HappeningHappening 117Number 117POWER Mag

Lifestyle Update

WINE PUB AN AWARD-WINNING WINE BAR การดื่มไวน์นับเป็นความสุขอย่างหนึ่ง ยิ่งหากได้จับคู่ไวน์ที่เข้ากันได้ดีกับอาหารแล้วล่ะก็ นอกจากทั้งสองสิ่งจะช่วยเติมเต็มรสชาติให้กันและกันแล้ว ยังถือเป็นสุนทรียะอย่างหนึ่งของชีวิตเลยทีเดียว หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลงใหลรสชาติอันมีเสน่ห์เฉพาะตัวของไวน์ และชื่นชอบบรรยากาศแห่งการสังสรรค์พร้อมอาหารชั้นเลิศ “ไวน์ ผับ” (Wine Pub) คือที่ๆ คุณไม่อาจพลาดได้ ด้วยรางวัลการันตีความอร่อยมากมาย เช่น รางวัล “Wine Spectator Award of Excellence 2017” จากนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และ  “Wine & Gastronomic Excellence 2017” จากนิตยสาร Luxury Travel ประเทศอังกฤษ ดังนั้นที่นี่จึงนับเป็นหนึ่งในร้านอาหารและไวน บาร์์ที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ไวน์ ผับเอาใจคนรักไวน์ด้วยความหลากหลายของเมนูไวน์ที่คัดสรรมาเป็นพิเศษจากทั่วทุกมุมโลก มีทั้งที่พร้อมเสิร์ฟแบบขวดมากกว่า 100 ชนิด และชนิดที่เสิร์ฟแบบแก้ว “48 Wines by the Glass” โดยผ่านเครื่อง Wine Dispenser ด้วยคอนเซ็ปต์ “Vinoteca” ซึ่งเน้นการเป็นทางเลือกใหม่ที่มีความร่วมสมัยให้กับเหล่าคอไวน์ ด้วยไวน์ชั้นดีระดับพรีเมี่ยมและไวน์ชั้นกรองครู (Grand Cru) 48 ชนิด ทั้งหมดถูกเก็บรักษาด้วยเทคโนโลยีทันสมัยเพื่อให้คงรสชาติเหมือนเพิ่งเปิดขวดอยู่เสมอเพลิดเพลินกับไวน์พร้อมลิ้มลองอาหารสไตล์ “บิสโตรโนมี” (Bistronomy) นิยามใหม่แห่งศาสตร์การปรุงอาหารที่ผสมผสานความคลาสสิกและความทันสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว คำว่า “บิสโตรโนมี” มีรากฐานมาจากภาษาฝรั่งเศส เกิดขึ้นในยุค 1990 ซึ่งใช้กันในกลุ่มเชฟที่มีอายุน้อยแต่มากด้วยพรสวรรค์ในด้านฝีมือการปรุงอาหารภายใต้บรรยากาศอันสุดแสนผ่อนคลายในสไตล์บิสโตร ดังนั้นคำนี้จึงเป็นคำที่เหมาะที่สุดที่จะบรรยายถึงความเป็นไวน์ ผับได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยกลิ่นอายความเป็นฝรั่งเศสสไตล์บิสโตร ผนวกกับศาสตร์แห่งการปรุงอาหาร สื่อสะท้อนให้เห็นความชัดเจนของไวน์ ผับอย่างแท้จริง ทั้งในเรื่องของเมนูอาหารที่มีรสชาติคุณภาพยอดเยี่ยม คู่กับไวน์ชั้นเลิศ เสิร์ฟในบรรยากาศสบายๆ ยามเย็นหลังเลิกงาน ไวน์ ผับพร้อมต้อนรับทุกท่านด้วยหลากเมนูสไตล์ฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นพอร์กช็อป มันบด และซอสเหล้าคอนยัค, สเต็กเนื้อวัวสันในอาร์เจนตินาซอสพริกไทยดำ,  หอยแมลงภู่อบไวน์ขาว, สเต็กปลาหิมะ ถั่วลันเตา และซอสเนยกับซีอิ๊ว ซึ่งทั้งหมดเป็นเมนูเด่นประจำร้าน ที่หัวหน้าพ่อครัวใหญ่ชาวฝรั่งเศส เชฟโดมินิค แฟร์โชดิ์ ผู้มีประสบการณ์ด้านการปรุงอาหารมานานกว่า 30 ปี และทีมงาน ได้ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้น นอกจากนี้ไวน์ ผับยังมีเมนูพิเศษที่เหมาะสำหรับรับประทานกันแบบ 2-3 ท่าน ไม่ว่าจะเป็นชุดชีสและโคลด์คัต, สเต็กเนื้อวัววากิวชั้นดี, กุ้งล็อบสเตอร์แคนาดา, ซีฟู้ดแพลตเตอร์ พร้อมทาปาสรสจัดจ้าน โดยทั้งหมดจะเสิร์ฟพร้อมกับไวน์รสเลิศตามแบบที่คุณต้องการ ไม่เพียงเท่านั้น เชฟโดมินิค แฟร์โชดิ์ ยังภูมิใจนำเสนอเมนูสุดพิเศษในแต่ละวัน เพื่อเพิ่มรสชาติและสีสันให้กับไวน์แก้วโปรดของคุณมากยิ่งขึ้นอีกด้วย พิเศษสุดสำหรับสมาชิกคิง เพาเวอร์ รับส่วนลดสูงสุดถึง 50% สำหรับเมนู A La Carte สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งเพื่อการสังสรรค์กับเพื่อนฝูง และคนรู้ใจได้ที่ไวน์ ผับ ชั้น 2 โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ โทร. 0 2680 9999 หรือ [email protected] เว็บไซต์ www.winepubbangkok.com
Editor
26 December 2017
HappeningHappening 117Number 117POWER Mag

