CRUISE VOYAGES OF 2019

การท่องเที่ยวโดยเรือสำราญ นับเป็นรูปแบบหนึ่ง
ของการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมาเนิ่นนาน

STORY

NISARAT SITASUWAN

PHOTOGRAPHY

RCCL.COM / SUPACHAI TANPAN / NISARAT SITASUWAN

ตั้งแต่การเปลี่ยนรูปแบบของการโดยสารชั้น 1 ในเรือเดินสมุทรที่ใช้เวลาอยู่ในทะเลกันนับเดือน สู่การเดินทางโดยเรือแบบลักซ์ชัวรี่ที่เน้นความหรูหราอลังการและกฎระเบียบแบบแผนอันเคร่งครัด กระทั่งกลายเป็นการท่องเที่ยวเพื่อความสนุกสนาน แสงแดด ปาร์ตี้แนวเลิฟโบ้ตในทศวรรษ 1970 และเป็นวิถีท่องเที่ยวหลักของผู้สูงอายุอเมริกันในช่วงเปลี่ยนศตวรรษเป็นต้นมา

ทว่าในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานี้ การท่องเที่ยวโดยเรือสำราญกลับมาได้รับความนิยมมากขึ้นอีกครั้ง ด้วยจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นหลากหลายไปทั่วโลก การสร้างเรือขนาดใหญ่ที่เป็นดั่งเมืองลอยน้ำและจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวในตัวด้วยเทคโนโลยีราวกับยานอวกาศและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นพิเศษ ในขณะที่เรือขนาดเล็กก็ยังมีให้บริการในแบบเอ็กซ์คลูซีฟ จึงทำให้การท่องเที่ยวด้วยเรือสำราญบูมอย่างยิ่ง

การท่องเที่ยวแบบนี้มีข้อดีข้อเสียอย่างไร–หลายคนอาจกลัวเมาเรือ หลายคนอาจกลัวเบื่อ ขณะที่บางคนอาจกลัวการจำกัดบริเวณ ไม่สามารถออกไปไหนๆ ตามใจได้ ฯลฯ ที่จะต้องกล่าวกันก่อนคือ เรือสำราญสมัยนี้ลำใหญ่มาก ระวางขับน้ำระดับ 100,000 ตันขึ้นไป ความยาวของตัวเรือไม่ต่ำกว่า 3 สนามฟุตบอลต่อกัน จึงค่อนข้างเรียบนิ่งเมื่อแล่นอยู่ในทะเลเปิด อีกแง่หนึ่งคือ มียาแก้เมาคลื่นที่มีประสิทธิภาพให้ใช้ได้ทั่วไป นอกจากนั้นเรือจะออกแบบโปรแกรมให้จอดแวะตามท่าต่างๆ เป็นเวลานานจนถึงค่ำหรือดึก บางเมืองท่าอาจจอดแบบพักค้าง 1 คืน ทำให้มีเวลาท่องเที่ยวและทำกิจกรรมได้ตามอัธยาศัย

ในขณะที่ข้อดีของการเที่ยวกับเรือนั้นอยู่ตรงที่เราไม่ต้องแพ็กกระเป๋าย้ายที่พักเปลี่ยนโรงแรมเมื่อย้ายเมือง เพราะโรงแรมซึ่งก็คือเรือนั่นเองจะย้ายตามเราไปด้วยทุกที่ อีกทั้งยังสามารถประเมินล่วงหน้าและควบคุมค่าใช้จ่ายได้ เพราะค่าอาหารทุกมื้อจะรวมอยู่แล้ว อาจมีค่าธรรมเนียมพิเศษเพิ่มสำหรับบริการเสริมต่างๆ แต่เราจะรู้ล่วงหน้าได้เช่นกัน จึงไม่ต้องไปเจอกับเซอร์ไพรส์หรือโดนบวกเพิ่มโดยไม่เป็นธรรม และยุคนี้เรือแทบทุกบริษัทได้รวมทิปพื้นฐานเอาไว้แล้ว จึงไม่ต้องกลัวความขัดเขินในเรื่องการทิปอีกด้วย

ในบรรดาเส้นทางท่องเที่ยวโดยเรือสำราญนับร้อยๆ เส้นทางทั่วโลก ในปี ค.ศ. 2019 ที่จะถึงนี้ มีที่น่าจับตาอยู่หลายเส้นทาง ดังนี้

