RAINBOW NATION
“เราทุกคนต่างผูกพันกับผืนดินแห่งประเทศนี้ ไม่ต่างจากต้นจาการันดา
ที่หยั่งรากลึกในพริทอเรีย หรือต้นมิโมซาในผืนป่า เราเป็นชาติแห่งความหลากหลายที่มีสันติภาพภายในและกับภายนอก” เนลสัน แมนเดลา, 1994
STORY
NISARAT SITASUWAN
PHOTOGRAPHY
SAKDA PHAENSOMBOON,
NISARAT SITASUWAN,
SOUTH AFRICAN TOURISM
WHEN RAINBOW AND GOLD FORMED
THE NATION
ที่ปลายสุดของทวีปแอฟริกา คือดินแดนที่มีสีสันหลากหลายราวกับสีของสายรุ้งในทุกเรื่องราว ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ ผู้คน เมือง ธรรมชาติ สรรพสัตว์ ประเพณีดั้งเดิมและชนเผ่า งานศิลปะ ต้นไม้ ดอกไม้ กีฬา แม้แต่ธงชาติก็มีถึง 6 สีอยู่บนผืนธง
สาธารณรัฐแอฟริกาใต้ คือประเทศที่มีประวัติศาสตร์เข้มข้น ดุเดือด สำหรับผู้สนใจศึกษาเรื่องนี้ เพียงอ่านหนังสือประวัติศาสตร์แอฟริกาใต้ก็ราวได้อ่านนวนิยายระดับมหากาพย์ แต่สำหรับนักท่องเที่ยว แอฟริกาใต้นั้นมีทุกอย่างที่ต้องยกนิ้วให้ “ชนะเลิศ” ไม่ว่าจะเป็นวิวทิวทัศน์ธรรมชาติซึ่งสวยทุกรูปแบบ ทั้งภูเขา ทุ่งหญ้า ป่าและทะเล เมืองที่เจริญ ไวน์รสชาติเยี่ยมติดอันดับโลก ถนนเรียบๆ ที่ไปถึงทุกหนแห่ง ฯลฯ
จากดินแดนอาณานิคมโปรตุเกส ดัตช์ และอังกฤษที่ปลายแหลมกู้ดโฮป สู่การแผ่ขยายเข้ามาตั้งถิ่นฐานในทวีป และขัดแย้งกับชนพื้นเมืองดั้งเดิมแห่งอาณาจักรซูลูที่มีนักรบผู้ทระนงในศักดิ์ศรีและชนเผ่าอีกหลากหลายประเพณีวัฒนธรรม การพบทองคำและเพชรทำให้ “คนขาว” เข้ามาครอบครองและเกิดการแย่งอำนาจและผลประโยชน์กันเอง จนเมื่อถึงสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้มีการจัดตั้งสหภาพแอฟริกาใต้ขึ้น และสภาวะทางการเมืองในยุคนั้นก็นำไปสู่นโยบายเหยียดผิวที่โลกคว่ำบาตร
การต่อสู้ของเนลสัน แมนเดลา ผู้ถูกรัฐบาลผิวขาวคุมขังอยู่ถึง 27 ปี (ค.ศ. 1962-1990) ทำให้สังคมโลกกดดันจนแอฟริกาใต้สิ้นสุดนโยบายเหยียดผิวลง แมนเดลาขึ้นเป็นประธานาธิบดีผิวดำคนแรกของแอฟริกาใต้ และโลกก็เปิดรับแอฟริกาใต้อย่างอบอุ่นด้วยการได้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาระดับโลกอย่างรักบี้เวิลด์คัพ 1995 และฟุตบอลโลก 2010
รู้จักแอฟริกาใต้กันพอคร่าวๆ แล้ว ก็ได้เวลาไปเที่ยวกันให้ถึงที่
สถานที่สำคัญในพริทอเรียที่จะต้องไปชม
คืออนุสรณ์สถานฟอร์เทรกเกอร์
VOORTREKKER AND JACARANDA IN PRETORIA
เมื่อเดินทางมาถึงแอฟริกาใต้ที่เมืองโจฮันเนสเบิร์กอันเป็นเมืองธุรกิจ จะมีสถานที่ให้เที่ยวชมอย่าง Gold Reef City ซึ่งปัจจุบันเป็นสวนสนุกแบบวินเทจโดยสร้างขยายจากเหมืองทองดั้งเดิมที่ยังเปิดให้คนลงไปชมเหมืองใต้ดิน และมีการสาธิตการหลอมทองและพิพิธภัณฑ์เหรียญทองให้ชมด้วย
