POWER Mag

หลายคนชอบบอกว่าสมัยมัธยมเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขที่สุด บ้างก็ว่าช่วงมหาวิทยาลัย หรือย้อนไปประถมโน่นเลยก็มี นั่นเป็นเพราะ “ความเป็นเด็ก” น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เราหวนคิดถึงอยู่เสมอๆ เมื่อรู้สึกอ่อนแอ อันที่จริงทุกช่วงชีวิตก็มีความทุกข์ความยากลำบากของมัน เพียงแต่ว่าพอทุกอย่างผ่านพ้นไป ไม่ว่าดีหรือร้ายแค่ไหน ท้ายที่สุดก็กลายเป็นความทรงจำที่มีค่าเสมอ วันเด็กปีนี้ Power อยากชวนคุณย้อนวัยไปกับหนังและซีรีส์ ที่ทั้งสนุก ประทับใจ รวมถึงอาจจะพาวันเวลาดีๆ กลับมาอีกครั้ง Submarine (2010) “มหาสมุทรลึกเท่าไรกันนะ?” หนังอินดี้จากอังกฤษเรื่องนี้ถูกพูดถึงปากต่อปากจนกลายเป็นกระแสไปทั่วโลก อันที่จริง Richard Ayoade ที่เพิ่งกำกับหนังยาวเป็นครั้งแรกกับเรื่องนี้นั้น เป็นนักแสดงซีรีส์และผู้กำกับมิวสิกวิดีโอที่มีผลงานเป็นที่รู้จักอยู่พอสมควร ซึ่งครั้งนี้เขาหยิบนวนิยายเกี่ยวกับการก้าวผ่านช่วงวัยของวัยรุ่นคนหนึ่งนำมาเล่าผ่านแผ่นฟิล์มได้อย่างน่าประทับใจเลยทีเดียว Submarine เล่าถึงชีวิตของ Oliver Tate หนุ่มน้อยอายุ 15 ปี ธรรมดาๆ คนหนึ่ง (การที่เขาไม่ใช่นักแสดงดังยิ่งทำให้เราอินกับตัวละครนี้ได้ไม่ยาก) ที่ต้องเจอกับสิ่งที่วัยรุ่นจะต้องเจอ โรงเรียน ครอบครัว ความรัก ต่างๆ นานา ซึ่งเสน่ห์อันโดดเด่นของหนังน่าจะอยู่ที่วิธีการนำเสนอและการดำเนินเรื่อง แน่นอนว่าการได้ดูเด็กวัยนั้นคิดและแก้ปัญหาในแบบของเขา ความขบถ การตั้งคำถาม ทำให้เราอดคิดถึงตัวเองไม่ได้ งานภาพก็สวย ทั้งสีสัน องค์ประกอบ ให้ความรู้สึกเหมือนภาพถ่ายเก่าๆ รวมไปถึง Soundtrack ที่ได้ Alex Turner จากวง Arctic Monkeys มาทำนั้นก็เข้ากับหนังแบบสุดๆ Dead Poets Society (1989) “จงฉกฉวยวันเวลาเอาไว้” ภาพของโรงเรียนประจำมัธยมปลายชายล้วน สถาบันการศึกษาชั้นนำที่ขึ้นชื่อในเรื่องความมีระเบียบวินัย การยึดถือในเกียรติยศอย่างสุภาพบุรุษพึงมี เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพเป็นที่นับหน้าถือตาสู่โลกภายนอก เหล่านี้เป็นสิ่งที่มีมาอย่างยาวนานในทุกสังคม และยังคงมีอยู่ Welton Academy โรงเรียนในเรื่องก็เป็นเช่นนั้น กระทั่งวันหนึ่ง John Keating ครูภาษาอังกฤษคนใหม่ก็เข้ามา การสอนของครู Keating นั้นสร้างความตื่นตะลึงให้กับเด็กๆ ไม่ใช่น้อย จากการท่องตำรา ครูใช้บทกวีในการสอนพร้อมกับชวนให้ตั้งคำถาม ชวนมองโลกในมุมอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ใหม่มากๆ ในสถาบันเก่าแก่แบบนี้ แน่นอนว่ามันทำให้นักเรียนหลายคนหันมาทบทวนตัวเองอีกครั้งว่ากำลังทำสิ่งที่ชอบอยู่จริงหรือเปล่า ในวันที่เราเป็นเด็กเราเคยถูกใครบังคับหรือไม่ และเมื่อถึงวันหนึ่งเราจะเป็นผู้ใหญ่แบบไหนกัน นอกจากนี้ ก็ต้องยกให้การแสดงของ Robin Williams สีหน้า แววตาของเขาไม่เคยทำให้เราผิดหวังอยู่แล้ว เขาทำให้เรารู้ว่า “ครู” ที่เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจนั้น สำคัญต่อเด็กๆ ขนาดไหน Dead Poets Society (1989) “จงฉกฉวยวันเวลาเอาไว้” ภาพของโรงเรียนประจำมัธยมปลายชายล้วน สถาบันการศึกษาชั้นนำที่ขึ้นชื่อในเรื่องความมีระเบียบวินัย