Editor’s Letter

สวัสดีค่ะ ท่านสมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ทุกท่าน “...พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า” คือพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่แสดงให้เห็นถึงสายพระเนตรอันยาวไกลและพระราชปณิธานของพระองค์ที่ทรงมุ่งมั่นในการพลิกฟื้นคืนความสมบูรณ์ให้ธรรมชาติและผืนแผ่นดิน ผ่านโครงการ “ป่ารักน้ำ” ซึ่งเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนของคนในพื้นที่และผืนป่าโดยไม่มีการทำลายได้เป็นอย่างดี เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2560 นิตยสาร Power จึงขอนำเสนอเรื่องราวของโครงการ “ป่ารักน้ำ” ซึ่งเกิดขึ้นจากน้ำพระราชหฤทัยที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย ผ่านบทความเรื่อง “The River of Life for Thai People”และในโอกาสพิเศษของเดือนแห่งวันแม่ คอลัมน์ Power Exclusive ของเราจึงขอนำเสนอเรื่องราวของแม่-ลูกคนดังจากหลากหลายสาขาที่ได้มาร่วมกันถ่ายทอดสายใยความรักความผูกพันไว้อย่างน่าประทับใจ ขณะที่แฟชั่นเซ็ตฉบับนี้ “ลูกเกด--เมทินี กิ่งโพยม ชาร์พเพิร์ล” จะมายืนยันความเป็นนางแบบแถวหน้าของเธอ พร้อมเปิดใจให้สัมภาษณ์แบบเอ็กซ์คลูซีฟถึงหน้าที่ความเป็นแม่ในชีวิตจริง ส่วนคอลัมน์ยอดนิยม Destination จะพาท่านสมาชิกไปเยือนญี่ปุ่น ประเทศที่ไปเที่ยวมากี่ครั้งก็ไม่เคยเบื่อ แถมยังมีหลากหลายสิ่งที่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวแบบครอบครัวได้เป็นอย่างดี นอกจากที่กล่าวมาแล้ว นิตยสาร Power ของเรายังคงมีเรื่องราวน่าสนใจมากมายให้ท่านได้ติดตามอ่านเช่นเคย หวังว่าจะถูกใจท่านบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ...จนกว่าจะพบกันใหม่ฉบับหน้าค่ะ
Editor
21 December 2017
HappeningHappening 117King Power Thai PowerNumber 117Power HappeningPOWER Mag

Power Happening

กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผู้นำด้านสินค้าปลอดภาษีอากรระดับสากล นำโดย อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตั้งเป้าหมายส่งเสริมสังคมไทยอย่างยั่งยืน โดยเปิดตัวโครงการ “KING POWER THAI POWER พลังคนไทย” ส่งเสริมและพัฒนาพลังของคนไทยในทุกมิติอย่างยั่งยืนเริ่มโครงการแรกด้วยการมุ่งเน้นส่งเสริมเยาวชนไทยด้านกีฬาฟุตบอล หรือ “Sport Power” สร้างโรดแมปส่งเสริมพัฒนาการด้านฟุตบอลให้กับเยาวชนไทยทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ด้วยการสร้างสนามฟุตบอลหญ้าเทียมมาตรฐานสากลให้กับโรงเรียนต่างๆ เพื่อให้เยาวชนไทยได้มีพื้นที่สำหรับออกกำลังกาย และใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตั้งเป้าส่งมอบสนามฟุตบอลให้กับโรงเรียนต่างๆ ภายในปีพ.ศ. 2560 จำนวน 20 โรงเรียน และครบ 100 โรงเรียนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทยภายในปีพ.ศ. 2565 พร้อมเตรียมโครงการมอบลูกฟุตบอลจำนวน 1 ล้านลูก เพื่อให้เยาวชนไทยมีไว้ได้ฝึกฝนทักษะด้านฟุตบอลของตนเองในเร็วๆ นี้ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ว่า “เรามองว่าประเทศไทย 4.0 จะพัฒนาคนไทยให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนได้ต้องมาจากพลังของไทย ซึ่งเยาวชนไทยนับเป็นกำลังสำคัญและเป็นพลังที่มีศักยภาพในการพัฒนาประเทศให้เจริญก้าวหน้าต่อไปในอนาคต ดังนั้นการที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการส่งเสริมเยาวชนตั้งแต่เริ่มต้น จะช่วยทำให้ประเทศไทยมีความแข็งแกร่งมากขึ้น โดยบริษัทฯ มีนโยบายที่ชัดเจนว่า การดำเนินงานและกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในด้านกีฬา จะเน้นการส่งเสริมพัฒนาศักยภาพของเยาวชนเป็นสำคัญ” กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ยังจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมความฝันของเยาวชนไทยให้ก้าวสู่การเป็นนักฟุตบอลระดับโลก อาทิ โครงการ Fox Hunt ตามล่าจิ้งจอกสายพันธุ์สยาม, Leicester City Football Clinic, King Power’s Cup, โครงการสานฝันน้องพี สู่นักบอลอาชีพ, โครงการฮีโร่สานฝันปันรัก เพื่อน้อง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น นอกจากนั้นจากการที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ เป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ และสโมสรฟุตบอลโอ เอช ลูเวิน (OH Leuven) ประเทศเบลเยียม จึงมีโครงการที่จะส่งเสริมนักฟุตบอลไทยที่มีศักยภาพ ให้มีโอกาสเข้าไปเล่นฟุตบอลอาชีพในลีกยุโรปอีกด้วย PRESS POLO DAY @ VS Sports Club กนกศักดิ์ ปิ่นแสง (กลาง) นายกสมาคมกีฬาขี่ม้าโปโลแห่งประเทศไทย จัดงาน “Press Polo Day” เปิดสนามให้สื่อมวลชนร่วมชมการฝึกซ้อม พร้อมเก็บภาพในการเตรียมความพร้อมของนักกีฬาขี่ม้าโปโลทีมชาติไทย นำโดย อภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา (ที่ 3 จากขวา) เพื่อสู้ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 19-31 สิงหาคมนี้ ณ ประเทศมาเลเซีย โดยมี ธวัชชัย ทวีศรี (ที่ 3 จากซ้าย) เลขาธิการสมาคมฯ ร่วมงาน ณ สนามวีเอส สปอร์ต คลับ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ KING POWER WINS DFNI AWARDS 2017 @ Marina Bay Sands, Singapore ซูซาน…
Editor
21 December 2017
HappeningHappening 117Number 117POWER Mag

