BeautyFeatureGrooming Story

Grooming Story:
5 ความหอมเบาสบายสไตล์ยูนีค
เติมเสน่ห์แห่งวันใหม่ให้ชายหนุ่ม

FASHION EDITOR SANSHAI JIRAT SUBPISANKUL PHOTOGRAPHER ONG-ON UPA-IN 5 ความหอมเบาสบายสไตล์ยูนีค เติมเสน่ห์แห่งวันใหม่ให้ชายหนุ่ม เริ่มวันใหม่ของปี 2021 ด้วยความหอมสดชื่นเบาสบายของน้ำหอมที่ให้กลิ่นสไตล์ยูนีค สร้างคาแรกเตอร์หล่อเหลาแบบไม่จำเจ ดึงเสน่ห์แห่งความเป็นชายหนุ่มที่น่าหลงใหลได้ในทุกวัน จนยากจะลืมเลือนBottega Veneta Parco Palladiano II Cipresso เรียกได้ว่าหลงรักตั้งแต่เห็นดีไซน์ขวดกันเลยทีเดียว ไหนจะสีของน้ำที่เพียงแค่เห็นก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที ด้วยกลิ่นหลักเป็นแนวกรีนวู้ดดี้ที่ไม่ชวนให้เวียนหัว เป็นความสดชื่นแบบบาลานซ์ ด้วยการทำให้ความกรีน ไม้หอม ความเผ็ดร้อนต่างๆ เกิดความสมดุล กลิ่นไม่อบอวลจนเกินไป เพียงแค่สเปรย์แรกก็บอกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้ โคตรหล่อแต่แอบติดเฟลิร์ตเบาๆ ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยความหอมแบบนุ่มนวลละมุนละไมคล้ายนมหรือมะพร้าวเบาๆ หักมุมจนกลายเป็นผู้ชายแสนดีผู้มีรักเดียวไปเลยBottega Veneta Parco Palladoano VII EDP ความหอมหมายเลข 7 ในโทน Flower Fresh ขวดนี้ ถือเป็นตัวที่ฮอตและหรูที่สุดในไลน์เลยก็ว่าได้ ให้กลิ่นที่มีความเป็นยูนิเซ็กส์ ด้วยกลิ่นหอมฟุ้งๆ เหมือนเดินอยู่ในทุ่งไลแลคที่ออกมาค่อนข้างชัด คลอเคล้าไปกับกลิ่นฟีลทะเลบางๆ จึงทำให้ผู้ชายก็สามารถใช้ได้ ด้วยกลิ่นที่ออกมาในไสตล์เรียบหรู เบาสบาย ให้ลุคชายหนุ่มเชิ้ตขาวสายชิลที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบโอปป้าเกาหลี ถ้าสาวๆ จะพากันคลั่งใคล้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกBottega Veneta Parco Palladoano VII EDP ความหอมหมายเลข 7 ในโทน Flower Fresh ขวดนี้ ถือเป็นตัวที่ฮอตและหรูที่สุดในไลน์เลยก็ว่าได้ ให้กลิ่นที่มีความเป็นยูนิเซ็กส์ ด้วยกลิ่นหอมฟุ้งๆ เหมือนเดินอยู่ในทุ่งไลแลคที่ออกมาค่อนข้างชัด คลอเคล้าไปกับกลิ่นฟีลทะเลบางๆ จึงทำให้ผู้ชายก็สามารถใช้ได้ ด้วยกลิ่นที่ออกมาในไสตล์เรียบหรู เบาสบาย ให้ลุคชายหนุ่มเชิ้ตขาวสายชิลที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แบบโอปป้าเกาหลี ถ้าสาวๆ จะพากันคลั่งใคล้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกSisley Eau De Campagne บอกเลยว่าขวดนี้เป็นน้ำหอมที่มีความลักซ์ชัวรี่และหอมมากๆ สเปรย์ปุ๊บความกรีนลอยมาปั๊บ เหมือนได้รับออกซิเจนหลังฝนตก ด้วยกลิ่นที่สดชื่นและเหมือนมีความฉ่ำของฝน ด้วยส่วนผสมหลักๆ ของลาเวนเดอร์ โอ๊คมอส และเจอราเนียมต่างๆ  จึงทำให้ได้อารมณ์เหมือนอยู่ในสวน มีความเฟรชตลอดเวลา ให้กลิ่นเหมือนหญ้าตัดใหม่ในตอนเช้า ยิ่งทิ้งไว้นานยิ่งหอม แต่ด้วยความที่กลิ่นค่อนข้างมีความยูนีคไม่ซ้ำแบบใคร หากบางคนไม่เก็ทก็อาจไม่เก็ทไปเลยเหมือนกันLe Labo Santal 33 ความพิเศษของแบรนด์นี้คือ การปรุงสดแบบขวดต่อขวด สำหรับกลิ่นนี้ค่อนข้างมีความน่าสนใจและค่อนข้างแปลกไปพร้อมๆ กัน ด้วยกลิ่นที่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในป่า เป็นกลิ่นที่ดูมีมิติและเหมือนจริงมากๆ เด่นด้วยกลิ่นไม้หอมๆ ฟุ้งๆ อย่างดอกไม้จันทน์ ต้นสน ไอริส และเครื่องเทศ ผสมผสานกันจนได้กลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่น เบาสบาย สไตล์ผู้ชายแมนๆ ติดหรูดูเซ็กซี่ น่าค้นหา เพียงสเปรย์เบาๆ ในวันทำงาน หรือสเปรย์เข้มหน่อยในยามค่ำคืน ก็ฮอตเกินต้านLe Labo Santal 33 ความพิเศษของแบรนด์นี้คือ การปรุงสดแบบขวดต่อขวด สำหรับกลิ่นนี้ค่อนข้างมีความน่าสนใจและค่อนข้างแปลกไปพร้อมๆ กัน ด้วยกลิ่นที่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในป่า เป็นกลิ่นที่ดูมีมิติและเหมือนจริงมากๆ เด่นด้วยกลิ่นไม้หอมๆ ฟุ้งๆ อย่างดอกไม้จันทน์ ต้นสน ไอริส และเครื่องเทศ ผสมผสานกันจนได้กลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่น เบาสบาย สไตล์ผู้ชายแมนๆ ติดหรูดูเซ็กซี่ น่าค้นหา เพียงสเปรย์เบาๆ ในวันทำงาน หรือสเปรย์เข้มหน่อยในยามค่ำคืน ก็ฮอตเกินต้านAtelier Cologne Musc Imperial ปิดท้ายด้วยความเก๋ไก๋แบบยูนิเซ็กส์ ของความหอมที่เป็นเอกลักษณ์อย่างไม่น้อยหน้าใคร สำหรับสายเรียบหรูดูมีระดับแต่กลับเข้าถึงง่าย…
Editor
4 January 2021
BeautyBeauty InsiderFeature