การยึดถือในเกียรติยศอย่างสุภาพบุรุษพึงมี เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพเป็นที่นับหน้าถือตาสู่โลกภายนอก เหล่านี้เป็นสิ่งที่มีมาอย่างยาวนานในทุกสังคม และยังคงมีอยู่ Welton Academy โรงเรียนในเรื่องก็เป็นเช่นนั้น กระทั่งวันหนึ่ง John Keating ครูภาษาอังกฤษคนใหม่ก็เข้ามา การสอนของครู Keating นั้นสร้างความตื่นตะลึงให้กับเด็กๆ ไม่ใช่น้อย จากการท่องตำรา ครูใช้บทกวีในการสอนพร้อมกับชวนให้ตั้งคำถาม ชวนมองโลกในมุมอื่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ใหม่มากๆ ในสถาบันเก่าแก่แบบนี้ แน่นอนว่ามันทำให้นักเรียนหลายคนหันมาทบทวนตัวเองอีกครั้งว่ากำลังทำสิ่งที่ชอบอยู่จริงหรือเปล่า ในวันที่เราเป็นเด็กเราเคยถูกใครบังคับหรือไม่ และเมื่อถึงวันหนึ่งเราจะเป็นผู้ใหญ่แบบไหนกัน นอกจากนี้ ก็ต้องยกให้การแสดงของ Robin Williams สีหน้า แววตาของเขาไม่เคยทำให้เราผิดหวังอยู่แล้ว เขาทำให้เรารู้ว่า “ครู” ที่เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจนั้น สำคัญต่อเด็กๆ ขนาดไหน Flipped (2010) “ฉันแค่อยากให้เธอไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” Bryce Loski เด็กชายวัย…

เมื่อเริ่มต้นปีใหม่ หลายคนจะทบทวนชีวิต สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา ทั้งเรื่องดี เรื่องแย่ และเรื่องที่คาดไม่ถึงมากมาย แน่นอนว่าเราต่างอยากให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่ดี เป็นโอกาสที่เราจะได้แก้ไขบางสิ่งบางอย่าง ตลอดจนพัฒนาตัวเองให้กลายเป็นตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม การตั้ง New Year’s Resolutions หรือ ปณิธานปีใหม่ อย่างการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย หรือการหาสกิลใหม่ๆ ติดตัว เหล่านี้ล้วนเป็น “เรื่องดี” ที่เราก็รู้ แต่หลายปีที่ผ่านมากลับทำไม่ได้ไปตลอดรอดฝั่งอย่างที่ตั้งใจไว้นัก ปีนี้ Power เลยอยากชวนหา New Year’s Resolutions ในมุมที่แตกต่างออกไป ไอเดียบางอย่างอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่เคยมองข้าม หรือคิดว่าไม่สำคัญพอจะมาอยู่ในลิสต์ ทว่าเมื่อดูดีๆ กลับน่าสนใจไม่น้อย ซึ่งรับประกันได้ว่าจะช่วยทำให้คุณมีชีวิตที่ดีและง่ายขึ้นอย่างแน่นอน 1. วางแผนมื้ออาหารประจำสัปดาห์ “อะไรก็ได้” คำตอบสั้นๆ ที่บางทีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคำถามว่าวันนี้จะกินอะไรดี บ่อยครั้งที่เราใช้เวลากับเรื่องในครัวมากจนเกินไป การเตรียมหรือคิดเมนูล่วงหน้าประจำสัปดาห์นั้นสามารถช่วยคุณประหยัดได้ทั้งเวลา เงิน และวัตถุดิบได้มากเลยทีเดียว 2. อย่าปล่อยจานคั่งค้าง ให้ล้างทันที ไม่ว่าจะผ่านวันที่โหดร้ายหนักหน่วงมาแค่ไหน อดทนอีกสัดนิด หลังจากรับประทานอาหารอิ่มแล้ว สละเวลาเพียงไม่กี่นาทีทำความสะอาดจานชามใช้แล้วของคุณให้สะอาด ไม่ปล่อยทิ้งร้างอยู่ในอ่างล้างจานอย่างนั้น เชื่อเถอะว่าตัวคุณในวันพรุ่งนี้จะรักคุณ 3. มองหากิจกรรมอาสาต่างๆ ลองตั้งเป้าหมายในปีนี้ร่วมกับเพื่อนๆ หรือคนรัก สำหรับงานจิตอาสาหรือกิจกรรมเพื่อสังคม เพราะงานเหล่านี้ส่งผลดีมากกว่าที่คุณคิด