นในภาพยนตร์ เพราะอย่างที่รู้กันว่าเจ้าหญิง Diana นั้นเป็นดั่งไอคอนแห่งวงการแฟชั่น จนเหล่าดีไซเนอร์และผู้มีอิทธิพลในอุตสาหกรรมความงามต่างยกให้เป็น “เทรนด์เซตเตอร์” คนสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ ด้วยแต่ละชุดที่ทรงสวมใส่นั้น ไม่เพียงมุ่งเน้นแต่ในเรื่องความงาม แต่ยังผ่านการคิดคำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย ความคล่องตัว รวมไปถึง “ความหมาย” ที่จะแสดงออกและส่งผลไปสู่ความรู้สึกของคนรอบข้างอีกด้วยความน่าสนใจของ Spencer นอกเหนือไปจากเรื่องงานภาพที่ทำเอากลายเป็นกระแสโด่งดังอย่างที่กล่าวไป ก็คือสิ่งที่ Kristen Stewart ผู้รับบท “เจ้าหญิงแห่งประชาชน” จะถ่ายทอดออกมาให้เราได้ชม ทว่าในครั้งนี้เรื่องราวอาจไม่ใช่ Diana ในฐานะผู้นำแฟชั่น ผู้อุปถัมภ์ช่วยเหลือผู้คน หรือเจ้าหญิงผู้ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะต้องนึกถึงหัวใจของคนอื่นๆ มาเป็นอันดับแรก เพราะ Pablo Larraín ผู้กำกับพยายามอธิบายว่า เขา ทีมงาน และนักแสดง ตั้งใจที่จะนำเสนอเกี่ยวกับความเป็นตัวตน และช่วงเวลาสำคัญของการตัดสินใจของผู้หญิงคนหนึ่งที่เลือกจะหันหลังให้กับการเป็นราชินี ผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังจะกลับไปเป็นใครบางคนที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้ ที่มีชื่อว่า Diana Spencer อย่างไรก็ตาม ด้วยไม่อาจล่วงรู้ถึงจิตใจของใครได้อย่างถ่องแท้ เราจึงยกภาระหน้าที่อันหนักอึ้งนี้ให้กับนักแสดง ส่วนเราในฐานะผู้ชมคงทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากชื่นชมในความตั้งใจและความพยายามในการตีความหัวใจของเจ้าหญิงผู้ยังอยู่ในความทรงจำของผู้คนอีกครั้ง “ฉันไม่ได้ต้องการเพียงแค่รับบทเป็นเจ้าหญิง Diana แต่ฉันอยากจะเข้าใจเธอให้มากกว่านี้” - Kristen Stewart ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก http://www.bbc.co.uk/ https://en.wikipedia.org/ https://it.wikipedia.org/ https://www.imdb.com/ https://www.msn.com/ https://www.royal.uk/ https://www.oscars.org/
Editor
20 September 2021
Lifestyle

