Lifestyle

LIFESTYLE
10 คำถาม คลายข้อสงสัยเมื่อหายจากโควิด
พร้อมแนวทางการปฏิบัติเมื่อได้กลับบ้าน

มาถึงวันนี้ แม้ว่าองค์ความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ทั้งในทางการแพทย์ รวมไปถึงความรู้ความเข้าใจของประชาชนทั่วไปอย่างเราๆ จะมีเพิ่มมากขึ้น แต่ด้วยความที่เป็นโรคอุบัติใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เพื่อรับมือและป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่รุนแรงมากไปกว่าที่เป็นอยู่ ในขณะเดียวกันผู้ป่วยที่รักษาหาย ไม่ว่าจะเป็นการรักษาตัวที่โรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม Hospitel หรือสถานที่รักษาตัวผู้ป่วยโควิด-19 ต่างๆ ที่ทางคุณหมอลงความเห็นว่าสามารถกลับบ้านได้ กลับมีจำนวนไม่น้อยที่ยังคงมีความกังวล พร้อมๆ กับเกิดข้อสงสัยในประเด็นต่างๆ อยู่หลายข้อ Power จึงได้รวบรวม “คำถามที่พบได้บ่อยเมื่อหายจากโควิด-19” ที่ทั้งน่าสนใจและเป็นประโยชน์ พร้อมด้วยคำตอบและคำแนะนำจากคุณหมอในการปฏิบัติตัวเพื่อไม่ให้มีใครต้องติดเชื้ออีกมาฝากกัน Q: โดยทั่วไปการรักษาโรคต้องใช้เวลากี่วันถึงจะหาย? A: สถิติทางการแพทย์พบว่า โดยทั่วไปเมื่อนับจากวันที่ปอดติดเชื้อจนแสดงอาการให้รู้ เชื้อจะยังคงอยู่เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณหมอก็จะเผื่อสังเกตอาการยืดออกไปอีก 2 สัปดาห์ รวมเป็น 1 เดือน นั่นจึงเป็นที่มาของการเข้ารักษาที่โรงพยาบาลหรือสถานที่รักษาตัวใดๆ เป็นเวลา 14 วัน หลังจากนั้นเมื่ออาการดีขึ้น จึงสามารถกลับไปกักตัวรักษาต่อที่บ้านอีก 14 วันนั่นเอง Q: เราจะรู้หรือแน่ใจได้อย่างไรว่าปอดไม่มีเชื้อหลงเหลืออยู่? A: การที่หมออนุญาตให้กลับบ้านหลังจาก 14 วันที่เข้ารับการรักษานั้นก็หมายความว่า โอกาสที่จะหายจากโควิดนั้นสูงมากแล้ว ซึ่งวัดผลจากการที่ 1. อาการโดยรวมดีขึ้น 2. ค่าออกซิเจนดีขึ้น และ 3. ผลเอกซเรย์ปอดออกมาดี ยิ่งถ้ากลับมากักตัวรักษาต่อที่บ้านอีก 14 วัน โดยไม่มีอาการผิดปกติอะไรอีก ก็มั่นใจได้ว่าหายจากโควิดแล้วQ: หมออนุญาตให้กลับบ้าน แต่กลัวแพร่เชื้อให้คนอื่น ควรทำอย่างไร? A: สืบเนื่องจากข้อที่แล้ว นั่นคือเมื่อหมออนุญาตให้กลับบ้าน ความเป็นไปได้ที่จะกลับไปแล้วแพร่เชื้อต่อนั้นถือว่ามี แต่น้อย เพราะฉะนั้นคำแนะนำคือให้ผู้ป่วยที่รักษาหาย ใส่หน้ากากตลอดเวลาแม้จะอยู่ในบ้าน เว้นระยะห่าง ถ้าเป็นไปได้ก็ให้กักตัวแยกออกจากคนในบ้านเป็นเวลา 2 สัปดาห์ จะดีที่สุด Q: หายแล้วยังคงต้องเอกซเรย์ปอดอีกหรือไม่? A: โดยปกติแพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยไปเป็นกรณีว่า หลังจากกักตัวรักษาต่อที่บ้านครบ 14 วันแล้ว จะต้องกลับมาเพื่อเช็กอาการของปอดอีกหรือไม่ โดยจะพิจารณาจาก 1. ความเสี่ยงของผู้ป่วย และ 2. ความรุนแรงของอาการในขณะที่ติดเชื้อ ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่แพทย์อยากติดตามผลการรักษา นั่นคือการตรวจ “การอักเสบของปอด” มากกว่า “การติดเชื้อใหม่” Q: ปอดจะหายกลับมาเป็นปกติหรือไม่? A: อธิบายให้เข้าใจในเบื้องต้นก่อนว่า เมื่อปอดติดเชื้อโควิด-19 นั้น จะแบ่งออกเป็น 4 ระยะด้วยกัน 1. ปอดเริ่มติดเชื้อ 2. ปอดอักเสบ 3. ปอดเป็นแผล และ 4. ปอดเป็นพังผืด ซึ่งแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเจอครบทั้ง 4 ระยะนี้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรง เมื่อเข้ารับการรักษาปอดก็สามารถที่จะกลับมาเป็นปกติได้ ยิ่งถ้าไม่มีโรคแทรกซ้อนก็จะยิ่งหายเร็ว Q: ต้องมีเครื่องผลิตออกซิเจนที่บ้านหรือไม่? A: อยู่ที่วิจารณญาณของแพทย์ เนื่องจากผู้ป่วยบางคนรักษาหายแล้วแต่ค่าออกซิเจนยังต่ำอยู่ แพทย์จะอนุญาตให้กลับบ้าน แต่อาจจะแนะนำให้หาเครื่องผลิตออกซิเจนติดไว้ด้วย Q: หายแล้วมีโอกาสติดเชื้ออีกหรือไม่? A: แน่นอนว่า “มีโอกาส” ในขณะเดียวกันเมื่อรักษาหายก็เปรียบเสมือนว่าได้วัคซีน ร่างกายจะมีภูมิต้านทาน แต่หากเจอความเสี่ยงอีก โดยเฉพาะในช่วงที่กำลังฟื้นตัว ก็อาจทำให้อาการแย่ลงอีกครั้งได้ Q: ต้องใส่หน้ากากอีกนานแค่ไหน? A: หากยังไม่มีภูมิคุ้มกันหมู่ก็จำเป็นต้องใส่หน้ากากต่อไป…
Editor
28 October 2021
Lifestyle