เนื่องจากสามารถลดระดับความเครียด รวมไปถึงช่วยเกี่ยวกับโรคความดันโลหิตได้ เรียกได้ว่าดีต่อใจ ดีต่อกาย ดีต่อทั้งผู้อื่นและตัวเอง 4. ให้ Audiobook เป็นตัวช่วยระหว่างออกกำลังกาย นอกจากเพลงบีตสนุกๆ แล้ว การฟัง Audiobook พอดคาสต์ หรือนวนิยายต่างๆ ระหว่างออกกำลังกาย จะช่วยให้การออกกำลังกายนั้นโฟลว์ขึ้น ทำได้นานขึ้น ฟังเพลินๆ รู้ตัวอีกทีเดินบนลู่ไปแล้วครึ่งชั่วโมง 5. ใส่ใจดูแลเท้าให้ดี หนึ่งในอวัยวะที่ถูกมองข้ามมากที่สุดในร่างกาย แต่กลับถูกใช้งานมากเป็นอันดับต้นๆ ในแต่ละวัน นอกจากการดูแลผิวหน้าและส่วนต่างๆ แล้ว อย่าลืมดูแลเอาใจใส่สุขภาพเท้าของเราด้วย ทะนุถนอมด้วยครีมบำรุง ทำสปาเท้า รวมถึงมองหารองเท้าสุขภาพสักคู่ 6. แต่งตัวเพิ่ม Performance ในการทำงาน ปีนี้ลองหันมาใส่ใจเสื้อผ้าที่จะสวมใส่กันให้มากกว่าเดิมสักนิด เพราะเสื้อผ้านั้นส่งผลทางจิตวิทยาต่อผู้สวมใส่ บุคลิก ความขี้เล่น ความจริงจัง รวมไปถึงสุขภาพจิต การสวมเสื้อผ้าที่ภูมิฐานมีส่วนช่วยให้การทำงานนั้นเป็นไปอย่างรอบคอบ ในขณะที่ชุดลำลองสบายๆ จะทำให้บรรยากาศรอบข้างรวมถึงตัวคุณนั้นผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น 7. จัดระเบียบพื้นที่บริเวณหน้าประตู เคล็ดลับของบรรยากาศแห่งความผ่อนคลายเลยก็ว่าได้ ปีนี้ทางเข้า-ออกของคุณ พื้นที่อันเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิงและของระเกะระกะ จะต้องกลายเป็นพื้นที่ที่สะอาดเรียบร้อยที่สุดที่หนึ่งของบ้าน อย่าเอาอะไรไปวางสุมๆ กันตรงนั้น มีเพียงชั้นที่วางรองเท้า  2 – 3 คู่ที่ใช้เป็นประจำ กับที่วางกุญแจเท่านั้นก็เพียงพอ 8. ใช้บันได ย้ำอีกครั้งว่า “แค่ขยับเท่ากับออกกำลังกาย” นั้นเป็นเรื่องจริง การใช้เวลาวันละ 10 นาที วิ่งขึ้นลงบันไดไม่ว่าจะที่บ้านหรือออฟฟิศ มีงานวิจัยที่ระบุว่าสามารถช่วยบูสต์เอเนอร์จีได้ดีไม่แพ้คาเฟอีน แถมยังเบิร์นแคลอรีได้ด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย 9. ไม่จำเป็นต้องทำงานบ้านเองไปเสียทุกอย่าง (โดยเฉพาะงานหนัก) การทำงานบ้านนั้นเป็นเรื่องดี แต่ไม่ใช่ทุกอย่างจำเป็นต้องทำด้วยตัวเองเสมอไป การมีผู้ช่วย ไปจนถึงจ้างมืออาชีพมาทำในส่วนที่ยาก ลำบาก หรือใหญ่เกินกำลังในบางครั้งนั้นก็เป็นเรื่องที่ควรทำ แล้วคุณจะพบว่า บางทีความสุขก็ง่ายๆ แค่นี้เอง 10. ออกเดินทาง เพราะไม่ใช่แค่การไปเที่ยวสนุก แต่การเดินทางทุกครั้งจะนำประสบการณ์ มุมมอง และแง่คิดที่มีค่ามาให้คุณเสมอ เมื่อสถานการณ์หลายๆ…

นอกจากปีใหม่จะเป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งนั่นคือการที่มันหมายถึงการ “กลับบ้าน” ของใครหลายคน ทำให้ช่วงเวลาที่ครอบครัวได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน นั่งรับประทานอาหาร ล้อมวงพูดคุย รวมถึงดูหนังดีๆ ด้วยกันสักเรื่องนั้นมีความหมายเป็นพิเศษ สิ้นปีนี้ Power จึงมีหนังอบอุ่นหัวใจมาแนะนำ ที่จะช่วยเติมเต็มความรู้สึกและความสัมพันธ์ระหว่างกัน จนอาจทำให้ลืมความหนาวเย็นของอุณหภูมิข้างนอกไปโดยไม่รู้ตัว For Vacation without Aggravation Green Book ชื่อนี้มีที่มาจาก The Negro Motorist Green Book โดย Victor