LIFESTYLE
8 ไอเดียงานซ่อมสิ่งของภายในบ้านด้วยตัวเอง

ในวันที่ผู้คนยังคงต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน หลายคนปรับตัวใช้วิกฤตโควิด-19 ให้เป็นโอกาสในการเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ฝึกฝนและทดลองทำด้วยตัวเอง จากงานอดิเรกกลายเป็นรายได้เสริมรับเงินเป็นกอบเป็นกำจนประสบความสำเร็จกลายเป็นอาชีพหลักเลยก็มี และมีอีกหลายครัวเรือนค้นพบเซฟรสมือดีประจำบ้านคนใหม่ ดังที่เราจะได้เห็นเหล่าคนดังต่างออกมาโชว์เสน่ห์ปลายจวักในโลกโซเชียลมีเดียกันอยู่พักใหญ่ หรือหากใครจะใช้เวลาในช่วงนี้หันมาปรับปรุงซ่อมแซมสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ภายในบ้านก็น่าจะสร้างสรรค์อยู่ไม่น้อย ซึ่ง Power ก็มี 8 ไอเดียงานซ่อมแซมสิ่งของภายในบ้านที่ทำได้ด้วยตัวเอง ซึ่งนอกจากจะเปลี่ยนของเก่า ผุพัง ชำรุด หรือใช้งานได้ไม่ดีให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้งแล้ว ยังให้ความรู้สึกภูมิใจในตัวเอง และช่วยชุบชูใจคลายความกังวลในช่วงวิกฤตนี้อีกด้วย มาดูกันว่ามีงานซ่อมอะไรที่น่าสนใจบ้าง ซึ่งแม้แต่คุณผู้หญิงก็สามารถทำได้เช่นกัน สิ่งของภายในบ้านผุพังคุณไม่จำเป็นต้องเรียกช่างเสมอไป มีบางรายการที่คุณสามารถซ่อมแซมได้ด้วยตัวเอง 1. หัวฝักบัวน้ำไหลช้าอยู่ใช่ไหม? หนึ่งสาเหตุที่อาจทำให้น้ำฝักบัวไหลอ่อนไม่ทันใจ มักเกิดจากตะกอนหรือหินปูนที่สะสมตัวมาอุดตันรูปล่อยน้ำที่หัวฝักบัว การซ่อมแซมนี้ทำได้โดยง่าย เพียงถอดและทำความสะอาดหัวฝักบัว หรือจะเปลี่ยนหัวฝักบัวใหม่เลยก็ได้ เริ่มการซ่อมแซมหัวฝักบัวด้วยการปิดก๊อกน้ำให้เรียบร้อยเสียก่อน จากนั้นถอดหัวฝักบัวออกโดยหมุนทวนเข็มนาฬิกา (ระวังอย่าให้ชิ้นส่วนใดสูญหาย) หากจับไม่ถนัดมือจะใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำหมาดๆ มาช่วยจับส่วนหัวฝักบัวไว้ก็ได้ หากพบว่าภายในหัวฝักบัวมีสิ่งสกปรกติดอยู่ให้เอาออกก่อน และทำความสะอาดด้วยการแช่ในน้ำส้มสายชู ทิ้งไว้ประมาณ 1 - 2 ชั่วโมง ตามด้วยล้างชิ้นส่วนต่างๆ ด้วยน้ำเย็นก่อนประกอบกลับเข้าที่ ตัวช่วยในการซ่อมแซม: น้ำส้มสายชู 2. อ่างล้างจานอุดตันแก้ไขได้ง่ายๆ การอุดตันของอ่างล้างจานมักเกิดจากการสะสมของเศษอาหารและไขมัน ทำให้เกิดการระบายช้า ซึ่งหากอุดตันไม่มากคุณสามารถทำความสะอาดท่อระบายน้ำด้วยวิธีง่ายๆ ขั้นตอนแรกให้เทน้ำร้อนลงไปในท่อระบายน้ำเสียก่อน ตามด้วยเบกกิ้งโซดา 1/2 ถ้วยตวง และน้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยตวง ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นเทน้ำร้อนปิดท้าย หรืออาจจะใช้ที่ปั๊มห้องน้ำมาช่วยดึงสิ่งสกปรกที่อุดตันขึ้นมาก็ได้เช่นกัน เพียงวางที่ปั๊มห้องน้ำไว้บริเวณปากท่ออ่างล้างจานแล้วกดที่ปั๊มห้องน้ำลงไป