Power Exclusive: The River of Life for Thai People

THE RIVER OF LIFE FOR THAI PEOPLE “...พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า” คัดตัดตอนจากพระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระราชทานแก่ราษฎรบ้านถ้ำติ้ว ณ บ้านถ้ำติ้ว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2525 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถคู่พระราชหฤทัยที่ทรงเคียงข้างและทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจที่เกื้อหนุนและสนองพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาโดยตลอด หนึ่งในพระราชกรณียกิจเหล่านั้น คือการอนุรักษ์ป่า ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เอาพระราชหฤทัยใส่และมีพระราชปณิธานแน่วแน่ในการที่จะฟื้นฟูรักษาป่าต้นน้ำ เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับผืนแผ่นดิน ซึ่งเป็นแหล่งหล่อเลี้ยงทุกสรรพชีวิต จากการตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปทรงเยี่ยมราษฎรในทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ทำให้สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงทราบด้วยพระเนตรพระกรรณถึงความยากลำบากของราษฎรที่เกิดจากการขาดแคลนน้ำจนเกิดความแห้งแล้งในหลายพื้นที่  อีกทั้งยังทรงทราบด้วยพระเนตรพระกรรณว่า พื้นที่ป่าไม้ของประเทศมีจำนวนลดน้อยลงไปมาก ส่วนหนึ่งมีสาเหตุจากภัยพิบัติตามธรรมชาติ แต่อีกส่วนซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ผืนป่าหมดไปอย่างรวดเร็ว คือการลักลอบตัดไม้ ซึ่งจำนวนไม่น้อยเกิดจากความยากจน ชีวิตความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ผลักดันให้ราษฎรต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหานี้ เพราะหากป่าหมดสภาพไป ก็ย่อมจะส่งผลกระทบต่อทุกชีวิต นอกจากจะเกิดภาวะฝนแล้ง เกษตรกรปลูกพืชพรรณธัญญาหารไม่ได้ผล ทำให้เกิดภาวะขาดแคลนอาหารแล้ว สัตว์ป่าที่เคยมีอยู่อย่างชุกชุมก็จะพลอยลดจำนวนลงหรืออาจถึงขั้นสูญพันธุ์ได้เพราะพื้นที่ป่าคือที่ดูดซับน้ำได้เป็นอย่างดี โดยการกักเก็บน้ำไว้ที่รากใต้ดิน นานวันไปก็จะเกิดน้ำซับ เกิดเป็นลำธารขึ้นได้ เพื่อเป็นตัวอย่างของการแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงทรงชักชวนให้ประชาชนร่วมมือร่วมใจกันปลูกป่าที่บริเวณเชิงภูผาเหล็ก ติดกับอ่างเก็บน้ำคำจวง บ้านถ้ำติ้ว อำเภอส่องดาว จังหวัดสกลนคร โดยทรงมอบหมายให้ท่านผู้หญิงสุประภาดา เกษมสันต์ ราชเลขานุการในพระองค์และพันเอกเรวัต บุญทับ (ปัจจุบันคือ พลเอกณพล บุญทับ) ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 23 จัดเตรียมพื้นที่สำหรับทรงปลูกป่าเป็นตัวอย่าง 1 ไร่ โดยทรงปลูกทั้งไม้ประดู่ ไม้แดง ไม้ซ้อ กระถินณรงค์ ยูคาลิปตัส ทั้งหมดประมาณ 100 ต้น เพื่อให้ราษฎรได้เห็นการปลูกอย่างถูกวิธี อีกทั้งยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญเทพารักษ์เจ้าป่าให้มาสถิตเพื่อคุ้มครองพื้นที่ พร้อมทั้งพระราชทานชื่อโครงการนี้ว่า “ป่ารักน้ำ” โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์ 5 ประการ คือ 1. เพื่อฟื้นฟูสภาพป่าที่เสื่อมโทรมให้เป็นบริเวณต้นน้ำลำธารกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ 2. เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้เดิมเอาไว้ให้ได้ ในเวลาเดียวกันก็ปลูกเสริมขึ้น เพื่อให้มีป่าไม้ช่วยในการควบคุมความปรวนแปรของดินฟ้าอากาศและภัยแล้ง 3. เพื่อเสริมสร้างและปลูกฝังให้ราษฎรเกิดความรักและหวงแหนทรัพยากรป่าไม้ให้มากยิ่งขึ้น 4. เพื่อให้ประชาชนในท้องถิ่นมีไม้ไว้ใช้สอยและเพิ่มพูนรายได้ และ 5. เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ยากจน ขาดแคลนที่ดินทำกิน และบุกรุกกระจัดกระจายในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ให้มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง มีอาชีพแน่นอน เพื่อจะได้มีรายได้เลี้ยงครอบครัวต่อไปนอกจากนั้นยังทรงเช่าและซื้อที่ดินที่ชาวบ้านแผ้วถางเพื่อปลูกมันสำปะหลัง แต่ทิ้งร้างไป มาปลูกป่าในโครงการ โดยจัดให้ชาวบ้านเข้าอยู่อาศัย หาอาชีพให้ ชักชวนให้ปลูกต้นไม้และดูแลป่า พร้อมทั้งสร้างความเข้าใจถึงประโยชน์ของป่า ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำ ในระยะเริ่มแรกมีราษฎรเข้าร่วม 35 ครอบครัวพระองค์พระราชทานเงินเดือนให้ครอบครัวละ 3,000 บาท ต่อมาได้มีครอบครัวอาสาเข้ามาปลูกป่าถวายเพิ่มอีก รวมทั้งมีชาวบ้านที่ประกอบอาชีพอื่นได้ใช้เวลาว่างจากการทำงานมาร่วมมือร่วมใจกันปลูกป่าถวายโดยไม่ขอรับเงิน เวลาผ่านไป เมื่อชาวบ้านที่เข้าร่วมโครงการสามารถตั้งตัวได้ มีรายได้จากการประกอบอาชีพ พระองค์ท่านจึงทรงลดความช่วยเหลือลงจนทุกครอบครัวสามารถพึ่งตนเองได้ในที่สุด สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเล่าถึงการดำเนินงาน “โครงการป่ารักน้ำ” พระราชทานคณะบุคคลที่เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2527 ความตอนหนึ่งว่า “…ไปเช่าและซื้อที่ดินจากชาวบ้าน ตั้งแต่เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ติดต่อเชื่อมโยงกับหมู่บ้านใหญ่…
Editor
21 December 2017
HappeningHappening 117Number 117POWER Mag