ต่อจากเมืองใหญ่ที่พลุกพล่าน คือการเดินทางสู่พริทอเรีย เมืองหลวงที่เงียบสงบและงดงามยิ่ง โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิ (ตุลาคม) ซึ่งต้นจาการันดาออกดอกสีม่วงสะพรั่งไปทั้งเมือง
สถานที่สำคัญในพริทอเรียที่จะต้องไปชม คืออนุสรณ์สถานฟอร์เทรกเกอร์ (Voortrekker) สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์ถึงการเดินทางของชาวดัตช์ออกจาก Cape Colony ของพวกอังกฤษซึ่งมายึดส่วนปลายของทวีปแอฟริกาและขยายอำนาจอย่างรวดเร็ว และเกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยุโรป (รวมทั้งดัตช์) ซึ่งเรียกรวมว่า Boers กับอังกฤษ จนต้องพากันเดินทางลึกเข้าไปในทวีปแอฟริกาในช่วงปีค.ศ. 1835-1854 นักเดินทางเหล่านี้เรียกตัวเองว่า Voortrekker ซึ่งแปลว่าผู้บุกเบิกนั่นเอง
แม้ว่าการเดินทางไปตั้งถิ่นฐานใหม่ของโบเออร์จะทำให้อาณาจักรซูลูของชาวผิวดำท้องถิ่นล่มสลาย รวมทั้งกระทบถึงความเป็นอยู่ของกลุ่มชนอีกหลายเผ่า แต่นี่คือประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นมานานแล้วและเป็นฐานรากของการตั้งประเทศแอฟริกาใต้อย่างแท้จริง ในอนุสรณ์สถานขนาดใหญ่ซึ่งตั้งสูงตระหง่านอยู่บนเนินแห่งนี้ มีภาพนูนต่ำเล่าเรื่องราวเหตุการณ์สำคัญ รวมทั้งภาพของเกวียนที่ใช้เดินทางในยุคนั้น ซึ่งกลายมาเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการบุกเบิกแอฟริกาใต้ในเวลาต่อมา
GLAMOUROUS LOST CITY
เมื่อพูดถึงความยิ่งใหญ่ที่สูญไปแล้วตลอดกาลของอาณาจักรซูลู แม้ของจริงจะไม่มีอะไรหลงเหลือแล้ว แต่นักท่องเที่ยวยังสามารถย้อนไปได้ด้วยจินตนาการที่ซันซิตี้คอมเพล็กซ์ ซึ่งมีลอสต์ซิตี้และโรงแรมเดอะพาเลซที่ได้สร้างให้เป็นดั่งเมืองในจินตนาการ ผสานกับเรื่องราวและกลิ่นอายของธรรมชาติแห่งแอฟริกาไว้อย่างอลังการ จนกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมระดับโลก (มีสนามกอล์ฟและสวนน้ำพร้อมทะเลแบบมีคลื่นด้วย)
โรงแรมเดอะพาเลซทั้งภายนอกและภายในประดับประดาไปด้วยสัตว์ป่าแอฟริกจำลองนานาชนิด รวมทั้งประติมากรรมบรอนซ์ช้าง “ชาวู” ขนาดเท่าตัวจริง (Shawu คือช้างที่มีชื่อเสียงที่สุดตัวหนึ่งของแอฟริกาใต้ ตัวใหญ่ งายาวงอนงาม ล้มเพราะความชราในปีค.ศ. 1982) ในขณะที่เก้าอี้ พรม และองค์ประกอบต่างๆ ก็เป็นลวดลายของม้าลาย สิงโต ยีราฟ เสือดาว ฯลฯ จนผู้ที่มาพักสามารถนั่งถ่ายรูปเป็นราชาและราชินีแห่งซูลูได้ทุกมุมทีเดียว
SOUTH AFRICAN SAFARI
ใกล้ๆ กับซันซิตี้-ลอสต์ซิตี้ หากใครต้องการชมสัตว์แบบซาฟารีในธรรมชาติ จะมีอุทยานแห่งชาติพิลาเนสเบิร์กให้ไปเยือนได้ง่ายๆ แต่ถ้าคุณเป็นนักส่องสัตว์ด้วยกล้องอย่างซีเรียส เมื่อมาถึงแอฟริกาใต้แล้วจะต้องไม่พลาดการไปให้ถึงอุทยานแห่งชาติครูเกอร์
