HappeningHappening 119Number 119

Power Exclusive: Explore Endlessly

By 9 January 2018 No Comments

เพลิดเพลินไปใน “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ โฉมใหม่” Lifestyle Destination แห่งล่าสุดของเมืองไทย ที่จะทำให้ทุกท่านลืมดิวตี้ ฟรีแบบเดิมๆ ที่เคยสัมผัส ด้วยหลากหลายประสบการณ์เหนือระดับ ซึ่งพร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นด้านแฟชั่น เอ็นเตอร์เทน หรือกินดื่ม ที่ คิง เพาเวอร์ คัดสรรมาให้ค้นหากันอย่างไม่รู้จบ

คิง เพาเวอร์ รวบรวมบูติคแบรนด์เนมหรูชั้นนำระดับโลก มาเอาใจผู้ชื่นชอบสินค้าแฟชั่นและสินค้าลักชัวรี่

ความสุขไม่รู้จบมีให้ประทับใจกันตั้งแต่บริเวณทางเข้า คิง เพาเวอร์ รางน้ำ ต้อนรับลูกค้าคนสำคัญทุกท่านด้วย Dancing Fountain น้ำพุเต้นระบำสุดตระการตา โดยฝีมือการออกแบบของบริษัท Oase จากโปแลนด์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบน้ำพุ และได้ฝากผลงานที่สร้างความประทับใจมาแล้วมากมาย ทั้งในประเทศจีน สิงคโปร์ และตุรกี เป็นต้น

Dancing Fountain ที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ เป็นน้ำพุรูปทรง Matrix ที่พุ่งทะยานได้สูงถึง 6 เมตร เคลื่อนไหวตามจังหวะดนตรี และครองสถิติเป็นน้ำพุที่สูงที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในขณะนี้ โดยในทุกๆ ต้นชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป จะมีการแสดงโชว์น้ำพุเป็นเวลา 15 นาที แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความงามตระการตาของน้ำพุเต้นระบำประกอบแสง สี เสียง ขอแนะนำให้มาในช่วงเวลา 18.00-20.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่มีการโชว์พิเศษเต็มรูปแบบ ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยความงดงามของน้ำพุประกอบดนตรี ซึ่งทางทีมงานได้เลือกสรรมาเป็นพิเศษ เป็นบทเพลง 13 บทเพลงจากหลากหลายแนวดนตรี ได้แก่

1. แนวป๊อป ดนตรีฟังง่ายๆ สบายๆ ที่ให้ความรู้สึกรื่นรมย์และสนุกสนาน รวมทั้งบทเพลงหมอลำแนวเก๋ๆ ที่กำลังอินเทรนด์อยู่ในขณะนี้

2. แนว Western-Thai Medley เป็นการผสมผสานระหว่างท่วงทำนองของบทเพลงแนว Western และเครื่องดนตรีไทย โดยมีการนำบทเพลงที่ได้รับความนิยม อย่าง I’m Yours และ A Thousand Years มาถ่ายทอดใหม่ผ่านความงดงามของเครื่องดนตรีไทย เป็นความลงตัวของดนตรีจากโลกตะวันออกและตะวันตก

3. แนว Grandiose Playlist บทเพลงที่บรรเลงโดยวงปี่พาทย์ ฝีมือระนาดของมือระนาดเอกจากภาพยนตร์เรื่อง โหมโรง และการบรรเลงโดยวงกอไผ่ที่เลื่องชื่อ

4. แนว Celebration บทเพลงแห่งเทศกาลคริสต์มาสที่บ่งบอกถึงความสุข รวมทั้งบทเพลงพระราชนิพนธ์ที่งดงาม จากการบรรเลงโดยวง Dutch Swing College Band วงดนตรีแจซระดับโลกที่มีประวัติความเป็นมายาวนานย้อนไปได้ถึงช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 และเป็นวงดนตรีแจซที่มีโอกาสเปิดการแสดงมาแล้วในทุกทวีปทั่วโลก