The Greatest King: The Country’s Source of Life

THE COUNTRY'S SOURCE OF LIFE จากพระราชปณิธานที่จะบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพสกนิกรทั่วทุกพื้นที่บนแผ่นดินไทย ตลอด 70 ปีที่ทรงครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงริเริ่มโครงการในพระราชดำริ มากกว่า 4,000 โครงการ โดยในจำนวนนี้เป็นงานพัฒนาแหล่งน้ำและการชลประทานมากถึงกว่า 2,000 โครงการ จากการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรนับตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์ ทำให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงตระหนักว่าภัยแล้งและน้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภคเป็นปัญหาที่รุนแรงและสำคัญที่สุด การจัดการทรัพยากรน้ำและการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถทำการเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี จึงนับเป็นงานสำคัญและมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศซึ่งทำอาชีพกสิกรรม โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่เกิดจากแนวพระราชดำริเป็นลำดับแรก คือโครงการอ่างเก็บน้ำเขาเต่า อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน พ.ศ. 2505 ขณะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรที่หมู่บ้านเขาเต่า ทรงพบว่าราษฎรในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเล ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจืด ทั้งสำหรับการอุปโภคบริโภคและการเพาะปลูก จึงมีพระราชประสงค์ที่จะทรงช่วยเหลือโดยจัดให้มีแหล่งน้ำด้วยการสร้างเขื่อนดินปิดกั้นน้ำทะเล ไม่ให้ไหลเข้ามาตามคลอง และเพื่อกักเก็บน้ำฝนมิให้ไหลลงสู่ทะเล ทำให้เกิดเป็นอ่างเก็บน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ อ่างเก็บน้ำเขาเต่าเริ่มก่อสร้างในปีพ.ศ. 2506 แล้วเสร็จในปีเดียวกัน เป็นเขื่อนดินที่มีความจุประมาณ 600,000 ลูกบาศก์เมตร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 300 ไร่ ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆ ทำให้ทรงทราบถึงปัญหาขาดแคลนน้ำที่มักเกิดขึ้นในท้องถิ่นทุรกันดาร จึงทรงทุ่มเทพระราชหฤทัยในงานด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ เพราะทรงมีความเชื่อมั่นว่า “น้ำคือชีวิต” ดังพระราชดำรัสที่พระราชทาน ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2529 ความตอนหนึ่งว่า “...หลักสำคัญว่าต้องมีน้ำบริโภค น้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราะว่าชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำ คนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้า คนอยู่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้า ไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้...”อีกทั้งเมื่อใดที่สามารถแก้ไขหรือบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องน้ำได้ เมื่อนั้นราษฎรย่อมมีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาชนบทในด้านต่างๆ ได้ ด้วยเหตุนี้ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำตามแนวพระราชดำริจึงได้เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อมุ่งขจัดปัญหาความแห้งแล้งอันเนื่องมาจากสภาพของป่าไม้ต้นน้ำเสื่อมโทรม ลักษณะดินเป็นดินปนทราย หรือการขาดแหล่งน้ำจืด โดยมีหลักสำคัญคือ การพัฒนาแหล่งน้ำให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศในแต่ละท้องที่ และยังจะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในด้านเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่น หลีกเลี่ยงการเข้าไปสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้กับคนกลุ่มหนึ่ง และสร้างประโยชน์ให้กับคนอีกกลุ่มหนึ่งอีกด้วย การพัฒนาแหล่งน้ำตามแนวพระราชดำริในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่เพียงเป็นไปเพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภคเท่านั้น ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันมากล้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานแนวทางพัฒนาแหล่งน้ำในอีกหลายด้าน ทั้งเพื่อการอนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำลำธาร เพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ การระบายน้ำออกจากที่ลุ่ม การป้องกันและบรรเทาน้ำท่วม รวมถึงการบรรเทาน้ำเสีย โดยมีโครงการซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี เช่น เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ “คลองลัดโพธิ์” จังหวัดสมุทรปราการ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงอุทิศพระองค์ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจใหญ่น้อยเพื่อสร้างความสุขที่ยั่งยืนให้กับพสกนิกรที่อยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารมาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ สิ่งนี้นับเป็นเครื่องยืนยันความตอนหนึ่งในพระราชหัตถเลขาที่ทรงมีไปถึงพระสหายในต่างประเทศภายหลังเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ ที่ว่า “...ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้ คือการได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยทั้งปวง” อย่างแท้จริง
Editor
21 December 2017
HappeningHappening 117Number 117POWER Mag

Power Experience: Memorable Moment

MEMORABLE MOMENT การช้อปปิ้งที่ คิง เพาเวอร์ ไม่เพียงช่วยเติมเต็มสีสันแห่งความสุข เพิ่มความรื่นรมย์ให้กับการเดินทางได้ในทุกๆ ทริปเท่านั้น แต่ยังเป็นกิจกรรมที่ช่วยเสริมสายใยรักในครอบครัว จนกลายเป็นประสบการณ์ดีๆ ซึ่งส่งต่อจากแม่สู่ลูก ดังเช่นคู่แม่-ลูกแห่งตระกูล “ส่งทวีผล” ซึ่งมีใจตรงกันในหลายๆ เรื่อง ทั้งไลฟ์สไตล์ที่คล้ายคลึง รสนิยมที่ใกล้เคียง จนบ่อยครั้งที่ทั้งสองซื้อของแบบเดียวกันโดยมิได้นัดหมาย และแน่นอนว่าทั้งคู่ยังชื่นชอบการช้อปปิ้งที่ คิง เพาเวอร์ ในทุกครั้งที่เดินทางเหมือนกันอีกด้วย วิจิตรา และวีรดา ส่งทวีผล สมาชิกบัตรคิง เพาเวอร์ ระดับ VEGA ได้มาร่วมแบ่งปันความประทับใจที่มีต่อ คิง เพาเวอร์ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากความผูกพันและความรักในการท่องเที่ยวของครอบครัวโดยแท้ ฝ่ายคุณแม่เริ่มบทสนทนาด้วยใบหน้าอาบรอยยิ้มว่า “ครอบครัวของเราชอบการท่องเที่ยวค่ะ เพราะเป็นช่วงเวลาที่เราจะได้อยู่ร่วมกัน ได้ท่องเที่ยวด้วยกัน ได้ช้อปปิ้งด้วยกัน เราเที่ยวกันได้ทุกแนว จะเที่ยวธรรมชาติหรือเที่ยวชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ก็ชอบทั้งนั้น เราเป็นครอบครัวใหญ่ แต่ก็สนิทกันมาก กับลูกๆ จะพูดคุยกันได้ตลอด เราใช้เวลาด้วยกันบ่อยๆ เวลาลูกมีปัญหาหรือมีอะไรที่ไม่สบายใจ แม่ก็จะดูออกและจะคอยให้คำแนะนำกับเขา” เพราะมีคุณแม่เป็นแรงหนุนให้กับลูกๆ ในเรื่องของกำลังใจ แถมทั้งรู้ใจและเป็นที่ปรึกษาได้เสมอ ครอบครัวจึงสนิทสนมกลมเกลียว ไม่มีช่องว่างระหว่างกัน “ที่บ้านเรามีกัน 5 คนพี่น้องค่ะ พี่ชายคนโตอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งครอบครัวเราจะพยายามหาเวลาว่างที่ตรงกันและเดินทางไปเยี่ยมเสมอๆ เราให้ความสำคัญกับการใช้เวลาร่วมกันในครอบครัวมากๆ ค่ะ จะนัดรับประทานอาหารด้วยกันเสมอๆ ถึงแม้ว่าตอนนี้เวลาที่จะได้เจอกันอาจน้อยลง เพราะแต่ละคนต่างมีหน้าที่การงานต้องรับผิดชอบ แต่ก็พยายามหาเวลาว่างให้ตรงกันเพื่อจะได้พูดคุยกันอยู่บ่อยๆ “คุณแม่จะเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิตทุกอย่าง คือเป็นทั้งแม่ เป็นทั้งเพื่อน เป็นพี่สาว มีอะไรก็จะปรึกษาพูดคุยกันตลอด คุณแม่คอยให้คำแนะนำทุกอย่าง ที่บ้านมีลูก 5 คน แต่พอรวมคุณพ่อ-คุณแม่ด้วย จะมีความรู้สึกเหมือนเป็นพี่น้อง 7 คนมากกว่า เพราะบ้านเราสนิทกันมาก สำหรับปุ๊ก ท่านเป็นทุกๆ อย่างค่ะ” ฝ่ายลูกสาวคนสวยกล่าวบ้าง ด้วยเหตุนี้ ในการเดินทางไม่ว่าจะทริปใด จึงเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษที่สมาชิกครอบครัว “ส่งทวีผล” จะได้อยู่ร่วมกัน ได้พักผ่อนสมอง ได้สนุกสนานเพลิดเพลิน และเป็นโอกาสที่จะช้อปปิ้งหาซื้อสิ่งของที่ชอบด้วยกันตามประสาครอบครัวที่รู้ใจกัน “การช้อปปิ้งเป็นสิ่งที่พวกเราชอบและไม่เคยพลาดกันเลยค่ะ จะต้องมีแทรกไว้ตลอดการเดินทาง” วิจิตรากล่าว ความชื่นชอบในการช้อปปิ้งยังชักนำให้วิจิตราได้มีโอกาสรู้จักกับ “คิง เพาเวอร์” จนเกิดความประทับใจมาอย่างยาวนาน โดยย้อนไปถึงยุคที่วิชัย ศรีวัฒนประภา ยังทำธุรกิจร้านค้าปลอดภาษีอากรที่ฮ่องกงเลยทีเดียว และเมื่อ คิง เพาเวอร์ ได้เข้ามาโลดแล่นอยู่ในธุรกิจดิวตี้ ฟรีของประเทศไทย เธอและครอบครัวจึงไม่พลาดที่จะตามมาเป็นลูกค้าอย่างเหนียวแน่น “สมัยก่อนครอบครัวเราเดินทางไปฮ่องกงกันบ่อยมาก อย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง เลยมีโอกาสได้เจอ คิง เพาเวอร์ ที่นั่น เมื่อเราเข้าไปช้อป ก็พบว่าสินค้าราคาดี ถูกกว่าตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป และเมื่อสอบถามก็ได้ทราบว่า เจ้าของเป็นคนไทย ก็รู้สึกชื่นชมในวิสัยทัศน์และความสามารถในการสร้างธุรกิจสินค้าปลอดภาษีได้อย่างถูกใจลูกค้า เลยตามกลับมาซื้อที่เมืองไทยตั้งแต่ คิง เพาเวอร์ ยังเปิดที่เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ หรือเซ็นทรัล เวิลด์ในตอนนี้ หลังจากนั้นเวลาจะเดินทาง เราจะไปช้อปปิ้งที่ คิง เพาเวอร์ กันทุกครั้งค่ะ” วิจิตรากล่าวถึงตรงนี้ วีรดาจึงเล่าบ้างว่า ทุกครั้งก่อนเดินทาง ทุกคนในครอบครัวจะชวนกันไปเลือกช้อปสินค้าที่หมายตากันไว้ก่อนที่ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ “สินค้าที่เลือกซื้อส่วนมากจะเป็นเครื่องสำอาง น้ำหอม แป้ง ครีมต่างๆ รองเท้า กระเป๋า และนาฬิกาค่ะ ปกติราคาสินค้าของ คิง เพาเวอร์ ก็ดีกว่าที่อื่นอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นช่วงเซลส์…
Editor
13 December 2017
HappeningHappening 117Number 117POWER Mag