Hugo Green คู่มือการเดินทางด้วยรถยนต์สำหรับคนอเมริกันผิวสีในช่วงเวลาที่การแบ่งแยกคนด้วยสีผิวถือเป็นเรื่องปกติ เพราะไม่ใช่ร้านอาหาร โรงแรม หรือแม้แต่ปั๊มน้ำมันทุกที่จะต้อนรับคนผิวดำ และเจ้าสมุดปกเขียวที่ว่านี้เองที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเชื่อมความสัมพันธ์ของคนสองคน กลางทศวรรษ 1960s Tony Lip (แสดงโดย Viggo Mortensen จาก The Lord of the Rings) ชาวอิตาเลียนผู้อาศัยและทำงานเป็นการ์ดให้กับไนต์คลับในนิวยอร์ก แน่นอนว่าเขาก็เหมือนกับคนขาวอีกมากมายในขณะนั้นที่เหยียดคนดำ และในขณะที่ Tony กำลังมองหางานพาร์ตไทม์ เขาก็ถูกเรียกไปสัมภาษณ์เพื่อที่จะเป็นคนขับรถให้กับชายที่เรียกตัวเองว่า Dr. Shirley (แสดงโดย Mahershala Ali จาก Moonlight) ซึ่งเขาพบว่า Dr. Shirley เป็นนักดนตรีที่กำลังจะออกทัวร์ รวย และเป็นคนดำ I'm Blacker than You Are การเดินทางไปยังที่ต่างๆ ของสหรัฐอเมริกาในขณะนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อยสำหรับชาวแอฟริกัน-อเมริกัน โดยเฉพาะทางใต้ของประเทศที่การเหยียดผิวนั้นรุนแรงจนอาจถึงชีวิต Tony ไม่ค่อยเข้าใจนักว่า Dr. Shirley จะทำไปทำไม แน่นอนว่าเขารับงานก็เพราะเงิน และการขับรถรวมถึงการดูแลความเรียบร้อยก็เป็นสิ่งที่คนกักขฬะอย่างเขานั้นถนัดนัก ตรงกันข้าม Dr. Shirley ผู้ที่เงียบขรึม สงวนท่าที และมีสติปัญญามารยาทสูงส่งต่างหาก อาจเป็นฝ่ายที่ทำตัวลำบากมากกว่าสำหรับทริปนี้ ตลอดระยะเวลา 8 สัปดาห์ของทั้งคู่นั้นมีเรื่องราวต่างๆ มากมายเกิดขึ้น ทั้งในรถและในชีวิต “ความแปลกที่แปลกทาง” ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ทั้งสองมีเหมือนกัน Dr. Shirley ต้องยืนหยัดทำการแสดงให้จบตามแผนจากความช่วยเหลือของ Tony ฝ่าย Tony เองก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อที่จะจบงาน รับเงิน และกลับไปหาครอบครัวให้ทันคริสต์มาส ต่างฝ่ายต่างทำสิ่งที่ต้องทำ แต่ในขณะเดียวกันทั้งคู่ก็ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันในหลายๆ เรื่อง อย่างแรกเลยคือ “สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิดก็ได้” และนั่นเองสิ่งที่เรียกว่า มิตรภาพ จึงเบ่งบาน Being Genius Is Not Enough. It Takes Courage to Change People's Hearts Green book อาจเป็นหนังที่ดูเผินๆ แล้วไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเร้าใจ แต่ความสนุกอันเกิดจากรายละเอียดหลายๆ อย่างในหนังก็สร้างความอิ่มเอมใจได้ไม่น้อย ใครจะรู้ว่าการออกเดินทาง ในบางครั้งกลับนำมาซึ่งการเดินทางเข้าไปสำรวจความรู้สึกนึกคิดข้างในใจเราเอง และความลำบากหรือปัญหาทั้งหลายที่เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ก็เป็นอะไรที่ยอมรับได้เมื่อรู้ว่ายังมีครอบครัวหรือคนที่เรารักรอเราอยู่ คนๆ นั้นอาจเป็นภรรยา สามี ลูกน้อง หรือคนขับรถก็ตามแต่ พวกเขาคือ “เพื่อน” ผู้ที่ทำให้ชีวิตของเราที่ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติ ฐานะ การศึกษา เพศสภาพ หรือสีผิวใดๆ กลับมีสีสันและเปี่ยมไปด้วยความหมายมากขึ้น วันหยุดปีใหม่นี้หากมีโอกาสใช้เวลากับครอบครัว…