GLORIOUS BLUE
ในวันฟ้าสดใส ฟูจิซังจะเผยโฉมให้คนเห็นความงามแบบไร้เมฆหมอกมาบดบัง บางคนไปญี่ปุ่นหลายครั้งอาจจะไม่เคยเห็นฟูจิซังเลย เพราะทัศนวิสัยไม่อำนวย จริงๆ ถ้าเราอยู่บนตึกสูงที่โตเกียว ก็มองเห็นฟูจิซังได้ถ้าฟ้าเปิด ซึ่งไม่ค่อยมีบ่อยนัก

FAMILY HOLIDAYS

คงไม่มีประเทศไหนที่จะตอบโจทย์การท่องเที่ยวแบบครอบครัว
ทั้งพ่อแม่พาลูกไปเที่ยว หรือลูกๆ พาพ่อแม่ไปเที่ยว ได้เท่ากับประเทศญี่ปุ่น

STORY & PHOTOGRAPHY

SETHAPONG PAWWATTANA

หลายคนอาจจะเคยไปมาหลายครั้ง แต่จุดหมายที่เราจะแนะนำนี้ เชื่อว่าหลายคนอาจเคยมองข้าม อย่างการพาลูกๆ ไปเที่ยวโตเกียว ทุกคนก็จะต้องนึกถึงโตเกียวดิสนีย์รีสอร์ท ที่มีทั้งดิสนีย์แลนด์และดิสนีย์ซี ถ้านอกเหนือจากนี้ล่ะ ซึ่งเรามีมาแนะนำ แล้วคุณจะทึ่งว่า โตเกียวมีอย่างนี้ด้วยหรือ ส่วนจุดหมายที่ลูกๆ จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปเที่ยวในประเทศญี่ปุ่นด้วยนั้น เป็นการพาไปเที่ยวออนเซ็นหรือแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติ ที่จะได้พักผ่อนในรีสอร์ทดีๆ ชมวิวธรรมชาติสวยๆ ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องไปแค่ฤดูร้อนอย่างเดือนสิงหาคม เดือนธันวาคมก็ไปได้ แถมยังได้วิวและบรรยากาศของหิมะที่สวยงามและแปลกตา

TRAVEL WITH MY KIDS

ทำไมถึงเลือกโตเกียวเป็นจุดหมายของการเดินทางแบบครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ก็เพราะเมืองนี้ได้รับการออกแบบให้อำนวยความสะดวกต่อการใช้รถเข็นเด็ก และการเดินทางที่สะดวกสบาย ไม่ว่าจะใช้บริการแท็กซี่ที่ราคาอาจจะสูง แต่คุ้มค่าถ้าไปกันหลายคนและมีสัมภาระส่วนตัวของเด็กๆ อย่างรถเข็นและเป้สะพายต่างๆ หรือจะใช้บริการรถไฟใต้ดินก็สะดวกดี เหมาะกับเด็กที่โตหน่อย เพราะจะต้องเดินกันค่อนข้างมากในสถานี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกก้าวของการเดินทาง คือการที่เด็กๆ จะได้เรียนรู้

สำหรับเด็กๆ ถ้าไปโตเกียว อยากแนะนำให้ไปย่าน Ueno ซึ่งมีสวนสาธารณะใหญ่ ในนั้นมีมิวเซียมมากมายหลายแห่ง ทั้งสำหรับผู้รักศิลปะ หรือสำหรับเด็กๆ อย่าง National Museum of Nature and Science (Kahaku) เป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ที่มีการจัดแสดงอย่างน่าสนใจมาก ตัวอาคารตั้งอยู่ด้านหลังหอศิลปะตะวันตก ไม่ไกลจากสถานีรถไฟอูเอโนะมากนัก เดินได้สบายๆ

ภายในแบ่งการจัดแสดงเป็นส่วนต่างๆ ทั้งส่วนธรรมชาติวิทยา มีโครงกระดูกสัตว์โบราณและสัตว์สตัฟฟ์ให้ได้ชมและศึกษา เด็กๆ จะชอบและพ่อแม่จะได้อธิบายให้ลูกฟังได้ โดยจะเน้นที่เรื่องราวของธรรมชาติและสัตว์ต่างๆ ในญี่ปุ่น ทั้งในอดีตและปัจจุบัน โดยมีโรงภาพยนตร์แบบ 360 องศาให้ได้รับชมกันด้วย เด็กๆ จะตื่นตาตื่นใจกับจอภาพยนตร์นี้ นอกจากนั้นยังมี Global Gallery ที่แยกออกไปเป็นเรื่องของโลก และมีส่วนที่จัดเป็นเครื่องเล่นของเด็กที่อายุ 4-6 ขวบ สอดแทรกอยู่ในนิทรรศการนั้น เด็กจะไม่เบื่อเหมือนการดูงานวิชาการ

