BEHIND THE GREEN CURTAIN
ต้นหลิวที่เก่าแก่ ทิ้งกิ่งห้อยระย้าระผืนน้ำใสเหมือนกระจกในบึงอันเกิดจากน้ำพุธรรมชาติ ณ สวน Baotu Spring Park เมืองจี่หนาน ซึ่งเป็นสวนที่มีอายุเก่าแก่ย้อนไปถึงสมัยราชวงศ์ชิง เฉียนหลงฮ่องเต้ถึงกับกล่าวว่าน้ำพุที่นี่เป็นที่หนึ่งภายใต้สวรรค์
GRACEFUL GLORIOUS SHANDONG
ประเทศจีนกว้างใหญ่ไพศาลเสมือนหนึ่งทวีป
ถ้าจะหาสถานที่ Unseen ในประเทศจีน หนึ่งชั่วอายุคนก็ดูไม่จบสิ้น
STORY & PHOTOGRAPHY
SETHAPONG PAWWATTANA
รัฐบาลจีนได้เปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ และในเดือนที่เป็นมงคล เพราะถือว่าเป็นปีใหม่ของชาวจีนนั้น ในโลกตะวันตกก็มีเทศกาลเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่และแพร่ลามเข้ามาครอบครองใจคนทั้งโลกได้อย่างน่าทึ่ง นั่นก็คือเทศกาลวาเลนไทน์ จะมีที่ไหนที่เราได้ท่องเที่ยวไปทั้งพลังศรัทธาแห่งขนบประเพณี และพลังศรัทธาในเรื่องความรักได้อย่างเช่นประเทศจีน
เทศกาลตรุษจีนถือเป็นเทศกาลสำคัญของต้นฤดูใบไม้ผลิ เทศกาลวาเลนไทน์ก็เกิดในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งถูกเรียกขานว่าเป็นเดือนแห่งความรัก การเดินทางครั้งนี้จึงเป็นเรื่องของความศรัทธาผสมผสานกับเส้นทางที่มีสถานที่งดงามโรแมนติกโดยเป็นฝั่งตะวันออกของประเทศจีน สมกับชื่อมณฑลซานตง (ภูเขาทางด้านตะวันออก) พูดถึงซานตง คนไทยที่มีเชื้อสายจีนต้องคิดถึงคนขยันและบ้านเกิดของท่าน ขงจื๊อ ปรัชญาเมธีที่เผยแพร่แนวความคิดที่แม้ปัจจุบันนี้ก็ยังถือว่าเป็นแนวคิดที่ทันสมัย และมีสถาบันศึกษาเกี่ยวกับคำสอนของขงจื๊อในหลายประเทศ รวมทั้งบ้านเรา
การเดินทางท่องเที่ยวในประเทศจีน มีคำกล่าวว่านั่งรถ 6 ชั่วโมงคือเรื่องปกติ เพราะประเทศเขากว้างใหญ่ไพศาลจริงๆ บางคนอาจคิดว่าจะเสียเวลาทำไม แต่สองข้างทางนั้นล้วนแต่มีสิ่งน่าสนใจและภูมิทัศน์ที่แตกต่าง อย่างซานตงนี้ก็มีบางพื้นที่ที่เป็นภูเขาหินรูปทรงแปลกๆ แต่ไฮไลต์ที่ทุกคนมาเยือนซานตงแล้วต้องไปให้ได้ ก็คือการขึ้นเขาไท่ซาน ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ฮ่องเต้แทบจะทุกพระองค์ของจีน ตั้งแต่สมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ ต้องขึ้นไปไหว้ฟ้าดินบนเขานี้ (ฮ่องเต้บางพระองค์ไม่ได้เสด็จไป แต่ให้ผู้แทนพระองค์ไปแทน)
PIECES OF PATTERNS
1. ประตูหินแกะสลักที่เมืองโบราณไท่เออจวง แม้เมืองนี้จะถูกทำลายช่วงสงครามจีนกับญี่ปุ่น แต่ได้รับการบูรณะให้มีสภาพคล้ายเดิมมากที่สุด และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของจ่าวจวง