Beauty Insider:
ไม่ว่าจะกี่ปาร์ตี้ผิวนี้ก็ไม่สะเทือน

ไม่ว่าจะกี่ปาร์ตี้ผิวนี้ก็ไม่สะเทือน ใกล้เทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เข้ามาทุกทีแล้ว เชื่อว่าคงหนีไม่พ้นการนัดเพื่อนพ้องน้องพี่เพื่อปาร์ตี้กันให้สาแก่ใจ หลังจากที่เคร่งเครียดกับบรรดาภารกิจต่างๆ มาตลอดทั้งปี ด้วยความห่วงใยและอยากให้คุณดูดีในทุกกิจกรรม Power จึงมีเคล็ดลับในการรับมือกับปาร์ตี้ซีซั่น เพื่อให้คุณสาวๆ มั่นใจได้ว่าหลังจากสนุกสนานไปกับวันหยุดเทศกาลกันอย่างสุดเหวี่ยงแล้ว คุณจะยังคงกลับมายืนหนึ่งเรื่องความสวยกันได้อย่างมั่นใจ ตามสไตล์ผู้หญิงยุคใหม่ใจต้องนิ่ง หน้าต้องนิ้ง ผิวต้องเนียน  คอนเฟิร์ม! ดริ๊งก์อย่างชาญฉลาด การดื่มน้ำเปล่าคั่นการดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะๆ จะทำให้ร่างกายดูดซึมแอลกอฮอล์ได้น้อยลง และเพื่อป้องกันอาการแฮงค์ที่อาจตามมาในภายหลัง ก่อนนอนควรดื่มน้ำสะอาดให้มากเข้าไว้ และควรดื่มน้ำผสมมะนาวหลังตื่นนอนอีกครั้ง เพื่อให้ตับและไตสามารถขับพิษออกจากร่างกายได้ดียิ่งขึ้น ต่อให้เมาแค่ไหนก็อย่าหยุดสวย ข้อนี้จำให้ขึ้นใจ ต่อให้เมาหรือง่วงแค่ไหนก็ต้องไม่ลืมที่จะทำความสะอาดผิวหน้า หรือลบเมกอัพให้หมดก่อนที่จะเข้านอนทุกครั้ง เพราะลำพังแค่ปาร์ตี้ทุกคืนหรือการพักผ่อนน้อยก็ทำให้ผิวพรรณแย่พออยู่แล้ว หากยังปล่อยให้เมกอัพ สิ่งสกปรกต่างๆ ตกค้างอยู่บนผิวหน้า ทิ้งให้อุดตันรูขุมขน ผิวคงโทรมจนหมดสวย ดีไม่ดีจะได้สิวอักเสบมาเป็นที่ระลึก แต่ถ้าหมดพลังจนถึงขั้นล้างหน้าไม่ไหวจริงๆ ให้ใช้เมกอัพรีมูฟเวอร์แบบทิชชู่เช็ดทำความสะอาดเมกอัพ แล้วโปะตามด้วยไนต์ครีมช่วยเติมความชุ่มชื่นให้กับผิวอย่างล้ำลึก ถือเป็นการช่วยต่อชีวิตให้ผิวได้เช่นกัน อย่าเอะอะสครับผิว ยังมีบางคนที่เข้าใจผิดคิดว่า ตื่นเช้ามาควรสครับผิวเพื่อให้ใบหน้าที่ดูโทรมๆ กลับสดใสขึ้น ซึ่งมันไม่ใช่ เพราะการพักผ่อนน้อยจะทำให้ผิวอยู่ในช่วงวิกฤต ผิวจะแห้งกร้านขาดน้ำ และอยู่ในช่วงที่อ่อนแอ เกิดการระคายเคืองได้ง่าย ฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการ สครับผิวอย่างรุนแรง ทางที่ดีคือ นอนเถอะ ปล่อยให้ผิวได้พักผ่อน และรบกวนผิวให้น้อยที่สุดจะดีกว่า งานด่วนไว้ใจมาสก์ ถ้าต้องออกงานด่วน ในขณะที่หน้ายังดูเหนื่อยล้า ผิวยังดูโทรม มาสก์จะช่วยกู้วิกฤตผิวขาดน้ำบนใบหน้าและรอบดวงตาได้ ด้วยมาสก์สูตรบำรุงความชุ่มชื้นผิวอย่างล้ำลึก จะเลือกใช้แบบเนื้อครีมหรือทิชชู่ก็ได้ไม่ว่ากัน ขอเพียงให้ได้นอนพักไปด้วยระหว่างที่มาสก์หน้า เพื่อให้สารบำรุงเข้าฟื้นฟูผิวได้อย่างล้ำลึก และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น กฏเหล็กในการแต่งหน้าวันที่ผิวแย่ อย่าประโคมเมกอัพเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยใดๆ ในวันที่ผิวแย่เด็ดขาด เพราะแทนที่จะกลมกลืนจะกลับกลายเป็นลอยล่องเสียมากกว่า สิ่งที่ควรทำคือ ต้องบำรุงผิวก่อน ด้วยการทามอยส์เจอไรเซอร์สูตรเติมความชุ่มชื่นให้ผิว และควรแต่งหน้าให้น้อยที่สุด สำหรับผิวที่ไม่มีปัญหา อาจใช้แค่ไพรเมอร์แบบมีสีหรือทินต์มอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อปรับผิวให้ดูสดใสขึ้นก็พอ แต่หากผิวต้องการการปกปิด ให้ใช้รองพื้นสูตรน้ำโดยไม่ต้องทาแป้งฝุ่นตาม หลีกเลี่ยงสูตรออยล์ฟรีและเมกอัพเนื้อแมตต์ทุกชนิด เพราะผิวที่แห้งขาดน้ำนั้น ถ้ายิ่งทาแป้งฝุ่นหรือแป้งผสมรองพื้นจะยิ่งเน้นให้เห็นริ้วรอยและความแห้งของผิวมากขึ้นไปอีกถุงใต้ตาบวมต้องทำอย่างไร การพักผ่อนไม่เพียงพอและการดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนักหน่วงนั้น เป็นสาเหตุให้ระบบไหลเวียนในร่างกายขาดประสิทธิภาพ ทำให้ถุงใต้ตาดูบวมขึ้นมาได้ หากลองโปะถุงชา แตงกวา หรือช้อนโลหะ สารพัดวิธีตามตำราแล้วไม่ได้ผล ให้ลองใช้สำลีจุ่มกาแฟที่พักไว้จนเย็น ประคบบริเวณเปลือกตาประมาณ 10 นาที กาเฟอีนในกาแฟจะช่วยลดอาการตาบวมได้ หรือจะลองยืดเหยียดทำโยคะ เพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนในร่างกาย ก็ช่วยลดอาการตาบวมได้เช่นกัน แต่ถ้าไม่ไหวจะเคลียร์ คงต้องพึ่งพามาสก์สำหรับดวงตา และคอนซีลเลอร์เข้าช่วยอีกทางหนึ่ง เมกอัพลวงตา ถ้าอยากให้หน้าตาดูสดใสแต่ไม่มีเวลาบำรุง เรามีเคล็ดลับเฉพาะหน้านั่นคือ การใช้เมกอัพลวงตาให้ดูเหมือนนอนเต็มอิ่ม 8 ชั่วโมง ด้วยการปัดมาสคาร่าและวาดอายไลเนอร์ เพื่อเปิดดวงตาให้ดูสดใสเป็นประกาย แนะนำว่าต้องเป็นสีดำเข้มเท่านั้นจึงจะเวิร์ก และควรหลีกเลี่ยงการแต่งตาด้วยอายแชโดว์สีพาสเทลและเนื้อชิมเมอร์ทั้งหลาย เพราะจะยิ่งเน้นให้ตาดูบวมและบอบช้ำหนักขึ้น อยากตาสวยขยี้ใจ ต้องไม่ขยี้ตา หลังจากผจญภัยในกลุ่มม่านหมอกควันบุหรี่และท่องราตรีมาทั้งคืน ตาของคุณจะแห้งแดงระคายเคือง และจะยิ่งหนักขึ้นถ้าสวมคอนแท็กเลนส์ หรือทำงานที่ต้องใช้สายตาจ้องคอมพิวเตอร์ทั้งวัน วิธีแก้ง่ายๆ คือ หยดน้ำตาเทียมบ่อยๆ เพิ่มความชุ่มฉ่ำให้ดวงตา และขอย้ำว่า...อย่าขยี้ตา เพราะจะทำให้ดวงตายิ่งบอบช้ำไปกว่าเดิม
Editor
30 December 2020
BeautyFeatureGrooming Story

Grooming Story:
ปรับลุคให้หล่อตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
เดตไหนก็รอด