Power Exclusive: A Mother’s Touch

A MOTHER'S TOUCH เพราะ “แม่” คือผู้ให้กำเนิด คือผู้ที่คอยเลี้ยงดูลูกด้วยความรักใคร่ทะนุถนอมจนเติบใหญ่ ความรักบริสุทธิ์ของแม่ จึงเป็นพลังสำคัญที่ทำให้เราแต่ละคนดำรงอยู่เพื่อขับเคลื่อนและดำเนินชีวิตได้ในทุกวันเนื่องในโอกาสวันแม่ 12 สิงหาคม ได้เวียนมาอีกครั้ง นิตยสาร Power ขอพาคุณผู้อ่านไปสัมผัสชีวิตในฐานะ “แม่” ของ 3 สาว 3 สไตล์ ที่ครบเครื่องทั้งสวย เก่ง และยังอุทิศตนเองให้กับการดูแลลูกๆ ได้อย่างน่าประทับใจ สิรินยา บิชอพ ชีวิตครอบครัว เติมเต็มด้วยลูก ซินดี้เลือกคลอดแบบธรรมชาติ เพราะมองว่าเป็นช่วงเวลาที่มหัศจรรย์ของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าแม่ ที่จะได้ผ่านประสบการณ์ตรงนั้น ที่สำคัญ เด็กจะได้ประโยชน์อย่างมากจากการคลอดแบบธรรมชาติด้วย เมื่ออยู่หน้ากล้อง ท่ามกลางสปอตไลต์ “ซินดี้--สิรินยา บิชอพ” คือหนึ่งในตัวแทนสาวเก่งครบสูตร ที่มาพร้อมทั้งความสวยและความสามารถ ตลอดเวลาที่โลดแล่นในวงการบันเทิง เธอได้พิสูจน์ฝีมือและผลงานจนเป็นที่ประจักษ์แล้ว ไม่ว่าจะได้รับบทบาทไหน จนเธอได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในท็อปโมเดลระดับต้นๆ ของวงการนางแบบเมืองไทย เป็นนักแสดงดีกรีนางงามที่สวยไม่สร่าง และยังเป็นพิธีกรมากความสามารถ ทว่าชีวิตเบื้องหลังแสงแฟลชของซินดี้กลับเรียบง่ายและไม่ต้องมีองค์ประกอบความสุขอะไรมากมาย เพราะเธอพอใจและมีความสุขกับครอบครัวเล็กๆ แสนอบอุ่น ที่เธอและสามีสุดหล่อ “ไบรอน บิชอพ” ร่วมกันสร้างขึ้นด้วยความรักและความเข้าใจ โดยมี “น้องเลล่า” ลูกสาวคนสวยวัย 8 ขวบ และ “น้องเอเดน” ลูกชายสุดน่ารักวัย 5 ขวบ เป็นพยานรักตัวน้อยๆ ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มคำว่า “ครอบครัว” ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น การเป็นคุณแม่ คือชีวิตที่ใฝ่ฝัน นิยามคำว่า “ครอบครัว” ของคู่รักแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป แต่สำหรับซินดี้และไบรอน ด้วยความที่เติบโตมาภายใต้สายใยครอบครัวที่แข็งแกร่ง ทำให้ทั้งคู่เห็นตรงกันตั้งแต่คิดจะเริ่มสร้างครอบครัวแล้วว่า “ลูก” คือหนึ่งในหัวใจสำคัญของคำว่าครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ “ทั้งซินดี้และไบรอน เราโตมาในครอบครัวที่อบอุ่นมาก ถึงซินดี้จะเป็นลูกคนเดียว ไม่เคยได้เลี้ยงน้อง