อุทยานแห่งชาติครูเกอร์ เป็นอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในแอฟริกา มีขนาดใหญ่ถึง 19,485 ตารางกิโลเมตร มีสรรพสัตว์ป่าแอฟริกาทุกชนิด รวมทั้งบิ๊กไฟฟ์ (ช้าง สิงโต เสือดาว แรด ควายป่า) และเนืองแน่นที่สุดด้วยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ รอบอุทยานยังมีเขตสงวนพันธุ์สัตว์เอกชน พร้อมโรงแรมระดับ 5-6 ดาว ให้ได้เลือกพักในแบบที่คุณอาจจะได้รับประทานอาหารเช้าโดยมีเสือดาวเกาะอยู่ที่คาคบไม้ใกล้ๆ หรือแช่น้ำยามบ่ายในอ่างริมระเบียงชั้น 2 โดยมียีราฟมองอยู่ไม่ห่าง
การชมสัตว์ที่อุทยานแห่งชาติครูเกอร์นั้น มีเปอร์เซ็นต์การได้เห็นสัตว์ชนิดสำคัญๆ สูมาก หากใครเล่นโซเชียลมีเดีย อาจเคยผ่านตาคลิปสิงโตตัวผู้ 7-8 ตัว เดินแถวอย่างสบายอารมณ์บนถนน โดยมีรถจอดรอยาวเหยียด คลิปนั้นถ่ายจากอุทยานแห่งชาติครูเกอร์นี่เอง
AT THE CAPE AND ON THE TABLE
จากอุทยานแห่งชาติครูเกอร์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เปลี่ยนไปสู่ปลายสุดของทวีป ใต้สุดของประเทศ ที่เคปทาวน์กันบ้าง
ที่จริงแล้วเรื่องราวของแอฟริกาใต้เริ่มต้นจากปลายสุดของแหลมกู้ดโฮป ซึ่งมหาสมุทรแอตแลนติกกับมหาสมุทรอินเดียมาปะทะกัน ทำให้เกิดคลื่นใหญ่ กระแสน้ำแปรปรวนและม่านหมอกทึบจนเรือสำเภายุคโบราณจากยุโรปที่ต้องการเดินทางสู่ตะวันออก–อินเดียและจีน รวมทั้งหมู่เกาะเครื่องเทศ ไม่สามารถเดินเรืออ้อมแหลมกู้ดโฮปได้ และพากันอับปางลงจนกลายเป็นตำนานเรือผีลอยหลอกหลอน
บาร์โทโลมิว ดิแอส นักเดินเรือชาวโปรตุเกส เดินเรืออ้อมแหลมได้สำเร็จ จากนั้นวาสโก ดา กามา ก็มา ตามด้วยบริษัทดัตช์อีสต์อินเดีย และอังกฤษในที่สุด ดินแดนแถบแหลมนี้จึงมั่งคั่งไปด้วยวัฒนธรรมและอิทธิพลของยุโรป ทั้งบ้านแบบดัตช์ การปลูกองุ่นทำไวน์ สวนสวยแบบอังกฤษ และความรุ่งเรืองในทุกด้าน ทุกวันนี้เคปทาวน์เป็นเมืองทันสมัยไม่แพ้เมืองในยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา มีวอเตอร์ฟรอนต์ที่สวยเก๋อย่าง Victoria & Alfred มีชุมชนย่าน Bo-Kaap ซึ่งแต่ละบ้านทาสีสดใสไม่ซ้ำกัน และมีจุดเด่นของเมืองอยู่ที่ภูเขาโต๊ะ (Table Mountain) ภูเขาที่ด้านบนแบนราบเหมือนหน้าโต๊ะ ในวันที่อากาศดีๆ เมื่อขึ้นไปบนภูเขาจะมองเห็นวิวได้กว้างไกล แต่ในวันที่อากาศไม่เป็นใจ เมื่อมองจากเบื้องล่างก็จะเห็นหมอกปกคลุมภูเขาราวกับผ้าปูโต๊ะทีเดียว
