ผลงานภาพวาดลายเส้นอันเป็นเอกลักษณ์ของ “ยูน–ปัณพัท เตชเมธากุล” นักวาดภาพประกอบและนักออกแบบชาวไทย
ที่สร้างชื่อในต่างแดนจนเป็นที่ประจักษ์ จากการร่วมงานกับ Gucci แบรนด์แฟชั่นระดับโลก และ Instagram
รวมทั้งแบรนด์ชั้นนำของไทยอีกมากมาย ได้มาสร้างความสุข ความเป็นมงคล และความสนุกสนานให้กับลูกค้าและสมาชิก คิง เพาเวอร์
ในงาน “คิง เพาเวอร์ ไชนีส นิวเยียร์ เดอะ เบลสซิ่ง คัมส์ โฮม” เมื่อวันที่ 23 มกราคม-1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ครั้งนี้ปัณพัทนำอินเนอร์ที่เกิดและเติบโตในครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีนมาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการรังสรรค์ผลงานภาพวาดลายเส้น “ครอบครัวหนูทอง” ตัวแทนนักษัตรประจำปีชวด พ.ศ. 2563 ให้เปี่ยมไปด้วยความน่ารัก สดใส และเป็นมงคลเข้ากับเทศกาลตรุษจีน พร้อมทั้งเติมเสน่ห์ของซิกเนเจอร์ประจำตัวที่สะท้อนกลิ่นอายของความเป็นตะวันออก อารมณ์ขัน และรายละเอียดมากมายที่ซ่อนไว้อย่างละเมียดละไมในชิ้นงาน บทสัมภาษณ์นี้จะพาผู้อ่านทุกท่านไปย้อนเส้นทางความสำเร็จเพื่อทำความรู้จักกับศิลปินที่ฮ็อตที่สุดในเวลานี้ ว่าอะไรที่หล่อหลอมให้เธอมีฝีไม้ลายมือถึงขั้นเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
“ยูนชอบวาดรูปมาตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยรู้ว่าความชอบนี้จะสามารถเป็นอาชีพที่อยู่ไปได้ตลอดชีวิต” ปัณพัทเปิดฉากถึงเส้นทางการเป็นศิลปินที่ตั้งต้นจากแพชชั่น “ด้วยความเป็นเด็ก เคยคิดว่าถ้าชอบวาดรูปคงต้องเรียนต่อคณะสถาปัตยกรรม แต่ว่าพอไปลองเรียนพื้นฐาน กลับรู้สึกว่าไม่ใช่ เลยเบนเข็มมาเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชานฤมิตศิลป์ เอกแฟชั่น”
ระหว่างที่เรียน ปัณพัทได้มีโอกาสไปฝึกงานที่ Kloset แบรนด์แฟชั่นชั้นนำของไทย และเมื่อเรียนจบก็ได้เข้าทำงานที่นั่นถึง 5 ปี ไต่เต้าจากการเป็นจูเนียร์ ดีไซเนอร์ จนก้าวสู่ครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์
“ตอนที่ยูนเริ่มงานตำแหน่งครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์เป็นช่วงเดียวกับที่ Alessandro Michele ก็เข้ามาเป็นครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์คนใหม่ของ Gucci พอดีเลยได้ติดตามผลงานของเขา ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่ Gucci มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก ซึ่งมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ สำหรับยูนนอกจากจะมองว่า Gucci ดูโรแมนติกขึ้นมาก ยังเข้าใจหัวอกของเขาเป็นอย่างดี เพราะเราเองก็เพิ่งมานั่งในตำแหน่งนี้เลยทราบดีว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง เลยตัดสินใจวาดภาพขึ้นมา 1 รูป แล้วแท็กไปให้กำลังใจเขาใน Instagram”