LIFESTYLE
Halloween Movie Night
ปิดไฟล้อมวงดูหนัง อีกหนึ่งสีสันของคืนฮาโลวีน

เทศกาลฮาโลวีนปีนี้กลับมามีสีสันอีกครั้ง หลังจากที่สถานการณ์หลายๆ อย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ในส่วนของเทรนด์แฟชั่นและการแต่งกายก็มีความหลากหลายมากกว่าปีก่อนๆ ที่เน้นไปที่ความน่ากลัวเป็นหลัก ทำให้ปาร์ตี้ฮาโลวีน 2021 ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ แต่ทว่านอกจากกิจกรรมอย่างการแต่งกาย การประดับประดาตกแต่งสถานที่ หรือการเล่นทริกออร์ทรีตของเด็กๆ แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการชวนเพื่อนๆ มานั่งล้อมวงดูหนังกันสักเรื่อง Power จึงอยากชวนคุณมาดูหนังกันในเทศกาลฮาโลวีนนี้ เพื่อเติมเต็มบรรยากาศของเทศกาลให้คลาสสิกสุดๆ ถ้าพร้อมแล้วก็จัดแจงเตรียมขนมขบเคี้ยวให้พอ หรี่ไฟลงสักหน่อย ล็อกประตูหน้าต่างให้มิดชิด ที่สำคัญอย่ารับโทรศัพท์เป็นอันขาด ไม่ใช่อะไร เดี๋ยวจะเสียอรรถรสในการดูหนังก็เท่านั้นเอง Scream (1996) ไม่มีหนังสยองขวัญในยุค 90 เรื่องไหนจะสร้างปรากฏการณ์อันน่าตื่นตะลึงไปกว่า Scream ได้อีกแล้ว เรื่องราวของฆาตกรโรคจิตภายใต้หน้ากากผีกับการตามล่าเหยื่อวัยรุ่นทีละคนนี้ ได้กลายมาเป็นต้นแบบของหนังสยองขวัญในเวลาต่อมาอีกนับไม่ถ้วน ด้วยวิธีการเล่าเรื่องที่ถือว่ามีความแปลกใหม่ในยุคนั้น การที่คนดูต้องคอยลุ้นว่าตัวจริงของคนร้ายเป็นใคร โทรศัพท์ปริศนาที่ทำให้ต้องสะดุ้งทุกทีที่ดังขึ้น รวมถึงใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป ล้วนแล้วแต่ทำให้คนดูต้อง “หวีดสุดขีด” สมชื่อเรื่อง ความสำเร็จของภาคแรก ทำให้มีการสร้างภาคต่อออกมาอีกในปี 1997, 2000 และ 2011 โดยล่าสุดได้มีข่าวว่า Scream กำลังจะกลับมาอีกครั้งในเวอร์ชันรีบูต ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของทั้งนักแสดงดาวรุ่งหน้าใหม่หลายคน ไม่ว่าจะเป็น Dylan Minnette (13 Reasons Why), Mason Gooding (Let It Snow) และ Mikey Madison (Once Upon a Time... in Hollywood) กับนักแสดงชุดคลาสสิกอย่าง Neve Campbell, Courteney Cox และ David Arquette เหล่าตัวละครดวงแข็งที่อยู่กับเรามาตลอด 25 ปีนี้ The Blair Witch Project (1999) ครั้งหนึ่ง Stephen King เจ้าพ่อนิยายสยองขวัญชื่อดังเคยให้สัมภาษณ์ว่า “ผมอยู่ในโรงพยาบาลในสภาพมึนยา ลูกชายก็ได้คะยั้นคะยอให้ดูหนังเรื่องหนึ่งให้ได้ แต่หลังจากผ่านไปเพียงครึ่งเรื่อง ผมก็ต้องบอกลูกว่า ‘ปิดมันซะ’ มันน่ากลัวเกินไป” และหนังที่เขาดูในวันนั้นก็คือ The Blair Witch Project The Blair Witch Project เป็นหนังทุนต่ำแนวสารคดี ว่าด้วยวัยรุ่น 3 คนที่พยายามเข้าไปตามรอยตำนานแม่มดแบลร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปอย่างลึกลับของเด็กๆ ในเมืองตลอดกว่า 200 ปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากความโดดเด่นในการนำเสนอ อย่างการใช้ภาพจากกล้อง Handycam ที่ถ่ายโดยตัวละครตลอดทั้งเรื่องแล้ว (แน่นอนว่าภาพจึงมีความสั่นไหว ไม่ชัดเจน จนน่ากลัวไปอีกแบบ) สิ่งที่ทำให้ The Blair Witch Project ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามก็คือตำนานแม่มดที่ว่านี้ เป็นเพียงเรื่องที่แต่งขึ้นมาเพื่อการตลาดเท่านั้น ด้วยทุนสร้างเพียงหลักหมื่นดอลลาร์ อย่าว่าแต่ทำหนังให้ดังเลย แค่ทำหนังให้เป็นหนังสักเรื่องก็ยังยาก ซึ่งทีมงานรู้ดีถึงข้อจำกัดนี้ แต่สิ่งที่พวกเขามีมากกว่าเงินก็คือความบ้าบิ่นเกินกว่าใครในโลกของภาพยนตร์ พวกเขาจึงตัดสินใจใช้เงินส่วนใหญ่ไปกับการสร้างสารคดีเกี่ยวกับแม่มดปลอมขึ้นมา เช่าเวลาไปฉายในรายการทีวี เสริมความน่าเชื่อถือด้วยการสร้างเว็บไซต์เกี่ยวกับแม่มดที่ว่านี้ ออกประกาศคนหาย (ซึ่งก็คือตัวละครในหนัง) จากนั้นก็ได้แถลงว่าพบฟุตเทจจากกล้องวิดีโอนั้น และมันกำลังกลายมาเป็นหนังเรื่องนี้ ส่วนคำถามที่หลายคนสงสัยว่า ถ้ามันเป็นการจัดฉาก ทำไมภาพในหนังหรือการแสดงถึงได้ดูสมจริงขนาดนั้น นั่นเป็นเพราะว่านักแสดงเหล่านั้นก็แทบไม่รู้อะไรเลยพอๆ กับเรา และเสียงแปลกๆ ในป่า ก็เกิดจากทีมงานที่ไปแกล้ง ในขณะที่บางเสียงก็ไม่รู้ที่มาเหมือนกัน Harry Potter (2001) ฮาโลวีนทั้งทีก็ต้องดูหนังแม่มดสิ…
Editor
26 October 2021
Lifestyle

LIFESTYLE
หอมกรุ่นกลิ่นกาแฟไปกับ Other Café
คาเฟ่สไตล์มินิมัลที่มาพร้อมความเท่แบบสนีกเกอร์

จะมีอะไรดีไปกว่าการได้นั่งจิบกาแฟแก้วโปรดในยามเช้า รับอากาศเย็นสบายและแสงแดดอุ่นของฤดูใบไม้ร่วง ด้วยเอกลักษณ์ที่ไม่ได้มีดีแค่ความซับซ้อนของรสชาติอันน่าทึ่งเท่านั้น แต่กลิ่นของกาแฟยังหอมกรุ่นเย้ายวนใจ ชวนให้หลงใหลยามเมื่อได้ลิ้มรส Power จึงขอเอาใจคอกาแฟเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศในเดือนแห่งวันกาแฟสากล (International Coffee Day) อาสาพาไปเสพความละเมียดละไมที่ร้าน Other Café คาเฟ่สไตล์มินิมัลที่มาพร้อมความเท่แบบสนีกเกอร์ ซึ่งการพบกันของสองความแตกต่างนี้จะลงตัวกันอย่างไร ติดตามไปพร้อมกันเลย Other Café คาเฟ่เด่นในซอยรางน้ำ เพียงแค่เดินผ่านหน้าร้านก็สะดุดตาไปกับดีไซน์ตัวตึกที่โปร่งโล่ง พร้อมต้อนรับคอกาแฟให้เข้ามาเอ็นจอยกัน โดดเด่นด้วยสไตล์การตกแต่งแบบ Minimal Rustic เผยความมินิมัลแบบคลีนๆ ไล่เรียงตั้งแต่หน้าประตูร้านตกแต่งกระจกใส สะท้อนให้เห็นถึงบรรยากาศภายในร้านภายใต้โครงสร้างคอนกรีตและบล็อกแก้วใส ทำให้เปิดรับแสงธรรมชาติที่สาดส่องเข้ามายังพื้นที่ด้านในได้อย่างงดงาม บริเวณตรงกลางร้านเป็นพื้นที่ Slow Bar ตกแต่งด้านบนเพดานด้วยเส้นไฟส่องสว่างที่ขดไปมาเป็น Installation Art เท่ๆ ทำให้ระหว่างรอเครื่องดื่มจากบาริสต้ายิ่งมองก็ยิ่งเพลินตา รังสรรค์เมนูเครื่องดื่มผสานเข้ากับความเท่แบบสนีกเกอร์ จากความหลงใหลในรองเท้าสนีกเกอร์ หยิบยกไอเดียมาตีความใหม่สร้างแรงบันดาลใจรังสรรค์เป็นเมนู Signature Drinks เครื่องดื่มใหม่น่าลิ้มลองไม่ว่าจะเป็นเมนู Ultra Boost, Airmax, Jordan และ Yeezy นอกจากนี้ยังมี Specialty Coffee ที่สามารถเลือกวิธีการชงแบบ Slow Bar ได้ตามใจชอบ ทั้ง Drip, Syphon, Chemex และ Gina อีกด้วย Ultra Boost แรงบันดาลใจจากสนีกเกอร์ค่าย Adidas ซึ่งมาพร้อมแถบคาดอันเป็นเอกลักษณ์บริเวณด้านข้าง สามารถ Boost ความสดชื่น เพิ่มพลังระหว่างวันด้วยช็อตกาแฟเข้มๆ ที่ราดตามด้วยดาร์กช็อกโกแลตและนมสด ผสมเข้ากันได้รสชาติกลมกล่อม Ultra Boost ราคา 140 บาท Ultra Boost แรงบันดาลใจจากสนีกเกอร์ค่าย Adidas ซึ่งมาพร้อมแถบคาดอันเป็นเอกลักษณ์บริเวณด้านข้าง สามารถ Boost ความสดชื่น เพิ่มพลังระหว่างวันด้วยช็อตกาแฟเข้มๆ ที่ราดตามด้วยดาร์กช็อกโกแลตและนมสด ผสมเข้ากันได้รสชาติกลมกล่อม Ultra Boost ราคา 140 บาท Air Max อีกหนึ่งเมนูที่เพิ่มความสดชื่นไม่แพ้กัน ต้องยกให้กับ Air Max รองเท้ารุ่นยอดฮิตจาก Nike ที่ถูกตีความออกมาในรูปแบบกาแฟแก้วสวย มีช็อตกาแฟหอมๆ ผสมไซรัปยูซุ และราดด้วยโทนิกเพื่อเพิ่มความซาบซ่า นำเสนอมาในรูปแบบเลเยอร์เผยให้เห็นชั้นของกาแฟสวยๆ เหมือนกับพื้นรองเท้า Air Unit ที่เป็นจุดเด่นของรองเท้าซีรีส์ Air Max ราคา 140 บาท Yeezy ปิดท้ายเมนูกาแฟด้วย Yeezy ที่ผสมกาแฟเข้ากับน้ำมะนาวสด สมุนไพรอัญชัน และเพิ่มความหอมด้วยซินนามอน ทำให้เครื่องดื่มแก้วนี้กลายเป็นกาแฟกึ่งค็อกเทลที่ให้ความสดชื่นท่ามกลางอากาศร้อน ราคา 140 บาท Yeezy ปิดท้ายเมนูกาแฟด้วย Yeezy ที่ผสมกาแฟเข้ากับน้ำมะนาวสด สมุนไพรอัญชัน และเพิ่มความหอมด้วยซินนามอน ทำให้เครื่องดื่มแก้วนี้กลายเป็นกาแฟกึ่งค็อกเทลที่ให้ความสดชื่นท่ามกลางอากาศร้อน ราคา 140 บาท Original Beignets with Strawberry นอกจากความสดชื่นของเมนูกาแฟแล้ว พลาดไม่ได้กับขนมแป้งทอดสูตรฝรั่งเศส Original Beignets with Strawberry โดยจะนำแป้งไปกับหมักกับยีสต์ทอดจนได้สีเหลืองกรอบ โรยหน้าด้วยน้ำตาลไอซิ่ง รับประทานคู่กับสตรอว์เบอร์รีสด ตามด้วยราดซอส Honey Lemon Syrup เพิ่มความเปรี้ยวหวานที่ตัดรสชาติกันได้อย่างลงตัว…
Editor
22 October 2021
Lifestyle