การพาเด็กๆ ไปเที่ยว อย่ากำหนดว่า วันหนึ่งๆ ต้องเที่ยวไปหลายแห่ง ถ้าที่ไหนที่พวกเขาสนใจและสนุก ก็ให้ใช้เวลาอยู่ที่นั่นนานๆ จะได้เก็บความทรงจำนั้นไว้

VIBRANT IN ALL SEASONS

1. ช่วงเริ่มฤดูใบไม้ร่วงราวเดือนตุลาคม ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี เป็นช่วงเวลาที่น่าจะพาพ่อแม่ไปเที่ยว

2. รถไฟวินเทจ Kyushu Odan Tokkyu สีแดงสดขบวนนี้วิ่งระหว่างเบปปุและคุมาโมโต้

3. ทะเลสาบคาวากูจิมีเรือที่ตกแต่งให้เป็นเรือกลไฟวิ่งรับส่งตามจุดต่างๆ

4. เมื่อเราไปเที่ยวตามเมืองเล็กๆ ในญี่ปุ่น เราจะเห็นสถาปัตยกรรมและธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน

5. แมวนางกวักตัวนี้ชอบตกปลา เราจะเห็นการนำสัญลักษณ์เกี่ยวกับโชคลางมาปรับโฉมให้แปลกตาตอบโจทย์การใช้สอย

6. แมวจากการปั้นกระดาษทาสี วางประดับเพื่อดึงดูดให้คนเข้ามาชมบ้านโบราณที่เมืองโอโมริ ในจังหวัดชิมาเนะ

หลังการชมมิวเซียมแห่งนี้ ถ้ายังไม่เหนื่อย ให้พาเด็กๆ ไปชมสวนสัตว์อูเอโนะที่อยู่ใกล้ๆ กัน ไม่ใช่แค่เด็กๆ ที่จะชอบ ผู้ใหญ่ก็ชอบ เพราะเขาจัดให้สัตว์ต่างๆ อยู่ในภูมิประเทศที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติจริงๆ และไม่ได้กั้นด้วยลูกกรงเหล็ก แต่เป็นกระจกใสแน่นหนา มีทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ปีก รวมถึงแมลง และไฮไลต์ก็คงเป็นแพนด้ายักษ์ที่ชื่อ ริริ และ ชินชิน นั่นเอง ในวันหยุดมีคนมาเที่ยวสวนสัตว์ค่อนข้างมาก อาจจะมีคิวซื้อบัตรเข้าชมค่อนข้างยาว แต่ภายในสวนสัตว์นั้นกว้างขวาง คนจะไม่แน่นมาก เพราะเขาจะจำกัดปริมาณคนเข้าชมให้เหมาะสม

ถ้าเด็กๆ สนใจในเรื่องวิทยาการ ต้องไปที่ National Museum of Emerging Science and Innovation (Miraikan) ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ มีการแสดงของหุ่นยนต์ รวมทั้งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งญี่ปุ่นก้าวหน้ามากเรื่องการพัฒนาหุ่นยนต์ ใครที่สนใจทางด้านเทคโนโลยี ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่จะต้องชอบ อย่างโซน Explore the Frontiers เป็นเรื่องของอวกาศและการกำเนิดของเซลล์ เป็นการจัดแสดงที่ให้ผู้ชมมีส่วนร่วม การชมจึงเหมือนการไปเข้าเครื่องเล่นสักอย่างหนึ่ง เป็นสถานที่ที่คนในครอบครัวจะได้ใช้เวลาร่วมกันจริงๆ เพราะบางทีเด็กๆ อาจจะให้คำตอบในบางเรื่องราวอย่างที่ผู้ใหญ่ก็คิดไม่ถึง

ใครที่ชอบเรื่องราวทางวิทยาศาสตร์แนววินเทจ แต่ไม่ได้เชยหรือล้าสมัย ลองไปที่ Science Museum ที่ Kitanomaru Park ใกล้ๆ กับพระราชวังอิมพีเรียล ที่ว่าวินเทจเพราะที่นี่สร้างมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1964 ก็ 53 ปีมาแล้ว แต่ที่นี่ก็ยังได้ชื่อว่า จัดแสดงเทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์ที่ก้าวหน้าล่าสุดของญี่ปุ่น ตัวอาคารเป็นรูปห้าแฉก แต่มีตัวตึกด้านหน้าขวางไว้ปลายด้านหนึ่ง เราจึงมองเห็นเป็นแค่ตึกทรงสี่เหลี่ยม แต่เมื่อมองจากด้านบน จะเห็นอาคารนี้เป็นรูปตัวอักษรจีนคำว่า สวรรค์