FASHION EDITOR SANSHAI JIRAT SUBPISANKUL PHOTOGRAPHER ONG-ON UPA-IN ปรับลุคให้หล่อตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เดตไหนก็รอด เมื่อทุกโอกาสคือการทำคะแนนให้กับตัวเอง ทุกรายละเอียดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม อย่าลืมว่าผู้หญิงสมัยนี้ไม่ได้มองแค่ความหล่อและข้าวของแบรนด์เนมที่คุณใช้เท่านั้นแล้วนะ Power จึงนำเคล็ดลับสำคัญในการปรับลุคให้ดูหล่อดูคูลมาบอกต่อ เพื่อให้คุณผู้ชายได้เตรียมความพร้อมก่อนออกงาน เป็นการเพิ่มดีกรีความเท่ให้กับตัวเอง สร้างความประทับใจในทุกการเดต ชนิดที่เรียกว่าลุคไหนก็โดนใจ เพียงแค่เพิ่มความเอาใจใส่กับทุกเรื่องราวใดๆ ต่อไปนี้ คาดิโอ...เปิดสมอง เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระตุ้นการไหลเวียนในร่างกาย ใบหน้าและดวงตาดูสดใสเป็นประกาย ลองหาเวลาไปออกกำลังกายแบบคาดิโอสัก 30-45 นาที หัวสมองที่ปลอดโปร่งหลังออกกำลังกาย จะช่วยให้คุณพูดคุยได้อย่างชาญฉลาด จะปล่อยมุขไหนก็พลิ้วไหวไหลลื่น หว่านเสน่ห์ได้อย่างเนียนๆ โดยไม่ต้องพยายามให้วุ่นวาย ลุคเถื่อนหลบไป โอปป้าโดนใจกว่า หมดสมัยแล้วกับผู้ชายลุคดิบๆ เถื่อนๆ เพราะสาวๆ ส่วนใหญ่หันไปคลั่งไคล้หนุ่มหน้าใสสไตล์เกาหลีกันแล้ว ฉะนั้นหมั่นใส่ใจบำรุงดูแลผิวกันสักนิด เริ่มจากเลิกล้างหน้าด้วยสบู่ก้อนที่ใช้อาบน้ำ แล้วหันมาใช้เคลนเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองแทนซะ ถ้าต้องออกงานหรือออกเดต หลังล้างหน้าอาจเสริมด้วยการมาสก์หน้าสัก 10-15 นาที เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ใบหน้าดูสดใส แต่ถ้าไม่มีมาสก์ให้ใช้น้ำแข็งลูบไล้ใบหน้าเบาๆ จะช่วยปลุกผิวให้ดูสดใสขึ้นได้เช่นกัน อย่าปล่อยให้ ‘ขน’ แย่งซีน หากไม่อยากให้คู่เดตเอาแต่จ้องมองขนจมูกหรือขนบริเวณใบหูที่ยื่นออกมาแย่งซีน ก็ควรหมั่นเช็ก ‘ขน’ ใดๆ ต่อไปนี้ก่อนออกจากบ้าน ไม่ว่าจะเป็นขนจมูกหรือขนบริเวณใบหูที่ยาวออกมาจัดการเล็มให้เรียบร้อย หนวดเคราถ้าไม่ได้ตั้งใจเลี้ยงไว้เพื่อความมีสไตล์ก็ควรโกนเสียให้เกลี้ยงเกลา หรือขนคิ้วถ้ารกเกินไปก็กันออกสักเล็กน้อยให้ได้รูปทรง แต่อย่าเผลอกันออกมากจนเกินไป อาจทำให้หน้าหวานเกินหญิงได้ ปากต้องนุ่มและชุ่มฉ่ำ ริมฝีปากแห้งแตกนอกจากจะไม่น่ามองแล้วยังทำให้เสียบุคลิกอีกต่างหาก ยิ่งถ้ามือไม้ซุกซนคุยไปมือก็แกะริมฝีปากไปด้วย บอกเลยว่าหมดเสน่ห์ ฉะนั้นคนริมฝีปากแห้งควรพกลิบบาล์มติดตัวไว้ และต้องเลือกแบบที่เป็นเนื้อบาล์มเท่านั้น อย่าเลือกเนื้อกลอสเป็นอันขาด เพราะต่อให้ผู้หญิงสมัยนี้ใจกว้างกับความเป็นเมโทรเซ็กชวลแค่ไหน แต่ถ้าผู้ชายเดินปากมันวาวมาแต่ไกล ก็อดเอ๊ะไม่ได้หรอกนะ พูดเลย  เรื่องสิวที่ไม่สิว คงไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถนั่งคุยกับคนที่มีสิวอักเสบโดดเด่นบนใบหน้าได้นานๆ โดยไม่รู้สึกขัดหูขัดตา แต่ก็ไม่ควรแก้ปัญหาด้วยการบีบสิว เพราะจะยิ่งทำให้อักเสบลุกลาม และเป็นแผลเป็นไปอีกนาน ถ้ามีสิวอักเสบให้ใช้คอนซีลเลอร์กลบตรงที่เป็นสิว โดยเลือกแบบที่สีใกล้เคียงสีผิว เพื่อความกลมกลืน และควรหมั่นเช็กรายละเอียดทุกครั้งเวลาเข้าห้องน้ำ สำหรับคนที่มีผิวมัน คอนซีลเลอร์จะลบเลือนหายเร็วกว่าผิวประเภทอื่น ฉะนั้นแนะนำให้พกคอนซีลเลอร์ติดตัวไว้ทัชอัพด้วยจะดีที่สุด เรื่องเล็บไม่ใช่เรื่องเล็ก เล็บมือเล็บเท้าควรตัดให้สั้นและรักษาความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อย่าให้มีคราบดำติดอยู่ตามซอกเล็บ อาจหาเวลาเข้าร้านให้ช่างตัดแต่งเล็บมือเล็บเท้า เล็มหนังรอบเล็บให้บ้าง และที่สำคัญ เลิกไว้เล็บนิ้วก้อยยาวๆ เสียที รู้นะว่าเอาไว้ทำอะไร บอกเลยว่ามันไม่น่ามอง สร้างความประทับใจด้วยกลิ่นหอมๆ เมื่อกลิ่นเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการสร้างความประทับใจให้คนรอบข้าง เราจึงควรต้องหมั่นเติมความหอมให้กับสารพัดกลิ่นของเรา ไม่ว่าจะเป็น ‘กลิ่นกาย’ คนเหงื่อเยอะและมีกลิ่นใต้วงแขน ควรใช้ดีโอโดแรนต์ที่ช่วยระงับเหงื่อ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำหอมเพื่อกลบกลิ่นเพราะจะยิ่งชวนเวียนหัว ‘กลิ่นปาก’ เองก็ต้องหมั่นเช็กเช่นกัน แนะนำให้ใช้ Tea Tree Oil หยดใส่น้ำเปล่า 1-2 หยด แล้วกลั้วปาก จะช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่นยาวนาน หรือจะพกสเปรย์ระงับกลิ่นปากไว้ด้วยก็จะดีมาก ส่วนใครที่รู้ตัวว่ามี ‘กลิ่นเท้า’ เท้ามีเหงื่อออกเยอะ ควรฉีดสเปรย์ระงับกลิ่นเท้า หรือโรยผงแป้งก่อนสวมรองเท้า แต่ถ้าฉุกเฉินจริงๆ สเปรย์ระงับกลิ่นกายใต้วงแขนก็สามารถใช้แทนได้เช่นกัน อย่าปล่อยให้ไวน์แดงทิ้งคราบ นอกจากการต้องหมั่นเช็กเศษอาหารที่ติดตามซอกฟันแล้ว คราบเครื่องดื่มต่างๆ ก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะไวน์แดง ซึ่งหากคุณเป็นนักดื่มไวน์แดงตัวยง ควรดื่มน้ำเปล่าตามหลังดื่มไวน์ หรือเข้าห้องน้ำไปบ้วนปากบ่อยๆ เพราะคราบไวน์แดงที่ติดอยู่บริเวณริมฝีปากและซอกฟันนั้นจะทำให้คุณหมดเสน่ห์ไปในทันใด ดูอย่างไรก็ไม่เวิร์ก.
Editor
29 December 2020
BeautyBeauty InsiderFeature

