FashionFashion 117Number 117POWER Mag

Exclusive Interview: The Model Mum

By 13 December 2017 No Comments

THE MODEL MUM

นับตั้งแต่ The Face Thailand รายการเรียลลิตี้ค้นหาสุดยอดนางแบบหน้าใหม่ เริ่มออกอากาศ ชื่อของเมนเทอร์ “ลูกเกด–เมทินี กิ่งโพยม ชาร์พเพิร์ล” นางแบบแถวหน้าของเมืองไทยที่ครบเครื่องทั้งความสวยและฝีมือการแสดง จนยึดเก้าอี้เมนเทอร์ไว้ได้ต่อเนื่องถึง 3 ซีซั่น ก็ได้กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์

FASHION EDITOR

SANSHAI JIRAT SUBPISANKUL

PHOTOGRAPHER

WASAN PUENGPRASERT

ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ก็กลายเป็นประโยคฮิตติดปากแชร์สนั่นในโลกโซเชียล ทั้งสตรอง, ไอแฮฟสติ แถมยังมีแฮชแท็กประจำตัวว่า “#แม่ก็คือแม่”

เพราะหลายคนอดอินกับคาแร็กเตอร์คุณแม่ในรายการไม่ได้ จนบางครั้งลูกเกดยังแอบจิกเบาๆ กลับไปว่า “ใครแม่เธอ?” เวลามีคนเรียกเธอว่าคุณแม่

แม้ใครต่อใครจะเรียกเธอว่า “แม่” แต่หนึ่งเดียวในหัวใจสุดสตรองของคุณแม่ลูกเกดนาทีนี้ มีพื้นที่ให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว นั่นคือ “น้องสกาย กิ่งโพยม ชาร์พเพิร์ล” ซึ่งเจ้าตัวออกปากว่า ทุ่มเทความรักให้หมดหัวใจ ยอมสละทุกอย่างเพื่อแลกกับรอยยิ้มและความสุขของลูกเท่านั้น

จากมิสไทยแลนด์เวิลด์สู่มิสซิสชาร์พเพิร์ล

“ถึงจะเติบโตมาในครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่การมีลูกคือความฝันของเกดมาตั้งแต่เด็ก คิดเสมอว่า อยากมีลูกโดยไม่จำเป็นต้องมีสามีก็ได้ อาจเพราะเกดช่วยคุณแม่เลี้ยงน้องชายมาตั้งแต่เด็ก เลยติดภาพของการเป็นแม่ จนวันหนึ่งที่เราเป็นนางแบบ นักแสดง เกดก็ไม่ได้รู้สึกว่าอาชีพนี้จะเป็นอุปสรรคกับความตั้งใจของเกด ทำให้เกดต้องเลือกระหว่างการมีครอบครัวหรือการทำงานแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นพอเกดตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตคู่ เกดก็วางแผนจะมีน้องสกายทันที ซึ่งความจริงแล้วเกดตั้งใจอยากมีลูก 3 คน แต่ในเมื่อตอนนี้อายุ 45 แล้ว ยังไม่สมหวัง ก็คงมีไม่ได้แล้ว (หัวเราะ) จากนี้เลยตั้งใจเลี้ยงสกายให้ดีที่สุด” เมนเทอร์ตัวแม่เปิดฉากเล่าถึงความตั้งใจที่จะเป็นคุณแม่

เธอยังบอกเล่าอย่างออกรสต่อว่า เดิมทีตั้งใจว่าหลังจากมีลูก คงได้แตะเบรกการทำงานในวงการให้น้อยลง เพราะช่วง 3 ปีแรกอยากเป็นคุณแม่ฟูลไทม์ที่มีเวลาดูแลลูกชายเต็มที่ หลังจากนั้นอาจจะรับงานบ้าง แต่คงไม่ได้รับแน่นมาก แต่สุดท้ายราวกับโชคชะตาเล่นตลก เมื่อมีรายการเรียลลิตี้ติดต่อเข้ามา และเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต

“รายการนี้ทำให้เมทินีได้เกิดใหม่อีกครั้ง ได้พบกับโลกใบใหม่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ใครจะคิดว่าเวลาที่เราพูดอะไรออกไป จะกลายเป็นคำติดปากของคนอื่น บางคนก็มองเราเป็นไอดอล เรียกเราว่าเป็นแม่ เกดเองก็ตกใจเหมือนกัน จากคุณแม่คนหนึ่งที่ใช้ชีวิตชิลล์ๆ อยู่กับลูกที่พังงา เพราะน้องสกายเรียนที่ภูเก็ต กลายเป็นวันหนึ่งชีวิตเปลี่ยน มีโอกาสดีๆ มากมายวิ่งเข้าหา จนต้องยอมกลับมาทำงานเต็มที่อีกครั้ง เพราะคิดแล้วว่าถ้าปฏิเสธก็คงไม่ฉลาดเท่าไหร่” ลูกเกดบอกเล่าถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญพร้อมระเบิดเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

