ARCHITECTURAL LOVE
STORY
CHALISA VIRAVAN
ทุกเมืองบนโลกต่างก็มีศิลปะและสถาปัตยกรรมที่งดงามและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง แต่สำหรับหนุ่มๆ เซเลบริตี้สายเลือดไทยแล้ว แต่ละคนจะประทับใจที่เมืองไหนเป็นพิเศษกันบ้าง ตามไปชมกัน
พงษ์มนัส สวัสดิชัย
ผมชอบเมืองปารีสตรงแม่น้ำแซน เพราะรอบๆ นั้นมีสถาปัตยกรรมเก่าแก่มากมาย พร้อมๆ กับได้มองเห็นผู้คนในสมัยใหม่ กลายเป็นวิถีชีวิตที่ ดูคอนทราสต์และน่าทึ่ง เพราะมีการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมเก่าและใหม่ ไม่ไกลจากแม่น้ำแซนก็มีมหาวิหารน็อทร์-ดามและพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ ซึ่งเป็นแหล่งของ “สถาปัตยกรรมซ้อนสถาปัตยกรรม” อย่างเมื่อ 2 ปีก่อนมีแฟชั่นโชว์ของ Dior มาตั้งกลางพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เขาสร้างเป็นอาคารเทียมขึ้นมาเลยโดยเฉพาะ เหมือนเป็นการสร้างสิ่งใหม่ในสิ่งเก่าที่มีอยู่แล้วและสะท้อนวัฒนธรรมกันไปมา พิพิธภัณฑ์นี้นอกจากสถาปัตยกรรมจะงดงามแล้ว ก็เป็นสถานที่สำคัญที่เมื่อมีศิลปะกระเด็นเข้าไปเมื่อไหร่ มันจะสามารถแสดงตัวตนออกมาได้เลยอย่างชัดเจน
คณาพจน์ อุ่นศร
ต้องลอนดอนครับ โดยเฉพาะบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเก่าแก่ผสมผสานกับความทันสมัยได้อย่างลงตัวในเมืองๆ เดียว บริเวณที่เราชอบสถาปัตยกรรมมากที่สุดก็คือตรง Westminster Bridge ไม่ไกลจาก London Eye เป็นที่ๆ ทำให้รู้สึกว่านี่คือเมืองเก่าที่ยังมีชีวิตชีวา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหร่ รวมถึงไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ที่ยังอยู่ในเมืองเก่า ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ ถ้าได้ไปลอนดอนอีกครั้ง ก็จะแวะไปที่ Westminster Bridge อีกแน่นอน เพราะที่นี่ยังมีอะไรรอให้เราไปค้นพบอีกมากมาย
กฤษณ์ มนูญศิริกุล
ตั้งแต่เดินทางมา ชอบอัมสเตอร์ดัมที่สุด เพราะทุกครั้งที่ไปจะรู้สึกว่าที่นี่มีบรรยากาศน่ารักมาก โดยเฉพาะตรงบ้านทรงสูงของคนที่นั่น เขาจะอยู่ติดกับคลองเลย แล้วแต่ละหลังจะมีหน้าต่างบานใหญ่ที่ทำให้นึกถึงวินโดว์ดิสเพลย์ (หัวเราะ) ซึ่งบางครั้งเวลาเดินผ่านก็สามารถมองทะลุเข้าไปเห็นห้องครัว ห้องนั่งเล่น หรือคนในบ้านได้ กลายเป็นได้ปฏิสัมพันธ์แบบใหม่ที่ไม่ได้พบเจอกันง่ายๆ ถึงผมจะเป็นคนที่ได้ไปต่างประเทศบ่อย และรักการท่องเที่ยวในที่ใหม่ๆ แต่ที่นี่ก็ยังทำให้ผมอยากกลับไปอีกครั้งได้เสมอ
ภาณุพงษ์ ภักดีล้น
อิตาลีคือคำตอบ เพราะที่นี่เป็นเหมือนศูนย์รวบรวมแหล่งศิลปะและการออกแบบระดับโลก อาคารที่ชอบที่สุดคือ Florence Baptistery ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนา ที่นี่มีลายเส้นและกลิ่นอายด้านสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิม ที่ทำให้เรานึกถึง Fornasetti แบรนด์เฟอร์นิเจอร์สัญชาติอิตาลีที่ผมชอบมากๆ ถึงเอกลักษณ์จะเป็นความเซอร์เรียล แต่พวกลายเส้นและดีเทลกลับมีความคล้ายคลึงกับการตกแต่งของอาคารนี้ ถ้าใครเคยเห็นเครื่องเซรามิกของ Fornasetti จะรู้ว่าเขาทำลายอาคารที่หน้าตาคล้ายๆ Florence Baptistery นี้ด้วย ทำให้ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่