Beauty Insider:
10 เรื่องควรรู้ที่หลายคน
อาจจะพลาดไปในการแต่งผิวให้ดูสวย

10 เรื่องควรรู้ที่หลายคนอาจจะพลาดไปในการแต่งผิวให้ดูสวย คงไม่ต้องเสียเวลาเกริ่นให้เยิ่นเย้อ เพราะต่อไปนี้คือเคล็ดลับในการแต่งผิวคุณผู้หญิงให้ดูสวยเป็นธรรมชาติที่หลายๆ คนอาจยังไม่รู้ รวมไปถึงเคลียร์การเข้าใจแบบผิดๆ ที่อาจทำให้เกิดความพังมากกว่าความสวย 1. อย่ารีบร้อนทาแป้งหรือรองพื้นทั้งๆ ที่สกินแคร์ยังไม่ซึมสู่ผิว เพราะอาจทำให้เมกอัพเป็นคราบได้ คุณสาวๆ ควรทิ้งเวลาให้มอยส์เจอไรเซอร์ได้ทำงานเต็มประสิทธิภาพด้วยการซึมซาบลงสู่ผิวก่อน โดยอาจจะทาสกินแคร์หนึ่งขั้นตอนก่อน แล้วคั่นจังหวะด้วยการไปเลือกชุดหรือทำโน่นทำนี่ไป แล้วค่อยมาทาสกินแคร์ในขั้นตอนต่อๆ ไป เว้นระยะห่างแต่ละขั้นตอนเล็กน้อยให้สกินแคร์ได้ทำงาน แต่ถ้าเราไม่ได้มีเวลามากนัก พัดลมเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะช่วยให้สกินแคร์ที่ทาไปบนผิวแห้งเร็วขึ้นได้ 2. ไพรเมอร์คือชุดชั้นในเนื้อดีที่ควรใส่ให้กับผิวหน้าก่อนออกนอกบ้าน เพื่อการเติมเต็มร่องผิวให้ผิวหน้าสวยเรียบเนียนดูสุขภาพดี การใช้ไพรเมอร์จึงเปรียบได้กับการสวมใส่ชุดชั้นในให้กับใบหน้า ก่อนที่จะห่มทับด้วยรองพื้นที่เปรียบเสมือนเดรสผ้าซาตินชั้นดีสำหรับผิว ซึ่งการเลือกใช้ไพรเมอร์หรือเบสเมกอัพนั้น หากผิวคุณไม่ได้มีปัญหามากนัก สามารถใช้แทนรองพื้นหรือแป้งได้เลย จะช่วยให้ผิวดูฉ่ำน้ำและย้อนวัยได้ง่ายขึ้น ส่วนเราควรจะเลือกไพรเมอร์แบบไหนให้เข้ากับผิวนั้นมาดูกัน เริ่มกันที่ไพรเมอร์แบบที่เป็นเนื้อซิลิโคนนุ่มๆ ลื่นๆ เน้นช่วยเติมเต็มร่องผิว แบบนี้เหมาะกับคนที่มีปัญหารูขุมขนและริ้วรอยร่องลึก แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีผิวมันมากๆ ส่วนแบบที่เป็นเนื้อครีมสีเนื้อ เน้นปรับสีผิวให้ดูสดใสสุขภาพดี เหมาะกับคนที่ผิวค่อนข้างเหลือง สีผิวไม่สม่ำเสมอ และมีจุดด่างดำค่อนข้างเยอะ อีกแบบคือแบบที่เป็นเนื้อครีมสีขาวผสมชิมเมอร์ เน้นเพิ่มความเปล่งปลั่งด้วยการกระจายแสงยามแสงตกกระทบผิว เหมาะกับคนที่ผิวขาดความชุ่มชื้นและผิวดูหม่นหมองไม่สดใส 3. ใช้ปริมาณรองพื้นแต่พองามก่อนที่จะไม่งาม เชื่อว่าข้อนี้คุณสาวๆ เป็นกันเยอะ นั่นคือ การใช้รองพื้นในปริมาณที่มากเกินจำเป็น โดยเฉพาะรองพื้นที่เป็นแบบหัวปั้ม ที่มักจะติดนิสัยการกดหัวปั้มที่ต้องกดสุด สุดท้ายก็มาลำบากด้วยต้องพยายามใช้รองพื้นที่กดออกมาให้หมด จะปาดทิ้งก็เสียดาย อยากจะบอกว่าเคสแบบนี้คุณต้องเข้มแข็งและตัดใจให้ได้ การพยายามจะใช้ให้หมดในคราวเดียวจะเป็นการเพิ่มภาระให้ผิว  เพราะรองพื้นจะกองอยู่บนผิวมากเกินไป บางทีก็กองเป็นจุดๆ เกลี่ยยาก หรือเกลี่ยแล้วไม่กลืนไปกับผิว วิธีจัดการกับปัญหานี้ที่ดีที่สุดคือ ลองบีบรองพื้นออกมาในปริมาณน้อยๆ ก่อน แบบไม่ต้องกดจนสุดหัวปั้ม ถ้าไม่พอค่อยบีบออกมาใหม่ แบบนี้นอกจากจะช่วยให้คุณทาและเกลี่ยรองพื้นได้ง่ายและเนียนกว่ากันแล้ว ยังช่วยประหยัดรองพื้นที่อาจจะเหลือทิ้งอีกด้วย 4. ก่อนเล่นกีฬายังต้องวอร์มร่างกายก่อน รองพื้นก็เช่นกัน และนี่ก็น่าจะเป็นอีกข้อหนึ่งที่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่รู้ นั่นคือการวอร์มเนื้อรองพื้นที่หลังฝ่ามือทุกครั้งก่อนทาลงไปบนผิวหน้า ก็เหมือนกับการเล่นกีฬานั่นล่ะ ถ้ามีการวอร์มร่างกายก่อนกล้ามเนื้อก็เกิดความยืดหยุ่นจะขยับท่าไหนก็สมูท รองพื้นก็เช่นกัน หากมีการวอร์มเนื้อรองพื้นกันก่อน อุณหภูมิความร้อนในร่างกายของเราก็จะช่วยให้เนื้อรองพื้นแตกตัวและช่วยให้เกลี่ยรองพื้นได้ง่ายขึ้นอีกด้วย 5. ปลายนิ้วคืออุปกรณ์ที่ดีที่สุดในการเกลี่ยรองพื้น จริงๆ ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคนมากกว่า ไม่มีอะไรผิดหรือถูก อย่างถ้าต้องการปกปิดมากให้ใช้ปลายนิ้วค่อยๆ กดแตะ ถ้าต้องการปกปิดปานกลางให้ใช้ฟองน้ำ ส่วนการใช้แปรงนั้นเพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ สำหรับใครที่แอดวานซ์หน่อยก็อาจใช้ทั้ง 3 อย่างในการเกลี่ยรองพื้นไปเลย นั่นคือ เริ่มด้วยการใช้ปลายนิ้วกดแตะเบาๆ ไปทั่วหน้า แล้วใช้ฟองน้ำค่อยๆ ซับเอารองพื้นส่วนเกินออก แล้วเก็บรายละเอียดบริเวณไรผม ข้างปีกขมูก และแนวขากรรไกรด้วยแปรง เพื่อกำจัดเอารองพื้นที่ติดตามเส้นขนและไรผมออกนั่นเอง 6. การทารองพื้นหนาเตอะเพื่อปกปิดไม่ได้ช่วยอะไร หลายคนเข้าใจว่าถ้าต้องการปกปิด ควรต้องลงรองพื้นเยอะๆ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะยิ่งปกปิดก็ยิ่งเห็นจุดบกพร่อง จึงควรใช้รองพื้นอย่างชาญฉลาดโดยใช้เท่าที่จำเป็น ถ้าผิวไม่มีปัญหาคุณอาจไม่จำเป็นต้องใช้รองพื้นเลยก็ได้ คือต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการแต้มคอนซีลเลอร์และลงรองพื้น มีจุดประสงค์หลักเพียงอย่างเดียว คือเพื่อแต่งผิวคุณให้ดูสวยขึ้นด้วยการ ‘อำพราง’ จุดบกพร่องบนใบหน้า ซึ่งเราตั้งใจเลี่ยง คำว่า ‘ปกปิด’ เพราะการแต่งผิวที่ถูกหลัก คือแต่งแล้วผิวดูสวยขึ้น โดยที่ยังสามารถมองเห็นผิวจริงภายใต้เมกอัพอยู่ ฉะนั้นใช้คอนซีลเลอร์และรองพื้นเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เพราะยิ่งเมกอัพหนาเท่าไหร่ ยิ่งเห็นจุดบกพร่องได้ง่ายขึ้นเท่านั้น 7. ควรซื่อสัตย์กับสีผิวของตัวเอง การแอบโกงด้วยการเลือกใช้รองพื้นที่มีสีขาวหรือสว่างกว่าผิว แทนที่หน้าจะขาวจะกลับดูเทาเสียมากกว่า ในขณะเดียวกันการใช้รองพื้นโทนสีชมพูเพื่อหวังให้ผิวดูขาวอมชมพู ทั้งๆ ที่ผิวคนไทยเรามีพื้นผิวในโทนเหลือง จะทำให้เราได้ผิวดูอมเขียวแทนได้  ดังนั้นจึงควรเลือกซื้อรองพื้นโทนสีเหลือง เพราะเป็นโทนสีที่เหมาะกับแทบทุกโทนสีผิว โดยเฉพาะสีผิวของผู้หญิงเอเชีย ซึ่งเคล็ดลับในการเลือกสีแป้งหรือรองพื้นก็คือ เลือกสีที่คิดว่าใกล้เคียงกับสีผิวของคุณมากที่สุดมา 3 สี แล้วนำมาทาเปรียบเทียบกันตรงช่วงข้างแก้ม สีที่กลืนหายไปกับผิวและมองไม่เห็นนั่นแหละคือสีที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับคุณ 8. เลือกคอนซีลเลอร์แบบไหน...ใช่เลย เราต้องรู้ก่อนว่าคอนเซีลเลอร์สำหรับอำพรางรอยคล้ำใต้ตากับคอนซีลเลอร์ที่ใช้อำพรางจุดด่างดำ รอยจ้ำแดง รอยสิว และรอยแผลเป็นนั้นควรใช้แยกกัน นั่นก็เพราะจุดประสงค์ในการทาคอนซีลเลอร์ใต้ตา คือเพื่อเพิ่มความสว่างเข้าไป ทำให้ใต้ตาดูสดใสขึ้น คอนซีลเลอร์ที่ใช้ควรเลือกให้มีเนื้อบางและสว่างกว่ารองพื้น ในขณะที่คอนซีลเลอร์สำหรับอำพรางจุดด่างดำและรอยตำหนิต่างๆ ควรมีเนื้อและสีที่กลมกลืนกับรองพื้น เพื่อความเป็นธรรมชาติในการอำพรางจุดบกพร่องบนใบหน้า ทริกเล็กๆ…
Editor
24 December 2020
BeautyBeauty InsiderFeatureHighlight