สามารถทำติดต่อกันได้หลายครั้งจนกว่าการระบายของท่อจะดีขึ้น ตัวช่วยในการซ่อมแซม: เบกกิ้งโซดา / น้ำส้มสายชู / ที่ปั๊มห้องน้ำ 3. แก้ไขปัญหาประตูส่งเสียงดังรบกวนใจ เมื่อคุณเปิดประตูแล้วพบว่าประตูของคุณส่งเสียงดังหรือปิดได้ไม่สนิท สาเหตุหนึ่งมาจากเมื่อเวลาผ่านไปสกรูจะคลายออกจากบานพับ ทำให้ประตูห้อยลงมากระแทกกับวงกบเกิดเสียงดังรบกวน วิธีแก้ไขทำได้โดยง่าย เพียงใช้ไขควงขนาดพอดีกับสกรูขันสกรูกลับเข้าไปใหม่ หรือหากสกรูหลุดออกมาให้ใช้สกรูตัวใหม่ที่ยาวกว่าเดิม เพราะสกรูที่ยาวกว่าจะทำให้บานพับแน่นขึ้น โดยให้ขันสกรูเข้ากับบานพับตามเข็มนาฬิกาให้แน่น ข้อควรระวังอย่าขันสกรูแน่นจนเกินไป เพราะวงกบอาจแตกร้าวได้ ตัวช่วยในการซ่อมแซม: ไขควง / สกรู 4. หยุดการแตกร้าวของกระจกก่อนบานปลาย เมื่อกระจกหน้าต่างหรือกระเบื้องผนังกระจกเกิดรอยร้าว คุณสามารถซ่อมแซมเบื้องต้นเพื่อหยุดการแตกร้าวได้ด้วยตัวเอง ระหว่างรอการเปลี่ยนกระจกใหม่ ก่อนอื่นให้เตรียมพื้นที่การทำงานที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก สวมถุงมือเพื่อป้องกันเศษกระจกบาด แล้วนำกระดาษแข็งที่ไม่ใช้แล้วมาปูที่พื้นโดยรอบ เพื่อรองรับเศษกระจกที่อาจจะร่วงหล่นลงมา สำหรับวิธีการซ่อมแซมทำได้โดยง่าย เพียงเช็ดกระจกให้แห้งสะอาดเพื่อให้รอยร้าวสามารถเชื่อมติดกันได้ จากนั้นผสมเรซินและสารชุบแข็งให้เข้ากันในอัตราส่วน 1:1 คุณจะได้กาวอีพ็อกซี่ที่พร้อมใช้งาน ให้ทาลงบนรอยร้าว ทิ้งไว้จนแห้งสนิท หากกังวลเรื่องกาวอีพ็อกซี่ส่วนเกิน สามารถใช้มีดอเนกประสงค์ตัดส่วนเกินนั้นออก ข้อควรระวัง ไม่สามารถซ่อมกระจกประตูไมโครเวฟ หน้าต่างบานคู่ กระจกอาบน้ำ หรือกระจกรถยนต์ด้วยวิธีนี้ ตัวช่วยในการซ่อมแซม: ถุงมือ / กระดาษแข็ง / ผ้าเช็ดกระจก / กาวอีพ็อกซี่ / มีดอเนกประสงค์ 5. ปกปิดรูเล็กๆ บนผนังเบาให้กลับมาสวยเหมือนเดิม ปัจจุบันผนังเบานิยมนำมาใช้ในการต่อเติมบ้าน เนื่องจากเป็นพื้นผิวที่ติดตั้งง่าย ราคาไม่แพง แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งคือได้รับความเสียหายค่อนข้างง่าย ซึ่งสาเหตุที่พบบ่อยเกิดจากการเปิดประตูและลูกบิดไปกระแทกจนทำให้ผนังกลายเป็นรู สำหรับวิธีการซ่อมแซมก็ทำได้ไม่ยาก โดยมีขั้นตอนดังนี้ ตกแต่งแผลผนังให้เรียบด้วยมีดอเนกประสงค์ และทำความสะอาดพื้นผิวให้สะอาด จากนั้นใช้เกรียงตักปูนยิปซัมมาโป๊วให้ทั่วบริเวณบาดแผล ปิดรูด้วยเทปกระดาษ ติดแนวเฉียง 45 องศา โดยความยาวของเทปกระดาษควรมีมากกว่ารูอย่างน้อย 2 นิ้ว จากนั้นโป๊วปูนยิปซัมทับ ทำขั้นตอนที่ 2 ซ้ำอีกครั้ง (โดยติดเทปกระดาษทับชิ้นแรกให้มีลักษณะเป็นรูปแบบกากบาท) ทิ้งไว้จนแห้งสนิท ใช้เวลาประมาณ 2…
Editor
16 September 2021
Lifestyle