ทุกวันนี้ลูกเกดบอกว่า เธอต้องสวมสองบทบาทในเวลาเดียวกัน คือถ้าอยู่กรุงเทพฯ เธอคือเวิร์กกิ้งมัมคนเก่งที่พร้อมลุยทุกงานอย่างมืออาชีพ ทำทุกบทบาทให้ดี แต่ถ้าขึ้นเครื่องบินกลับพังงาเมื่อไหร่ ภาพนางแบบสุดมั่นคนเก่าจะค่อยๆ ลางเลือน กลายเป็นคุณแม่ขี้อ้อนของลูกชาย ที่แค่ได้เข้านอนพร้อมกัน ตื่นเช้ามาทำอาหารเช้าด้วยกัน และไปส่งลูกที่โรงเรียน ก็เป็นความสุขที่เกินบรรยายแล้ว

“เกดจะรับงานอาทิตย์ละไม่เกิน 3-4 วัน เพื่อแบ่งเวลาที่เหลือให้ครอบครัว พอวันหยุดหรือช่วงปิดเทอมก็จะพาลูกไปเที่ยว หรือบางครั้งถ้าฉุกเฉิน ต้องอัดงานทั้งอาทิตย์ต่อเนื่อง ก็จะไม่ให้เกิน 9 วัน ต้องบินกลับไปหาลูกแล้ว เหตุผลที่เกดเลือกให้ลูกเรียนที่ภูเก็ต เพราะเราอยากให้เขามีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่ต้องแออัด เจอมลภาวะในเมืองหลวง ที่สำคัญ ถ้าไม่ได้อยู่ที่โน่น เกดคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกเรามีพรสวรรค์ด้านการว่ายน้ำมากขนาดนี้ ถึงตอนนี้เขาเพิ่ง 8 ขวบ แต่ผลงานที่เขาแข่งในระดับโรงเรียน ถือว่าทำได้ดีมาก โค้ชก็ชม ซึ่งเกดก็ได้แต่แอบภาวนา สวดมนต์ทุกวันว่า ถ้าเขายังรักในการว่ายน้ำ และทำผลงานได้แบบนี้ต่อไป ในอนาคตเขาก็อาจได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย ด้วยการเป็นนักกีฬาทีมชาติ หรือไปแข่งในระดับโอลิมปิก” คุณแม่ดีกรีนางแบบแถวหน้าของเมืองไทยบอกเล่าด้วยความภาคภูมิใจ

คุณแม่เคยพูดกับเกดว่า เป็นแม่คนเมื่อไหร่ก็จะรู้เอง เราก็ยังไม่เข้าใจ แต่พอมาวันนี้เราเป็นแม่ ถึงได้รู้ว่าแม่พูดถูกทุกอย่าง

นิยามความเป็นแม่สายสตรอง

อย่างไรก็ตาม ด้วยคาแร็กเตอร์ที่ดูเป็นคุณแม่สุดมั่น ยอมทำทุกวิถีทาง ใช้ทุกแผนเพื่อให้ได้ชัยชนะในรายการ The Face Thailand จนทำให้ผู้ชมติดภาพและแยกไม่ออกว่าตัวจริงของลูกเกดเป็นเช่นนั้น หรือเปล่า งานนี้เมนเทอร์ลูกเกดลดดีกรีความดุดันขอเคลียร์ตรงนี้เลยว่า “เมนเทอร์ลูกเกด กับลูกเกดตัวจริง ไม่เหมือนกันนะคะ

“เกดอาจจะเติบโตมาแบบสตรอง เพราะคุณแม่ของเกดเป็นผู้หญิงที่สตรอง และเป็นนักสู้มาก เลี้ยงลูกคนเดียว ต้องทำงานนอกบ้านและดูแลลูกๆ 4 คนไปด้วย เกดเองเลยเหมือนได้รับการหล่อหลอมให้เป็นผู้หญิงที่ดูสตรอง มีคาแร็กเตอร์มั่นใจ กล้าที่จะลุกขึ้นสู้เพื่อความยุติธรรม แต่พอเกดมีลูกเอง เกดกลับเลือกที่จะนำความเข้มแข็งที่มีมาปรับใช้กับลูก เกดจะไม่เลี้ยงเขาแบบที่แม่เลี้ยงเกดมาร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่เพราะแม่เลี้ยงไม่ดี แต่เพราะยุคสมัยเปลี่ยนไป เกดก็ต้องปรับวิธีใหม่ ทุกวันนี้คุณแม่ก็ยังเป็นที่ปรึกษาคนสำคัญของเกดในการเลี้ยงลูก เกดอยากให้น้องสกายเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็ง แต่ขณะเดียวกันยังมีมุมที่อ่อนโยน มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความเป็นไทย ไม่ก้าวร้าว สอนให้เขาพูดได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ”

