Lifestyle

LIFESTYLE
โภชนาการต้านไวรัส
ของขวัญสำหรับคนรักสุขภาพยุคนี้

By 25 November 2021 No Comments

หากเรามองว่าโควิด-19 รวมไปถึงเชื้อไวรัสอื่นๆ เป็น “สิ่งแปลกปลอม” ที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะกลายเป็นเชื้อก่อโรคที่สร้างความผิดปกติให้กับระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกายแล้ว มนุษย์เราก็ยังมีอาวุธชั้นเยี่ยมที่ใช้ต่อกรกับวายร้ายเหล่านี้อยู่กับตัว นั่นคือ “ภูมิคุ้มกัน”

ระบบภูมิคุ้มกันประกอบไปด้วยระบบย่อย 2 ระบบ ได้แก่ ภูมิคุ้มกันโดยกำเนิด (Innate Immunity) กลไกการป้องกันสิ่งแปลกปลอมแบบไม่จำเพาะเจาะจงกับเชื้อโรคชนิดใดชนิดหนึ่ง สามารถป้องกันโรคได้หลายชนิด แต่ไม่มีความจดจำเชื้อโรค ทำหน้าที่เป็นด่านหน้าในการป้องกัน และภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะ (Adaptive Immunity) กลไกการป้องกันที่เกิดขึ้นหลังจากร่างกายได้รับสิ่งแปลกปลอมเข้าไปแล้ว มีคุณสมบัติในการจดจำเชื้อโรคได้ ทำให้การตอบสนองในครั้งถัดไปรวดเร็วและมีประสิทธิภาพดีการตอบสนองในครั้งแรก ซึ่งอย่างหลังนี้เราใช้องค์ความรู้ในการนำไปสร้างวัคซีนต่างๆ นั่นเอง

การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันจึงหมายถึงการเตรียมพร้อมร่างกาย เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอันมีสาเหตุมาจากไวรัส เชื้อโรค และสิ่งแปลกปลอมต่างๆ ซึ่งนอกจากการพักผ่อนให้เพียงพอและหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว การ “ติดอาวุธ” ให้ร่างกาย จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการดูแลสุขภาพที่หลายคนหันมาหยิบยื่นให้กับตนเองและคนรอบข้างในช่วงนี้ ลองมาดูกันว่ามีวิตามินแร่ธาตุหรือสารอาหารใดบ้างที่เป็นประโยชน์สำหรับเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีได้

วิตามินซี

วิตามินซีมีส่วนสำคัญในการสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น เนื่องจากจะเข้าไปกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาวให้มีประสิทธิภาพ ซึ่งหลายคนคงจะทราบประโยชน์ของวิตามินซีกันดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่อาจจะยังไม่ทราบก็คือ ร่างกายนั้นต้องการวิตามินซีอยู่ที่ 1,000 – 3,000 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ความสามารถในการดูดซึมจะอยู่ที่เฉลี่ยประมาณ 200 – 400 มิลลิกรัมต่อครั้งเท่านั้น ดังนั้น การรับประทานวิตามินซีที่เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด คือแบ่งรับประทานวิตามินซีขนาด 500 มิลลิกรัม 2 – 6 มื้อต่อวันนั่นเอง

วิตามินซี พบมากในผักและผลไม้โดยเฉพาะ ฝรั่ง มะขามป้อม มะขามเทศ สตรอว์เบอร์รี ส้ม สับปะรด มะนาว มะเขือเทศ รวมไปถึงวิตามินเสริม ซึ่งข้อควรระวังสำคัญก็คือ เมื่อรับประทานวิตามินซีแล้วควรดื่มน้ำตามมากๆ เพื่อไม่ให้เสี่ยงตกตะกอนจนอาจเป็นนิ่วได้ ทั้งนี้ปริมาณที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนด้วย ผู้ที่มีปัญหาทางระบบย่อยอาหารหรือได้รับวิตามินซีมากเกินไปอาจมีการถ่ายเหลวได้

วิตามินดี

วิตามินดีไม่ได้ดีกับแค่กระดูกอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะนอกจากจะมีหน้าที่หลักในการช่วยดูดซึมแคลเซียมแล้ว ก็ยังมีบทบาทสำคัญในกระบวนการตอบสนองของภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย ซึ่งเป็นการทำงานที่เม็ดเลือดขาวจะปล่อยสารเคมีที่กระตุ้นการอักเสบออกมา หากมากเกินไปก็จะก่อให้เกิดความเสียหายของเซลล์และระบบต่างๆ ในร่างกาย พูดง่ายๆ ว่า วิตามินดี ส่งผลต่อการทำงานของกระบวนการดังกล่าว และมีผลต่อการควบคุมระบบภูมิคุ้มกันในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสระบบทางเดินหายใจ รวมถึงการควบคุมการอักเสบไม่ให้เกิดมากเกินไปจนนำไปสู่การเสียชีวิตได้

วิตามินดีนั้นสามารถเสริมทั้งภูมิคุ้มกันโดยกำเนิดและภูมิคุ้มกันแบบจำเพาะได้ พบมากในอาหารจำพวกปลา เนื้อสัตว์ นม ถั่วเมล็ดแข็ง และร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้จากการรับรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด แต่ต้องเป็นแดดอ่อนๆ ตอนเช้าก่อน 9 โมง หรือ หลัง 4 โมงเย็นเท่านั้น ที่สำคัญจะต้องไม่ทาครีมกันแดดที่ตัวในช่วงเวลาดังกล่าว (ทาที่หน้าได้) เพราะครีมกันแดดเพียง SPF 7 ก็ทำให้ไม่เกิดการสังเคราะห์วิตามินดีที่ผิวหนังได้แล้ว