หลังเต็มอิ่มกับการชมน้ำพุเต้นระบำแล้ว ก็ถึงเวลาของความเพลิดเพลินกับการค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในอาณาจักรความสุขแห่งนี้ เริ่มจากชั้น 1 ซึ่งเป็นพื้นที่ของ Brand Boutiques คิง เพาเวอร์ รวบรวมบูติคแบรนด์เนมหรูชั้นนำระดับโลก มาเอาใจผู้ชื่นชอบสินค้าแฟชั่นและสินค้าลักชัวรี่ ไม่ว่าจะเป็น Alexander McQueen, Armani Exchange, Bally, Bottega Veneta, Burberry, Calvin Klein Jeans, Coach, Emporio Armani, Gucci, Lacoste, Michael Kors, Moncler, Prada, Salvatore Ferragamo, Stuart Weitzman, Tod’s, Valentino, Vilebrequin, Yves Saint Laurent ฯลฯ ขณะที่อีกด้านหนึ่งของชั้นนี้ จัดให้เป็น Sunglasses Store แหล่งรวมแว่นกันแดดแบรนด์ดังหลากสไตล์จากทั่วทุกมุมโลก การตกแต่งในชั้นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากทองคำ วัสดุซึ่งเปรียบได้ดั่งสัญลักษณ์แห่งความร่ำรวย สง่างาม ในหลายวัฒนธรรม รวมทั้งในวัฒนธรรมไทย ซึ่งได้ปรากฏการแต่งแต้มทองคำบนลวดลายต่างๆ ในศิลปะและสถาปัตยกรรมไทยมากมายจนกลายเป็นความงดงามเฉพาะตัว นักออกแบบได้นำจุดเด่นนี้มาประยุกต์ได้อย่างน่าสนใจ ด้วยการนำหินเทียมและเส้นทองมาใช้ในการประดับตกแต่งเสา ขณะเดียวกับที่ได้เพิ่มความหรูหราให้มากขึ้นด้วยการปูพื้นหินอ่อน White Calacatta และ White Varagus อันเลื่องชื่อ

พื้นที่ชั้น 1 บริเวณคราวน์เอเทรียม ยังพร้อมต้อนรับนักชิมทุกท่านด้วยร้านเครื่องดื่มชื่อดัง 2 ร้าน ได้แก่ Starbucks ที่ออกแบบได้โดดเด่นสวยงามสะดุดตาในสไตล์ Asian Contemporary และ Peace Oriental Teahouse ร้านชาบรรยากาศชวนนั่งจิบชาผ่อนคลายอิริยาบถ นอกจากนั้น คิง เพาเวอร์ ยังจัดพื้นที่บริการพิเศษ Travellers’ Lounge ไว้ให้ลูกค้านักเดินทางชาวต่างชาติที่มียอดซื้อตามเงื่อนไขที่กำหนด ได้นั่งพักผ่อนอิริยาบถในบรรยากาศแสนสบาย หรือจะฝากกระเป๋าไว้ในตู้เก็บสัมภาระเพื่อความสะดวกก่อนเข้าไปเดินเลือกซื้อสินค้าก็ได้

พื้นที่อีกส่วนหนึ่งบนชั้น 2 คือ Beauty Club ซึ่งละลานตาไปด้วยผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก

ขยับขึ้นมายังชั้น 2 ผู้มาเยือนจะได้พบกับพื้นที่บริการพิเศษสำหรับสมาชิกบัตร คิง เพาเวอร์ ระดับ CROWN และ VEGA คือ The Atlas Club และพื้นที่บริการพิเศษสำหรับสมาชิกบัตร คิง เพาเวอร์ ระดับ NAVY, SCARLET และ ONYX คือ King Power Lounge ที่พร้อมให้สมาชิกบัตรทุกท่านได้พักผ่อนในบรรยากาศแสนสบาย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ บริการอาหารและเครื่องดื่ม บริการ Free Wi-Fi ในโซนทำงานแบบส่วนตัว เป็นต้น จากนั้นท่านจะได้สะดุดตากับพื้นที่ซึ่งมีการตกแต่งอย่างสร้างสรรค์ โดยใช้รูปทรงกลมซ้อนเหลี่ยมสะท้อนถึงโลกแห่งเรือนเวลา ที่ตรงนี้คือ The Watch & Jewellery Collection แหล่งรวมนาฬิกาหรูแบรนด์ดังจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่นาฬิกาหรูระดับไฮเอ็นด์ที่มีความงามคลาสสิก ไปจนถึงเรือนเวลาสุดก้าวล้ำที่มีความสลับซับซ้อนของกลไก ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Baume & Mercier, Blancpain, Breguet, Breitling, Bulgari, Chopard, Gucci, Hermès, IWC, Jaeger Le-Coultre, Longines, Mido, Omega, Piaget, Rado, Rolex, TAG Heuer, Tiffany, Tissot, Tudor, Vacheron Constantin ฯลฯ