TRAVEL IN STYLE
Look Great In The Great Outdoors

ได้เวลาเดินทางสู่โลกกว้าง เติมเต็มสีสันให้ชีวิตชดเชยช่วงเวลากักตัว ที่ไม่อาจกักใจให้โหยหาธรรมชาติ นาฬิกาข้อมือ จาก Gucci ต่างหู จาก Bottega Veneta แว่นตา จาก Chloé เสื้อ จาก Prada กระเป๋า จาก Moncler หมวก จาก Moncler กางเกง จาก Prada รองเท้า จาก Bottega Veneta แก้วน้ำ จาก Prada นาฬิกาข้อมือ จาก IWC กางเกง จาก Moncler แว่นตา จาก Tom Ford หมวก จาก Moncler กระเป๋าสะพาย จาก Prada กระบอกน้ำ จาก Prada เสื้อ จาก Moncler รองเท้า จาก Gucci ขอขอบคุณรูปภาพจาก Official Brands https://www.facebook.com/thungsalaengluang
Editor
14 September 2021
Lifestyle

LIFESTYLE
Chloé Zhao ผู้หญิงเอเชียคนแรกในประวัติศาสตร์
เจ้าของรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์

เวทีออสการ์ยังคงเปี่ยมไปด้วยมนตร์ขลังเสมอ เพราะหลังจากที่ Bong Joon-ho พาภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีอย่าง Parasite ผงาดคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไปเมื่อปี 2019 ท่ามกลางเสียงฮือฮาและความชื่นชมยินดีจากแฟนหนังทั่วโลก ในปีถัดมา รางวัลใหญ่นี้ก็ตกเป็นของหนังฟอร์มเล็กอย่าง Nomadland ที่ยังควบมาด้วยรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากฝีมือการแสดงของ Frances McDormand รวมไปถึงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมอีกด้วย ซึ่งอย่างหลังนี้ส่งผลให้ Chloé Zhao กลายเป็นผู้กำกับหญิงชาวเอเชียคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รางวัลนี้ไปครอง Chloé Zhao ถือเป็นผู้กำกับหน้าใหม่พอสมควรในแวดวงหนังอเมริกัน ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่หลายคนจะยังไม่คุ้นเคยกับชื่อและผลงานของเธอมากนัก โดยก่อนหน้านี้เธอมีผลงาน 2 เรื่อง ได้แก่ Songs My Brothers Taught Me (2015) และ The Rider (2017) ซึ่งเธอรับหน้าที่ทั้งกำกับและเขียนบทเองทั้งหมด จนมาถึง Nomadland ที่ประสบความสำเร็จมากเสียจนทำให้ใครๆ ต่างพากันจับตามองเธออย่างไม่ยอมให้คลาดสายตาข้อเท็จจริงบางอย่างที่อาจทำให้หลายคนต้องเซอร์ไพรส์นิดๆ เมื่อได้รู้ก็คือ Nomadland เป็นหนังที่เล่าถึงความเป็นอเมริกันได้อย่าง “อเมริกัน” จัดๆ เรื่องหนึ่ง แม้ว่ามันจะกำกับโดยผู้กำกับที่มีเชื้อสายจีนแท้ๆ โดย Chloé Zhao เกิดและใช้ชีวิตในวัยเด็กที่ปักกิ่ง ก่อนจะถูกส่งไปเรียนที่ Brighton College ประเทศอังกฤษ และ Los Angeles High School ประเทศสหรัฐอเมริกาในเวลาต่อมา“วัยรุ่นหัวขบถจอมขี้เกียจประจำโรงเรียน” คือคำนิยามที่ Chloé Zhao ใช้เรียกตัวเอง เพราะดูเหมือนว่าความสนใจตั้งแต่เด็กของเธอนั้นคือการวาดการ์ตูนและการแต่งนิยายมากกว่าการทำการบ้านที่ครูให้ แน่นอนว่าเธอยังชอบดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ โดยเฉพาะเรื่อง Happy Together ของผู้กำกับ Wong Kar-wai ที่ทำให้ได้ “กระทำความหว่อง” มาตั้งแต่อายุยังน้อย รวมไปถึงการได้ใช้ชีวิตทั้งในอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ดินแดนอันอุดมไปด้วยพ็อปคัลเจอร์ที่คนอย่างเธอเต็มใจพุ่งเข้าไปหา การ์ตูน เพลง และภาพยนตร์มากมายนับไม่ถ้วน จึงเปรียบได้ดั่งเพื่อนผู้แสนดีของเด็กสาวชาวจีนคนหนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตอย่างลำพังในอพาร์ตเมนต์ย่านโคเรียทาวน์ จนสามารถพูดได้ว่าช่วงเวลานั้นมีส่วนสำคัญยิ่งในการหล่อหลอมให้เธอเป็นเธออย่างในทุกวันนี้ หลังจากเรียนจบปริญญาตรีด้านการเมือง วิชาโทภาพยนตร์ Chloé Zhao ตัดสินใจเรียนต่อด้านภาพยนตร์อย่างจริงจังที่ New York University's Tisch School of the Arts เธอมีความสนใจในศาสตร์ของการเล่าเรื่อง โดยพยายามหารูปแบบการนำเสนอเรื่องที่อยากเล่าให้มีความน่าสนใจที่สุด และวิธีการที่แทบจะกลายเป็นลายเซ็นของเธอไปแล้วก็คือการเลือกใช้นักแสดงที่ไม่ใช่นักแสดงอาชีพ หรืออาจถึงขั้นที่ว่าให้พวกเขาแสดงเป็นตัวเองเลยยิ่งดีหากเป็นไปได้ อย่างใน Nomadland นี้ ที่ Chloé Zhao ก็ได้เข้าไปใช้ชีวิตกับผู้คนเหล่านั้นจริงๆ ชาว “โนแมด” ผู้ใช้ชีวิตบนเส้นแบ่งอันเลือนรางระหว่าง “เสรีภาพ” และ “ข้อจำกัด” ซึ่งเรื่องราวที่เธอได้ไปสัมผัสและรับรู้มานั้น เธอก็ได้นำมาถ่ายทอดด้วยการนำพวกเขามาแสดงในหนังโดยให้ใช้ชื่อจริงๆ ของตัวเองอีกด้วยNomadland จึงเป็นเหมือนกับภาพยนตร์กึ่งสารคดี ที่นำเสนอเรื่องราวของผู้หญิงอายุราว 60 ปีคนหนึ่งที่ตัดสินใจทิ้งชีวิตที่เคยมี ออกเดินทางด้วยรถ RV แบบ “ค่ำไหน นอนนั่น” ไปยังสถานที่ต่างๆ ในเขตแดนอันกว้างขวางของสหรัฐอเมริกา โดยในระหว่างทางก็ได้พบเจอกับผู้คนที่เลือกทางเดินชีวิตแบบเดียวกันกับเธอมากมาย กระทั่งได้เรียนรู้ในสิ่งที่น้อยคนจะเคยมีโอกาสสัมผัส ไม่ว่าจะเป็นนางเอกของเรื่อง คนดูอย่างเราๆ รวมไปถึงตัว Chloé Zhao เอง อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอาจจะยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน ว่าเพราะเหตุใดผู้คนกลุ่มหนึ่งจึงเลือกที่จะหันหลังให้กับชีวิตที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง พวกเขาเหล่านั้นถวิลหาสิ่งใด ความมั่นคงมิใช่ความจำเป็นอย่างนั้นหรือ แต่ Chloé Zhao เด็กสาวผู้ใช้ชีวิตท่ามกลางความหลากหลายในทุกๆ สังคมที่เธอเคยเผชิญมา ก็ได้บรรจงหยิบยื่นอีกหนึ่ง “รูปแบบชีวิต”…
Editor
13 September 2021
Lifestyle

LIFESTYLE
Off the Beaten Track
Experience Cultural Sightseeing in Phuket

Phuket​ may ​be fondly referred to as the Pearl of the Andaman boasting amazing natural abundance but the island is also an attraction steeped in history with plenty of things to do and see that would satisfy the curiosity of cultural sightseers. Phuket’s diverse melting pot of cultures began during King Rama V’s reign when a huge influx of Chinese headed away from war-torn China through the Malay peninsula and landed on its shore while the Europeans came here to seek fortune from the island’s tin wealth. This hybrid of influences is evident in Phuket’s charming Sino-Portuguese architectural style, Peranakan customs and eclectic culinary scene. This harmonious cultural blend that is unique to Phuket never fails to captivate its visitors. In this edition, Power is taking you to Phuket’s cultural trails where every destination is well worth a visit and doable for a day-trip. Get ready to dive in! 1.…
Editor
10 September 2021
Food & DrinksLifestyle