ใครจะคิดว่าจากความเข้าใจในฐานะคนอาชีพเดียวกัน ทำให้ปัณพัทได้รับการติดต่อจากทีมโซเชียลมีเดียของ Gucci กระทั่งผ่านไป 3 เดือนก็ได้รับการทาบทามให้เป็นหนึ่งในศิลปินเอเชียที่ได้ร่วมงานในโปรเจ็กต์ Gucci Tian ส่งผลงานเพื่อจัดทำเป็นโปสการ์ดให้กับลูกค้าของ Gucci
“ตอนที่เขาติดต่อมา รู้สึกเหมือนฝันไปค่ะ ครั้งนั้นยูนเลือกวาดภาพพอร์ตเทรต แต่เปลี่ยนเป็นคาแร็กเตอร์แบบครึ่งคนครึ่งสัตว์ โดยใช้ “ไก่” ซึ่งเป็นนักษัตรประจำปีนั้นเป็นสัญลักษณ์ สวมชุด Gucci โดยมีลิงเกาะอยู่บนไหล่ ซึ่งตอนนี้ภาพนี้ยังได้นำไปจัดทำเป็นวอลเปเปอร์ที่ Gucci ArtLab ด้วย”
หลังจากโปรเจ็กต์แรก ปัณพัทก็มีโอกาสร่วมงานกับ Gucci เรื่อยมา ทั้งโปรเจ็กต์หนังสือนิทาน The Wonder Factory สำหรับคอลเลคชั่นเครื่องประดับชั้นสูง และแคมเปญน้ำหอม Gucci Bloom Acqua Di Fiori ตลอดจนโปรแกรม Gucci DIY
สิ่งที่ปัณพัทมองว่า เหนือกว่าความภาคภูมิใจที่ได้ทำงานกับแบรนด์ระดับโลก คือการได้เรียนรู้ที่จะเป็นตัวของตัวเอง เชื่อมั่นในสิ่งที่คิด และโอกาสที่ตามมา เพราะนอกจาก Gucci ปัณพัทยังได้รับการติดต่อให้ออกแบบแบ็กดร็อปถ่ายภาพที่ออฟฟิศของ Instagram ในมหานครนิวยอร์ก
“หลังจากมารับโปรเจ็กต์ของ Gucci ไม่นานยูนก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำมาเป็นฟรีแลนซ์อยู่พักใหญ่ แต่ด้วยความที่ชอบอ่านหนังสือแนวพัฒนาตัวเอง ไปเจอบทความหนึ่งที่ประทับใจมาก คือคนเราต้องใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง และอย่ายอมให้อะไรที่ไม่ถูกต้องเพียงนิดเดียว มาขัดขวางการเติบโตในอนาคตของเรา ตรงนั้นเลยเป็นจุดเปลี่ยนให้ตัดสินใจเปิดบริษัทชื่อสายรุ้งแห่งความฝัน เพื่อต่อยอดสิ่งที่ทำอยู่ให้ขยายออกไปเรื่อยๆ รวมไปถึงผลงานที่อยากทำ”
แน่นอนว่า หนึ่งในผลงานที่ปัณพัทพูดถึงคือการได้ร่วมงานกับ คิง เพาเวอร์ ในแคมเปญที่เธอยกให้เป็นอีกครั้งที่ตื่นเต้น เพราะด้วยอินเนอร์ของคนไทยเชื้อสายจีนที่มีอยู่เปี่ยมล้น พอต้องมาออกแบบคาแร็กเตอร์ “ครอบครัวหนูทอง” ในเทศกาลตรุษจีนให้เข้าถึงกลุ่มคนทุกเพศทุกวัย จึงเป็นอีกความท้าทายที่ต้องพิสูจน์ฝีมือ
ปัณพัทบรรจงวาดภาพ “ครอบครัวหนูทอง” ภายใต้คอนเซ็ปต์ The Blessing Comes Home ที่ครอบครัวจะมาอยู่รวมกันพร้อมหน้าพร้อมตาในวันตรุษจีน ภายในหมู่บ้านหนูทอง ที่มีความสวยงามของสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมจีน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากถนนซานถังในเมืองซูโจว เมืองท่องเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก ด้วยประวัติศาสตร์และความงดงามอันเป็นที่เลื่องลือจนได้รับการขนานนามว่าเวนิสแห่งตะวันออก โดยนำผลงานมาผสมผสานกับเทคโนโลยี AR ที่ทำให้ภาพวาดเสมือนมีชีวิต