พื้นที่อีกส่วนหนึ่งบนชั้น 2 คือ Beauty Club ซึ่งละลานตาไปด้วยผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ที่ คิง เพาเวอร์ คัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อช่วยตอบโจทย์ปัญหาผิวพรรณและความงามของลูกค้าทุกเพศทุกวัย เช่น 111Skin, Alexander McQueen, Atelier Cologne, Aveda, Benefit, Biotherm, Bobbi Brown, Burberry, Bvlgari, Caudalie, Chanel, Christian Dior, Clé De Peau Beauté, Clinique, Cosme Decorte, Dr. Jart+, Estée Lauder, Evidens de Beauté, Giorgio Armani, Gucci, Guerlain, Hermès, Jo Malone, Jurlique, Kérastase, Kiehl’s, La Mer, La Prairie, Lancôme, Laneige, Laura Mercier, Le Labo, L’Oréal Paris, M.A.C, NARS, Shiseido, Shu Uemura, SK-II, Tom Ford, Urban Decay, YSL ฯลฯ และเพื่อให้สะท้อนถึงผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่าย นักออกแบบจึงได้บรรจงถ่ายทอดความงามอ่อนโยนผ่านรูปทรงของกลีบดอกไม้ โดยผสมผสานความทันสมัยอย่างเทคโนโลยี LED Module ที่มีความละเอียดสูง

คิง เพาเวอร์
ยังได้จัดพื้นที่
อีกส่วนบนชั้น 3
ให้เป็นอาณาจักร
แห่งความสุข
อันเปี่ยมไปด้วย
รสชาติหลากหลาย

ส่วนชั้น 3 จะเป็นพื้นที่ของ Thai Lifestyle Collection ที่รวบรวมสินค้าแบรนด์ไทยคุณภาพระดับโลก ทั้งเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ยา ขนมขบเคี้ยวต่างๆ ผลไม้อบแห้ง ช็อกโกแลต เช่น Patchi ช็อกโกแลตแบรนด์ชั้นนำจากเลบานอน ตลอดจนสินค้าจากโครงการ “COMMUNITY POWER” ซึ่งอยู่ภายใต้ “KING POWER THAI POWER พลัง คนไทย” ที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้เข้าไปให้องค์ความรู้กับผู้ผลิตในชุมชน เพื่อต่อยอดพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยว ด้วยการเข้าไปให้คำแนะนำในเรื่องการพัฒนาสินค้าและบรรจุภัณฑ์ ทั้งในส่วนของสินค้า OTOP และสินค้าชุมชนที่ผลิตโดยคนไทยในหมวดหมู่ต่างๆ อาทิ สินค้าหัตถกรรม อาหาร และของที่ระลึก มาให้ได้เลือกซื้อหาในท่ามกลางการตกแต่งแบบไทยๆ ที่ผสมผสานไว้ด้วยความทันสมัยจนออกมาเป็นความงามที่น่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมไทยบริเวณโถงเชื่อมต่อจากชั้น 2 ซึ่งนำมาปรับรูปแบบให้มีความร่วมสมัยขึ้นด้วยการใช้วัสดุตะแกรงเหล็ก หรือการใช้สื่อมัลติมีเดียในรูปทรงของบอลลูนในพื้นที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ VS Voyage of Style ที่สะท้อนถึงรสนิยมการเดินทาง ไปจนถึงการนำรูปทรงของเครื่องทอผ้า มาประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของ Thai Lifestyle Collection แม้กระทั่งการจัดวางสินค้าในชั้นนี้ก็ยังมีความน่าสนใจ เพราะดีไซเนอร์ได้บรรจงออกแบบให้มีการจัดวางผลิตภัณฑ์แบบเหลื่อมซ้อนกัน เพื่อให้เกิดมิติและความหลากหลาย