ญี่ปุ่นมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการขนส่งมากๆ โดยเฉพาะรถไฟ ซึ่งเด็กๆ ส่วนใหญ่จะชอบรถไฟ ผู้ใหญ่เองก็ตาม มักจะหลงใหลดีไซน์รถไฟวินเทจทั้งหลาย ซึ่งเราสามารถชมได้ที่ Railway Museum จังหวัดไซตามะ จากโตเกียวนั่งรถไฟไปไม่นาน โดยไปลงที่สถานีรถไฟ JR ชื่อ Omiya Station แล้วจะมีรถชัตเทิ้ลบัสไปยังสถานี Tetsudo-Hakubutsukan Station แล้วเดินต่อไปอีกนิดเดียว มิวเซียมจะอยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟแห่งนี้

แล้วก็มาถึงมิวเซียมที่ไม่ใช่แค่เด็กๆ แต่ผู้ใหญ่ที่เคยชมผลงานการ์ตูนของ Studio Ghibli ต้องคิดว่าอย่างน้อยสักครั้งขอให้ได้มาเยือน Ghibli Museum ซึ่งใครเคยไปแล้วก็อยากกลับไปอีก แนะนำว่าให้ใช้บริการรถไฟ JR ไปที่สถานี Mitaka แล้วเดินไปตามทาง Kichijoji Avenue

TRADITIONAL COLOURS

7. ตุ๊กตาไม้โคเคชิ งานฝีมือพื้นบ้านที่ปัจจุบันมีการปรับให้มีรูปแบบที่หลากหลายขึ้น แต่บางคนนิยมไปตลาดนัดวันหยุดในเมืองต่างๆ เพื่อหาซื้อโคเคชิแอนทีค ยิ่งมีชื่อคนทำเขียนไว้ ราคายิ่งสูง

8. ออนเซ็นที่เบปปุ บ่อนี้คือบ่อที่สมัยก่อนชาวเมืองจะมาปรุงอาหารรอบๆ ออนเซ็นนี้ โดยใช้ไอน้ำจากใต้ดินนึ่งอาหารให้สุก

ซึ่งเป็นทางเดินที่ร่มรื่นเหมือนเราเดินอยู่ในฉากของการ์ตูนจิบลิ อันที่จริงแล้วเป็นระยะทางที่ไม่ใกล้ แต่คนส่วนใหญ่ก็นิยมเดิน เหมือนการอุ่นเครื่องก่อนจะได้ชมมิวเซียมที่จำลองเอาฉากต่างๆ ในการ์ตูนเรื่องเด่นมาไว้ เสียดายว่าเขาห้ามถ่ายรูปข้างในมิวเซียม เลยทำให้ความสนุกลดน้อยลงในโลกยุคที่ทุกคนเซลฟี่เป็นเรื่องปกติ แต่ก็มีมุมดาดฟ้าด้านบนกับด้านหน้าของมิวเซียมที่ให้ถ่ายรูปได้ แม้จะต้องเก็บความประทับใจไว้แค่ความทรงจำ แต่ก็คุ้มมากกับการมาเยือนที่นี่

ช่วงนี้เพิ่งมีนิทรรศการชั่วคราวใหม่ล่าสุด Delicious! Animating Memorable Meals เป็นเรื่องอาหารในการ์ตูนเรื่องต่างๆ อย่างข้าวปั้นที่ฮากุ (Haku) มอบให้ชิฮิโระ (Chihiro) กินไปปาดน้ำตาไปในเรื่อง Spirited Away เบคอนและไข่ทอดที่ Howl’s ทอดให้โซฟีและคนอื่นๆ ใน Howl’s Moving Castle ด้วยที่นี่จำกัดคนเข้าชมในแต่ละรอบ ดังนั้นการชมจึงค่อนข้างสบายๆ ไม่แน่นมาก  เด็กๆ จะสนุกกับห้องจัดแสดงต่างๆ ที่มีเครื่องเล่นสอดแทรกไว้ คือมาที่นี่แม้เวลาเข้าชมจะจำกัด แต่เราใช้เวลาได้ทั้งวัน เพราะเราสามารถนั่งพักสบายๆ ได้ที่คาเฟ่ หรือชมของที่ระลึกต่างๆ ซึ่งบางอย่างก็ไม่มีขายในโตเกียว ถ้าชอบใจ ควรซื้อเลย

สำหรับเรื่องอาหารการกินนั้น แนะนำว่าให้เด็กๆ รับประทานตรงมื้อ ไม่ต้องคิดว่าจากสถานที่ท่องเที่ยวแล้วจะไปรับประทานอาหารชื่อดังเจ้าไหน เพราะเด็กจะเหนื่อยกับการเดินทาง ร้านอาหารในมิวเซียมส่วนใหญ่จะมีอาหารสำหรับเด็กๆ หรือไม่ก็หาร้านรับประทานง่ายๆ เพราะนี่คือทริปที่เราพาครอบครัวมาเที่ยว ไม่ได้มาเที่ยวเอง และถ้าพาเด็กเล็กมา อย่าลืมรถเข็นเด็ก แม้เด็กจะเดินได้แล้วก็ตาม แต่เขาไม่สามารถเดินไกลๆ ได้อย่างผู้ใหญ่ พึงระลึกเสมอว่า ไม่ต้องรีบร้อนเที่ยว แม้จะไม่ได้ชมสถานที่หลายแห่ง แต่ขอให้ใช้เวลากับแต่ละสถานที่ให้เด็กๆ ได้รับความประทับใจและจดจำเป็นความทรงจำที่ดีของพวกเขาก็พอ