Beauty Insider:
สุข สดชื่น สมหวัง
ส่งความหอมให้เป็นของขวัญแทนใจ

สุข สดชื่น สมหวัง ส่งความหอมให้เป็นของขวัญแทนใจ เทศกาลแห่งความสุขช่วงปลายปีใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว ในขณะที่หลายๆ คนก็เริ่มที่จะมองหาของขวัญให้ถูกใจคนใกล้ตัวหรือคนพิเศษเช่นกัน Power จึงใช้โอกาสนี้ส่งความหอมสดชื่นของ ‘น้ำหอม’ กลิ่นหรูให้เป็นของขวัญสุดพิเศษที่หลายคนอาจมองข้าม ด้วยน้ำหอมค่อนข้างเป็นเรื่องของรสนิยมส่วนตัว แต่ในทางกลับกันถ้าลองมองให้เป็นมิชชั่นฟินๆ ว่าใครคนนั้นจะถูกใจกลิ่นที่เราเลือกให้หรือเปล่า ก็ลองฝ่ากฎเกณฑ์นี้ดูสักตั้ง เพราะถ้าคนรับชอบใจคนให้จะยิ่งฟินมากขึ้นไปอีก...นะ Jo Malone Wood Sage & Sea Salt กลิ่นที่ทำให้หลายต่อหลายคนเกิดอาการสตั้นมาแล้ว เหมือนตกอยู่ในภาวะรักแรกพบ ด้วยเนื้อกลิ่นที่ไม่ธรรมดาและมีความยูนีคมาก ทั้งความหอมสะอาด บางเบา ละเมียดละไม ให้กลิ่นสดชื่นเหมือนไอทะเลที่เจือไปด้วยวู้ดเสจ ให้อารมณ์เหมือนยืนอยู่ท่ามกลางแมกไม้ที่มองออกไปเห็นท้องทะเลกว้างใหญ่ กลิ่นมีความเป็นยูนิเซ็กส์ที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ให้บุคลิกแสนสุภาพแบบเมโทรเซ็กชวลของชายหนุ่ม และคุณหนูไฮโซผู้เปี่ยมไปด้วยรสนิยมของหญิงสาว Jo Malone London Poppy & Barley Cologne เซอร์ไพรส์ด้วยกลิ่นสดใสของวัยรุ่นที่เปล่งประกายความลักซ์ชัวรี่ออกมาได้อย่างน่าทึ่ง ด้วยกลิ่นหอมนวลๆ ของรวงข้าวบาร์เลย์ เมื่อมาตัดกับกลิ่นฟลอรัลสไตล์ดอกป๊อปปี้ ทำให้กลิ่นที่ได้ไม่รู้สึกถึงความหวาน แต่กลับให้ความบางเบา นุ่มนวล ให้อารมณ์ของคนที่ใช้ชีวิตแบบซิตี้ไลฟ์ สามารถใช้ได้ทุกวัน ทุกโอกาส อีกทั้งยังมีความเป็นยูนิเซ็กส์ที่ให้กลิ่นหอมไม่ซ้ำใครจริงๆ Diptyque Eau Rose สำหรับ Eau Rose ขวดนี้ แม้กลิ่นจะมีความเป็นหญิงสาวมากๆ แต่กลับไม่หวานเลี่ยน ด้วยเป็นการเบลนด์กลิ่นดอกไม้ที่หลากหลายไว้ภายใต้กุหลาบ จึงให้กลิ่นที่หลากหลายเลเยอร์ อีกทั้งยังมีความหอมของแบล็คเคอเรนท์ และลิ้นจี่ที่ค่อนข้างชัดมาก ให้ความหวานกำลังดี ไหนจะมีความเปรี้ยวของมะกรูดมาตัดเลี่ยนเบาๆ จึงทำให้ได้กลิ่นที่เป็นธรรมชาติ สะอาด สดใส สบายจมูก ให้ภาพลักษณ์ของหญิงสาวผู้มองโลกในแง่ดีแฮปปี้เอนดิ้ง ใช้ได้ในทุกวัน Tom Ford Soleil Neige กลิ่นเย็นสดชื่นในวันหิมะตกท่ามกลางแสงแดดอุ่น คือนิยามของความหอมนี้ ด้วยกลิ่นหอมเย็นๆ มีความโปร่งเบา อวลความหอมหวาน เต็มไปด้วยกลิ่นแห่งความลักซ์ชัวรี่จากดอกไม้สีขาวอย่าง ดอกส้ม ดอกมะลิ ตบท้ายด้วยไวท์มัส ทำให้มีความนุ่มนวล เหมาะมากกับ Executive Woman ที่เต็มไปด้วยความฉลาด ทุ่มเท นิสัยดี และมีความแพง เหมาะมากในวันพรีเซนต์งานหรือวันประชุมครั้งสำคัญเพื่อเพิ่มความมั่นใจ ในขณะที่ก็สร้างความประทับใจแก่ผู้คนไปพร้อมๆ กัน *ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้า โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
Editor
23 December 2020
BeautyFeatureGrooming Story