2. อาคารหลังนี้ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่โดยพยายามรักษารูปลักษณ์สถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้มากที่สุด
เมืองโบราณไท่เออจวงเกิดจากการขุดคลองเชื่อมกับแม่น้ำ เชื่อมไปถึงทะเลสาบ ทำให้เมืองนี้มีภูมิทัศน์ที่สวยงามและสะพานข้ามคูคลองแบบต่างๆ มากมาย
การแบกเป้สะพายหลังหรือลากกระเป๋าเดินทางท่องเที่ยวเองไปตามสถานที่ธรรมชาติต่างๆ ในจีนอาจจะไม่สะดวก ทั้งการสื่อสารที่อย่างไรภาษาจีนก็เป็นหลัก ถ้าอยากให้การท่องเที่ยวในจีนราบรื่น แนะนำให้ใช้บริการของบริษัทนำเที่ยว และราคาถูกก็อาจจะไม่ใช่คำตอบ ให้ศึกษารายละเอียดของทัวร์ให้ดีก่อนตัดสินใจ ค่าเดินทางในจีนราคาค่อนข้างสูงอยู่แล้ว อย่างการเที่ยวแถบซานตงที่เราจะแนะนำให้ไปเริ่มต้นที่ชิงเต่า ไปเที่ยวเมืองโบราณไท่เออจวง ไปเยี่ยมบ้านเกิดขงจื๊อที่ฉวี่ฝู่ ไปเมืองไท่อันเพื่อขึ้นเขาไท่ซาน แวะชมเมืองจี่หนาน เมืองที่มีบ่อน้ำพุธรรมชาติ น้ำใสสะอาด และเล่าขานกันว่าผู้หญิงสวย จากนั้นก็กลับมาเที่ยวชิงเต่า ซึ่งเป็นเมืองที่เคยเป็นเขตปกครองพิเศษของเยอรมนี มีสถาปัตยกรรมยุโรปผสมผสานจีนที่น่าสนใจ ก่อนที่จะบินกลับกรุงเทพฯ
จ่าวจวง
เยือนเมืองโบราณไท่เออจวง
ลัทธิอาณานิคมในศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา ได้ใช้ข้ออ้างคือความไม่ศิวิไลซ์ในดินแดนตะวันออก เพื่อการครอบครอง และมีการเปรียบเทียบระหว่างตะวันตกและตะวันออก แม้แต่บางอย่างที่เราคิดว่าเป็นคำชม เช่น กรุงเทพฯ เปรียบเหมือนเวนิสแห่งตะวันออก แต่จริงๆ แล้วเมืองน้ำที่งดงามและมีชื่อเสียงนั้น ในดินแดนตะวันออกมีที่เลื่องชื่ออยู่หลายแห่ง อย่างในประเทศจีน นอกจากที่หางโจว ซูโจว แล้วก็ยังมีที่จ่าวจวง เมืองนี้มีแม่น้ำไท่เออจวง ที่เชื่อมกับคลองขุดขนาดใหญ่ที่ชื่อเดียวกับแม่น้ำ คือคลองไท่เออจวง จึงทำให้เกิดเมืองที่ล้อมรอบไปด้วยสายน้ำ สมัยสงครามจีน-ญี่ปุ่น เมืองนี้ถูกทำลายเสียหายแทบทั้งหมด ภายหลังมีการบูรณะให้เป็นเสมือนเมืองโบราณเช่นในอดีต
จากการวางผังเมืองแต่โบราณ เมืองนี้มีผังเมืองเป็นป้อมค่ายที่พร้อมจะรับกับศึกสงคราม และส่วนหนึ่งของบ้านเรือนได้วางผังคล้ายเรือสำเภาจีนโบราณ เป็นส่วนที่เชื่อมกับสะพานโค้งขนาดใหญ่ เสมือนเป็นทางเข้าเมืองหลัก ปัจจุบันการเข้าชมเมืองโบราณจ่าวจวง ต้องเสียค่าเข้าชมและต้องนั่งเรือมาเทียบท่าด้านประตูเมืองโบราณ