TRAVEL IN STYLE
Imaginary Trip
Relive your best holidays

อุ่นเครื่องหนุ่มสาวสายแฟ (ชั่น) พาท่องเที่ยวเมืองในฝัน สนุกไปกับการมิกซ์แอนด์แมตช์ ชุดโปรดในวันเที่ยวทิพย์ สร้างบรรยากาศแห่งการเดินทางที่แสนคิดถึง นาฬิกาข้อมือ จาก IWC ต่างหู จาก  Balenciaga แว่นตา จาก Gucci เดรส จาก Versace กระเป๋า จาก Versace ผ้าพันคอ จาก Burberry หมวก จาก Prada ถุงมือ จาก Prada เสื้อโคต จาก Burberry รองเท้า จาก Gucci นาฬิกาข้อมือ จาก Omega กางเกง จาก Gucci แหวน จาก Versace สร้อยข้อมือ จาก Prada กระเป๋าสะพาย จาก Burberry เสื้อ จาก Versace แว่นตา จาก Balenciaga เข็มขัด จาก Versace ผ้าพันคอ จาก Alexander Mcqueen รองเท้า จาก  Versace ขอขอบคุณรูปภาพจาก Official Brands https://en.wikipedia.org/ https://commons.wikimedia.org/
Editor
15 October 2021
DestinationLifestyle