Grooming Story:
ที่สุดของความหอมสะดุดใจที่คุณผู้ชายต้องมี

FASHION EDITOR SANSHAI JIRAT SUBPISANKUL PHOTOGRAPHER PISID WHANGVISARN ที่สุดของความหอมสะดุดใจที่คุณผู้ชายต้องมี หลังจากที่ครั้งก่อนได้ทำการแนะแนวเบื้องต้นกันไปแล้ว เกี่ยวกับลักษณะของกลิ่นหอมต่างๆ ครั้งนี้ Power จะพาคุณหนุ่มๆ ไปดึงเสน่ห์ความเป็นตัวเองผ่านกลิ่นหอมคู่กายที่พร้อมจะบ่งบอกความเป็นตัวเองได้อย่างล้นเหลือชนิดที่ว่าสาวๆ คนไหนคงไม่อยากปล่อยให้คุณหลุดมือ โดยเฉพาะถ้าคุณใช้ความหอมให้เป็นประโยชน์ด้วยการเลือกกลิ่นให้เหมาะกับตัวตน โอกาสและสถานการณ์ต่างๆ คุณจะดูเป็นชายหนุ่มผู้มีรสนิยมและน่าค้นหามากขึ้นอีกเยอะเลย DIOR Sauvage Eau De Toilette Bleu de Chanel มาเริ่มกันที่ 2 ขวดแรกที่ขับเคี่ยวกันมาตลอด เรียกได้ว่าเป็นพระเอกตัวท็อปที่มีแฟนคลับค่อนข้างเหนียวแน่นและมากขึ้นทุกวัน DIOR Sauvage Eau De Toilette ด้วยภาพลักษณ์ของหนุ่มหล่อสะอาดสะอ้าน ที่มาพร้อมกลิ่นหอมสดชื่นอันเป็นเอกลักษณ์ และเต็มไปด้วยเสน่ห์เหลือร้าย ให้อารมณ์เหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ ที่พร้อมจะกระชากใจสาวๆ ทุกครั้งที่เดินผ่าน เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดของความเฟรชที่แฝงไปด้วยความเซ็กซี่ สไตล์ชายหนุ่มลุคแบดบอยที่เต็มไปด้วยความน่าค้นหา และพร้อมดึงดูดคุณสาวๆ ได้ทุกเมื่อเพียงแค่ชายตามอง ใช้ได้ทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะงานกลางคืน ไปเที่ยวผับ เธค ที่ที่อากาศหนาวๆ เย็นๆ หรือในห้องแอร์ บอกได้คำเดียวว่า สุด! ด้วยการกระจายตัวของกลิ่นในระดับสุดยอดที่มาพร้อมการติดทนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ฉายาหนุ่มนักล่าในยามค่ำคืนจึงเป็นของคุณอย่างแท้จริง เพราะกลิ่นไหนๆ ก็คงลบดาเมจอันรุนแรงนี้ได้ยาก Bleu de Chanel สุดยอดแห่งกลิ่นระดับ Legendary ที่เต็มไปด้วยความสดชื่น ละมุนละไม ให้ความเฟรชแบบมีมิติ ที่ทั้งเท่ สุขุมและเซ็กซี่ไปพร้อมๆ กัน ถือเป็นหนึ่งในสุดยอดน้ำหอมของทุกซีซั่นสำหรับคุณผู้ชายอย่างแท้จริง ถ้าให้ DIOR Sauvage เป็นหนุ่มหล่อลุคแบดบอยที่พร้อมโปรยเสน่ห์ให้สาวหลง Bleu de Chanel ก็คือผู้ชายเท่ๆ คูลๆ หนักแน่นทว่านุ่มลึกน่าค้นหา เป็นหนุ่มหล่อลุคโพรเฟสชั่นนัลที่เก็บซ่อนความโซฮอตแบบเหลือร้ายไว้ภายใต้เสื้อสูทคัตติ้งเนี้ยบ ที่เพียงถอดสูทแล้วปลดกระดุมเชิ้ตตัวในสัก 3 เม็ด ก็ทำสาวๆ ใจละลายแบบเกินต้านไปแล้ว Bleu de Chanel ใช้ได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะออกเดตก็เซ็กซี่ ไปงานอีเวนต์ก็หรูหรา หรือวันทำงานก็ดูสุขุมสมเป็นมืออาชีพ เพียงแต่อาจจะไม่เหมาะนักสำหรับผับเธคในยามค่ำคืน ด้วยการกระจายตัวของกลิ่นที่ไม่รุนแรงนัก รวมถึงการติดทนเพียง 4-5 ชั่วโมง กลิ่นของคุณอาจโดนกลบได้ง่ายๆ นอกเสียจากว่าคุณชอบที่จะอยู่ในมุมสงบๆ ที่พร้อมจะเผยเสน่ห์ในยามแนบชิดเท่านั้น   และถ้าคุณคิดว่าทั้งสองกลิ่นที่ว่ามานั้นชวนให้ใจละลายมากพอแล้ว เราคงต้องว่า โน โน โน... เพราะกลิ่นต่อไปนี้คือสุดยอดแห่งความหอมที่พร้อมจะทำให้คุณสาวๆ หันขวับ และอยากเดินตามไปผูกสัมพันธ์ได้อย่างใจง่ายที่สุด! Yves Saint Laurent Y EDP Yves Saint Laurent Y EDP คือสุดยอดแห่งความหอมชนะเลิศ ยืนยันด้วยการชนะคะแนนโหวตกลิ่นหอมโดนใจสาวๆ ทำคะแนนเหนือ DIOR Sauvage กับ Bleu de Chanel มาแล้ว ด้วยกลิ่นที่มีการกระจายตัวได้ดี และติดทนเป็น 10 ชั่วโมง ให้ความสดชื่นจากซิตรัส ปนกลิ่นหวานๆ แบบหมากฝรั่งบับเบิ้ลกัมฟ์ ถ้าเปรียบเป็นชายหนุ่มเขาคนนี้คือ ผู้ชายทรงเสน่ห์ที่เฟรนด์ลี่ขั้นสุด ให้อารมณ์สบายๆ แต่เต็มไปด้วยเลเยอร์ชวนให้น่าค้นหา มีความเจ้าชู้วิบวับ รู้จักลูกล่อลูกชน โรแมนติกและช่างเอาอกเอาใจ เรียกได้ว่าเป็นผู้ชายสูตรสำเร็จที่ผู้หญิงส่วนใหญ่แพ้ทางให้อย่างสิ้นเชิง Yves Saint…
Editor
17 December 2020
BeautyFeatureGrooming Story

Grooming Trick:
Shave Like A Pro

FASHION EDITOR SANSHAI JIRAT SUBPISANKUL PHOTOGRAPHER PISID WHANGVISARN สิ่งที่คุณผู้ชายควรรู้การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นก่อนโกนหนวด จะช่วยเปิดรูขุมขนและช่วยเตรียมให้หนวดของคุณมีความอ่อนนุ่มขึ้น เพื่อง่ายต่อการโกน และจำไว้ว่าควรใช้อาฟเตอร์เชฟทุกครั้งหลังโกนหนวด เพื่อเป็นการปลอบประโลม และถนอมผิวหลังการโกนหนวด และให้ความรู้สึกผิวบริเวณนั้นเกลี้ยงและเนียนนุ่มอีกด้วย เพิ่มเคล็ดลับอีกนิดไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์โกนหนวดแบบโฟม แบบเจล หรือแบบก้อนสบู่ ก็ควรเปลี่ยนใบมีดโกนทุกๆ 2 สัปดาห์ เพื่อลดการระคายเคืองและปัญหาสิวอีกด้วย CLARINS Men After Shave Energizer (100 มล. 1,210 บาท) CLINIQUE For Men™ Aloe Shave Gel (125 มล. 810 บาท) SHOP NOW BIOTHERM Homme Foam Shaver (200 มล. 935 บาท) SHOP NOW *ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้า โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
Editor
27 November 2020
BeautyFeatureGrooming Story

Grooming Story:
วิธีเติมเสน่ห์ให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่น่าหลงใหล