ลูกเกดยังบอกด้วยว่า ด้วยความที่เวลาทำอะไรต้องเริ่มต้นจากการวางแผน เพราะฉะนั้นตั้งแต่ตอนตั้งท้องก็ทำการบ้าน หาข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกไว้มาก เพื่อนำมาปรับใช้ ถึงลุคจะดูเป็นคุณแม่ขาลุย แต่ลูกเกดย้ำหนักแน่นว่า ไม่เลี้ยงลูกด้วยการตี แต่จะเรียกมาพูดคุยและตักเตือน บางเรื่องพูดไปเขาอาจจะยังไม่เข้าใจหรือไม่ทำตาม ก็ต้องอาศัยพูดบ่อยๆ

“เกดอยากให้เขาเป็นตัวของตัวเอง มีมุมมองที่กว้างไกล และที่สำคัญ ต้องเป็นคนดีของสังคม ส่วนการทำงานในวงการบันเทิง เกดไม่เน้นว่า
เขาจำเป็นต้องทำ เพราะอย่างที่บอก เกดอยากให้เขาเติบโตตามวัย ไม่อยากให้ชีวิตวัยเด็กต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในกองถ่ายละคร นั่งท่องบทตลอดเวลา แต่ให้เขามีความสุข อย่างคริสต์มาสปีที่แล้ว เราขับรถไปตะลุยเมลเบิร์นสามคนพ่อแม่ลูก กลางคืนก็นอนในรถ มีความสุขมาก และคิดว่าคริสต์มาสปีนี้จะไปกันอีก แต่อาจจะเปลี่ยนไปที่นิวซีแลนด์แทน”

ย้อนวันวานถึงช่วงเวลาแห่งความสุขที่จดจำไม่รู้ลืมแล้ว ลูกเกดยังเผยถึงมุมอ่อนโยนของความเป็นแม่ที่น่ารัก จนอดยิ้มตามไปกับเรื่องราวของเธอไม่ได้ และถึงแม้จะทราบมาตลอดว่าการเป็นแม่คืออะไร แต่วันที่ได้สวมบทแม่จริงๆ ลูกเกดถึงได้รู้รสชาติของการเป็นแม่อย่างแท้จริง

“คุณแม่เคยพูดกับเกดว่า เป็นแม่คนเมื่อไหร่ก็จะรู้เอง เราก็ยังไม่เข้าใจ แต่พอมาวันนี้เราเป็นแม่ ถึงได้รู้ว่าแม่พูดถูกทุกอย่าง ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างเรื่องความห่วงใยของคนเป็นแม่ ตอนสกายยังเป็นเด็กอ่อน ยุงตัวเดียวเกดก็ไม่ให้กัด ถ้าเห็นว่ามียุงในห้องแม้เพียงตัวเดียว เกดรื้อทั้งห้องเลยค่ะ” ลูกเกดเล่าพร้อมยกมือโบกไปมาประกอบท่าทางอย่างขำขัน แต่เบื้องหลังเสียงหัวเราะกลับฉายด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ของแม่

“พอเป็นแม่ถึงได้รู้ว่า พลังแห่งความรักนี้ยิ่งใหญ่ ใครจะคิดว่าทุกวันนี้เกดเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ-พังงาเป็นว่าเล่น บางครั้งเลิกงานดึกก็ยังขึ้นเครื่อง เพื่อกลับไปเข้านอนกับลูก แล้วเช้ารีบตื่นมาสนามบินแต่เช้า เพื่อกลับมากองถ่าย เหนื่อย แต่คุ้มค่าค่ะ เรายอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เห็นรอยยิ้มของเขา ได้เห็นเขามีความสุข แค่นี้ก็คุ้มค่าแล้ว ซึ่งเกดก็ได้แต่หวังว่าเขาจะรับรู้ถึงความรักที่เกดมีให้เขา” เมนเทอร์ ตัวแม่กล่าวทิ้งท้าย

Leave a Reply