DESTINATION
“ดรีมทริป”
เที่ยวทริปในฝันแบบ Virtual

Virtual Tour หรือ การท่องเที่ยวเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้หลายกิจกรรมย้ายไปอยู่ที่หน้าจอกันอย่างจริงจัง อันที่จริงเทคโนโลยีดังกล่าวได้เริ่มพัฒนามาสักระยะหนึ่งแล้ว ด้วยเหตุผลหลักๆ คือ มันใช้สำหรับ “ลองก่อนไปที่จริง” อารมณ์เดียวกับการที่ผู้บริโภคได้ดูหนังตัวอย่างก่อนตัดสินใจ และใช้สำหรับ “ไปในที่ที่ไปไม่ได้” อย่างเช่นที่ที่เข้าถึงไม่สะดวก มีความอ่อนไหวทางสิ่งแวดล้อมหรือวัฒนธรรมต่างๆ นั่นเอง    ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งเราจะไปไหนไม่ได้เลยขึ้นมาจริงๆ Virtual Tour จึงเป็นเครื่องมือสำหรับ #เที่ยวทิพย์ ชั้นดีของใครหลายคน ที่แม้ว่าในช่วงแรกๆ อาจจะทำได้แค่แก้ขัดไปก่อน แต่พอผ่านไปสักพัก กลับกลายเป็นว่าเริ่มชินกับการเที่ยวผ่านหน้าจอไปเสียแล้ว เพราะในขณะที่มีบางอย่างขาดหายไป Virtual Tour ก็ให้อะไรหลายอย่างที่การเที่ยวจริงให้ไม่ได้เช่นกัน และวันนี้ Power จึงอยากอาสาพาคุณไปเที่ยวทิพย์ในอารมณ์ต่างๆ เป็นทริปในฝันที่รอวันจะเป็นทริปจริงๆ ในไม่ช้านี้  ลุยทิพย์ Great Wall of China เคยมีคำกล่าวว่า “เมื่อมองประเทศจีนจากอวกาศ คุณจะเห็นมังกรนอนขดตัวอยู่ และนั่น คือกำแพงเมืองจีน” แน่นอนว่าความยิ่งใหญ่ของสิ่งก่อสร้างที่เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางแห่งนี้ หากได้มองจากด้านบน คงเจอกับภาพที่น่าอัศจรรย์เป็นแน่แท้ แต่เอาเข้าจริงก็ไม่จำเป็นต้องอิจฉานักบินอวกาศไป เพราะไม่มีสิ่งก่อสร้างใดบนโลกสามารถมองเห็นได้จากอวกาศเลยสักที่เดียว   แนะนำให้เข้าไปที่เว็บไซต์ airpano.com ที่จะพาคุณไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนได้แบบเอกซ์คลูซิฟสุดๆ ผ่านมุมมองที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นมุมมองคนเดิน หรือมุมสูงกว่า 700 เมตรจากเฮลิคอปเตอร์ มีฟังก์ชันให้เลือกหลากหลายทั้ง ภาพแบบปกติ, Architectural, Fisheye Stereographic, Little Planet และ Tube View ซึ่งทำให้ภาพที่สุดแสนจะอลังการอยู่แล้วยิ่งพิเศษขึ้นไปอีก นอกจากนั้นยังมีข้อมูล คำบรรยาย และซาวนด์ประกอบที่ได้อารมณ์สุดๆ ไปเลย   เที่ยวกำแพงเมืองจีน https://www.airpano.com/360photo/China-Great-Wall/   Machu Picchu มาชูปิกชู หรือ เมืองสาบสูญแห่งอินคา เป็นซากอารยธรรมโบราณของชาวอินคาที่ตั้งอยู่บนหุบเขาศักดิ์สิทธิ์ในเทือกเขาแอนดีส ประเทศเปรู ที่ความสูงประมาณ 2,430 เมตร และแม้ว่าจะยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อการใด เป็นเมือง สถานที่บูชายัญ หรือแค่เพียงที่พักตากอากาศของชนชั้นสูง แต่ที่แน่ๆ ความสลับซับซ้อนของสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้างซึ่งสร้างด้วยหินกว่า 200 หลัง ไล่ลงมาตามความชันของหุบเขา ที่ทั้งหมดเชื่อมกันด้วยขั้นบันไดกว่า 3,000 ขั้นนั้น ก็ทำให้ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เป็นที่เรียบร้อย  หลังจากการล่มสลายของชาวอินคา อารยธรรมแห่งนี้ก็ถูกลืมเป็นเวลาหลายร้อยปี จนกระทั่งมีการค้นพบอีกครั้งในปี ค.ศ. 1911 โดยนักโบราณคดีชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า Hiram Bingham จึงเป็นที่รู้จักอีกครั้ง แต่การไปเยือนมาชูปิกชูก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่ดี เพราะต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม ด้วยเส้นทางขึ้นไปนั้นเป็นป่าเขา เมื่อไปถึงข้างบนอากาศยิ่งเบาบาง และจะต้องมีไกด์ท้องถิ่นนำทางเท่านั้น ทำให้ Virtual Tour ได้รับความนิยมไม่น้อยสำหรับสถานที่แห่งนี้ ลองเข้าไปสำรวจเรียกน้ำย่อยกันดูก่อน แล้วค่อยหาโอกาสไปเยือนที่จริงกันสักครั้ง   เที่ยวมาชูปิกชู https://fromcusco.com/spheres/mp/index.htm   อาร์ตทิพย์ Louvre Museum ช่วงล็อกดาวน์ที่ผ่านมาในปารีส มีผู้คนจำนวนหนึ่งออกมาเรียกร้องกึ่งประท้วงเล็กๆ ให้ทางการทำสิ่งหนึ่งซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นฝรั่งเศสได้ดีมากๆ นั่นคือ “เปิดพิพิธภัณฑ์” ให้เข้าชมเสียที โดยพวกเขาให้เหตุผลว่า กำลังจะทนไม่ไหวแล้ว ไม่ได้ดูงานศิลปะมานานจนทนไม่ไหวแล้ว   ในความเป็นจริงแม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นหรือไม่ ลูฟวร์ ในฐานะพิพิธภัณฑ์เก่าแก่ที่หล่อเลี้ยงโลกของศิลปะมายาวนาน ก็มีนโยบายปรับตัวให้เท่าทันโลก และมีการพัฒนาระบบ Virtual Tour ที่ให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปชมได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบนโลกอยู่แล้ว โดยในขณะนี้ได้มีการแบ่งออกเป็น Exhibition ต่างๆ ได้แก่ The Advent of the Artist, Power Plays, The Body in Movement และ Founding Myths: From Hercules to Darth Vader นอกจากนั้นยังใจดีออกฟีเจอร์ที่มีชื่อว่า Louvre Collections ที่รวบรวมผลงานศิลปะมาให้ชมกันแบบชัดๆ กว่า 480,000 ชิ้น เรียกว่าดูกันได้ทั้งปีไม่มีเบื่อกันเลยทีเดียว  เที่ยว Louvre Museum https://www.louvre.fr/en/online-tours ชม Louvre Collections https://collections.louvre.fr/en/  Klimt vs. Klimt ชื่อของ Gustav Klimt อาจไม่เป็นที่รู้จักมากเท่าผลงานของเขา จิตรกรรมสีน้ำมันบนผ้าใบรูปของคู่รักที่ยืนจูบกันท่ามกลางสีทองมลังเมลือง หรือ The Kiss ผลงานชิ้นเอกที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “โมนาลิซ่าแห่งออสเตรีย” นั้น ปัจจุบันจัดแสดงอยู่ที่กรุงเวียนนา ในความครอบครองของหอศิลป์แห่งชาติของออสเตรีย   Gustav Klimt นั่นเริ่มต้นศึกษาศิลปะแบบคลาสสิก ทำให้มีทักษะในเชิงช่างสูง แต่ในเวลาต่อมาด้วยปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต จึงได้ปรับเปลี่ยนแนวทางของตัวเองไปมาก เขากลายเป็นศิลปินหัวก้าวหน้าที่ทำลายเส้นแบ่งระหว่าง งานวิจิตรศิลป์ กับ งานออกแบบตกแต่ง โดยเอกลักษณ์ที่สำคัญของเขาคือการใช้สีทองซึ่งแต่เดิมมักใช้กับงานศิลปะของชนชั้นสูง รวมไปถึงลวดลายประดับประดาและรายละเอียดในแบบศิลปะอาร์ตนูโวที่อลังการ นั่นจึงทำให้ Google Art & Culture ได้ทำการรวบรวมผลงานชิ้นสำคัญของเขาในหลายๆ ยุค มาจัดเป็นนิทรรศการออนไลน์ที่มีชื่อว่า Klimt vs. Klimt ลองไปหาคำตอบดูกันได้ว่า Gustav Klimt เป็นศิลปินหัวโบราณหรือหัวก้าวหน้า เป็นเฟมินิสต์หรือเสือผู้หญิง เป็นศิลปินผู้ยิ่งใหญ่หรือช่างฝีมือธรรมดาคนหนึ่ง   ชมนิทรรศการ Klimt vs. Klimt https://artsandculture.google.com/pocketgallery/ เมืองทิพย์ Golden Gate Bridge สัญลักษณ์ของซานฟรานซิสโก สิ่งมหัศจรรย์ทางวิศวกรรมที่เชื่อมระหว่างเขตปกครองมาริน รัฐแคลิฟอร์เนีย กับอ่าวซานฟรานซิสโกแห่งนี้ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1933 และเมื่อเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ. 1937 ก็เป็นสะพานแขวนที่ยาวและสูงที่สุดในโลก และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศสหรัฐอเมริกาในทันที หลังจากที่ก่อนหน้านี้ใครๆ ต่างก็พูดกันว่า “มันเป็นไปไม่ได้”   ช่องแคบ Golden Gate สถานที่ที่สะพานแห่งนี้ทอดข้ามไปนั้น มีที่มาจากสมัยช่วงต้นศตวรรษที่…
Editor
15 October 2021
DestinationLifestyle