FOOD & DRINKS
ดงบุริ เสน่ห์แห่งความเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นนั้นขึ้นชื่อในเรื่องวัฒนธรรมอันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่แสดงออกอย่างโดดเด่นในหลายๆ มิติ โดยเฉพาะ “อาหาร” ที่ในทุกวันนี้อาจเรียกได้ว่ากลายเป็นที่นิยมไปทั่วโลก ซึ่งนอกจากรสชาติจะถูกปากผู้คนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก อาหารญี่ปุ่นก็ยังมีความหลากหลายให้ได้เลือกลิ้มลองกันตามสะดวก อย่างเมนูข้าวที่รู้จักกันในชื่อ “ดงบุริ” ที่หลายคนคุ้นเคย ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ถูกอกถูกใจใครหลายคน มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ และเต็มไปด้วยเสน่ห์บนความเรียบง่าย อย่างที่เราอยากพาคุณไปทำความรู้จักให้มากขึ้นในวันนี้ ดงบุริ (Donburi) หรือในบางที่เรียกว่า ดมบุริ (Domburi) มีความหมายตรงตัวว่า ชาม ซึ่งในที่นี้ก็จะเป็นที่เข้าใจว่ากำลังพูดถึง ชามที่ใส่ข้าวญี่ปุ่นแล้วท็อปด้วยหน้าต่างๆ นั่นเอง โดยในส่วนของหน้าก็จะมีความหลากหลายแตกต่างกันไปอย่างที่เราเห็นกันบ่อยๆ จนชินตาในปัจจุบัน แต่หากสืบสาวไปยังที่มาที่ไปก็ต้องบอกว่า เมนูดงบุรินั้นเก่าแก่ไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะถือกำเนิดขึ้นมาครั้งแรกในช่วงเวลาที่ประเทศญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่สมัยใหม่ นั่นคือการที่ได้ย้ายเมืองหลวงจากเกียวโตมาสู่เอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) เมื่อราว 400 ปีที่แล้ว แน่นอนว่าเมื่อมีเมืองหลวงแห่งใหม่ สิ่งที่ตามมาก็คือผู้คนจำนวนมาก นำไปสู่ความเจริญและการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมต่างๆ โดยเฉพาะในแบบฉบับของ “คนเมือง” ที่มีความเร่งรีบและต้องการความคล่องตัว ในขณะเดียวกันกิจกรรมที่ขาดไม่ได้ก็คือ ความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงละคร เทศกาลรื่นเริง และสถานที่แฮงเอาต์หลังเลิกงานที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายดงบุริ เมนูอาหารที่ทั้งทำง่าย รับประทานง่าย จึงเข้ามามีบทบาทและแพร่หลายได้ในเวลาอันสั้น โดยเริ่มต้นจากเมนูข้าวหน้าปลาไหล หรือ Unagi Don ซึ่งเสิร์ฟมาในชามเล็กๆ ถือสะดวก ราคาย่อมเยา นิยมเสิร์ฟให้ผู้ชมละครคาบูกิที่ต้องการความเพลิดเพลินในขณะที่ดูละคร ก่อนที่จะพัฒนาประยุกต์สูตรไปเป็นหน้าต่างๆ ที่หลากหลายขึ้น รวมไปถึงเพิ่มขนาดให้ใหญ่ขึ้นในเวลาต่อมา อย่างไรก็ตามขึ้นชื่อว่าอาหารญี่ปุ่นถึงจะเป็นเมนูง่ายๆ แต่เคล็ดลับความอร่อยนั้นไม่ใช่อะไรก็ได้ เพราะส่วนประกอบหลักๆ ของดงบุริก็คือข้าวและตัวท็อปปิ้ง ทำให้สองสิ่งนี้จะต้องมีความสัมพันธ์กัน  โดยเฉพาะคุณภาพของวัตถุดิบที่นำมาทำท็อปปิ้งหน้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปลาไหล เนื้อหมู เนื้อวัว เนื้อไก่ หรือซีฟู้ด ก็จะต้องมีความสดใหม่และคัดสรรมาเป็นอย่างดี ในขณะที่รสชาติจะเน้นให้มีความเข้มข้นจากการปรุงรสด้วยซอส น้ำราด และเครื่องปรุงต่างๆ เพื่อให้พอดีเมื่อรับประทานกับข้าวนั่นเองเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และเอาใจคนรักอาหารญี่ปุ่น ห้องอาหารเท็นชิโนะ โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ ขอชวนคุณมาสัมผัสกับ ดงบุริ ข้าวกล่องญี่ปุ่นหน้าโปรดของใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็น ปลาไหล กุ้ง แซลมอน และอีกมากมายในราคาเริ่มต้นที่ 190 บาท โดยสามารถเลือกและสั่งอาหารพร้อมชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ของโรงแรมฯ หรือใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันฟู้ดเดลิเวอรี Robinhood (โรบินฮู้ด) และ LINE MAN (ไลน์แมน) นอกจากนี้ยังมีบริการให้คุณเลือกรับด้วยตนเองได้ที่จุด Drive Thru สะดวก ปลอดภัย ไม่ต้องลงจากรถ เมนูดงบุริ คลิก! สั่งอาหารได้ทุกวันที่นี่! ตั้งแต่เวลา 11.00 - 19.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 0 2680 9999
Editor
10 September 2021
Lifestyle

LIFESTYLE
5 กิจกรรมฮีลใจตัวเอง
ในวันที่ยังคงต้องใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน

แม้ช่วงนี้จะมีมาตรการคลายล็อกดาวน์ให้เราสามารถออกไปใช้ชีวิตหรือทำกิจกรรมนอกบ้านกันได้บ้างแล้ว หลังจากที่ต้องอยู่ในสภาวะที่ต้องทำงานหรือเรียนจากที่บ้านมาเป็นเวลานาน ซึ่งเชื่อว่าหลายๆ คนต่างก็รอโอกาสนี้เพื่อหวังเปลี่ยนบรรยากาศ แต่อย่างไรก็ตามต้องไม่ลืมที่จะดูแลป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยอยู่เสมอ ในวันที่คุณต้องออกนอกบ้าน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อจากโรคระบาด และสำหรับใครที่ยังคงใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน Power ก็มี 5 กิจกรรมดีๆ แก้เบื่อมานำเสนอ เพื่อฮีลใจตัวเอง มาดูกันว่ามีกิจกรรมอะไรบ้างที่น่าสนใจ 1. มาปฏิวัติบ้านครั้งใหญ่กันเถอะ! เริ่มด้วยกิจกรรมแก้อาการเหงาๆ เบื่อๆ ด้วยการเสียเหงื่ออย่างสร้างสรรค์ โดยการลุกขึ้นมาจัดบ้านปัดกวาดเช็ดถู ให้บ้านน่าอยู่กันสักหน่อย ไล่เรียงตั้งแต่เพดานไปจนถึงพื้นห้องให้สะอาดเอี่ยมทุกซอกทุกมุมดูสบายตา จากนั้นหามุมโปรดมาช่วยชุบชูใจให้ผ่อนคลาย จัดวางชั้นหนังสือน่าอ่านมาไว้ใกล้ๆ เสริมด้วยเบาะรองหนานุ่มน่าเอกเขนกสักผืนไว้เป็นมุมเอนหลัง หรือจะหาต้นไม้ฟอกอากาศมาวางตกแต่งในห้องนั่งเล่นก็เป็นไอเดียที่ดี เพราะนอกจากจะช่วยสร้างอากาศให้บริสุทธิ์แล้ว ยังทำให้ห้องมีสีสันดูมีชีวิตชีวาน่ามองมากขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญอย่าลืมจัดโต๊ะทำงานให้เป็นระเบียบ อาจหาเครื่องหอมอะโรมามาช่วยเพิ่มบรรยากาศความสดชื่นให้พร้อมไว้ในวันทำงานก็น่าผ่อนคลายดีไม่น้อย หรือหากอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้านให้รู้สึกเสมือนได้ไปพักผ่อนนอกสถานที่ ลองหาดวงไฟสวยๆ มาตกแต่งให้สนามหญ้าหน้าบ้าน หยิบโต๊ะเก้าอี้ปิกนิกและผ้าปูลายเก๋ๆ ที่เก็บเอาไว้ออกมาจัดวางสร้างบรรยากาศ หรือหากอยากจัดเต็มด้วยชุดเครื่องครัวอุปกรณ์แคมปิ้ง จะกางเต็นท์กางกระโจมก็ได้ฟีลดี แต่ถ้าใครคิดอยากจะใช้โอกาสนี้ออกไป ตั้งแคมป์รับอากาศดีๆ ตามป่าเขา ซึมซับบรรยากาศสดชื่นของฟ้าฝนในยามนี้ ลองเช็กกติกาของแต่ละสถานที่ให้ดีเสียก่อนว่ามีความพร้อมหรือไม่ รวมทั้งตัวเราเองก็ต้องมีความปลอดภัยมากพอที่จะไม่นำพาความเสี่ยงต่างๆ มาสู่ครอบครัวหรือสังคมต่อไปได้ 2. ฝึกเข้าครัวทำอาหารกินเองที่บ้าน ช่วงที่ผ่านมาหลายคนหันมาทำอาหารกินเองที่บ้านกันมากขึ้น เพราะนอกจากความเสี่ยงจะน้อยแล้ว ยังดีต่อสุขภาพของคนในครอบครัว ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แถมได้คลายเครียดและฝึกสมาธิไปในตัว นอกจากนี้ยังช่วยสร้างบรรยากาศให้บ้านอบอุ่นมากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งหากบ้านไหนมีเชฟประจำบ้านอยู่แล้วก็เป็นเรื่องดี ถือว่าปลอดภัยสบายกระเพาะ แต่หากเป็นเชฟหน้าใหม่การได้ฝึกเข้าครัวบ่อยๆ จะช่วยให้สามารถเอาตัวรอดในสภาวะเช่นนี้ได้ อาจเริ่มต้นจากเมนูง่ายๆ ไม่ซับซ้อน อย่างอาหารตระกูลไข่ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น ไข่ดาว ไข่เจียว หรือไข่ต้ม กินคู่กับสลัดผัก เมนูง่ายๆ แต่ได้ทั้งโปรตีนและวิตามิน จากนั้นลองขยับไปเลเวลที่ท้าทายมากขึ้น เพื่อเติมเต็มความสุขในการกินอาหาร อาจลองศึกษาจากยูทูบ ดูวิธีการทำอาหารต่างๆ เผลอๆ เกิดทำอร่อยขึ้นมา ช่องทางการทำรายได้เสริมอาจอยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่ถ้าใครนึกถึงความอร่อยของอาหารสตรีตฟู้ดนอกบ้าน ขอแนะนำ เมนูจาก ไทย เทสต์ ฮับ ที่มั่นใจได้ว่าสะอาดปลอดภัย ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเข้มงวด โดย ไทย เทสต์ ฮับ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ เปิดให้สามารถนั่งรับประทานอาหารในร้าน ได้ตั้งแต่เวลา 11.00 - 19.00 น. และในส่วนของ ไทย เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์ เปิดให้สามารถนั่งรับประทานอาหารในร้าน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 19.00 น. หรือจะเลือกรับความอร่อยที่บ้าน สั่งเดลิเวอรีได้ตั้งแต่เวลา 10.00 - 19.00 น. 3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพกายใจที่ดี อยู่บ้านนานๆ หากไม่ได้ขยับร่างกายอาจจะทำให้เฉื่อยชาได้ ควรออกกำลังกายวันละ 30 นาที อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อเป็นการบริหารหัวใจ ปอด ระบบไหลเวียนโลหิตและกล้ามเนื้อให้แข็งแรง สำหรับชนิดกีฬาก็มีหลากหลายประเภท ควรเลือกให้เหมาะสมกับสถานที่ ช่วงอายุ และสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล อย่างการเล่นโยคะก็ทำได้ที่บ้านใช้พื้นที่เพียงเล็กน้อย หรือจะลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายเต้นตามเหล่ายูทูบเบอร์ก็สนุกแถมยังขับเหงื่อได้ดี ถึงแม้จะออกกำลังที่บ้านก็ควรสวมใส่ชุดกีฬาเพื่อลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ สำหรับใครที่อยากจะออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะอย่าลืมดูแลตัวเอง สวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงในช่วงเวลาที่คนพลุกพล่าน และเว้นระยะห่างเพื่อความปลอดภัย การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังช่วยผ่อนคลายจิตใจ คลายความวิตกกังวลกับสถานการณ์ในช่วงนี้ไปได้มากทีเดียว 4. จะมีอะไรดีไปกว่าการปรนนิบัติตัวเองอีกล่ะ ถึงเวลาเติมเต็มความผ่อนคลายด้วยสปาตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงหนังศีรษะและเส้นผมด้วยทรีตเมนต์สูตรจากธรรมชาติ หรือการทำความสะอาดผิวหน้าและผิวกายให้สะอาดหมดจด เตรียมพร้อมการบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูผิวให้กลับมาเนียนนุ่มน่าสัมผัส แลดูสุขภาพดี ต่อด้วยเติมความสดชื่นให้จิตใจกับเครื่องหอมอะโรมากลิ่นโปรดที่รังสรรค์ได้เองที่บ้าน หรือหากใครอยากผ่อนคลายบรรเทาอาการเมื่อยล้า…
Editor
7 September 2021
Lifestyle