BE APPETISING

9. อาหารทะเลที่ผ่านการนึ่งด้วยไอน้ำจากออนเซ็น จะมีความสดหวานและความเค็มนิดๆ แล้วแต่แร่ธาตุในออนเซ็นนั้นๆ

10. ถ้ามาร้านอาหารที่มีเตาแบบจิโกะคุมุชิโคโบ คันนาวะ หรือเตานึ่งอาหารจากไอออนเซ็น เราควรเลือกผักสดมานึ่งให้มากๆ เพราะนึ่งแล้วอร่อยกว่าเนื้อสัตว์

ในเบปปุมีปากปล่องของน้ำแร่ร้อนๆ หรือออนเซ็นอยู่ 8 แห่ง มีสายของไอน้ำจากออนเซ็น (ยุเคมุรุ) กว่า 408 สาย คนที่นี่จึงใช้ไอน้ำจากใต้ดินมาปรุงอาหารให้สุกแบบการนึ่ง

TRAVEL WITH MY PARENTS

เราจะพาพ่อแม่เที่ยวออนเซ็นกัน ออนเซ็นหรือปากปล่องของน้ำพุร้อนธรรมชาติ ซึ่งคนญี่ปุ่นนิยมไปแช่ตัวให้ร่างกายสบายและเพื่อสุขภาพผิว แม้จะไม่ใช่ธรรมเนียมของคนไทยในการแช่ออนเซ็นเพื่อสุขภาพและผ่อนคลาย แต่หลังจากที่คนไทยมาเที่ยวญี่ปุ่นบ่อยๆ และเริ่มจะชินกับวัฒนธรรมนี้ หลายคนเห็ประโยชน์ของการแช่ออนเซ็นโดยเฉพาะผู้สูงวัยทั้งหลาย ยิ่งถ้าไปญี่ปุ่นในช่วงฤดูหนาว การแช่ออนเซ็นสำหรับคนไทยดูจะเป็นที่ชื่นชอบมากที่สุด

ก่อนอื่นต้องแยกก่อนว่า ออนเซ็นกับห้องอาบน้ำรวมของญี่ปุ่นนั้นไม่เหมือนกันเพราะที่อาบน้ำรวมหรือ Sentou นั้นจะมีอ่างน้ำร้อนขนาดใหญ่ให้แช่ตัวก็จริง แต่ไม่ใช่น้ำแร่ธรรมชาติใต้ผืนดินอย่างออนเซ็น บางทีก็มีการเติมเกลือแร่เข้าไปเพื่อให้มีคุณสมบัติในการบำรุงผิว ทว่าย่อมต่างจากออนเซ็นที่เป็นน้ำแร่ธรรมชาติ ในแต่ละที่จะมีน้ำแร่ที่มีคุณสมบัติแตกต่างกัน บ่อหนึ่งอาจจะทำให้ผิวสวย อีกบ่อหนึ่งอาจจะเหมาะกับคนที่ปวดเมื่อยเนื้อตัว ซึ่งคุณสมบัติของน้ำแร่ตามออนเซ็นต่างๆ จะมีการบอกกล่าวไว้

อีกอย่างคือ ออนเซ็นที่แยกเฉพาะเป็นห้องๆพอมีบ้าง แต่ต้องในแถบที่มีออนเซ็นมากๆ อย่างเบปปุ (Beppu) ที่ว่ากันว่าขุดลงไปตรงไหนก็มีออนเซ็น และทุกบ้านจะมีออนเซ็นส่วนตัวแต่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นออนเซ็นแยกชายหญิงเท่านั้น แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคนไทยที่นิยมการแช่ออนเซ็นแล้ว โดยเฉพาะสุภาพสตรีที่เห็นผลกับผิวพรรณและความงามจากการแช่ออนเซ็น

ถ้าจะพาคุณพ่อคุณแม่ไปออนเซ็น สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ อุณหภูมิของออนเซ็นนั้นต้องไม่ร้อนเกินไป เพราะจะทำให้หัวใจเต้นแรงและเกิดอาการหน้ามืดเป็นลมได้ง่ายๆ สำหรับผู้สูงวัย ปกติในออนเซ็นจะมีบ่อน้ำร้อนจัดที่มาจากใต้ดิน และบ่อที่น้ำถูกเจือด้วยน้ำจากแหล่งธรรมชาติหรือน้ำประปา เพื่อลดความร้อนของน้ำให้พอแช่ตัวได้สบายๆและควรจะไปทดสอบอุณหภูมิของออนเซ็นก่อน แม้จะเป็นบ่อเดิม แต่ในแต่ละช่วงของปี น้ำจะมีอุณหภูมิไม่เท่ากันก็ได้ เพราะมาจากใต้ดิน