DESTINATION
5 ประเทศ ในบักเก็ตลิสต์ หลังโควิดต้องไปให้ได้

แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สามารถไปเที่ยวต่างประเทศได้แบบปกติเหมือนเมื่อก่อน ด้วยความคิดถึงก็มีบ้างที่หยิบเอารูปทริปเก่าๆ ขึ้นมาดูแล้วนึกย้อนไปถึงโมเมนต์ที่ไม่ได้สัมผัสมานานเหล่านั้น จนเกือบจำไม่ได้ว่าเก็บพาสปอร์ตไว้ที่ไหน แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลายคนได้เริ่มที่จะวางแผนหรือคิดล่วงหน้ากันไว้บ้างแล้วว่าถ้าสถานการณ์ดีขึ้นเมื่อไร จุดหมายปลายทางที่จะต้องไปให้ได้นั้นจะเป็นที่ไหนบ้าง วันนี้ Power จึงอยากมาชวนคุยถึงประเทศยอดฮิตที่ใครหลายคนคิดถึง เพื่อเพิ่มดีกรีความ “อยากบิน” ให้มากขึ้นไปอีก และเมื่อวันนั้นมาถึง ไม่ว่าคุณตั้งใจจะไปเปิดประสบการณ์ในที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน หรือไปซ้ำที่เก่าที่เคยประทับใจมาแล้วก็ตาม ก็รับประกันได้ว่ามันจะเป็นความรู้สึกใหม่อันมีค่าที่พ่วงมาด้วยความสุขให้กับนักเดินทางเช่นคุณอย่างแน่นอน ญี่ปุ่น นี่คือประเทศจุดหมายปลายทางที่คนไทยรักอีกที่หนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะนอกจากจะอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทย ใช้เวลาเดินทางไม่นานมากแล้ว เมื่อไม่กี่ปีมานี้รัฐบาลญี่ปุ่นก็ได้ประกาศยกเว้นวีซ่าเข้าประเทศให้กับคนไทยที่มีวัตถุประสงค์ในการท่องเที่ยวและพำนักที่ประเทศญี่ปุ่นไม่เกิน 15 วันอีกด้วย ทำให้ฝันของหลายๆ คนเป็นจริงได้ง่ายขึ้น ด้วยคนไทยนั้นได้รับวัฒนธรรมจากญี่ปุ่นจนผูกพันมาเป็นเวลายาวนาน โดยเฉพาะพ็อปคัลเจอร์ที่ถูกจริตบ้านเราอย่างเพลง การ์ตูน ของเล่น รวมไปถึงศิลปวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยโบราณอันเป็นเอกลักษณ์เลื่องชื่อมากมาย ความหลากหลาย ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่แทบไม่ต้องหาก็พบเจอได้ที่นี่ พูดง่ายๆ ว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นนักท่องเที่ยวสายไหน ญี่ปุ่นก็ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี สำหรับสายอาร์ตคุณจะต้องตื่นเต้นไปกับแทบจะเรียกได้ว่าเกือบทุกอย่างของที่นั่น ตั้งแต่ตึกรามบ้านช่อง สถาปัตยกรรม ป้าย ดีไซน์ต่างๆ ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงทั้งงานของญี่ปุ่นเองไปจนถึงงานระดับตำนานจากโลกตะวันตก ถ้าเป็นสายธรรมชาติญี่ปุ่นก็มีสถานที่ท่องเที่ยวทุกแบบ ทั้งทะเล ภูเขา ไฮกิ้งเบาๆ ไปจนถึงตั้งแคมป์จริงจัง และแน่นอนสายกิน คุณจะต้องเตรียมกระเพาะเอาไว้ให้ดี เพราะอาหารญี่ปุ่นคือสวรรค์ของฟู้ดเลิฟเวอร์อย่างแท้จริง ใครที่เคยไปแล้วจะต้องเข้าใจดีว่าญี่ปุ่นนั้นไปเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ ส่วนคนที่ยังไม่เคยไปอาจจะปักหมุดที่โตเกียวไว้ก่อนก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลว เพราะสะดวกสบาย การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะก็ทำได้ไม่ยาก หรือหากอยากจะไปเมืองไหนก็ลองหาข้อมูลล่วงหน้าเอาไว้รับรองว่าไม่ผิดหวัง จนอยากที่จะกลับไปอีกหลายๆ รอบอย่างแน่นอน เหมือนกับที่ป้าย Welcome to Japan ที่สนามบินนาริตะกล่าวต้อนรับเราทุกครั้งที่ไปถึง โดยมีภาษาญี่ปุ่นเขียนด้วยตัวอักษรฮิรางานะทางด้านข้างแปลได้ความว่า “ขอต้อนรับการกลับมาอีกครั้ง” นั่นเอง อิตาลี ไปต่อกันที่ฝั่งยุโรปกันบ้างกับประเทศที่ซ่อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไว้ในทุกซอกหลืบ อิตาลี จะทำให้คุณสัมผัสถึงความเป็นจักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่ในอดีตได้ตั้งแต่ก้าวแรกที่ไปถึง เต็มอิ่มไปกับศิลปกรรมตั้งแต่ยุคโรมันโบราณ ตื่นตาตื่นใจในความอลังการของสถาปัตยกรรมยุคกลางแบบโกทิก เรียนรู้อดีตอันเฟื่องฟูในฐานะศูนย์กลางความเจริญรุ่งเรืองแห่งยุโรปสมัยเรเนซองซ์ ไปจนถึงหลงมนตร์เสน่ห์ธรรมชาติที่แสนงดงามของชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในส่วนของอาหารการกิน อิตาลีก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่คนทั่วโลกถามหา ซึ่งนอกจากพิซซ่าหรือพาสตาที่ขึ้นชื่อแล้ว ก็อย่าพลาดโอกาสที่จะลิ้มลองรสชาติของขนมอย่างทิรามิสุจากดินแดนต้นกำเนิด หรือไอศกรีมเจลาโตที่มีรูปลักษณ์และรสสัมผัสอันเป็นเอกลักษณ์ ที่คนอิตาเลียนเองมักจะพูดเสมอๆ ว่า เจลาโตคือเจลาโต ไอศกรีมคือไอศกรีม อย่าได้เหมารวมกันเชียว นอกจากนั้น อิตาลียังมีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอย่าง โคลอสเซียม อดีตสนามกีฬาและลานประลองแห่งจักรวรรดิโรมัน อันเปี่ยมไปด้วยความงามและชั้นเชิงการก่อสร้างทางวิศวกรรมที่มาก่อนกาล หรือหอเอนปิซา หอสูงสีขาวตั้งตระหง่านท้าทายแรงโน้มถ่วงของโลก ที่ทั้งเก่าแก่ งดงาม และเป็นคำถามว่ามันจะไม่ล้มจริงๆ ใช่ไหม ตุรกี ดินแดนสองทวีปที่มีพื้นที่อยู่ทั้งในเอเชียและทวีปยุโรปแห่งนี้ ปัจจุบันได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากมายจนกลายเป็น 1 ใน 10 จุดหมายปลายทางชั้นนำของโลก ความน่าสนใจของตุรกีนั้น มีทั้งในด้านความหลากหลายทางภูมิประเทศ อันมีจุดเด่นจากการเคลื่อนไหวของเปลือกโลก อย่างเช่นที่ Pamukkale น้ำตกหินปูนที่งดงามราวกับภาพความฝัน ส่วนภูมิอากาศจะเป็นแบบเมดิเตอร์เรเนียนที่มีครบถ้วนทุกฤดูให้เที่ยวได้ทั้งปี รวมไปถึงด้านวัฒนธรรมที่ผสมผสานจาก เติร์ก อนาโตเลีย และออตโตมัน ซึ่งยาวนานต่อเนื่องมาตั้งแต่สมัยกรีกโบราณเลยทีเดียว ด้วยความที่ตุรกีมีประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่หลายพันปีก่อนคริสตกาล ทำให้ประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามเป็นหลักแห่งนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นถึงความเป็นคริสต์อยู่ไม่น้อย อย่าง Hagía Sophía ศาสนสถานอันยิ่งใหญ่ ที่ก่อสร้างมาตั้งแต่เมื่อราว ค.ศ. 537 โบสถ์คริสต์ที่ใหญ่ที่สุดของจักรวรรดิโรมันตะวันออกในเวลานั้น จนกระทั่งประมาณ 1,000 ปี ต่อมา เมื่อจักรวรรดิออตโตมันเรืองอำนาจจึงได้เปลี่ยนเป็นมัสยิด ด้วยเหตุนี้เองเราจึงสามารถเห็นร่องรอยที่สำคัญของทั้งสองศาสนาได้ตั้งแต่โครงสร้างภายนอกไปจนถึงรายละเอียดในการตกแต่งอันวิจิตรที่ข้ามกาลเวลามาจนปัจจุบัน ซึ่งในเชิงสุนทรียศาสตร์ เราอาจรู้จักกับคำว่า Beauty ที่สื่อถึงความงาม แต่กับ Hagía Sophía คุณจะได้สัมผัสกับสภาวะที่เรียกกันว่า Sublime หรือ “ความงามที่ยิ่งใหญ่กว่าความงาม” นั่นคือ การที่มนุษย์ได้เผชิญหน้ากับความยิ่งใหญ่บางอย่างที่มิอาจกลั่นกรองออกมาเป็นภาษาได้ ฝรั่งเศส สมมติว่าคุณกำลังทำข้อสอบแล้วรู้ว่าคำตอบที่ถูกต้องควรจะเป็นอะไร คุณจะตอบข้อนั้นไหม? หรือจะตัดสินใจไปตอบข้ออื่น เพียงเพราะว่าไม่อยากตอบเหมือนคนอื่น เช่นเดียวกัน…
Editor
14 October 2021
DestinationLifestyle