FASHION EDITOR SANSHAI JIRAT SUBPISANKUL PHOTOGRAPHER AEKARAT UBONSRI วิธีเติมเสน่ห์ให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่น่าหลงใหล เมื่อพูดถึงเสน่ห์ที่ชวนดึงดูดให้ใครๆ ต่างอยากเข้าใกล้ เชื่อว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีเรื่องของ ‘กลิ่นกาย’ อย่างแน่นอน เพราะกลิ่นกายเป็นเสมือนฟีโรโมนที่จะช่วยดึงดูดให้ผู้คนเข้าหาหรือผลักดันให้ถอยห่างออกไปได้ พูดง่ายๆ ว่าถ้ากลิ่นดีก็เป็นเหมือนเสน่ห์แต่ถ้ากลิ่นร้ายก็คงต้องขอบาย Power จึงใช้โอกาสนี้ไปเสาะหากลิ่นหอมๆ ที่ชวนดึงดูดใจ เพื่อเติมเสน่ห์ให้กับบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ให้ไปสุดแบบหัวกระไดไม่แห้งกันเลยทีเดียว แต่ก่อนที่จะไปเลือกน้ำหอมมาเสริมเสน่ห์ให้กับตัวคุณเอง อยากให้ไปทำความรู้จักกับความหอมแต่ละชนิดกันก่อน จะได้เข้าใจตัวเองมากขึ้นว่ากลิ่นหรือโน้ตลักษณะไหนที่เหมาะกับตัวคุณ FRESH NOTES ให้กลิ่นที่สะอาด สดชื่น เต็มไปด้วยความสดใส ให้ความรู้สึกเย็นสบาย เป็นกลิ่นที่ได้จากพืชตระกูลซิตรัส เช่น ส้ม มะนาว เกรปฟรุต มะกรูด ถ้าคุณเป็นหนุ่มน้อยวัยใส ไปจนถึงวัยเริ่มทำงาน กลิ่นนี้น่าจะเหมาะกับคุณ HERBAL NOTES ให้กลิ่นสะอาดๆ รู้สึกถึงสีเขียวๆ ของใบไม้ ทุ่งหญ้า ธรรมชาติและสมุนไพร ที่แฝงไปด้วยความสุขุมลุ่มลึก เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชายหนุ่ม คุณผู้ชายในทุกช่วงวัยใช้ได้หมด FLORAL NOTES ให้กลิ่นหอมของดอกไม้ ได้อารมณ์ของความนุ่มนวล ดูภูมิฐานและสง่างาม ส่วนใหญ่กลิ่นหลักมักได้จากกุหลาบหรือมะลิ และหากมีความเป็นวู้ดดี้ผสมจะเป็นกลิ่นแนว Unisex สามารถใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง WOODY NOTES ให้กลิ่นหอมแบบป่าๆ ที่มีความลึกลับและผ่อนคลาย กลิ่นหลักๆ มาจากพวกไม้จันทน์ หรือซีดาร์ เป็นกลิ่นยอดนิยมสำหรับคุณผู้ชายมาดนิ่งที่ดูสงบแต่แฝงไปด้วยความลึกลับ น่าค้นหา ORIENTAL NOTES ให้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องเทศในแถบเอเชีย ให้ความรู้สึกถึงความเป็นผู้ชายเท่ๆ และอบอุ่น เหมาะกับอากาศหนาวๆ เย็นๆ เหล่านี้ คุณหนุ่มๆ คงต้องเลือกกลิ่นที่ใช่ด้วยตัวเอง ลองไปเทสต์กลิ่นตามเคาน์เตอร์แบรนด์ดูก่อนว่าอยู่กับกลิ่นไหนมั่นใจที่สุดก็เลือกกลิ่นนั้น แต่ทั้งหลายทั้งปวงแล้วคุณควรจะรู้ไว้ว่ากลิ่นน้ำหอมในแต่ละขวดไม่ได้มีแค่กลิ่นเดียวแล้วจบ แต่มันสามารถเปลี่ยนกลิ่นไปได้เรื่อยๆ ถึง 3 กลิ่นด้วยกันหลังจากฉีดไปแล้ว นั่นก็คือ Top Notes หรือ Head Notes คือ กลิ่นแรกที่รับรู้ได้ทันทีหลังจากฉีด ก่อนจะระเหยไปอย่างรวดเร็วภายในไม่เกิน 30 นาที Middle Notes หรือ Heart Notes คือ กลิ่นหอมหลักที่แสดงตัวตนที่แท้จริงของน้ำหอมขวดนั้นๆ ซึ่งจะปรากฏหลังจากฉีดผ่านไปประมาณ 30 นาที และกลิ่นจะคงอยู่ไปประมาณ 2-4 ชั่วโมง Base Notes หรือ Basic Notes คือ กลิ่นสุดท้ายที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามกลิ่นตัวของผู้ใช้ ซึ่งเราจะได้กลิ่นหลังจากผ่าน 2-4 ชั่วโมงไปแล้วนั่นเอง เพราะฉะนั้นหากคุณอยากจะได้น้ำหอมเหมาะๆ ไว้สักขวด เวลาเทสต์น้ำหอม อาจต้องรอเวลาให้กลิ่นหลักได้แสดงตัวเสียหน่อย เพราะบางครั้งเราประทับใจที่กลิ่นแรกในยามที่ฉีดแต่พอระยะเวลาผ่านไปกลิ่นหลักเริ่มแสดงตัวตน เรากลับไม่ชอบใจไปเสียอย่างนั้น จึงควรต้องทิ้งเวลาไว้สักครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเลือกหลังจากพอจะเริ่มคุ้นเคยกับลักษณะของกลิ่นในแบบต่างๆ แล้ว ก็มาว่ากันด้วยเรื่องของ EDP, EDT หรือ EDC ที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ บนขวดน้ำหอมว่ามันคืออะไรและแตกต่างกันอย่างไร บ่อยครั้งที่มักมีคนสงสัยว่าทำไมน้ำหอมชื่อเดียวกัน กลิ่นเดียวกัน ขนาดเท่ากัน แต่ราคากลับไม่เท่ากัน นั่นก็เพราะมันเป็นเรื่องของความเข้มข้นของส่วนประกอบในการปรุงน้ำหอมนั่นเอง ซึ่งปกติน้ำหอมจะมีส่วนประกอบหลักอยู่ 3 ส่วนคือ หัวน้ำหอม แอลกอฮอล์ และน้ำ ซึ่งถ้าสูตรไหนใช้หัวน้ำหอมเข้มข้น ราคาก็ย่อมสูงตามไปด้วยนั่นเอง Eau de Cologne (EDC) น้ำหอมโคโลญนี้เป็นที่นิยมมากสำหรับของคนวัยหนุ่มสาว…
Editor
26 November 2020
BeautyBeauty InsiderFeatureHighlight

Beauty Insider:
สวยสะดุดตา หอมสะดุดใจ
เสน่ห์มัดใจในแบบฉบับของสาวรักสนุก

สวยสะดุดตา หอมสะดุดใจ เสน่ห์มัดใจในแบบฉบับของสาวรักสนุก หากคุณเป็นผู้หญิงรักสนุกที่ไม่พร้อมจะจมอยู่กับอะไรเดิมๆ Power มีไอเดียสนุกๆ สำหรับเติมความขี้เล่นให้กับเส้นผมของคุณให้บรรเจิดกว่าที่เป็น พร้อมความหอมติดปลายผมที่ใครๆ ก็หลงใหลในยามที่ได้กลิ่น จุ่มสีให้ปลายผมให้อารมณ์สนุกแบบ Dip Dye End เทรนด์นี้น่าจะเข้าทางสาวขี้เบื่อที่อาจจะยังไม่อยากเปลี่ยนสีผมทั้งหมด เลยเลือกที่จะทำเฉพาะช่วงปลายผม อยากได้สีไหนก็ลองเชิงกันไปก่อน ไม่ถูกใจก็ตัดปลายทิ้งได้ ให้อารมณ์แสบซ่าที่แฝงไปด้วยความขี้เล่น ซ่อนสีแต่ไม่ซ่อนเสน่ห์ ด้วยการทำสีผมแบบ Hidden Color ไอเดียนี้เหมาะกับสาวๆ ที่อยากได้สีผมแบบแสบซ่าทว่ายังอยากที่จะซ่อนเร้นพอให้น่าค้นหา ให้เลือกทำสีเฉพาะผมด้านใน เพื่อในยามขยับจะได้อารมณ์วับๆ แวมๆ ของสีที่ซ่อนอยู่ ไล่สีไล่เฉดเพิ่มเลเวลความแสบสันแบบ Ombre Color สำหรับสาวๆ ที่รักการเสพแฟชั่นแบบเข้าเส้น การทำสีผมด้วยสีเดียวอาจจะธรรมดาไป การทำสีผมแบบออมเบรที่เน้นการไล่เฉดสีจากโทนสีเข้มไปหาสีอ่อนได้อย่างกลมกลืน โดยเฉพาะสีน้ำตาลหม่นหรือเทานั้น จะทำให้คุณได้ลุคเปรี้ยวจี๊ดถึงใจ เพิ่มระดับความเก๋ไก๋ด้วย Blonde Highlight การทำไฮไลต์ด้วยสีบลอนด์บอกเลยว่าเด็ดมาก โดยเฉพาะถ้าผมสีเข้มๆ หรือผมโทนน้ำตาล จะยิ่งตัดกับไฮไลต์สีบลอนด์สุดๆ ไปเลย ดูยังไงก็มีแต่ความเก๋ สร้างมิติให้โคนผมด้วยการทำสีผมแบบ Shadow Roots นี่ไม่ใช่ผมงอกขึ้นใหม่ แต่มันเป็นทรนด์! บอกเลยว่าเทรนด์โคนผมเข้มๆ กำลังมาแรงสุดๆ โดยเฉพาะโคนผมสีเทาเข้มนำมาจับคู่กับผมสีเทาหรือบลอนด์อ่อนๆ หรือจับคู่น้ำตาลเข้มกับน้ำตาลหม่น ก็เข้าคู่กันดีไม่หยอก หลังจากเล่นสนุกกับผมสวยๆ ของคุณไปสารพัดรูปแบบแล้ว อย่าลืมหันกลับมาดูแลสุขภาพผมและหนังศีรษะอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน Power มีวิธีดูแลฟื้นฟูสุขภาพผมที่มาพร้อมกลิ่นหอมๆ ชวนให้หลงใหลมาฝากกันตรงนี้แล้ว KÉRASTASE Resistance Thérapiste 3 Step Ritual (3,210 บาท) SHOP NOW การดูแลผมทำสีให้ยังคงสวยเงางาม หลังจากทำสีผมจนเสร็จเรียบร้อยทุกขั้นตอนแล้ว อย่าเพิ่งสระผมภายใน 72 ชั่วโมง เพราะเกล็ดผมยังไม่ปิดสนิทดีเท่าไหร่ เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ผมเสียหายจากการสระเพิ่มขึ้นนั่นเอง งดใช้น้ำอุ่นสระผมภายในระยะเวลา 1 สัปดาห์หลังทำสีโดยเด็ดขาด เพราะอุณหภูมิของน้ำจะยิ่งไปทำร้ายเส้นผมให้เสียหายหนักกว่าเดิม เสี่ยงต่อการหลุดลอกของสี และสภาพผมที่แห้งแตกปลายได้ แต่จริงๆ แล้ว หากสามารถใช้นำเย็นสระผมไปได้ตลอดจะให้ผลที่ดีมากกว่า เพื่อไม่ให้เส้นผมสูญเสียความชุ่มชื้นไปนั่นเอง ควรใช้แชมพูและครีมนวดหรือมาสก์บำรุงสำหรับผมทำสีเป็นประจำ เพื่อช่วยถนอมสีผมให้ติดนานขึ้น อีกทั้งยังมีสารบำรุงที่มากกว่าผลิตภัณฑ์ทั่วไป จึงมั่นใจได้ว่าผมของคุณจะไม่เสียไปก่อนกาล หมั่นบำรุงผมด้วยการอบไอน้ำ โดยเฉพาะผมที่อ่อนแอหรือแห้งแข็งกระด้าง เพราะการอบไอน้ำเป็นการบำรุงผมด้วยสารบำรุงที่สามารถแทรกซึมเข้าไปถึงเกล็ดผม เพียงเลือกเซรั่มบำรุงให้ตรงกับสภาพผมของตัวเอง ก็สามารถทำได้เองง่ายๆ ที่บ้าน ลองหาเวลาพาผมไปเข้าสปาดูบ้าง สปาผมสมัยนี้มักจะมีอยู่ในร้านซาลอนระดับสูงก็จริง แต่ก็คุ้มค่ากับการได้ลอง เพราะคุณจะได้รับการบำรุงอย่างจัดเต็มทุกขั้นตอนให้เหมาะกับสภาพผมของคุณ โดยเฉพาะคนที่เส้นผมผ่านการทำเคมีมาหนักๆ ที่นี่เปรียบเสมือนขุมพลังที่จะช่วยฟื้นคืนผมสวยให้กับคุณได้เป็นอย่างดี ควรทำทรีตเมนต์ดีท็อกซ์สารเคมีตกค้างบนเส้นผมและหนังศีรษะอย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้งควบคู่กันไป DIPTYQUE Eau Rose Hair mist (30 มล. 1540 บาท) SHOP NOW JO MALONE LONDON English Pear & Freesia Hair Mist (30 มล. 1,700 บาท) SHOP NOW DIOR Miss Dior Hair Mist (30 มล. 1,480 บาท) SHOP NOW ผมสวยสุขภาพดีที่มาพร้อมความหอมสะดุดใจ ไม่ว่าอย่างไรกลิ่นหอมๆ ยังคงสร้างความประทับใจได้เสมอ เพราะฉะนั้นหลังจากที่คุณสาวๆ ดูแลบำรุงเส้นผมจนสลวยสวยเก๋ตั้งแต่โคนจรดปลายแล้ว การได้เติมเสน่ห์เข้าไปอีกนิดๆ หน่อยๆ…
Editor
24 November 2020
BeautyBeauty InsiderFeature