ชัย เจียมกิตติกุล
ผมชอบเมืองอัมสเตอร์ดัม โดยเฉพาะตรงโบสถ์กลางเมืองอย่าง The Old Church หรือ Oude Kerk มองข้างนอกที่นี่ก็ไม่ได้ดูพิเศษอะไร แต่พอเข้าไปข้างในจะได้กลิ่นอายโบราณ เพราะที่นี่เป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในอัมสเตอร์ดัม ใช้เป็นที่ฝังศพคนมีชื่อเสียงของประเทศ และสร้างได้ประมาณ 800 ปีแล้ว โครงสร้างเพดานและฝ้าแทบทั้งหมดของที่นี่จะแกะสลักบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับความตาย ทำให้ยิ่งรู้สึกดิบและขลังเข้าไปใหญ่ บรรยากาศจึงต่างจากโบสถ์อื่นๆ ในยุโรป ถึงจะไม่ได้สวยหมดจด แต่ก็ดิบและมีความงดงามที่พื้นผิวการตกแต่ง ถ้าได้กลับไปอีกครั้ง อยากจะแวะไปนั่งพักผ่อนที่คาเฟ่ข้างโบสถ์ เป็นมุมสงบเล็กๆ ที่น่านั่งจนอยากบอกต่อ
ปนุ สมบัติยานุชิต
ของผมเป็นที่เมืองไจเปอร์ ประเทศอินเดีย ไม่ว่าจะตึกรามบ้านช่อง สีสันส่าหรีของผู้คน หรือบรรยากาศ ต่างก็ทำให้ที่นี่มีเสน่ห์และความลึกลับ แตกต่างจากเมืองอื่นๆ อย่างนิวยอร์กหรือโรม ที่เวลาดูในภาพถ่ายกับตอนที่ได้ไปยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ ก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างอะไรกันมาก แต่ถ้าเป็นไจเปอร์ ที่นี่ทำให้เรารู้สึกขลัง เหมือนมีมนตราอะไรบางอย่างที่ทำให้มีเสน่ห์มากกว่าในภาพถ่ายหลายเท่า อีกไม่นานคงได้กลับไปอีกครั้ง และคราวนี้จะกลับไปค้นหา “ความเป็นไจเปอร์” ให้ลึกซึ้งกว่าเดิม
ศุภกาญจน์ ปลอดภัย
สำหรับผมแล้วไม่ได้ชอบแค่ที่ใดที่หนึ่งมากที่สุด อย่างหลายๆ จังหวัดในประเทศไทยผมก็ชอบ เพราะมีสถาปัตยกรรมที่หลากหลายรูปแบบมากๆ ส่วนต่างประเทศที่ชอบ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นฝั่งยุโรป ซึ่งแต่ละประเทศก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว อย่างที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมืองอัมสเตอร์ดัม ผมประทับใจ Red Light District ที่บริเวณรอบๆ มีคลองที่ร่มรื่นและบรรยากาศดีมากทั้งกลางวันและกลางคืน ยิ่งตอนกลางคืนที่เต็มไปด้วยแสงไฟสีแดง ก็ทำให้ได้ภาพงดงามที่แปลกใหม่ แถมยังแปลกด้วยที่ว่าสถานที่อโคจรแบบนี้อยู่ไม่ห่างจากตัวเมืองเท่าไหร่เลย
กิตติศักดิ์ ทองไพรวรรณ
ที่ประทับใจเป็นพิเศษก็คงเป็นที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา อย่างตรงปราสาทตาพรหม ที่มีสถาปัตยกรรมและโครงสร้างใหญ่โต ทำให้เห็นว่าคนสมัยก่อนเก่งมากๆ ที่ขนหินก้อนใหญ่ขนาดนี้มาสร้างเป็นปราสาทได้อย่างแนบสนิทและแข็งแรงจนอยู่ได้หลายร้อยปี ทั้งๆ ที่ตอนนั้นไม่มีเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอะไรเลย พวกศิลปะที่ประดับรอบๆ ปราสาทก็น่าสนใจ ทั้งตรงรูปปั้นที่แกะสลักสวยงาม มีฟิกเกอร์เป็นเอกลักษณ์ และดีเทลละเอียด ต่อให้คนสมัยนี้ทำขึ้นบ้าง ก็ลอกเลียนแบบให้ขลังเท่าของเก่าแก่แบบนั้นไม่ได้