DESTINATION
เที่ยวเมืองไทย ปลายฝนต้นหนาว

แม้ว่าโควิด-19 จะทำให้บรรยากาศของการท่องเที่ยวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาซบเซาลงไปมาก แต่ล่าสุดด้วยสถานการณ์ในหลายๆ จังหวัดเริ่มฟื้นตัว ประกอบกับมาตรการคลายล็อกดาวน์ที่ทำให้การเดินทางไปยังที่ต่างๆ ทำได้อย่างสะดวกมากขึ้น สถานที่ท่องเที่ยวที่หลายคนคิดถึงจึงได้ทยอยกลับมาเปิดให้บริการกันอีกครั้ง เรียกว่าทันปลายฝนต้นหนาวย่างเข้าเดือนตุลาคมพอดิบพอดี Power จึงมาแนะนำจุดหมายปลายทางสำหรับทริปต่อไป ให้คุณได้ออกไปสัมผัสอากาศเย็นสบายช่วงปลายปี กลับไปหาความสุขง่ายๆ ที่ห่างหายจากเราไปนาน อำเภอเชียงกลาง จังหวัดน่าน น่าน จังหวัดที่ขึ้นชื่อในเรื่องธรรมชาติอันสวยสงบ ซึ่ง “เชียงกลาง” อำเภอที่เล็กที่สุดในจังหวัด หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนที่หลายคนมองข้ามไป ด้วยความที่อยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดและถูกล้อมไปด้วยอำเภออื่นๆ ทุกทิศทาง ทำให้เชียงกลางกลายเป็นเพียงแค่ทางผ่านหรือจุดหมายที่ไปไม่ถึงไปโดยปริยาย และนั่นเองทำให้เสน่ห์อันน่าหลงใหลของที่แห่งนี้ คือความสงบเงียบไม่พลุกพล่าน วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คน และธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ ความสวยงามของธรรมชาติที่เชียงกลาง โดยเฉพาะวิวทุ่งนาไกลลิบตาที่มีทิวเขาเป็นฉากหลังนับเป็นไฮไลต์ของที่นี่ ซึ่งถ้าไปเยือนในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ทุ่งนาในหน้าฝนกำลังเขียวขจีเต็มที่ เมฆหมอกในบรรยากาศชื้นๆ ช่างดูสดชื่นมีชีวิตชีวา หรือถ้าไปในช่วงปลายฝนต้นหนาวราวเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ที่อากาศกำลังเย็นสบาย ก็จะเจอกับรวงข้าวสุกสกาวสีทอง ยิ่งในยามบ่ายคล้อยที่ต้องกับแสงอาทิตย์ ถือเป็นความงามสั่งลาก่อนที่หลังจากนี้ไม่นานจะถูกเก็บเกี่ยวไปในช่วงปลายปีนั่นเอง *เนื่องจากจังหวัดน่านเป็นพื้นที่ควบคุม การเดินทางเข้าจังหวัดจำเป็นต้องแสดงหลักฐาน (เช่น หลักฐานการได้รับวัคซีน ผลตรวจแบบ RT-PCR หรือ ATK) ต่อเจ้าหน้าที่ในส่วนต่างๆ ทั้งเจ้าหน้าที่ด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ประจำชุมชน หรือพนักงานประจำที่พัก โดยระหว่างอยู่ในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจังหวัดน่าน โทร. 0 5471 6399 อ่างเก็บน้ำวังบอน จังหวัดนครนายก สำหรับสายแคมปิ้งที่ต้องการการพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ อ่างเก็บน้ำวังบอน เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจ แถมยังไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก โดยอ่างเก็บน้ำฯ ตั้งอยู่ที่ตำบลนาหินลาด อำเภอปากพลี จังหวัดนครนายก ซึ่งอยู่ในเขตรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เพราะฉะนั้นถึงแม้จะอยู่รอบนอกของพื้นที่อุทยานฯ แต่รับประกันว่าความสมบูรณ์ของธรรมชาตินั้นไม่แพ้กันเลย ด้วยความที่อ่างเก็บน้ำฯ ไม่มีรถประจำทางผ่าน รวมถึงไม่มีห้องพักหรู มีเพียงสถานที่ให้กางเต็นท์ ห้องอาบน้ำ (มีบริการห้องสุขาสำหรับผู้พิการ) และร้านค้าเล็กๆ อำนวยความสะดวกเท่านั้น ทำให้ที่นี่เหมาะกับคนที่รักความสงบ ทำกับข้าวรับประทานง่ายๆ แล้วหย่อนใจไปกับธรรมชาติท่ามกลางบรรยากาศของภูเขาที่โอบล้อมผืนน้ำ อีกทั้งธรรมชาติที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์บริเวณนั้น ทำให้สามารถสนุกไปกับกิจกรรมเชิงอนุรักษ์ เช่น เดินป่า ดูนก พายเรือแคนูชมความงามของน้ำตกวังบอน รวมไปถึงโรยตัวจากหน้าผาจริงที่มีถึง 4 แห่งผ่านสายน้ำตก 5 แห่งอีกด้วย โดยกิจกรรมอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง แนะนำให้ติดต่อทางเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามข้อมูลล่วงหน้า การไปพักที่อ่างเก็บน้ำวังบอน สามารถไปกันเป็นกลุ่ม ทำกิจกรรมสนุกสนานกับเพื่อนๆ หรือจะไปพักผ่อนแบบเงียบๆ ก็ได้ เพราะไม่ว่าอย่างไรคุณก็จะได้สัมผัสกับความร่มรื่นของแมกไม้ ได้ยินเสียงน้ำตกแว่วดัง และตื่นมาพบกับอากาศบริสุทธิ์สดชื่น พร้อมเติมพลังชีวิตให้เต็มอีกครั้งอย่างแน่นอน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครนายก เว็บไซต์ http://www.tat8.com/ *เนื่องจากจังหวัดนครนายกเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การเดินทางเข้าจังหวัดจำเป็นต้องแสดงหลักฐาน (เช่น หลักฐานการได้รับวัคซีน ผลตรวจแบบ RT-PCR หรือ ATK) ต่อเจ้าหน้าที่ในส่วนต่างๆ ทั้งเจ้าหน้าที่ด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ประจำชุมชน หรือพนักงานประจำที่พัก โดยระหว่างอยู่ในพื้นที่ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจังหวัดนครนายก โทร. 0 3731 4575 จุดชมวิวเขาบ่อเตย จังหวัดจันทบุรี จันทบุรี จุดหมายปลายทางไม่ใกล้ไม่ไกลใช้เวลาขับรถประมาณ 3 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ จังหวัดที่มีครบทุกอารมณ์ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ ทะเล ภูเขา น้ำตก ร้านกาแฟ คาเฟ่ รวมไปถึงร้านอาหารอร่อยๆ มากมาย และอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวอันซีนที่ห้ามพลาดก็คือ จุดชมวิวเขาบ่อเตย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นที่ที่คุณจะได้ชมแสงสุดท้ายของวันได้สวยงามที่สุดในเมืองจันทบุรี จุดชมวิวเขาบ่อเตย อยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน…
Editor
7 October 2021
Lifestyle