ปกติถ้าจะให้สะดวกที่สุด ก็ต้องไปพักที่เรียวกัง ซึ่งมีอาหารเช้าและอาหารค่ำให้บริการด้วย เป็นการไปพักผ่อนที่คุ้มค่ามาก และไม่ทุกที่ที่จะต้องสวมชุดยูกาตะเวลาอยู่ในเรียวกัง นอกจากเวลาไปแช่ตัวในออนเซ็นเท่านั้น บางสถานที่ห้ามใส่ยูกาตะมาเดินในล็อบบี้ของโรงแรม ต้องศึกษาให้ดีว่าธรรมเนียมของแต่ละสถานที่เป็นอย่างไร

สถานที่ที่ใกล้กับโตเกียวและเหมาะจะไปออนเซ็นคือรอบๆ ทะเลสาบคาวากูจิโกะ (Kawaguchiko) ซึ่งมีทั้งที่เป็นโรงแรมแบบทันสมัย และเป็นเรียวกัง แต่ละที่จะมีออนเซ็นให้แช่ตัว ที่นิยมมากหน่อยก็คือที่ที่แช่ออนเซ็นแล้วมองออกไปเห็นวิวของภูเขาไฟฟูจิหรือฟูจิซัง ซึ่งไม่อาจจะรับรองได้ว่าไปแล้วจะได้เห็น เพราะฟูจิซังได้ชื่อว่าขี้อายมาก บางทีไปฤดูร้อนแต่มีเมฆมาบังหายไปทั้งภูเขาเลยก็มี อย่างไรก็ตาม ถ้าไปออนเซ็นแถวทะเลสาบคาวากูจิ (โกะ หมายถึงทะเลสาบ) ควรจะจองที่พักที่มีออนเซ็นที่มองออกไปแล้วเห็นภูเขาไฟฟูจิ

จากโตเกียวเดินทางไปคาวากูจิโกะ สะดวกมากด้วยรถบัส 2 ชั่วโมงถึง ขึ้นที่อาคารใกล้ๆ กับสถานีรถไฟชินจูกุ จอดที่สถานีรถไฟคาวากูจิโกะ ถ้าใช้บริการถไฟ ต้องเปลี่ยนขบวนรถ แต่เด็กๆ น่าจะชอบเพราะรถไฟที่เปลี่ยนมาคาวากูจิโกะนั้น เป็นรถที่ดีไซน์พิเศษ บางขบวนมีรูปฟูจิซังเป็นลวดลายบนตัวรถ น่ารักมาก

ถ้าเราพาผู้ใหญ่ไปเที่ยวโตเกียว ที่คาวากูจิโกะนี่แหละเหมาะที่สุดที่จะมาแช่ออนเซ็น ชมวิวริมทะเลสาบ ยิ่งช่วงอากาศหนาวเย็น ที่นี่จะมีบรรยากาศที่โรแมนติกมาก โดยเฉพาะเวลาหิมะตก ตามโรงแรมที่มีเตาผิงจะจุดเตาผิง ซึ่งเป็นบรรยากาศที่คนไทยโหยหาความหนาวเย็นและโรแมนติกเช่นนี้

แต่ผู้ใหญ่อาจจะไม่ชอบความหนาวมากนัก ฉะนั้นควรพาไปเที่ยวช่วงฤดูร้อนอย่างเดือนสิงหาคมนี้แม้อากาศจะร้อน แต่การแช่ออนเซ็นก็ช่วยให้สดชื่นจริงๆ หรือไปช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงที่ใบไม้เป็นสีแดงหรือ Momiji ซึ่งรอบๆ ทะเลสาบนี้จะมีจุดชมใบไม้สีแดงบางจุด แต่ไม่มากเหมือนแถวเกียวโต

แต่ถ้าการเดินทางของคุณไม่ได้เริ่มต้นจากโตเกียว แต่จากกรุงเทพฯ มาลงที่ฟูกุโอกะ (Fukuoka) ขอแนะนำให้ไปเที่ยวเบปปุ (Beppu) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นปากปล่องขุมนรก ฟังดูน่ากลัว แต่เมืองนี้คือเมืองที่มีออนเซ็นมากที่สุดเมืองหนึ่งจะขุดลงไปตรงไหนก็เจอ และแต่ละที่ก็มีน้ำแร่ที่ให้คุณสมบัติที่แตกต่างกัน

PATTERNS OF NATURE

11. พื้นที่ของจังหวัดชิมาเนะบางส่วนมีการปลูกข้าวแบบนาขั้นบันได เราสามารถใช้บริการเครื่องบินเล็กเพื่อชมทัศนียภาพเช่นนี้ได้