CARIBBEAN-CUBA

แคริบเบียนเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของชาวอเมริกันและยุโรป ด้วยแสงแดดเจิดจ้า น้ำทะเลสีฟ้าสด อีกทั้งพืชพันธุ์และสัตว์แปลกตา กับเรื่องราวในประวัติศาสตร์ของอเมริกากลางและขนบธรรมเนียมแบบชาวเกาะผิวดำ และเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา คิวบาได้อนุญาตให้เรือสำราญซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินการโดยบริษัทอเมริกันเข้าจอดแวะท่องเที่ยวได้ จึงเป็นโอกาสดีอย่างยิ่งที่จะไปเที่ยวคิวบาก่อนใครๆ กับเรือสำราญในปีหน้านี้

เส้นทางเรือเที่ยวคิวบาที่น่าสนใจ 2 เส้นทาง คือทริป 5 คืน ออกเดินทางจากแทมปา รัฐฟลอริดาในสหรัฐอเมริกา สู่ฮาวานาเมืองหลวงของคิวบา โดยเรือจะจอดเทียบท่าค้างที่นั่น 1 คืน จึงมีเวลาเหลือเฟือให้สำรวจเมืองที่มีความคึกคักและมีเรื่องราวมากมายให้เที่ยวชม อย่างอาคารหลากสีสันราวสีของลูกกวาดที่ถนนมาเลกง (Malecón) เลียบริมทะเล ศึกษาเรื่องราวประวัติศาสตร์การปฏิวัติของคิวบาที่พิพิธภัณฑ์การปฏิวัติ Museo de la Revolución เดินเล่นย่านเมืองเก่า ชมฟัสเตอร์ลันเดีย (Fusterlandia) ที่สร้างด้วยคอนเซ็ปต์อาร์ตสไตล์แปลกตา และกลางคืนยังสามารถไปเอ็นจอยบรรยากาศราตรีที่คลับซัลซา โบฮีเมียนบาร์ หรือแม้กระทั่งฟังเพลงจากนักดนตรีข้างถนน

เมื่อออกจากคิวบา เรือจะไปจอดที่เกาะคอซูเมล ประเทศเม็กซิโก ซึ่งสามารถทำกิจกรรมชายทะเลต่างๆ ได้ หรือเข้าไปที่แผ่นดินใหญ่เม็กซิโกเพื่อชมซากโบราณสถานทูลุมมายัน (Tulum Mayan Ruins) หรือพีระมิดชิเชนอิตซา (Chichén Itzá Pyramid) ก่อนที่เรือจะเดินทางกลับมายังแทมปาอีกครั้ง

เส้นทางที่ 2 จะเน้นคิวบาเป็นหลัก ผนวกเกาะบาฮามาส หรือเฮติ ในทริป 7 คืน โดยออกเดินทางจากไมอามี รัฐฟลอริดา ไปยังบาฮามาสและคิวบา หรือคิวบาและเฮติ โดยที่คิวบานั้น นอกจากฮาวานาแล้ว  ยังแวะซานติอาโก เดอ คิวบา (Santiago de Cuba) เมืองใหญ่ลำดับที่ 2 ของประเทศ ซึ่งเป็นที่ประกาศชัยชนะของฟิเดล คาสโตร ในการปฏิวัติคิวบาปี ค.ศ. 1959 และเป็นต้นกำเนิดเหล้าบาคาร์ดีอันเลื่องชื่อด้วย

ALASKA INSIDE PASSAGE

จุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับผู้รักธรรมชาติและเรื่องราวของชนพื้นถิ่น เริ่มต้นจากแวนคูเวอร์แล้วจบที่ซีเวิร์ด อลาสก้า หรือกลับกัน ในระยะเวลา 7 คืน โดยระหว่างทางจะล่องไปตามอินไซด์พาสเสจ จอดแวะตามเมืองต่างๆ เช่น เคตชิแกน, จูโน, สแก็กเวย์ ลอยเรือชมธารน้ำแข็งฮับบาร์ด ช่วงที่ล่องทะเลอาจจะมีโอกาสได้เห็นสัตว์ต่างๆ รวมทั้งวาฬนานาชนิด แมวน้ำ หมี นกอินทรี ฯลฯ ชมวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองที่มีเสาโทเทมเป็นสัญลักษณ์สำคัญ เรื่องราวของยุคตื่นทองอลาสก้า การเป็นเมืองในอิทธิพลรัสเซีย และสถานีค้าขายขนสัตว์ของนักล่าในสมัยก่อน