เมืองจ่าวจวงมีความประณีตงดงามและมีบรรยากาศของเมืองเก่าจริงๆ ตัวอาคารต่างๆ สร้างด้วยสถาปัตยกรรมที่ผสมผสานผ่านยุคสมัยต่างๆ เหมือนชุมชนนี้ไม่ได้ถูกทำลายจากสงคราม มีเส้นทางถนนที่ขนาบไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ และเส้นทางตามคลองที่มีสะพานรูปทรงต่างๆ รวมทั้งสะพานรูปโค้งวงพระจันทร์ที่งดงาม จึงมีกิจกรรมล่องเรือแจวตามคูคลองต่างๆ ในเมืองนี้ เพื่อชมสะพานและบ้านเรือน ต้องชมว่าเขาบูรณะและอนุรักษ์ไว้ดีมากๆ แม้แต่คูน้ำหน้าอาคารบ้านเรือนก็เป็นน้ำใสสะอาดจนสามารถเลี้ยงปลาคาร์ปได้ จึงทำให้การเดินชมเมืองโบราณนี้มีความรื่นรมย์และสมเป็นเมืองน้ำที่มีชื่อเสียงของจีนจริงๆ
POWER OF NATURE
3. ความร่มรื่นของสวน Baotu Spring Park ที่มีต้นหลิวแผ่กิ่งก้านคลุมทั่วบริเวณ เสริมให้ริมสระน้ำที่เกิดจากน้ำพุธรรมชาติ งดงามเหมือนภาพเขียนพู่กันจีน
4. ความสวยงามของเขาไท่ซาน ทำให้กวี รวมทั้งฮ่องเต้ ที่เคยขึ้นมาบนนี้ พรรณาเป็นบทกวีต่างๆ และได้นำบทกวีมาสลักไว้บนหน้าผาของเขาแห่งนี้
ฉวี่ฝู่
บ้านเกิดขงจื๊อ
หนึ่งในปรัชญาเมธีที่โลกยอมรับว่า แนวคิดของท่านไม่เคยตกยุคสมัย แม้เวลาจะผ่านมาหลายพันปี แม้แต่ในประเทศจีนที่มีการทำลายขุดรากถอนโคนลัทธิขงจื๊อ ก็มีการรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ตามสถานการณ์บ้านเมือง คำสอนของขงจื๊อ แม้เราจะนำมาศึกษาในปัจจุบัน ก็ยังสามารถปรับใช้ได้จริง ด้วยคำสอนที่เป็นเหตุเป็นผลและไม่เชื่อสิ่งงมงาย
ขงจื๊อมีชีวิตอยู่ในช่วง 551-479 ปีก่อนคริสตกาล คำสอนของท่านครอบงำอารยธรรมจีนมายาวนานกว่า 2,000 ปี และปัจจุบันได้รับการยอมรับมีสถาบันศึกษาคำสอนของขงจื๊อแพร่หลายไปทั่วโลก การเดินทางมาเมืองฉวี่ฝู่เพื่อชมคฤหาสน์ตระกูลข่ง แม้จะไม่ได้สร้างในสมัยที่ขงจื๊อมีชีวิตอยู่ แต่สร้างในศตวรรษที่ 16 โดยทายาทที่สืบสายตระกูลของขงจื๊อ ตระกูลข่งรุ่งเรืองมาตลอดระยะเวลาอันยาวนานได้รับการนับถือจากราชสำนักในหลายยุคสมัย แม้แต่ในยุคราชวงศ์ชิง ซึ่งเป็นราชวงศ์สุดท้ายและทายาทของตระกูลข่งได้อพยพไปอยู่ไต้หวันในช่วงการเปลี่ยนแปลงการปกครองในจีน
บ้านตระกูลข่งมีห้องหับกว่า 500 ห้อง โดยนับ 1 ช่วงเสา คือ 1 ห้อง มีของพระราชทานจากพระนางซูสีไทเฮา คือแผ่นกระดาษตัวอักษรจีนที่เป็นลายพระหัตถ์ของพระนางเอง คู่กับนาฬิกาตั้งโต๊ะ แสดงให้เห็นถึงสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น
ไม่ไกลกัน คือศาลเจ้าขงจื๊อ ที่ภายในมีอาคารไม้ขนาดใหญ่ สร้างในค.ศ. 1538 ราวๆ สมัยจักรพรรดิเจียจิ้ง ซึ่งยังคงสภาพที่ยิ่งใหญ่มายาวนาน บรรยากาศรอบๆ มีต้นสนที่มีอายุหลายร้อยปี มีรูปทรงต่างๆ ดูสวยงามและแปลกตา และมีหินสลักรูปตุ้ยเหลียน 2 คู่บนเสา ฐานของเสานี้แกะสลักเป็นตัวปี่เซียะ ซึ่งเป็นสัตว์มงคล สมัยก่อนมีประดับไว้ในบ้านผู้มีตำแหน่งทางการปกครอง แต่ปัจจุบันปี่เซียะเป็นที่นิยมของคนทั่วๆ ไปที่มีความเชื่อเรื่องนี้
HARMONY OF FORMS