12. ในคิวชูจะมีรถไฟเพื่อการท่องเที่ยวหลากหลายประเภทให้บริการ โดยนำรถไฟโบราณหรือรถวินเทจมาให้บริการด้วย

ออนเซ็นที่เบปปุจะมีสีที่หลากหลาย อย่างสีแดงเหมือนโคลนแดง จนได้ชื่อว่าบ่อนรก หรือสีฟ้าซึ่งมาจากแร่ธาตุของดินส่วนนั้น แต่ส่วนใหญ่จะมีกลิ่นกำมะถันที่ฉุน และใครไปเที่ยวชมบ่อออนเซ็นที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว (ไม่ใช่ออนเซ็นให้แช่ตัว)เขาจะมีไข่ที่ต้มในออนเซ็นให้ลองซื้อมาชิม ซึ่งเขาจะให้เกลือป่นมาด้วย แต่อยากให้ชิมแบบไม่ใส่เกลือ เพราะอร่อยและมีความเค็มนิดๆ อยู่แล้ว

ที่นี่ยังมีธรรมเนียมการทำอาหารด้วยการนึ่งด้วยไอร้อนจากออนเซ็น ซึ่งคนรักอาหารเพื่อสุขภาพจะต้องชอบ เพราะเขามีผักสดๆ เนื้อ และไข่ ให้เราเลือกซื้อก่อน จากนั้นก็ไปที่เตานึ่ง จัดการแกะห่อผักต่างๆ นำไปล้างแล้ววางในลังถึงไม้ไผ่ ถ้าไม่อยากทำเอง ก็มีคนทำให้ ถ้าทำเอง จะใช้เวลา เพราะจะเป็นท่อที่ต่อเอาไอน้ำจากออนเซ็นขึ้นมาจากใต้ดิน แต่ถ้าให้เขาไปทำให้ จะเร็ว เพราะเขาทำในครัวใต้ดินซึ่งมีไอน้ำร้อนมากหน่อย

อาหารที่ได้จะเป็นอาหารนึ่ง เขาไม่ได้ลวกในน้ำ แต่ก็มีรสเค็มๆ นิดๆ เพราะไอน้ำจากออนเซ็นมีเกลือแร่ตามธรรมชาติ สิ่งที่อร่อยเกินคาดคือมันหวานที่ทำให้สุกด้วยวิธีนี้ รวมทั้งข้าวโพด เนื้อสัตว์ที่ผ่านการนึ่งไอน้ำจากออนเซ็นจะมีรสชาติแบบธรรมชาติ แต่ไม่ชวนให้ติดใจเท่าผักต่างๆ ซึ่งจะมีความหวานตามธรรมชาติ ใครที่ยังไม่เคยลองรับประทาน แนะนำให้เลือกผักไปปรุงด้วยวิธีนี้มากกว่าเนื้อสัตว์ เพราะอร่อยจริงๆ

THE WINTER’S TALE

13. ในช่วงฤดูหนาว หิมะที่ปกคลุมบ่อปลาคาร์พภายในเรียวกัง กลายเป็นภาพที่สวยแปลกตา

14. หน้าบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านเล็กๆ ที่นำผลส้มมาวางประดับไว้หน้าบ้านให้คนผ่านไปมาได้ชื่นตา

ถ้าไม่อยากแช่ออนเซ็น จะใช้บริการบ่ออบทรายร้อนก็ได้ เป็นทรายสีดำ อย่างเบปปุไคเซ็นสุนะยุ เขาจะให้สวมชุดยูกาตะลงนอนบนทรายสีดำที่มีอุณหภูมิสูง จากนั้นก็นำทรายร้อนมากลบให้เหลือแค่หน้าโผล่มา วิธีนี้ช่วยทำให้เลือดลมเดินดี แต่ทรายอาจจะทำให้อึดอัดเหมือนมีอะไรมากดทับหน้าอกและลำตัว ถ้าให้ผู้ใหญ่อบทรายร้อน ต้องคอยถามเสมอว่า รู้สึกสบายหรืออึดอัดมากไปไหม

สถานที่ที่มีทั้งอบทรายร้อนและแช่ออนเซ็นคือ Takegawara Onsen ตรงหน้าสถานีรถไฟเบปปุ เป็นอาคารสัญลักษณ์ของเบปปุ สร้างจากไม้สนตั้งแต่ปีค.ศ. 1879 เป็นสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นที่ได้รับอิทธิพลของตะวันตก ด้านหนึ่งจะให้บริการอบทรายร้อน อีกด้านหนึ่งจะเป็นออนเซ็น ทรายร้อนไม่แยกชายหญิง แต่จะแยกเฉพาะห้องแต่งตัวส่วนออนเซ็นแยกชายหญิง