แต่ก็คิดมาตลอดว่า วันหนึ่งถ้าได้แต่งงาน ก็อยากมีลูก อยากสัมผัสโมเมนต์ของการเป็นแม่ เพราะฉะนั้นพอวางแผนจะเริ่มต้นชีวิตคู่ ซินดี้ก็วางแผนกับคุณไบรอนเลยว่า ถ้าจะมีลูก เราต้องวางแผนชีวิตกันอย่างไร เพราะการมีลูกหนึ่งคน เป็นความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ที่ต้องพร้อมทั้งกำลังกาย กำลังใจ และกำลังทรัพย์ ถ้าเราอยากจะดูแลเขาให้ดีที่สุด เราต้องเริ่มต้นวางแผนตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะฉะนั้นตั้งแต่แต่งงานปีแรก ซินดี้วางแผนเลยว่า เราต้องมีเงินเก็บเท่าไหร่ จะผ่อนบ้านหมดเมื่อไหร่ เพื่อเตรียมพร้อมจะมีลูกได้แบบไม่ต้องกังวล”หลังจากเตรียมความพร้อมอยู่ 4 ปี ในที่สุดก็มาถึงวันที่รอคอย เมื่อซินดี้ให้กำเนิดลูกสาวสุดน่ารัก น้องเลล่า ซึ่งเป็นคำมาจากภาษาอารบิก แปลว่าค่ำคืนที่สวยงาม หรือผู้หญิงผมดำ “ซินดี้โชคดีมาก พอปล่อยปุ๊บ น้องก็มาเลย” ซินดี้บอกเล่าอย่างอารมณ์ดี “ช่วงที่อุ้มท้องมา 9 เดือน สบายมาก ไม่แพ้มากนัก จะมาหนักคือช่วงตอนคลอด เจ็บท้องอยู่ประมาณ 40 ชั่วโมง ซินดี้เลือกคลอดแบบธรรมชาติ เพราะมองว่าเป็นช่วงเวลาที่มหัศจรรย์ของผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าแม่ ที่จะได้ผ่านประสบการณ์ตรงนั้น ที่สำคัญ เด็กจะได้ประโยชน์อย่างมากจากการคลอดแบบธรรมชาติด้วย โดยเฉพาะเรื่องภูมิต้านทาน ซินดี้เลยมองว่าธรรมชาติเป็นอะไรที่เพอร์เฟ็กต์ที่สุดแล้ว” คุณแม่เจ้าของนัยน์ตาคู่สวยยังบอกเล่าถึงความมหัศจรรย์ของการเป็นแม่ว่า ถึงจะนึกภาพการเป็นแม่มาตลอด แต่พอได้สัมผัสประสบการณ์จริง ต้องยอมรับว่า ห่างไกลจากภาพที่คิดไว้พอสมควร เพราะหน้าที่ของแม่นั้นมีความท้าทายมากมายรออยู่ที่ใครไม่เคยสัมผัสไม่มีวันได้รับรู้ “ซินดี้ตั้งใจไว้แล้วว่าจะเลี้ยงลูกเอง ให้นมเอง ทำเองทุกอย่าง เพราะซินดี้เชื่อว่าไม่มีใครจะดูแลเขาได้ดีกว่าเราที่เป็นแม่ เพราะฉะนั้นด้วยความที่เราเป็นสายเนิร์ดประมาณหนึ่ง เวลาจะทำอะไรต้องคิดวางแผน อย่างที่ผ่านมาเวลาจะไปเที่ยว ซินดี้ต้องวางแผนเที่ยวไว้ก่อนให้เรียบร้อย ดังนั้นพอคิดว่าจะเลี้ยงลูกเอง ยิ่งต้องทำการบ้าน ศึกษาข้อมูลให้หนัก ช่วงเวลา 9 เดือนที่อุ้มท้อง พยายามอ่านหนังสือเพื่อเก็บข้อมูลให้มากที่สุด จนพอคลอดแล้วก็ยังอ่าน เพื่อติดตามพัฒนาการของลูกในช่วงเดือนต่างๆ…
Editor
13 December 2017
HappeningHappening 117Number 117POWER Mag