ซิงก์

ซิงก์ หรือ สังกะสี เป็นแร่ธาตุจำเป็นสำหรับร่างกายสำหรับการเจริญเติบโตและแบ่งเซลล์ที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน ควบคุมการทำงานของเอนไซม์ที่เป็นกลไกหลักในการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน รวมไปถึงมีคุณสมบัติในการช่วยต้านการเพิ่มขึ้นของปริมาณเชื้อไวรัส หยุดการเจริญของเชื้อ และการเกาะจับของเชื้อในร่างกาย นอกจากนั้น ซิงก์ยังมีฤทธิ์ต้านอักเสบ สามารถช่วยลดการอักเสบที่เกิดขึ้นเมื่อร่างกายเกิดการติดเชื้ออย่างโรคปอดอักเสบได้

โดยปกติแล้วร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสร้างซิงก์ขึ้นเองได้ และซิงก์ก็เป็นสารอาหารที่ร่างกายไม่สามารถเก็บสะสมไว้ได้ จึงจำเป็นต้องบริโภคอาหารที่มีซิงก์เป็นส่วนประกอบในปริมาณเฉลี่ย15 มิลลิกรัมในทุกๆ วัน ซึ่งแหล่งอาหารที่ดีเมื่อพิจารณาจากปริมาณและการดูดซึมเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้ ได้แก่ สัตว์ทะเลเปลือกแข็งอย่างปู กุ้ง หอยนางรม หอยแมลงภู่ หอบกาบ เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ ธัญพืช และผลิตภัณฑ์จากนมต่างๆ

โอเมกา 3

ไม่เพียงแค่สารอาหารในกลุ่มของวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายเท่านั้น แต่กรดไขมันชนิดโอเมกา 3 ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน สามารถช่วยลดความรุนแรงของเชื้อไวรัส และลดการอักเสบของร่างกายจากการหลั่งสารไซโตไคน์ที่มากเกินไป หลังการต่อสู้ระหว่างเชื้อโรคกับระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย

ในทางโภชนาการโอเมกา 3 ถือเป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องได้รับจากการบริโภคเข้าไปเท่านั้น การได้รับโอเมกา 3 ในปริมาณที่เหมาะสมควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพด้วยวิธีการอื่นๆ จะช่วยลดความเสียหายของปอดเมื่อติดเชื้อโควิด-19 ได้ โอเมกา 3 นั้นพบมากในปลาแมกเคอเรล ปลาแซลมอน หอยนางรม ปลาซาร์ดีน โดยปริมาณที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพอยู่ระหว่าง 200 – 4,000 มิลลิกรัมต่อวัน

โพรไบโอติกส์

กลุ่มจุลินทรีย์ชนิดดีในลำไส้ที่สำคัญกับระบบภูมิคุ้มกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากลำไส้นั้นถือเป็นสมองที่สองของร่างกาย มีระบบการสั่งการประสาทอัตโนมัติของตัวเอง และเป็นแหล่งผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกันที่ใหญ่ที่สุด เพราะมีต่อมน้ำเหลืองที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างเราๆ การเติมจุลินทรีย์ที่ดีในร่างกายก็เท่ากับเป็นการเสริมทัพ เสริมภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้มีสุขภาพที่ดีนั่นเอง

โพรไบโอติกส์ที่พบเห็นได้ในท้องตลาดมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะยาบำรุงที่มาในรูปแบบผงแป้ง แคปซูล ยาเม็ดเคี้ยว และสารละลาย ซึ่งก็มีวิธีการเก็บรักษาและประกอบไปด้วยเชื้อจุลินทรีย์ที่แตกต่างกันไป รวมไปถึงสามารถพบได้ในอาหารอย่าง นมเปรี้ยว โยเกิร์ต และกิมจิ ที่เราคุ้นเคยกันดีกับสายพันธุ์จุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติทนต่อกรดและด่างอย่างแล็กโทบาซิลลัส ที่เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะทำให้สุขภาพดี สามารถจับที่บริเวณผิวของเยื่อบุลำไส้แล้วผลิตสารต่อต้านหรือกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ตัวร้ายชนิดอื่นๆ ได้

 

ในปีที่ผ่านมาหลายคนหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพกันมากขึ้น รวมถึงเชื่อมั่นว่าการมีร่างกายที่แข็งแรงนั้นเป็นดั่งเกราะป้องกันอันวิเศษที่จะช่วยให้เผชิญหน้ากับเชื้อโรคต่างๆ ได้ การเลือกรับประทานอาหารให้เป็นยา จึงกลายเป็นความปรารถนาดีที่ไม่ว่าจะหยิบยื่นให้กับตัวเองหรือคนรอบข้างก็ล้วนแต่สร้างความสุขให้เกิดขึ้นได้เสมอ หากใครที่กำลังมองหาของขวัญในช่วงเวลานี้ อาหารดีๆ ที่มีประโยชน์ วิตามินเสริม หรือยาบำรุงสุขภาพ ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

LIFESTYLE