ถ้าไม่มาที่เบปปุ จะไปที่เมืองอื่นๆ ในจังหวัดโออิตะ (Oita) ก็ได้ จริงๆ แล้วเบปปุก็อยู่ในจังหวัดโออิตะ อย่าเพิ่งงง การแบ่งเขตจังหวัดของเขาไม่เหมือนกับบ้านเรา โออิตะได้ชื่อว่าเป็นจังหวัดที่ผู้หญิงมีผิวสวยที่สุดจากการประกวดสาวผิวสวยของญี่ปุ่น เพราะที่นี่มีแหล่งออนเซ็นมากมายไม่ว่าจะเป็นออนเซ็นแบบโคลนที่เบปปุออนเซ็นโฮโยแลนด์ หรือบ่ออบไอน้ำคันนาวะ มุชิยุ ที่ให้คนรับบริการสวมยูกาตะนอนบนสมุนไพรที่ปูลงบนหินร้อนๆ อบตัวในห้องพักใหญ่ วิธีนี้เรียกว่า เซคิโช ก่อนจะไปแช่ออนเซ็น ซึ่งจะช่วยอาการปวดเมื่อยต่างๆ ผู้ใหญ่ต้องชอบแน่ๆ

การพาคุณพ่อคุณแม่มาเที่ยวออนเซ็นนั้นถ้าเป็นครั้งแรก ท่านอาจจะประดักประเดิดบ้างเราควรช่วยดูแล แต่เมื่อได้รับการผ่อนคลายจากน้ำพุร้อนธรรมชาติแล้ว ผู้ใหญ่ส่วนมากมักจะติดใจ เพราะช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายหายปวดเมื่อย และอาหารที่เรียวกังหรือตามเมืองต่างๆ ที่มีออนเซ็น มักจะอร่อยและเน้นวัตถุดิบที่ปลูกอย่างธรรมชาติในท้องถิ่น เป็นทริปเพื่อสุขภาพที่เหมาะสมกับคุณพ่อคุณแม่อย่างแท้จริง

GENTLE AFFECTION

15. เรียวกังที่มีชื่อเสียงมาเป็นร้อยปี แต่ปรับรูปโฉมให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ ในฤดูหนาวเราจะได้ชมความงามของสวนโบราณที่มีชื่อเสียงปกคลุมด้วยหิมะที่งดงาม

16. ดอกบ๊วยสีเหลืองหรือโรบาอิ มีกลีบดอกบางเหมือนเคลือบด้วยขี้ผึ้ง

WHERE TO SEE

NATIONAL MUSEUM OF NATURE AND SCIENCE (KAHAKU)

(5-21-5, Shirokanedai, Minato-ku, Tokyo 108-0071. Tel: +81-(0)3-3441-7176 www.kahaku.go.jp)

เป็นพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์ในที่เดียวกัน การจัดแสดงทำได้น่าสนใจ เด็กๆ จะเพลินกับสิ่งของที่จัดแสดง

UENO ZOOLOGICAL GARDENS

(Ueno Zoo, 9-83, Ueno Park, Taito-ku, Tokyo110-8711. Tel: 03-3828-5171 www.tokyo-zoo.net)

เด็กๆ ชอบดูสัตว์ชนิดต่างๆ ที่นี่มีแพนด้ายักษ์เป็นไฮไลต์ แม้แต่คนญี่ปุ่นเองก็นิยมมาเที่ยวสวนสัตว์แห่งนี้เพราะตั้งอยู่ในสวนสาธารณะขนาดใหญ่

NATIONAL MUSEUM OF EMERGING SCIENCE AND INNOVATION (MIRAIKAN)

(2-3-6 Aomi, Koto-ku, Tokyo.Tel: +81-3-3570-9151 www.miraikan.jst.go.jp)

เป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยมาก รวมทั้งมีการแสดงของหุ่นยนต์ด้วย

SCIENCE MUSEUM

(www.jsf.or.jp)

แม้ตัวอาคารภายนอกจะดูเป็นตึกวินเทจ แต่การจัดแสดงข้างในทันสมัยและเน้นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าของญี่ปุ่น ณ เวลานั้นๆ เพราะมิวเซียมแห่งนี้สนับสนุนโดย Japan Science Foundation เปิด 09.30-16.50 น.