ตรงข้ามกับแสงแดดแจ่มจ้าและอากาศร้อนๆ ของแคริบเบียน ผู้ที่ชอบความหนาวเย็นจะรักทริปอลาสก้าเป็นพิเศษ เพราะแม้กลางฤดูร้อนก็ต้องเตรียมเสื้อกันหนาวไปด้วย เนื่องจากต้องไม่พลาดการชมธารน้ำแข็งแตกตัวลงทะเลแบบพาโนรามาจากบนดาดฟ้าเรือ รวมทั้งการคอยใช้กล้องส่องทางไกลเฝ้าคอยวาฬและสัตว์อื่นๆ ที่จะปรากฏตัวขึ้นทั้งในน้ำและบนฝั่ง จากบริเวณเอาต์ดอร์ส่วนต่างๆ ของเรือ

ฤดูท่องเที่ยวอลาสก้ามีระยะเวลาเพียงระหว่างปลายเดือนเมษายนจนถึงปลายเดือนกันยายน ดังนั้นจึงต้องวางแผนการเดินทางให้ดีอยู่สักหน่อย ถ้าอยากจะไปเที่ยวในเส้นทางนี้

ขณะนี้ที่กำลังได้รับความนิยมขึ้นมาอย่างมากก็คือ การไปเที่ยวกับเรือที่คล้ายเรือสำรวจ แต่มีความสะดวกสบาย หรูหรา ครบครัน

SCANDINAVIA-RUSSIA

นักท่องเที่ยวทั่วไปอาจคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วกับการล่องเรือสำราญในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แต่ยุโรปยังมีเส้นทางครูซอีกเส้นทางหนึ่งที่น่าสนใจมาก คือการเดินทางในทะเลบอลติกสู่เมืองสำคัญต่างๆ ของประเทศในยุโรปเหนือและรัสเซีย

การเดินทางจะเริ่มต้นจากอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ ต่อไปยังเยอรมนีที่ท่าเรือร็อชต็อก (Rostock Port) หรือท่าเรือวาร์เนอมุนเดอ (Warnemunde Port) ซึ่งสามารถเดินทางต่อไปเที่ยวเบอร์ลินได้ จากนั้นเรือจะไปที่ฟินแลนด์ (เฮลซิงกิ) รัสเซีย (เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก) เอสโตเนีย (ทาลลินน์) แวะสตอกโฮล์ม สวีเดน เมืองที่ว่ากันว่าจะสวยที่สุดถ้าเข้ามาจากทะเล และเดนมาร์ก (โคเปนเฮเกน) ก่อนกลับสู่อัมสเตอร์ดัม เมืองเหล่านี้ล้วนมีเรื่องราวน่าสนใจทั้งประวัติศาสตร์ งานดีไซน์สมัยใหม่ วิวที่งดงาม และพระราชวังกับมิวเซียมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่างเฮอร์มิเทจ ทำให้ทุกวันมีกิจกรรมที่ต้องทำ ต้องเที่ยว ต้องดูอย่างเพลิดเพลินยิ่งทีเดียว

แม้จะต้องใช้เวลายาวถึง 12 คืน แต่การล่องเรือบนเส้นทางนี้ก็คุ้มเวลากับการเดินทางยิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อเดินทางในฤดูร้อนที่มีเวลากลางวันยาวนาน และยังได้จอดพักค้างที่เซนต์ปีเตอร์สเบิร์กด้วย ฤดูท่องเที่ยวของสแกนดิเนเวีย-รัสเซีย คือตั้งแต่เดือนพฤษภาคมจนถึงเดือนสิงหาคม

ADVENTURE CRUISES

การท่องเที่ยวโดยเรือสำราญ นอกจากรูปแบบการท่องเที่ยวอย่างหรู สนุกสนานไปกับเรือลำใหญ่ที่จอดแวะตามเมืองท่าต่างๆ และมีกิจกรรมบนเรือคล้ายกับอยู่บนบกแล้ว ขณะนี้ที่กำลังได้รับความนิยมขึ้นมาอย่างมากก็คือ การไปเที่ยวกับเรือที่คล้ายเรือสำรวจ แต่มีความสะดวกสบาย หรูหรา ครบครัน รับรองผู้โดยสารในระดับหลัก 100 คน ให้ได้สัมผัสประสบการณ์ผจญภัยแบบครั้งหนึ่งในชีวิต

