ส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งจากบันทึกของ “ชาลิสา วีรวรรณ” บอกเล่าถึงประสบการณ์ การเดินรอบเขาไกรลาสในประเทศทิเบต ที่ซึ่งศาสนา 4 ศาสนามีความเชื่อตรงกันว่าเป็นจุดศูนย์กลางแห่งจักรวาล
หลายครั้งที่ใครต่อใครมักจะถามฉันว่า ที่ฉันเดินทางไปหลายแห่งหน ซึ่งลำบากลำบนเหลือเกินนั้นทำไปทำไม และฉันก็ต้องคอยตอบว่า ไม่มีเหตุผลอะไรซับซ้อนเลยจริงๆ ที่ทำไปก็เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง แค่นั้นตั้งแต่อายุ 14 ปีที่จากบ้านไปเรียนต่อ การเดินทางเป็นสิ่งที่ฉันคุ้นเคย ประกอบกับการย้ายโรงเรียนบ่อย เลยทำให้ฉันชอบการได้พบเจอสิ่งใหม่ๆ สังคมมักตั้งข้อสงสัยว่าคนที่ชอบเดินทางไปเมืองแปลกๆ หรือถิ่นทุรกันดาร คงเป็นคนที่ไม่มีความสุขหรือไม่ก็ต้องมีปัญหาบางอย่างในชีวิต นี่อาจเป็นเพราะละครไทยชอบนำเสนอเรื่องราวของพระเอกนางเอกที่หนีปัญหา ปลอมตัวไปอยู่ที่อื่น หรือบางคนก็มองว่าอยู่บ้านสบายๆ อยู่ดีๆ จะไปลำบากเพื่ออะไร ลึกๆ แล้วฉันเป็นคนสุดโต่งชอบความเป็นที่สุด และเขาไกรลาสก็คือดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นที่สุดในสามโลก ที่ฉันได้ยินมาตั้งแต่สมัยเรียน อย่างเช่น ป่าหิมพานต์ และนางกินรีในวรรณคดีไตรภูมิพระร่วง เมื่อโตขึ้น ฉันก็เริ่มสนใจและศึกษาความเป็นไปในจักรวาลและโลกแห่งจิตวิญญาณ จนฉันอยากเห็นของจริง และรู้ว่าเราสามารถเดินทางไปที่เขาไกรลาสในเทือกเขาหิมาลัยนี้ได้ แต่ประเด็นคือ ใครจะพาไป นั่นสิ
ต่อมาฉันได้ยินมาว่า รศ. ดร. กฤษดาวรรณ เมธาวิกุล ผู้ก่อตั้งมูลนิธิพันดารา เคยพาคนไปที่เขาไกรลาส ฉันไม่รู้จักอาจารย์เป็นการส่วนตัว ฉันเลยจะลากเพื่อนอีก 2-3 คนไปด้วย แต่เจ้ากรรมดันไปได้แค่ 1 คนเท่านั้น เลยกลายเป็นว่าฉันต้องเดินทางไปคนเดียว เขาไกรลาสเต็มไปด้วยตำนานเล่าขาน เป็นทั้งที่ประทับ
ของพระศิวะ ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู และเชื่อว่าเขาไกรลาส คือ แห่งเดียวกันกับ “เขาพระสุเมรุ” ภูเขาที่ตั้งอยู่กึ่งกลางจักรวาล มียอดเป็นที่ตั้งแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเป็นที่ประทับของพระอินทร์ มีปลาอานนท์หนุนอยู่รอบตามความเชื่อเรื่องจักรวาลของศาสนาพุทธ มีทะเลสาบล้อมรอบถึง 7 แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ “ทะเลสาบมานัสโรวาร” หรือสระอโนดาต สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ในไตรภูมิที่เชื่อกันว่า น้ำในสระนี้สามารถรักษาโรคได้ นี่ยังไม่รวมถึงสารพันเรื่องราวสุดลี้ลับ ทั้งทางพุทธทิเบต ฮินดู บอน และเชน อีกจำนวนมาก และฉันเชื่อว่าเรื่องราวเหล่านี้ทำให้ใครต่อใครอยากมาเยือนเขาไกรลาสครั้งหนึ่งในชีวิต ฉันเองก็เหมือนกัน
และในปีค.ศ. 2016 ฉันก็ได้ไปเดินรอบเขาไกรลาสอย่างที่ตั้งใจ ถึงทิวทัศน์จะสวยขลัง แต่ก็เป็นป่าทั่วไป ไม่ได้มีสัตว์ในเทพนิยายมาวิ่งเล่นให้เห็น อาหารก็รสชาติแค่พอประทังชีวิต ตลอด 15 วัน ฉันมีโอกาสอาบน้ำแค่ 2 ครั้ง ทั้งวันต้องสู้กับอากาศแสนบางที่ทำให้รู้สึกอึ้งเหมือนโดนค้อนทุบหัวตลอดเวลาเพื่อนร่วมทางก็เพิ่งรู้จัก ไม่ได้เป็นเพื่อนที่รู้ใจมาแต่ไหนแต่ไร แต่กลับช่วยเหลือกันอย่างอบอุ่น ตลอดการเดินทางครั้งนั้น ฉันเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างมากขึ้น ผ่านประสบการณ์ยากลำบากรอบด้าน อย่าว่าแต่ไม่มีห้องน้ำสะอาด แม้แต่อากาศที่เราหายใจทิ้งไปวันๆ เวลาอยู่บ้าน มันมีค่ามหาศาลที่นั่น ฉันมองเห็นค่าของทุกลมหายใจมากขึ้น หรือแม้แต่ขนมปังก้อนเดียวที่พวกเราแบ่งกัน
ตอนเช้า ก็มีรสชาติอร่อยน้ำตาไหลเวลาหิวตอนบ่าย หรือมิตรภาพดีๆ ที่ได้จากการเป็นผู้รับ และที่สำคัญกว่า คือการเป็นผู้ให้ สามารถที่จะแบ่งปันของจำเป็น ที่มีน้อยนิดของฉันให้กับคนอื่นด้วยความเต็มใจ ตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ อาจเทียบกับความพิสดารที่มีอยู่ในตำนานไม่ได้ แต่ฉันว่าฉันได้สิ่งที่มีค่าที่สุดกลับมา นั่นคือปัญญา และฉันก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมเขาถึงว่ากันว่า จักรวาลของเขาไกรลาส และความพิเศษเหล่านั้น ความจริงอยู่ในใจของเราทุกคน