Lifestyle
เมื่อยังมีชีวิต ก็ย่อมมีความฝัน สายสุนีย์ จ๊ะนะ
ตำนานยอดนักกีฬาวีลแชร์ฟันดาบของไทย

ผ่านพ้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ พาราลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 มหกรรมกีฬาสำหรับคนพิการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติ ซึ่งในครั้งนี้ทัพนักกีฬาทีมชาติไทยก็สามารถที่จะคว้าเหรียญรางวัลกลับมาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ถือเป็นความภาคภูมิใจและความสุขที่พวกเขาทุกคนมอบให้กับคนไทยทั้งประเทศ โดยที่เหรียญแรกนั้นเป็นเหรียญทองแดงกีฬาวีลแชร์ฟันดาบ จากฮีโร่สาวมือหนึ่งของไทยที่มีชื่อว่า แวว-สายสุนีย์ จ๊ะนะ สายสุนีย์คร่ำหวอดอยู่ในวงการกีฬามานานจนเป็นที่คุ้นตาของแฟนกีฬาวีลแชร์ฟันดาบเป็นอย่างดี ด้วยทักษะและประสบการณ์บนเส้นทางกว่า 20 ปี ทำให้เธอคว้าแชมป์มาแล้วแทบทุกรายการในโลกนี้ รวมถึงเหรียญทองแดงอันทรงเกียรติเหรียญนี้ด้วยแม้วัยจะล่วงเข้าสู่ปีที่ 47 ของชีวิตแล้วก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังยืนยันอีกว่า ในวันที่เธอขึ้นเลข 5 เธอก็อยากจะคว้าเหรียญรางวัลอีกครั้งที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเมื่อมองย้อนกลับไปชีวิตของสายสุนีย์ก็คล้ายกับอีกหลายๆ คน คือการที่วันหนึ่งพบว่าตัวเองนั้นไม่สามารถเดินได้อีกต่อไป อุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดคิดทำให้เธอต้องย้ายตัวเองไปอยู่บนรถเข็น หากจะพูดว่าเป็นการ “เริ่มต้นชีวิตใหม่” ก็คงไม่ผิดนัก เพียงแต่มันไม่ใช่ชีวิตใหม่ที่หวังไว้เลยแม้แต่น้อย ความฝันของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่อยากเป็นครู มีอันต้องพลิกผันเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในชั่วข้ามคืน แม้จะไม่ง่ายนัก แต่ด้วยกำลังใจจากครอบครัวและคนรอบข้าง ทำให้สายสุนีย์ผ่านช่วงเวลาแห่งความยากลำบากไปได้ พร้อมๆ กับโอกาสที่เป็นดั่งแสงสว่างแห่งความหวังครั้งใหม่ที่ได้ผ่านเข้ามา เมื่อศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการหยาดฝน จังหวัดเชียงใหม่ เปิดรับสมัครคนพิการที่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ในชีวิตประจำวันและความพิการไม่เป็นอุปสรรคในการฝึกอาชีพ จำนวน 100 คน เธอจึงบรรจงเขียนความต้องการและความตั้งใจสมัครไป ราวกับมีความในใจเหลือคณา ด้วยคำที่เธอพูดถึงจดหมายฉบับนั้นแบบติดตลกว่า “เรียงความ” แน่นอนว่านอกจากจะได้ฝึกอาชีพที่นั่นแล้ว สิ่งสำคัญที่สายสุนีย์ได้เรียนรู้ก็คือ “ทุกคนมีความสุข ทุกคนมีความทุกข์ แต่เมื่อใดที่ได้แลกเปลี่ยนกัน เสียงหัวเราะก็เกิดขึ้นได้เสมอ” ดูเหมือนว่าเธอได้ก้าวข้ามความพิการไปแล้ว จริงอยู่ที่ถ้าเลือกได้คงไม่มีใครอยากเป็นเช่นนี้ แต่ในเมื่อเลือกไม่ได้ สิ่งที่พอจะทำได้ก็คือแสวงหาและโอบรับโอกาสที่อาจจะช่วยเติมเต็มความหมายของชีวิตได้ อย่างในครั้งนี้ที่มาในรูปของ “กีฬา”สายสุนีย์เริ่มต้นเส้นทางชีวิตนักกีฬาด้วยวีลแชร์บาสเกตบอล ซึ่งเธอพบว่ามันไม่ง่ายเลย แต่ด้วยความตั้งใจทำให้เธอติดทีมนักกีฬาล้านนาเป็นตัวแทนไปแข่งขันตามที่ต่างๆ จนกระทั่งมีการเปิดรับสมัครอบรมกีฬาวีลแชร์ฟันดาบ เธอก็ไม่รีรอรีบคว้าโอกาสนั้นไว้ ไม่ต่างกัน วีลแชร์ฟันดาบนั้นเป็นเรื่องยากพอสมควรจนเพื่อนหลายคนที่ไปด้วยกันเริ่มถอดใจ ในขณะที่เธอยังสู้ต่อ ด้วยความคิดที่ว่าตั้งแต่เด็กก็เคยอดทนสู้งานตากแดดตากฝนมาก็ไม่น้อย ความลำบากไม่เคยจากไปไหน มันแค่เปลี่ยนรูปแบบใหม่ๆ มาท้าทายเราต่างหาก ครั้งหนึ่งรุ่นพี่ที่เป็นนักกีฬาวีลแชร์เทนนิสเคยบอกกับเธอว่าให้อดทนต่อไป นักกีฬาสามารถมีรายได้ มีอนาคตที่ดี และใครๆ ก็ฝันอยากจะไปให้ถึงเฟสปิกเกมส์กันทั้งนั้น (ปัจจุบันคือเอเชียนพาราเกมส์ การแข่งขันกีฬาสำหรับคนพิการระดับทวีปเอเชีย) สายสุนีย์ จ๊ะนะ คว้า 2 เหรียญทองจากกีฬาเฟสปิกเกมส์ ปี 1999 ที่กรุงเทพมหานครเป็นเจ้าภาพ พร้อมกับเกียรติยศที่เธอเองก็ไม่เคยคิดฝันมาก่อน เธอเดินทางมาถึงจุดที่รุ่นพี่คนนั้นเคยบอกไว้แล้ว แต่ดูเหมือนจะยังไม่ใช่จุดสูงสุดของเธอ และถึงแม้ว่าคะแนนสะสมจะยังไม่เพียงพอที่จะไปพาราลิมปิกเกมส์ที่ซิดนีย์ในปีถัดไป เธอก็ยังไม่หมดหวัง เดินหน้าสั่งสมประสบการณ์จนได้ไปพาราลิมปิกเกมส์ 2004 ที่ประเทศกรีซในที่สุด ปีนั้นเธอกลับบ้านพร้อม 1 เหรียญทอง และ 1 เหรียญทองแดง สร้างประวัติศาสตร์เหรียญทองแรกของนักกีฬาหญิงไทยในพาราลิมปิกเกมส์ จวบจนถึงวันนี้ สายสุนีย์ จ๊ะนะ ผ่านพาราลิมปิกเกมส์มาแล้วถึง 5 ครั้ง ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่เธอไม่มีเหรียญรางวัลติดมือกลับบ้าน จนแฟนกีฬายกให้เธอเป็นฮีโร่ระดับตำนานอีกคนของไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากชีวิตนักกีฬา สายสุนีย์สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ มีงานประจำที่มั่นคง และมีครอบครัวที่อบอุ่น โดยมีลูกสาวที่น่ารักชื่อว่า “ฤทัย” ดวงใจดวงน้อยที่เป็นดั่งพลัง ความหวัง และความสุขในทุกๆ โมงยามของชีวิต รวมไปถึงมีความฝันที่วันหนึ่งอยากจะมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง แต่ก่อนจะถึงวันนั้น เธอรู้ดีว่าเส้นทางชีวิตนักกีฬาของเธอยังไม่จบเพียงเท่านี้ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก https://www.sat.or.th/ https://www.satc.or.th/ https://www.posttoday.com/ https://www.paralympic.org/ https://olympics.com/ https://www.facebook.com/WheelchairFencing/ https://www.facebook.com/NPCTHA/ https://www.facebook.com/saysunee.jana
Editor
6 September 2021
Lifestyle

LIFESTYLE
12 Heritage Snacks
Foodies Should Not Skip in Phuket

Phuket’s food culture is a cross-cultural combination of local people and early Chinese settlers; many of whom were from Fujian and Malaysia. New ingredients and recipes were introduced and fine-tuned to match the palate of the local. These cosmopolitan flavours have brought the novelty difference which makes Phuket food culture vibrant and unique in its own way. After taking you to all kinds of fun-filled activities on the island, there might be a case of sugar craving. Be sure to explore our Phuket snack edit before sinking your teeth into Phuket’s renowned local specialties and satisfy your sweet tooth. Some of them may be hard to find elsewhere so go munch on them while you are in Phuket. Tao Sor One of the most popular treats for Phuket visitors, Tao Sor has its origin in China’s Fujian district. Traditional fillings are usually made of sweet mung bean paste and savoury…
Editor
27 August 2021