หมู่เกาะกาลาปาโกส เป็นจุดหมายปลายทางที่ผู้รักธรรมชาติทุกคนใฝ่ฝัน ด้วยมีเอกลักษณ์ของสรรพสัตว์ซึ่งอาศัยอยู่ที่นี่ อันนำไปสู่ทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ลส์ ดาร์วิน ผู้มาถึงกาลาปาโกสใน ค.ศ. 1835 เกาะแต่ละเกาะจะมีสัตว์และพืชพันธุ์ต่างชนิดกัน ดังนั้นการล่องเรือชมตามเกาะต่างๆ จึงต้องใช้เวลากว่า 10 วัน ถึงจะครบถ้วน และการจะมาถึงกาลาปาโกสได้นั้นต้องเริ่มต้นจากเอกวาดอร์ แล้วต่อเครื่องบินเล็กไปที่เกาะบัลตราเพื่อลงเรืออีกที สัตว์อันเป็นเอกลักษณ์ของกาลาปาโกส ได้แก่ อิกัวนาบก อิกัวนาทะเล เต่ายักษ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ นกเพนกวิน นกบู้บี้เท้าสีฟ้า ไม่นับรวมสิงโตทะเลและสัตว์น้ำอื่นๆ ที่จะพบเห็นได้อีกมากมาย

อีกหนึ่งเส้นทางล่องเรือท่องเที่ยวอย่างลักซ์ชัวรี่แอดเวนเจอร์ คือขั้วโลกใต้ แอนตาร์กติกา

การเดินทางเส้นทางนี้จะเริ่มจากบัวโนสไอเรส หรืออูซัวยาของอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ใต้สุดของโลก ล่องเรือสู่หมู่เกาะฟอล์กแลนด์ของอาร์เจนตินา ซึ่งเคยมีข้อพิพาทถึงขั้นทำสงครามกับอังกฤษ จากนั้นฝ่าคลื่นลมของเดรกพาสเสจ เข้าสู่อาณาเขตขั้วโลกใต้ที่คุณจะได้เห็นโคโลนีของเพนกวินหลากหลายสายพันธุ์ ได้ชมก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาที่ลอยอยู่ในทะเลอย่างใกล้ชิด และพบกับสัตว์นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นวาฬ สิงโตทะเล วอลรัส ฯลฯ ทั้งขณะอยู่ในเรือและนั่งเรือยางขึ้นเกาะไปชม

การท่องเที่ยวขั้วโลกใต้จะทำได้ในฤดูร้อนของขั้วโลกใต้ คือระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ของปีถัดไป

เรื่องน่ารู้ก่อนไปล่องเรือ

1. จองการเดินทางแต่เนิ่นๆ โดยเลือกจากจุดหมายปลายทางและเมืองท่าจอดแวะเป็นลำดับแรก 

2. ควรเลือกบริษัทผู้ให้บริการเรือที่มีชื่อเสียงและไว้วางใจได้ เรือของแต่ละบริษัทจะมีขนบและวิถีปฏิบัติบนเรือที่แตกต่างกัน ควรพิจารณาให้ละเอียดเพื่อให้ตรงกับอัธยาศัยของเรา

3. มีเว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) มากมายที่เปิดกระดานวิพากษ์วิจารณ์การท่องเที่ยวทางเรือโดยเฉพาะ อาจไปอ่านไว้เป็นแนวทางในการตัดสินใจ

4. วางแผนการทำวีซ่าให้ครบถ้วนและล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ  อาทิ ไปอลาสก้า ต้องทำวีซ่าแคนาดาด้วย (แบบมัลติเพิล) เป็นต้น

5. ควรเดินทางไปถึงก่อนกำหนดเวลาเรือออกเดินทาง 1-2 วัน เพราะเรือจะไม่รอใดๆ ทั้งสิ้น ในกรณีเที่ยวบินไปถึงล่าช้า ผู้โดยสารจะต้องหาทางตามไปขึ้นเรือในท่าถัดไปเอง

DESTINATION