Beauty Insider:
ปลูกเสน่ห์ให้ผมสวยจนใครๆ ก็อยากจับ

FASHION EDITOR SANSHAI JIRAT SUBPISANKUL PHOTOGRAPHER AEKARAT UBONSRI ปลูกเสน่ห์ให้ผมสวยจนใครๆ ก็อยากจับ หากเปรียบคิ้วเป็นมงกุฎของใบหน้า เส้นผมนุ่มสลวยที่สวยแบบไม่มีอะไรมากั้นจะเป็นอะไรได้อีก ถ้าไม่ใช่นางงามผู้สวมมงกุฎเสียเอง Power จึงขอตามติดเป็นพี่เลี้ยงนางงาม มอบการดูแลสุดพิเศษให้คุณสาวๆ ได้มีเรือนผมสลวยสวยสะกดทุกสายตา ชนิดที่ว่า "มงต้องลง" ทุกวันนี้ภาวะผมแห้งเสีย ชี้ฟู ขาดหลุดร่วง ไม่นุ่มสลวยอย่างที่ควรจะเป็น นอกจากปัจจัยภายในอย่างฮอร์โมนหรือพันธุกรรมแล้ว การใช้ชีวิตและมลภาวะที่รุมเร้าในแต่ละวันนั้นก็ล้วนทำร้ายเส้นผมและหนังศีรษะของเราได้อย่างร้ายกาจ หรือแม้กระทั่งการทำสวยของคุณสาวๆ เองก็ใช่ว่าจะรอด ยิ่งสาวๆ สมัยนี้สนุกกับการทำผม ทั้งยืด ดัด ตัด ซอยหรือทำสี เรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มสวยเจ็ดวันสีไม่ซ้ำ การที่เส้นผมจะยังคงสภาพสวยสดงดงามสุขภาพดีอยู่ได้ทุกวี่วัน จึงไม่มีอยู่จริงถ้าไม่ได้รับการบำรุงอย่างเต็มที่ เราจึงมีคำแนะนำสำหรับคุณสาวๆ ในการดูแลเส้นผมพร้อมบำรุงหนังศีรษะให้แลดูสุขภาพดี และช่วยเสริมความมั่นใจมากขึ้นด้วยตัวเอง KIEHL'S Amino Acid Shampoo สำหรับทุกสภาพเส้นผม (500 มล. 1,225 บาท) SHOP NOW L'OCCITANE Repairing Shampoo สำหรับผมแห้งแตกปลาย (500 มล. 1,080 บาท) SHOP NOW THE BODY SHOP Ginger Shampoo สูตรขจัดปัญหารังแค (400 มล. 420 บาท) SHOP NOW การดูแลผมให้มีสุขภาพดีควรเริ่มจากการทำความสะอาดเส้นผมอย่างถูกวิธี การสระผมทุกวันไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะจะทำให้เส้นผมสูญเสียความชุ่มชื้นและน้ำมันตามธรรมชาติไป แต่สำหรับสาวๆ เฮลตี้ผู้รักสุขภาพที่ขยันออกกำลังกายทุกวัน หรือคนที่มีสภาพผมและหนังศีรษะที่ค่อนไปทางมันง่ายคงได้แต่ส่ายหน้า ไหนจะเหงื่อไหนจะคันจะให้ทำอย่างไร ก็คงต้องปล่อยให้กระทำการแบบ every day ต่อไป เพียงแต่ควรใช้แชมพูอ่อนๆ ที่สามารถสระได้ทุกวัน หรือแชมพูที่เหมาะกับสภาพเส้นผมของตัวเอง ก็จะช่วยลดการระคายเคืองของหนังศีรษะได้ แล้วยังช่วยให้เส้นผมได้รับการบำรุงอย่างเหมาะสมอีกด้วย Tips: อย่าใช้สบู่สระผม เพราะสบู่จะทำให้เกิดไคลสบู่เกาะเส้นผม ทำให้เส้นผมไม่เป็นประกาย เผลอๆ อาจดูสกปรกมากกว่าเดิมด้วย น้ำเย็นคือคำตอบสุดท้าย อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมในการสระผมคือ น้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำเย็น เพราะการใช้น้ำอุ่นค่อนไปทางร้อนจะทำให้เส้นผมสูญเสียความชุ่มชื่น อาจทำให้หนังศีรษะแห้ง เส้นผมแห้งเสียชี้ฟูจัดทรงยาก แต่ถ้าชื่นชอบการอาบน้ำอุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว อนุโลมให้ใช้ได้เฉพาะตอนล้างแชมพู จากนั้นให้ใช้นำเย็นล้างครีมนวดอีกครั้งในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อปิดเกล็ดผมจะทำให้เส้นผมเงางามยิ่งขึ้น ช่วยลดการชี้ฟูของเส้นผมได้ AVEDA NutriPlenish™ Conditioner Deep Moisture สำหรับทุกสภาพเส้นผม (250 มล. 1,235 บาท) SHOP NOW AVEDA Invati Advanced™ Thickening Conditioner (200 มล. 1,105 บาท) SHOP NOW AVEDA Damage Remedy Restructuring Conditioner สำหรับผมที่ถูกทำร้ายจากสารเคมี (200 มล. 1,105 บาท) SHOP NOW ให้อาหารผมด้วยทรีตเมนต์ที่จะช่วยบำรุงเส้นผมได้อย่างล้ำลึกกว่า สาวๆ ส่วนใหญ่มักจะคิดว่าการใช้ครีมนวดควบคู่ไปกับการสระผมทุกครั้งน่าจะเป็นขั้นตอนที่เพียงพอแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าการบำรุงขั้นกว่าด้วยการให้สารอาหารผมอย่างทรีตเทนต์บ้างนั้นมันดีกว่าจริงๆ โดยเฉพาะสาวผมยาวที่การบำรุงปกติอาจไปไม่ถึงปลายเส้นผม การได้หมักผมด้วยทรีตเมนต์ประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ หมักทิ้งไว้ครั้งละ 10-15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดเกล็ดผม จะช่วยคืนความเงางามให้กับเส้นผม…
Editor
18 November 2020