5. หาดทรายที่สวยงามของเมืองชิงเต่า เมื่อมองจากจุดชมวิวบน Signal Hill Park จะเห็นหาดเป็นแนวโค้ง และบ้านเรือนที่มีหลังคามุงด้วยกระเบื้องสีแดงแบบเยอรมัน
6. วัด Huayan Temple เป็นวัดพุทธเพียงหนึ่งเดียวของเขาเหล่าชาน ซึ่งเป็นที่กำเนิดของลัทธิเต๋า อยู่ไม่ไกลจากเมืองชิงเต่า
ไหว้สวรรค์ที่ไท่ซาน
ธรรมชาติ คือสิ่งยิ่งใหญ่ที่เตือนสติให้มนุษย์รู้ถึงความเล็กจ้อยของตนเสมอ ภูเขาไท่ซาน คือภูเขาศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อที่สืบทอดกันมาหลายพันปี ที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน จนได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี พ.ศ. 2530 ตามความเชื่อเดิม จักรพรรดิจีนที่ได้รับการแต่งตั้งต้องเดินทางมาไหว้สวรรค์บนเขาแห่งนี้ เชื่อกันว่า ฮ่องเต้คือโอรสแห่งสวรรค์ ในปีที่บ้านเมืองสุขสงบอุดมสมบูรณ์ ฮ่องเต้หรือตัวแทนต้องมาไหว้ขอบคุณเทพยดาฟ้าดินที่เขานี้เช่นกัน
ในอดีตตั้งแต่สมัยจิ๋นซีฮ่องเต้เรื่อยมาจนถึงฮ่องเต้ราชวงศ์ชิง ซึ่งสิ้นสุดการปกครองระบอบกษัตริย์ มีฮ่องเต้ 17 พระองค์เดินทางขึ้นมาประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์บนเขานี้ แต่อีก 24 พระองค์ส่งตัวแทนขึ้นมาทำพิธี ในอดีตการขึ้นเขาคือการเดินขึ้นมาตามขั้นบันไดที่มีกว่า 6,000 ขั้น แต่ปัจจุบันสามารถนั่งรถของอุทยานขึ้นมาเพื่อต่อรถกระเช้าที่จะสิ้นสุดในจุดที่เกือบถึงยอดเขา จากนั้นเป็นระยะทางที่เราเดินชมความสวยงามของทัศนียภาพรอบๆ มีร้านรวงต่างๆ แม้จะไม่มาก แต่ก็มีอาหารและเครื่องดื่มสำหรับประทังความหิว การเดินขึ้นไปให้ถึงยอดที่สูงที่สุด คือยอดจักรพรรดิหยก ความสูง 1,545 เมตรจากระดับน้ำทะเล (แต่ทางการจีนรายงานว่าสูง 1532.7 เมตร) ซึ่งเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าเก่าแก่ เส้นทางบันไดโบราณนั้นเป็นสิ่งท้าทายนักเดินเขา โดยพวกเขาจะมาเดินขึ้นเขาไท่ซานในเวลากลางคืน ให้ทันได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นจากยอดเขาแห่งนี้ เพราะเป็นจุดที่จะได้เห็นพระอาทิตย์ก่อนที่อื่นๆ เนื่องจากเขาไท่ซานเป็นเขาสูงที่อยู่ทางทิศตะวันออก แต่บางคนก็เลือกที่จะมาพักค้างคืนในโรงแรมเล็กๆ แบบโรงเตี๊ยมที่ไม่หรูหราอะไร เพื่อจะตื่นให้ทันชมแสงแรกของอรุณรุ่งบนแผ่นดินจีนที่กว้างใหญ่
สิ่งที่ทำให้เขาลูกนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกอย่างก็คือ หินที่จารึกโคลงกลอนบทกวีจากปราชญ์ในยุคสมัยต่างๆ ที่ได้ขึ้นมาบนเขาไท่ซานแล้วเกิดแรงบันดาลใจสร้างสรรค์บทกวี และมีการนำมาจารึกบนโขดหินที่เรียงรายอยู่ริมทางเดินไปสู่ยอดจักรพรรดิหยก นับเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก ส่วนคู่รักไหนที่อยากจะมาหาความงดงามที่โรแมนติก ต้องบอกเลยว่าบนเขาไท่ซานนี้มีบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ บางช่วงอาจจะมีแดดจัด แต่เดี๋ยวก็มีหมอก (ก้อนเมฆ