คิง เพาเวอร์ ยังได้จัดพื้นที่อีกส่วนบนชั้น 3 ให้เป็นอาณาจักรแห่งความสุขอันเปี่ยมไปด้วยรสชาติหลากหลาย และเป็นอรรถรสใหม่ที่ คิง เพาเวอร์ ตั้งใจมอบให้ลูกค้าคนสำคัญ ที่ไม่ว่าจะมีแผนการเดินทางหรือไม่มี ก็สามารถมาสัมผัสประสบการณ์แสนอร่อยกันได้ เมื่อท่านก้าวเข้ามาในบริเวณนี้ จะได้พบกับการแสดงหุ่นละครเล็กเพื่อต้อนรับทุกท่านอย่างอบอุ่น ก่อนจะเข้าสู่พื้นที่ของ Thai Taste Hub & Restaurants ที่แบ่งพื้นที่ส่วนนี้ออกเป็น 2 โซน เริ่มจากโซน Restaurants รวบรวมร้านอาหารชั้นนำมาเอาใจนักชิม นำทีมมาโดย Pinkberry โฟรเซนโยเกิร์ตชื่อดังสุดพรีเมียมจากสหรัฐอเมริกา, KOI Thé ร้านชาชื่อดังจากไต้หวัน, Make Me Mango คาเฟ่มะม่วงสุดฮ็อตจากท่าเตียน, QQ Dessert ร้านขนมหวานจากไต้หวัน, PABLO Mini ชีสทาร์ตอันดับหนึ่งจากโอซาก้า, Nara ร้านอาหารไทยร่วมสมัยสไตล์ Fine Dining, Brekkie ร้านอาหารเพื่อคนรักสุขภาพ, Nantsuttei Ramen ราเมนต้นตำรับจากญี่ปุ่น และ El Gaucho Argentinian Steakhouse สเต็กเฮาส์คุณภาพเนื้อระดับพรีเมียม

ส่วนอีกโซนหนึ่ง คือ Thai Taste Hub คัดสรร 17 ร้านอาหารชื่อดังในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติมาไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็น ห่านท่าดินแดง, Thai Street Food by Asian Corner, กุ้งเผาอยุธยา, ข้าวขาหมูจุฬา สามย่าน, ลูกชิ้นปลาบรรทัดทอง, ก๋วยจั๊บฮ่องเต้, รองเมืองเกาเหลา, ทิพย์สมัย ผัดไทยประตูผี, การิม โรตี มะตะบะ, Farmfactory, Dim Sum Bistro by Chef Pom, เอี๊ยงออเฮ่าชือ, HOT FRIED by the Emerald 1992, ขนมครกประมวล มีศิลป์, All Coco, ละมัย หอยทอดเยาวราช และ ไทยสกาล่า หูฉลาม ให้ทุกท่านสามารถอิ่มอร่อยกับสารพันเมนูเด็ดจากหลากหลายร้านดังได้จบในที่เดียว โดยไม่ต้องฝ่าการจราจรที่ติดขัดให้เสียเวลา การตกแต่งในส่วนนี้ได้นำแรงบันดาลใจจากรูปทรงสถาปัตยกรรมร่วมสมัยในกรุงเทพฯ มาจัดวางในรูปแบบใหม่โดยสื่อถึงถนนและซอย
พร้อมกันนั้นยังมีการเลือกใช้วัสดุและลวดลายที่หลากหลาย สะท้อนถึงความสมบูรณ์ทางวัฒนธรรมในการรับประทานของไทยอีกด้วย

แวะสัมผัสความรื่นรมย์ที่มาพร้อมโฉมใหม่ของ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ” จุดหมายปลายทางที่ครบครันในทุกสิ่งสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ได้แล้ววันนี้…แล้วคุณจะลืมดิวตี้ ฟรีแบบเดิมๆ ไปเลย

Leave a Reply