งานศิลปะลายเส้น “ครอบครัวหนูทอง” นอกจากจะได้รับการดีไซน์ผ่านจินตนาการของศิลปินแล้ว ครอบครัวหนูทั้ง 6 ยังออกแบบให้มีคาแร็กเตอร์ที่สื่อสารถึงพรอันเป็นมงคล 6 ประการ ได้แก่ มีอายุยืนยาว ผ่าน “คุณปู่คังคัง”, สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ ผ่าน “คุณย่าเจี้ยนเจี้ยน”, ความโชคดี ผ่าน “คุณพ่อฝูฝู”, ความอุดมสมบูรณ์ มั่งคั่งร่ำรวย ผ่าน “คุณแม่ฟู่ฟู่”, ความสุข รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ผ่าน “พี่ชายเล่อเล่อ” และสุดท้ายกับความดีงามและความขยันซึ่งนำพาโชคลาภมาให้ทุกคน ผ่าน “น้องสาวเจียเจีย”
“กิมมิกที่ยูนพยายามเพิ่มเข้าไปในลายเส้นคือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ และอารมณ์ขัน เริ่มจากคุณย่าเจี้ยนเจี้ยน ในเทศกาลตรุษจีนจะเห็นว่าคุณย่ามักเป็นคนที่มีกิจกรรมมากกว่าสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว ในภาพนี้ยูนเลยตั้งใจใส่กิมมิกตั้งแต่ชุดและเครื่องประดับของคุณย่าที่จัดเต็มไม่พอ ยังมีทั้งตะกร้าผลไม้ ดอกไม้ ร่ม และกระบอกเซียมซี ส่วนคุณปู่คังคัง สวมชุดที่มีค้างคาว 5 ตัว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของอายุยืนยาว มีหยกมงคล และธูป 5 ดอกสำหรับไหว้เจ้า
“ขณะที่คุณพ่อฝูฝู ภูมิฐานในชุดลายมังกร ในมือถือซาลาเปามงคล ส่วนคุณแม่ฟู่ฟู่ ซึ่งชุดและเครื่องประดับมาเต็มไม่แพ้คุณย่า ที่เก๋กว่าคือ คุณแม่ฟู่ฟู่ยังเนื้อหอมเป็นพิเศษ เพราะสะพายกระเป๋าซึ่งมีอั่งเปาอยู่ในนั้น ด้านพี่ชายเล่อเล่อ ตามประสาหลานชายของบ้าน มีลูกฟุตบอลเป็นของเล่นข้างกาย สุดท้ายคือ น้องสาวเจียเจีย ขี่ม้าที่มีล้อ เพราะต้องการให้ม้าซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความดีงามและความขยัน สื่อความว่าโชคลาภไม่สามารถขับเคลื่อนด้วยตัวเอง แต่เราเองต่างหากที่ต้องขยันเพื่อไปหาโชคลาภ”
ศิลปินคนเก่งถือโอกาสปิดท้ายบทสัมภาษณ์ด้วยการอวยพรสมาชิก คิง เพาเวอร์ และผู้อ่านทุกท่าน โดยเลือกคำอวยพรจาก 2 คาแร็กเตอร์ในครอบครัวหนูทองที่เธอออกแบบด้วยใจ นั่นคือ “คุณย่าเจี้ยนเจี้ยน” ตัวแทนของสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ และ “น้องสาวเจียเจีย” ตัวแทนของความดีงามและความขยันซึ่งนำพาโชคลาภมาให้ เพราะเชื่อว่าทั้งสุขภาพและโชคลาภเป็นที่สุดของความปรารถนาของทุกคน