LIFESTYLE
โยคะบำบัด ฟอกปอด เพิ่มออกซิเจน

ด้วยปัญหามลพิษทางอากาศที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งสถานการณ์ของโรคระบาดก็ยังไม่คลี่คลาย จึงทำให้คนส่วนใหญ่หันกลับมาใส่ใจในเรื่องของสุขภาพกันมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหารการกิน การใช้ชีวิตประจำวันอย่างระมัดระวังแบบ New Normal รวมไปถึงเรื่องของการออกกำลังกายเสริมสร้างความแข็งแรง เมื่อนึกถึงการออกกำลังกายในช่วงนี้ อยากให้ลองมองเรื่องของการบริหารอวัยวะภายในอย่าง “ปอด” ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ควรได้รับการดูแลเป็นพิเศษ แต่การออกกำลังกายกลางแจ้งหรือเข้ายิมก็อาจจะยังทำได้ไม่สะดวกนัก ด้วยการเดินทางและโอกาสในการพบปะผู้คน อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะได้รับรวมถึงแพร่กระจายเชื้อได้ ด้วยความห่วงใย Power จึงได้ไปหาวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการออกกำลังกาย เพื่อช่วยเสริมสร้างให้ปอดของคุณแข็งแรงขึ้น พร้อมช่วยลดระดับความเครียด และที่สำคัญคือคุณสามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้านของคุณ ด้วยการฝึกโยคะจาก 5 ท่านี้ ที่นอกจากจะช่วยเรื่องการทำงานของปอดแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหน้าอก พร้อมช่วยเรื่องการหายใจเพิ่มปริมาณออกซิเจนเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณได้อีกด้วย 1. SUKHASANA (CROSS-LEGGED SITTING POSE) นั่งในท่าขัดสมาธิปกติ วางมือซ้ายไว้บนหัวเข่าขวา และวางมือขวาไว้ด้านหลัง หายใจเข้าพร้อมยืดอกของคุณขึ้น ขณะที่โน้มตัวไปทางด้านหน้าให้หายใจออกพร้อมกับพยายามนำหน้าผากขวาไปแตะที่บริเวณเข่าขวา หายใจเข้าค่อยๆ กลับสู่จุดเริ่มต้นและสลับทำอีกข้างหนึ่ง ประโยชน์ที่จะได้รับ: ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปยังปอด และขจัดสารพิษที่เป็นอันตรายออกจากกล้ามเนื้อปอด อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของระบบทางเดินหายใจ และเมื่อฝึกฝนเป็นประจำจะทำให้เรามีสมาธิ ช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลได้อีกด้วย 2. BHUJANGASANA (COBRA POSE) การฝึกท่า “งู” นี้ทำได้ง่าย เพียงคุณนอนราบไปบนพื้น ยันมือทั้งสองข้างไว้บริเวณหน้าอก และกดฝ่ามือลงเพื่อช่วยดันตัวขึ้น พร้อมยืดกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้อง โดยการเหยียดแขนออกให้สุดและกดสะบักเข้าหาหลัง เงยหน้ามองเพดาน หาจุดโฟกัส ค้างไว้ 15 – 30 วินาที พร้อมหายใจออกเมื่อคุณกลับสู่ท่าเริ่มต้น ประโยชน์ที่จะได้รับ: นอกจากจะได้ฝึกลมหายใจเพื่อบำบัดปอดแล้ว ยังช่วยยืดคลายความตึงและอาการปวดสะโพก เสริมสร้างแนวกระดูกสันหลังให้แข็งแรง และบรรเทาอาการหอบหืด 3. MATSYA ASANA (FISH POSE) การฝึกท่า “ปลา” เริ่มจากการนอนหงาย ขาทั้งสองข้างชิดกัน วางมือโดยให้ข้อศอกตั้งฉากข้างลำตัว เงยหน้าและยกหน้าอกขึ้น จากนั้นค่อยๆ วางกระหม่อมลงกับพื้นในขณะที่หลังโค้ง พยายามรักษาสมดุลให้คงที่ อาจจะใช้ข้อศอกในการช่วยพยุงตัวไว้ หายใจเข้าลึกๆ และหายใจออกยาวๆ อยู่ในท่านี้ประมาณ 30 วินาที ประโยชน์ที่จะได้รับ: การฝึกท่านี้จะเป็นการบริหารปอดโดยตรง หน้าอกจะขยาย ช่วยในเรื่องของการหายใจให้คล่องและรู้สึกสบายขึ้น พร้อมช่วยในเรื่องของการหมุนเวียนเลือดให้กระจายไปทั่วร่างกายได้ดีขึ้น และช่วยลดอาการตึงคอ ไหล่ และหลัง 4. PADMA SARVANGSANA (LOTUS SHOULDER STAND) การฝึกท่า “ยืนด้วยหัวไหล่” เริ่มด้วยการนอนราบบนพื้น ชันเข่าทั้งสองข้างชิดอกและวางมือไว้ข้างลำตัว สปริงตัวยกสะโพกขึ้นโดยใช้มือทั้งสองข้างช่วยพยุงไว้บริเวณหลัง ข้อศอกตั้งฉากกับพื้น ในขณะที่หายใจเข้าให้คุณพับขาไขว้กันเพื่อให้ข้อเท้าซ้ายไปอยู่ที่ต้นขาขวา และข้อเท้าขวาไปอยู่ที่ต้นขาซ้าย คล้ายท่านั่งขัดสมาธิ ค้างท่านี้ไว้สักครู่ แล้วหายใจออกพร้อมค่อยๆ ลดสะโพกลงจนกลับสู่ท่าเริ่มต้น ประโยชน์ที่จะได้รับ: ช่วยให้อากาศผ่านไปยังปอดได้ง่ายขึ้น การบริหารส่วนบนของร่างกายจะเสมือนเป็นการนวดอวัยวะภายใน ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความสมดุลของร่างกายและระบบประสาท 5. ARDHA MATSYENDRASANA (SITTING HALF SPINAL TWIST) การฝึกท่า “บิดตัวพับขา” เริ่มจากนั่งตัวตรงเหยียดขาไปด้านหน้า งอขาขวาพร้อมสอดไปใต้ขาซ้าย โดยให้ส้นเท้าขวาอยู่ติดกับสะโพกซ้าย ยกขาซ้ายและพาดให้อยู่เหนือเข่าขวาพร้อมตั้งตรง บิดเอว ไหล่ และคอแล้วมองข้ามไหล่ซ้ายไป  พร้อมวางมือขวาไว้ข้างเท้าซ้าย และมือซ้ายวางไว้ด้านหลัง กำหนดลมหายใจเข้า - ออก ค้างไว้ 30 วินาที – 1 นาที และสลับทำอีกข้างในลักษณะเดียวกัน ประโยชน์ที่จะได้รับ:…
Editor
30 September 2021
Food & DrinksLifestyle

FOOD & DRINKS
ยกความอร่อยมาทั้งทะเล
บุฟเฟต์ซีฟู้ดและบาร์บีคิวมื้อค่ำ
จากห้องอาหารควิซีน อันปลั๊ก

ห่างหายไปนานสำหรับช่วงเวลาแสนพิเศษที่หลายคนคิดถึง เพราะบุฟเฟต์เลิฟเวอร์ทุกคนต่างรู้ดีว่า หัวใจของบุฟเฟต์คือการได้นั่งรับประทานที่ร้านในบรรยากาศสบายๆ พร้อมเมนูอาหารสุดโปรดคุณภาพพรีเมียมที่จัดเต็มมาแบบไม่อั้น รวมไปถึงความมั่นใจในสุขอนามัยครอบคลุมทุกมิติ เพื่อให้มื้อสำคัญของคุณและครอบครัวคือรางวัลของค่ำคืนนั้นอย่างแท้จริง ห้องอาหารควิซีน อันปลั๊ก โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ เชิญชวนทุกท่านมาลิ้มลองและสัมผัสประสบการณ์อาหารจากทั่วทุกมุมโลกไปกับ บุฟเฟต์อาหารทะเลและบาร์บีคิวมื้อค่ำ ที่ได้ยกมาทั้งทะเลด้วยหลากหลายเมนูซีฟู้ดให้ได้เลือกรับประทานกันแบบสดใหม่ในแต่ละวัน ทั้งปูอลาสก้า ปูทะเลสีน้ำตาล กั้งทะเล หอยนางรม และหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ รวมไปถึงมุมบาร์บีคิวที่ให้คุณเต็มอิ่มกับ กุ้งแม่น้ำเผา เนื้อวากิวย่าง และไก่ย่างออร์แกนิกยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะคุณจะได้พบกับอาหารเลิศรสอีกมากกว่า 50 เมนู จากทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นโซนอาหารญี่ปุ่น ซูชิหน้าปลาแซลมอน ไข่หวาน และซาซิมิ ที่มีทั้งปลาแซลมอน ปลาโทโร่ ปลาหมึก พร้อมข้าวปั้น ข้าวห่อสาหร่าย โซนอาหารอิตาเลียน ทั้งพิซซ่าอบร้อนๆ จากเตาและพาสต้าทำสดใหม่ รวมไปถึงอาหารไทย อาหารอีสาน อาหารจีน และอาหารนานาชาติ ก่อนจะปิดท้ายด้วยขนมหวาน เค้กนานาชนิด ไอศกรีม ผลไม้ตามฤดูกาลและอีกมากมายห้องอาหารควิซีน อันปลั๊ก โรงแรมพูลแมน คิง เพาเวอร์ กรุงเทพ เปิดให้บริการเฉพาะวันพฤหัสบดี - วันอาทิตย์ 17.00 – 20.00 น. พิเศษ สมาชิก คิง เพาเวอร์ และผู้ที่ทำการจองออนไลน์ล่วงหน้า รับส่วนลดทันที 30% เหลือเพียง 1,050 บาท สุทธิ/ท่าน จากราคาเต็ม 1,499 บาท เด็กอายุไม่เกิน 5 ปี รับประทานอาหารฟรี และเด็กอายุ 6-11 ปี รับส่วนลด 50% จากราคาเต็ม ทั้งนี้ ความปลอดภัยและความสบายใจของลูกค้าคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ทางห้องอาหารจึงได้มีมาตรการป้องกันและข้อควรระวังเพื่อความปลอดภัย มีการตรวจสอบอุณหภูมิ ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ ปฏิบัติตามนโยบาย Social Distancing ตลอดจนดูแลความสะอาดและสุขอนามัยขั้นสูงสุดในทุกขั้นตอนของการปฏิบัติการทั้งหมด จองออนไลน์ล่วงหน้า คลิก ติดต่อห้องอาหาร โทร. 0 2680 9999
Editor
29 September 2021
Lifestyle

LIFESTYLE
เติมเต็มไลฟ์สไตล์ให้หลากหลายในยุคดิจิทัล
เมื่อเกมออนไลน์เป็นได้มากกว่าแค่สื่อบันเทิง