พัดผ่าน) ทำให้เกิดภาพที่งดงามน่าประทับใจ ไม่ใช่แค่ช่วงพระอาทิตย์ขึ้นเท่านั้น
BEAUTY IN DETAIL
7. สะพานข้ามคลองในเมืองโบราณไท่เออจวง จะมีรูปทรงของสะพานแบบต่างๆ การนั่งเรือชมทิวทัศน์ในเมืองนี้จึงเป็นสิ่งเพลิดเพลิน
8. ภาพศิลปะภายในศูนย์หัตถกรรมที่หลินอี้ ภาพที่เห็นเป็นการลงสีบนแผ่นกระเบื้องแล้วเผาเคลือบอย่างสวยงาม
FORCE OF NATURE
9. การนั่งรถกระเช้าขึ้นไปบนเขาไท่ซาน สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของบันไดกว่า 6,000 ขั้น และสะพานที่เชื่อมยอดเขา
10. คฤหาสน์ปาต้ากวน สไตล์เยอรมัน ซึ่งตั้งอยู่ริมชายหาดของชิงเต่า
ชิงเต่าเป็นเมืองใหญ่ของซานตงที่มีทั้งตึกระฟ้าที่ทันสมัย และอาคารโบราณสไตล์เยอรมันริมทะเล เพราะที่นี่เคยเป็นเมืองตากอากาศของชาวยุโรปที่อยู่ในประเทศจีน
JINAN
หลิวลู่ลมระสายน้ำ
เมืองนี้เป็นเมืองใหญ่ของมณฑลซานตง แต่ท่ามกลางความเจริญที่เกิดจากพื้นฐานของการเป็นเมืองที่มีบ่อน้ำผุดจากใต้ดิน มีแม่น้ำและคูคลองที่งดงาม รวมทั้งทะเลสาบที่มีสวนที่เต็มไปด้วยพันธุ์ไม้ต่างๆ โดยเฉพาะต้นหลิวและดอกบัว ซึ่งเป็นภาพที่เรามักจะเห็นในงานจิตรกรรมจีนโบราณ
แม้จะเป็นเมืองใหญ่ แต่บริเวณสวนสาธารณะต่างๆ กลับมีบรรยากาศที่เหมือนย้อนยุคไปช่วงปลายราชวงศ์ชิง ที่นิยมการสร้างสวนสาธารณะเพื่อหย่อนใจ ทั้งสวนแบบจีนโบราณ มีสระน้ำที่มีน้ำผุดจากใต้ดิน ทำให้น้ำในสระใสตลอด และต้นหลิวที่เก่าแก่แผ่กิ่งก้านปกคลุมไปทั่วบริเวณสวน นอกจากบ่อน้ำพุที่ผุดจากใต้ดิน ก็ยังมีน้ำพุร้อนอีกมากมายกว่า 140 แห่ง เมืองนี้จึงมีสวนสวยแบบย้อนยุคที่นักเดินทางหลายๆ คนอาจจะไม่ทราบ อย่างเช่น สวนสาธารณะเป๋าตู ที่บรรยากาศยังเป็นสวนสาธารณะสมัยราชวงศ์ชิงผสมผสานยุคจีนใหม่ การวางผังของสวนนี้ทำให้มีสระที่มีน้ำผุดขึ้นมาล้อมรอบไปด้วยโขดหินสวยๆ หินบางก้อนมีการแกะสลัก บางก้อนเป็นเหมือนประติมากรรมแบบนามธรรม ทุกอย่างสอดคล้องกลมกลืน รวมทั้งการมีศาลาหรือเก๋งจีนริมสระ ซึ่งเราจะเห็นสวนแบบนี้น้อยลง ในขณะที่มีสวนสาธารณะแบบสมัยใหม่เกิดขึ้นมากมายในจีน สิ่งที่ยืนยันถึงอายุของสวนแห่งนี้ก็คือ เหล่าต้นหลิวที่มีขนาดใหญ่มากและแผ่กิ่งก้านสาขาห่มคลุมบริเวณสวนแทบจะมองขึ้นไปไม่เห็นท้องฟ้า บางคนตั้งใจมาชมสวนนี้ เพราะต้องการดูน้ำที่ผุดจากใต้ดิน แต่รวมๆ แล้วทัศนียภาพของสวนนี้ คือสิ่งที่น่าใช้เวลาชื่นชมนานๆ