Contributors: All Star Team

ALL STAR TEAM ฉบับนี้นิตยสาร Power จัดเต็มให้แฟนๆ ได้หัวใจพองโตและอิ่มเอมไปกับภาพแฟชั่นเซ็ตในธีม “คุณแม่” อย่างจุใจ ด้วยการรวบรวมทีมงานมือหนึ่งของทั้งวงการมาทำงานร่วมกัน ตั้งแต่สไตลิสต์มากฝีมืออย่าง “สัญชัย จิรัฏฐ์ ทรัพย์พิศาลกุล” แท็กทีมกับช่างภาพฝีมือเทพอย่าง “เปิ้ล--วสันต์ ผึ่งประเสริฐ” มาร่วมถ่ายทอดแฟชั่นสุดสตรอง โดยมีซูเปอร์โมเดลมืออาชีพตัวแม่ของวงการอย่าง “ลูกเกด--เมทินี กิ่งโพยม ชาร์พเพิร์ล” มาโชว์ลีลาการโพสแบบไม่ต้องฟังคอมเมนต์จากเมนเทอร์ โชว์ฟอร์มสมกับแฮชแท็กประจำตัว “#แม่ก็คือแม่” เท่านั้นยังไม่พอ ยังมี “ลูกน้ำ--สุคนธ์ สีมารัตนกุล” ช่างแต่งหน้าระดับตำนาน มาร่วมครีเอตลุคสวยๆ ให้ลูกเกดถ่ายทอดคาแร็กเตอร์คุณแม่ในหลากหลายบทบาทในต่างยุคสมัยได้อย่างไม่มีหลุดธีม เคียงข้างกับแฮร์สไตลิสต์คู่ใจอย่าง “เซโกะ--พงค์ศิริ พรพิจัยภาค” ที่ไม่ว่าจะโจทย์ไหนก็จัดให้ได้ดั่งใจ การรวมตัวของมือหนึ่งจากทั้งวงการครั้งนี้ ทำให้การทำงานตามโจทย์ที่สไตลิสต์คนเก่งวางไว้ว่า อยากให้ลูกเกด ซึ่งเป็น “แม่” ทั้งในชีวิตจริงและการทำงานในวงการ เป็นตัวแทนของคุณแม่คนเก่งในหลากหลายบุคลิก เป็นโจทย์ที่ง่ายไปในบัดดล เพราะทุกคนต่างรู้หน้าที่ของตัวเอง และทำงานออกมาอย่างมืออาชีพ ทำให้การทำงานในวันนั้นราบรื่น เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ราวกับเพื่อนเก่าที่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง และช่วยกันทำงาน จนทำให้การถ่ายทำครั้งนี้สำเร็จลุล่วงเร็วกว่าที่คิดไว้ “กับทีมงานนี้ เกดว่าเราร่วมงานกันมาเป็นร้อยๆ ครั้งแล้วนะคะ” ลูกเกดกล่าวอย่างอารมณ์ดี หลังจากนั่งลงจิบกาแฟรสชาติหวานน้อยคลายเหนื่อยจากการถ่ายแบบมาตลอดทั้งวัน “แต่นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เกดได้ร่วมงานถ่ายแบบที่เป็นไฮแฟชั่นกับทางนิตยสาร Power ซึ่งตัวเกดเองก็ห่างหายจากงานลักษณะนี้ไป 1-2 ปีแล้วเหมือนกัน การทำงานครั้งนี้เลยสนุกมาก และรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ทางทีมงานเลือกให้เกดมาเป็นตัวแทนของคุณแม่” แน่นอนว่า ถึงแม่จะมาเอง แต่ลูกเกดยอมรับว่าโจทย์นี้ไม่ง่ายเลย กับการที่แม่คนหนึ่งจะถ่ายทอดพลังที่ยิ่งใหญ่ของการเป็นแม่ ผ่านภาพนิ่งให้คนดูรู้สึกได้ “โจทย์วันนี้ไม่ง่ายเลยค่ะ แต่ด้วยทีมงานและความตั้งใจ บวกกับบรรยากาศการทำงานที่ดี มีส่วนสำคัญมากที่ช่วยให้งานในวันนี้ราบรื่น ตอนที่ถ่ายไป ในหัวเกดก็อดคิดถึงลูกชาย (สกาย กิ่งโพยม ชาร์พเพิร์ล) ไปด้วยไม่ได้” นางแบบคนเก่งบอกเล่าด้วยแววตาเป็นประกาย ขณะที่ผู้อยู่เบื้องหลังความงามในทุกช็อตของลูกเกดอย่างลูกน้ำและเซโกะ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ลูกเกดเป็นมืออาชีพมากๆ อยู่แล้ว ทำให้การทำงานวันนี้ชิลล์ๆ จะลุคไหนลูกเกดก็เอาอยู่ โดยในส่วนของการแต่งหน้า จะได้เห็นความงามตั้งแต่การใช้โทนสีธรรมชาติ ไปจนถึงการลงสีสันที่บริเวณเปลือกตาและริมฝีปากให้หนักขึ้น เพื่อเพิ่มความเซ็กซี่และโมเดิร์น เช่นเดียวกับทรงผม มีให้เห็นตั้งแต่ลุคธรรมชาติแบบแม่บ้านที่ดูอบอุ่น ไปจนถึงทรงผมที่ช่วยเพิ่มความมั่นใจในลุคเวิร์กกิ้งวูแมน และเพิ่มดีกรีไปถึงการทำเว็ตลุคเพื่อให้ดูเซ็กซี่ หลังจากได้ลุคสวยตามที่สไตลิสต์ต้องการแล้ว ก็ถึงเวลาของช่างภาพฝีมือเทพ ซึ่งมีซิกเนเจอร์ประจำตัวในการถ่ายภาพ คือผสานความคลาสสิกลงไปในผลงานที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของแฟชั่นได้อย่างลงตัว กับการทำงานในวันนี้ เปิ้ลออกปากว่าสนุกมาก ถ่ายไปแซวกันไปตลอด ทำให้การทำงานไม่เครียด ทุกคนเป็นมืออาชีพ ถึงจะวางแผนงานมาอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังช่วยกันคิดช่วยกันปรับที่หน้างาน เพื่อให้ได้ผลงานที่ดีที่สุดออกมา แม้ว่าช่วงเวลาแห่งการทำงานด้วยความสุขนี้จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของทีมงานยังก้องกังวานไม่หาย ส่วนแฟชั่นเซ็ตจะสวยสตรองสมกับคุณแม่แค่ไหน ต้องพลิกไปพิสูจน์ด้านใน
Editor
13 December 2017