RAILWAY MUSEUM

(www.railway-museum.jp/en/)

JR East สร้างมิวเซียมนี้เพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีของบริษัท โดยรวบรวมหัวรถจักรและขบวนรถแบบต่างๆ ในแต่ละยุคสมัยมาจัดแสดง รวมทั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ ของการรถไฟ

GHIBLI MUSEUM

(www.ghibli-museum.jp/en/)

ใครที่ชื่นชอบภาพยนตร์การ์ตูนของ Studio Ghibli ต้องใฝ่ฝันมาชมมิวเซียมแห่งนี้ ภายในห้องจัดแสดงต่างๆ มีส่วนให้เด็กๆ ได้เล่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นตัว Totoro ขนาดใหญ่ หรือรถเมล์แมว (The Cat Bus) ที่มีให้เด็กๆได้ปีนเล่นจริงๆ ขอให้ดูวิธีซื้อบัตรเข้าชมจากเว็บไซต์ที่ให้มานี้ เพราะต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น

TOKYO DOME CITY

(www.tokyo-dome.co.jp/e/)

สถานที่จัดแสดงคอนเสิร์ตที่มีสวนสนุกขนาดย่อมๆ ด้วย ถ้าใครมีเวลาไม่มาก แต่อยากจะพาเด็กๆ ไปเล่นเครื่องเล่นต่างๆ แบบไม่ต้องรอคิวนาน ให้มาที่นี่

MT. FUJI LAKE KAWAGUCHI HOT SPRING

KOZANTEI UBUYA

(10 Asagawa, Minamitsuru-gun, Fujikawaguchiko-machi 401-0303, Yamanashi Prefecture.)

เรียวกังที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เป็นที่พักที่มีบ่อออนเซ็นแบบส่วนตัวอยู่ตรงระเบียงห้อง มองออกไปเห็นทิวทัศน์ของทะเลสาบ โดยมีภูเขาไฟฟูจิอยู่เบื้องหลัง สำหรับอาหารของเรียวกังแห่งนี้ก็ได้ชื่อว่าเลิศรสราคาห้องพักรวมอาหารเช้าและอาหารเย็น

HOTEL MIFUJIEN

(207 Asagawa, Minamitsuru-gun, Fujikawaguchiko-machi 401-0303, Yamanashi Prefecture)

เป็นโรงแรมแห่งเดียว (ที่เหลือเป็นเรียวกัง) ที่ตั้งทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของทะเลสาบคาวากูจิ จึงสามารถมองเห็นวิวของภูเขาไฟฟูจิอันสวยงามได้อย่างชัดเจนและให้ผู้ที่ไม่ได้เป็นแขกของโรงแรมเข้ามาใช้บริการออนเซ็นได้เฉพาะช่วงกลางวัน (13.30-20.00 น.)

YURARI

(401-0320 Yamanashi Prefecture, Minamitsuru District, Narusawa, 8532-5. Tel: +81 555-85-3126)

ออนเซ็นแบบทันสมัย มีห้องอาบน้ำทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง (แยกชายหญิง) สามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้อย่างชัดเจน มีห้องอาบน้ำแบบส่วนตัวพร้อมวิวภูเขาให้เลือกอีกด้วย (เปิด 10.00-22.00 น.)

YAMANAKAKO BENI FUJI NO YU HOT SPRING

(401-0501 Yamanashi Prefecture, Minamitsuru District, Yamanakako, Yamanaka, 865-776. Tel: +81 555-20-2700)

เป็นออนเซ็นที่มองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิทางด้านทะเลสาบยามานาคาโกะ ปกติเปิด 10.00-21.00 น. จะเปิดช่วงเช้าตรู่เฉพาะฤดูหนาว ซึ่งคนที่มาใช้ออนเซ็นสามารถเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิที่เป็นสีแดงยามเช้าในฤดูหนาวมีทั้งห้องอาบน้ำในร่ม และห้องอาบน้ำกลางแจ้งแบบมีหลังคา ล้อมรอบด้วยต้นไม้และสวนหย่อม

BEPPU HOT SPRING

BEPPU ONSEN HOYO LAND

(5 Myoban, Beppu 874-0843, Oita Prefecture. Tel: 0977-66-2221)

ออนเซ็นโคลน เป็นบ่อกลางแจ้ง และแช่โคลนที่มีแร่ธาตุและความร้อนแบบออนเซ็น ใครที่เคยใช้มักจะชอบ เพราะรู้สึกว่าผิวพรรณได้สัมผัสกับแร่ธาตุมากกว่าน้ำพุร้อนเฉยๆ

KANNAWA MUSHI-YU

(1 Kannawakami, Beppu City, Oita Prefecture.Tel: 0977-67-3880)

ที่นี่มีห้องอบสมุนไพรโดยการปูสมุนไพรลงบนหินร้อนให้นอนทับลงไป เชื่อว่าจะช่วยขับสิ่งที่เป็นพิษกับร่างกายออกมาได้ หลังจากนั้นก็มีออนเซ็นให้แช่ตัวเพื่อผ่อนคลาย

TAKEGAWARA ONSEN

(16-23 Motomachi, Beppu City, Oita Prefecture. Tel: 0977-23-1585)

เป็นออนเซ็นที่เก่าแก่และเสมือนสัญลักษณ์ของเบปปุให้บริการทั้งการอบตัวด้วยทรายร้อนและแช่ออนเซ็นตัวอาคารมีความสวยงาม นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพด้านนอกกับตัวสถาปัตยกรรม

DESTINATION

Leave a Reply