นอกจากสวนก็ยังมีกิจกรรมการนั่งเรือชมทะเลสาบต้าหมิงหู ที่มีเนื้อที่กว่า 400,000 ตารางเมตร ผ่านคลองขุดที่เชื่อมมาถึงสวนเป๋าตู ล่องผ่านประตูน้ำออกมาสู่ทะเลสาบที่สวยงามที่มีดอกบัวขึ้นเป็นดงอยู่ริมฝั่ง ใกล้ๆ กับดงต้นหลิวที่ปลูกเรียงรายตามทางเดินรอบทะเลสาบ นี่คือภาพที่งดงามไม่ว่าฤดูใด
QINGDAO
เมืองตากอากาศแบบเยอรมัน
ชิงเต่า เป็นเมืองริมทะเลที่เคยเป็นเขตเช่าของเยอรมนี และมีชื่อเสียงในฐานะเป็นเมืองตากอากาศ การเดินทางเข้าสู่เมืองชิงเต่าในปัจจุบันนี้ ถ้าใช้สะพานชิงเต่าไห่วาน จะได้เห็นความยิ่งใหญ่ทางด้านวิศวกรรมของจีน เพราะสะพานแห่งนี้เป็นสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก คือ 42.5 กิโลเมตร ย่นระยะเวลาจากเส้นทางถนนเดิมไปถึง 2 ชั่วโมงกว่าๆ และยังมีอุโมงค์เจียวโจว ที่เป็นเส้นทางการเดินทางลอดผ่านใต้ทะเล ไม่แปลกใจที่ตัวเมืองชิงเต่าจะมีความคับคั่งของการจราจร เพราะที่นี่เป็นเหมือนเมืองศูนย์กลางทางธุรกิจของซานตง
แต่ชิงเต่าไม่ได้มีดีแค่นี้ ด้วยความที่เคยเป็นเขตเช่าของเยอรมนี จึงมีการวางผังเมืองแบบยุโรป มีต้นไม้ใหญ่และสวนสาธารณะร่มรื่น อาคารบ้านเรือนก็ได้รับอิทธิพลจากเยอรมัน อย่างการใช้กระเบื้องมุงหลังคาสีแดง ซึ่งดูเหมือนเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ เมื่อเราขึ้นไปยังจุดชมวิวที่ Signal Hill Park จะมีหอ 8 เหลี่ยมให้เราเดินขึ้นไปชมวิวจากชั้นต่างๆ มองลงมาเห็นบ้านเรือนที่มุงหลังคากระเบื้องสีแดง รวมทั้งปล่องไฟแบบเมืองในประเทศเยอรมนี อีกด้านเป็นหาดทรายขาวยาวโค้ง ที่ในฤดูร้อนมีผู้คนนิยมมาพักผ่อนตากอากาศ ที่นี่เคยเป็นสถานที่แข่งกีฬาทางน้ำในช่วงที่จีนเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก ปีค.ศ. 2008 มีท่าเรือยอชต์ที่ทันสมัย เป็นจุดหย่อนใจที่มาสูดอากาศบริสุทธิ์ได้โดยจะไม่รู้สึกว่านี่คือประเทศจีน เพราะดูเป็นท่าเรือยอชต์สุดหรูในยุโรปมากกว่า ด้านนี้ของเมืองเป็นอาคารที่ทันสมัย ดูเผินๆ เหมือนไม่ใช่ประเทศจีน ชิงเต่าจึงเป็นเมืองที่รวมทั้งความทันสมัยและความงดงามของเมืองแบบเยอรมันในช่วงก่อนสงครามโลกมาผสมผสานไว้ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นคฤหาสน์ปาต้ากวน ที่มีหาดทรายสวยๆ สำหรับเล่นน้ำทะเล ใกล้ๆ Qingdao Catholic Church กับอาคารรอบๆ ที่ทำให้คิดว่าอยู่ในยุโรป
แค่มณฑลซานตงทางด้านตะวันออกของประเทศ ยังมีอะไรมากมายให้ค้นหา ไม่ว่าจะเป็นจุดหมายแห่งศรัทธา หรือการท่องเที่ยวในแบบโรแมนติก เมื่อคิดถึงผืนแผ่นดินจีนที่กว้างใหญ่ เราคงต้องใช้เวลาอีกยาวนานเพื่อจะได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของประเทศนี้ให้ครบถ้วน