ในช่วงเวลาที่ผู้คนยังคงต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่บ้าน หากใครเกิดอาการเหงาๆ เบื่อๆ แนะนำให้ลองหากิจกรรมมาทำในยามว่าง อย่างงานคราฟต์ก็ดูน่าสนใจ เพราะนอกจากจะใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์แล้ว ยังสามารถทำขายเป็นอาชีพเสริมได้อีกด้วย หรือจะชุบชูใจในช่วงกักตัวด้วยนานาหนังสือเล่มโปรดก็ช่วยให้อิ่มเอมใจได้ไม่น้อย แต่หากใครเกิดความเครียดสะสม จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นเกมเพื่อคลายเครียดสักหน่อย ก็น่าจะผ่อนคลายกับสถานการณ์นี้ได้มากทีเดียว เกมออนไลน์ในโทรศัพท์มือถือได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยมีหลากหลายประเภทให้เลือกตามความชอบของแต่ละบุคคล ซึ่งในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางแล้วว่า เกมเป็นมากกว่าแค่สื่อบันเทิง เพราะสามารถเล่นเป็นอาชีพเข้าแข่งขันในฐานะกีฬาอีสปอร์ต หรือจะสตีมเกมเป็นงานอดิเรกก็เป็นลู่ทางที่น่าสนใจในการหารายได้ด้วยเช่นกัน แต่สำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าจะเล่นเกมอะไรดี เราก็มีเกมออนไลน์น่าเล่นในโทรศัพท์มือถือที่แม้จะได้ยินชื่อกันมาสักพักแต่ก็ยังครองความนิยมมาจนถึงวันนี้มาแนะนำ ทั้งนี้ทั้งนั้นควรเล่นแต่พอดี เพื่อความสุขกำลังดี ที่ไม่ทำร้ายตัวเองและคนรอบข้าง หรือหากเข้าทางก็อาจเป็นตัวเลือกเพื่อพัฒนาไปสู่เส้นทางใหม่ๆ ในชีวิตได้ ROV หากใครที่ชื่นชอบเกมประเภท MOBA (Multiplayer Online Battle Arena) ต้องไม่พลาด ROV เกมมือถือออนไลน์สุดฮิต ที่ถึงแม้จะเปิดตัวมานานแล้ว แต่ก็ยังได้รับความนิยมจนมาถึงทุกวันนี้ เป็นเกมการเข้าแข่งขันสุดมันแบบเรียลไทม์ 5v5 (การแข่งขันระหว่าง 2 ทีม แบ่งออกเป็นทีมละ 5 ตำแหน่ง 5 ผู้เล่น) ซึ่งเสน่ห์ของเกมหลักอยู่ที่ความสวยงามของภาพประกอบ และมีฮีโร่ให้ลองเลือกเล่น โดยทุกตัวละครสามารถพลิกแพลงแนวทางการเล่นได้อย่างหลากหลาย ประชันกันตั้งแต่การเลือกตัวละคร ไปจนถึงชั้นเชิงเกมการวางแผนเชือดเฉือนกันในสมรภูมิรบที่ต้องใช้ทั้งทักษะ กลยุทธ์ ฝีมือ และทีมเวิร์ก ในการเข้าไปทำลายไล่ตีป้อมใหญ่ของศัตรูให้แตกจึงจะได้รับชัยชนะ จะมาเดี่ยวหรือมาเป็นแก๊งเพื่อนก็สามารถร่วมสู้ศึกในครั้งนี้ได้ ชมวิดีโอตัวอย่างเกม คลิก FREE FIRE ฉีกทุกกฎของเกมเอาตัวรอดแนว Battle Royale ที่มาพร้อมกับประสบการณ์เต็มแมกซ์ เพลิดเพลินไปกับคุณภาพกราฟิกและการเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล ความสนุกของเกมนี้คือ ผู้เล่นจำนวน 50 คน มุ่งสู่เกาะสวรรค์โดยการกระโดดร่มจากเครื่องบินลงบนเกาะเดียวกัน ซึ่งทุกคนไม่เพียงแต่ต้องหาอาวุธให้ได้เร็วที่สุด แต่ยังต้องอยู่ในเขตที่ปลอดภัย และลุ้นระทึกยิ่งขึ้นเมื่อโซนพื้นที่ในเกมจะค่อยๆ บีบเข้ามาให้เหลือวงน้อยที่สุด นอกจากจะต้องหนีให้ทันแล้ว ยังต้องต่อสู้กับผู้รอดชีวิตที่ยังเหลืออยู่ ซึ่งจะมีผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะได้ออกจากเกาะแห่งนี้ ชมวิดีโอตัวอย่างเกม คลิก PUBG MOBILE อีกหนึ่งเกมแนว Battle Royale ที่จะไม่พูดถึงคงเป็นไม่ได้สำหรับ PUBG ซึ่งความสนุกของเกมนี้คือ จุผู้เล่นได้ถึง 100 คน โดยแต่ละคนต้องกระโดดร่มจากเครื่องบินมุ่งลงสู่เกาะเดียวกัน สำหรับผู้เล่นมือใหม่แนะนำให้เลือกลงตำแหน่งจุดยุทธศาสตร์ที่ปลอดภัย จากนั้นหาอาวุธให้เร็วที่สุด หัวใจสำคัญคือการเอาชีวิตรอดและผู้ที่อยู่รอดเป็นคนสุดท้ายจะได้รับตำแหน่งผู้ชนะไปครอง เกมนี้จะเล่นคนเดียวก็สนุก หรือเล่นเป็นทีมเวิร์กก็ยังมีโหมดอื่นๆ ให้เลือกเล่น อย่าง 4v4 Team Deathmatch ซึ่งหากใครชื่นชอบเกมแนวเซอร์ไวเวอร์แบบสมจริงต้องไม่พลาด PUBG ชมวิดีโอตัวอย่างเกม คลิก eFootball PES 2021 มาเอาใจแฟนกีฬาลูกหนังกันบ้าง จาก Pro Evolution Soccer (PES) หรือที่คุ้นหูกันในชื่อ Winning Eleven เกมสุดฮิตจากเครื่องเพลย์สเตชั่น สู่ความตื่นเต้นในโลกของการแข่งขันฟุตบอลผ่านมือถือ โดยได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น eFootball ซึ่งความน่าสนใจของเกมนี้คือ ความสมจริงของตัวผู้เล่นนักเตะที่อิงกับทีมฟุตบอลจริง โดยคุณสามารถเลือกทีมผู้เล่น ฟอร์มทีมและปรับแต่งนักเตะได้ด้วยตัวเอง สำหรับการบังคับเกมไม่ว่าเป็นการวิ่ง ส่งบอล กระชากและหักหลบก็ทำได้ไม่ยาก เติมเกมรับหรือเกมรุกก็วางกลยุทธ์ได้เสมือนกับเป็นโค้ชของทีมฟุตบอลนั้นจริงๆ เลยทีเดียว จะฝึกฝีมือเล่นคนเดียวกับบอตไปก่อน หรือจะเล่นกับเพื่อนก็สนุกได้เช่นกัน ชมวิดีโอตัวอย่างเกม คลิก Ragnarok X: Next Generation ปิดท้ายด้วยเกมมือถือน่าเล่นจาก Ragnarok X: Next Generation ที่เชื่อว่ายังเป็นเกมขวัญใจของใครหลายคนอยู่ไม่น้อย สำหรับความน่าสนใจของเกมนี้คือ เป็นเกมผจญภัยสุดคลาสสิกในรูปแบบ 3D โดยมีเรื่องราวมากมายให้ค้นหาได้อย่างอิสระบนพื้นที่อันกว้างใหญ่ ที่พร้อมจะให้คุณได้เพลิดเพลินไปกับหลากหลายตัวละครอาชีพให้เลือกเล่น นอกจากที่คุณจะต้องไล่ตีเหล่ามอนสเตอร์เพื่อเก็บเลเวลนำมาพัฒนาอาชีพตัวเองให้เก่งขึ้นแล้ว ยังมีเควสและกิจกรรมประจำวันให้ร่วมเล่นเพื่อที่จะได้รับของรางวัล หากต้องการเพิ่มความตื่นเต้นยิ่งขึ้นจะเข้ากิจกรรม…
Editor
29 September 2021