นอกจากนั้นเคปทาวน์ยังมีเรื่องราวเกี่ยวกับเนลสัน แมนเดลา เพราะเขาถูกคุมขังอยู่ที่คุกในเกาะร็อบเบนบนอ่าวเทเบิ้ลใกล้ฝั่งเมืองเคปทาวน์ถึง 18 ปี (จากจำนวน 27 ปี) ซึ่งปัจจุบันเกาะร็อบเบนได้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวให้ไปเยี่ยมชมเพื่อรำลึกถึงการต่อสู้ของแมนเดลาอีกด้วย
SEAL, PENGUIN AND OSTRICH
ริมฝั่งทะเลของเขตแหลม ไม่เพียงแต่จะมั่งคั่งไปด้วยประวัติศาสตร์ ยังงดงามตลอดเส้นทางที่เรียกกันว่า Garden Route และมีธรรมชาติให้ชมทั้งบนดินและในทะเล ด้วยท้องทะเลรอบๆ แหลมนั้นอุดมสมบูรณ์มาก จึงมีนิคมแมวน้ำขนาดใหญ่นอกชายฝั่งที่สามารถนั่งเรือออกไปชมได้ เมื่อมีแมวน้ำมากย่อมดึงดูดปลานักล่าอย่างฉลามให้มาวนเวียน ซึ่งแน่นอนว่าถ้าใครกล้าพอก็สามารถไปดำน้ำดูฉลามขาวได้ที่นี่ (อย่างปลอดภัย เพราะผู้ดำน้ำจะอยู่ในกรง)
แต่ถ้าใครไม่ชอบน้ำ ไม่อยากลงเรือ ทว่าอยากใกล้ชิดสัตว์ในธรรมชาติ ที่แอฟริกาใต้นี้คุณสามารถจอดรถข้างทาง เดินลงบันได 4-5 ก้าว แล้วเจอชุมนุมเพนกวินได้เลย ไม่ต้องเดินไกลๆ ไปนั่งซุ่มรอเพนกวินเป็นชั่วโมงๆ เท่านั้นยังไม่พอ แถบนี้ยังมีฟาร์มนกกระจอกเทศที่ให้คุณได้รู้จักนกกระจอกเทศอย่างลึกซึ้ง ได้ลองยืนบนไข่นก ได้ขี่หลังนกเพื่อถ่ายรูป และซื้อสินค้าที่ทำจากไข่และหนังนกกระจอกเทศ ฯลฯ
RAND ON THE RUN
นักสะสมเหรียญทองและทองคำคงรู้จักครูเกอร์แรนด์กันดี เหรียญทองคำที่เริ่มผลิตครั้งแรกในปีค.ศ. 1967 และยังผลิตเรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ เป็นของสะสมและเป็นการลงทุนทองคำระดับโลกด้วยคุณสมบัติทอง 22 กะรัต (ทอง 90) ซึ่งเมื่อไปที่แอฟริกาใต้ แม้อยากได้ก็อาจซื้อหาได้ไม่ง่ายนัก แต่นักช้อปปิ้งไม่ต้องกังวล เพราะนั่นเป็นสิ่งเดียวที่หาซื้อยาก นอกจากนั้นหาอะไรเป็นได้หมด เพราะแอฟริกาใต้เป็นสวรรค์ย่อยๆ ของคนช่างซื้อเช่นกัน
ตลาดแอฟริกันคราฟต์โรสแบงค์ที่โจฮันเนสเบิร์ก ตลาดคราฟต์วอเตอร์ฟรอนต์ที่เคปทาวน์ คือสถานที่ที่เงินแรนด์ของคุณจะวิ่งออกจากกระเป๋าอย่างเร็วรี่
เคปทาวน์เป็นศูนย์กลางแฟชั่นของแอฟริกา มีบูติคขายเสื้อผ้าและแอคเซสซอรีระดับไฮแฟชั่นที่ผสานสไตล์แอฟริกันเข้ากับแฟชั่นอินเทรนด์ได้อย่างลงตัวที่สุด และผลิตในแอฟริกานี่เอง
สิ่งที่ไม่ควรซื้อจากแอฟริกาใต้มีเพียงสินค้าที่ทำจากชิ้นส่วนของสัตว์ป่าอย่างหนัง ขน กระดูก เขี้ยว งา ฯลฯ ควรเก็บเพียงภาพของสัตว์ต่างๆ ที่มีชีวิตที่ได้พบเจอระหว่างทางกลับมาเพียงเท่านั้น
TRAVEL TIPS
1. คนไทยไปเยือนแอฟริกาใต้ได้โดยไม่ต้องมีวีซ่าและอยู่ได้นานถึง 30 วัน
2. ไม่มีเที่ยวบินตรงจากไทยไปแอฟริกาใต้ แต่สามารถไปต่อเครื่องสายการบินต่างๆ แถบอาหรับ หรือที่ประเทศในแอฟริกาอื่นๆ ได้
3. หากไปเที่ยวเฉพาะเมืองในแอฟริกาใต้ ตั้งแต่โจฮันเนสเบิร์กจนถึงเคปทาวน์ ไม่ต้องฉีดวัคซีนไข้เหลือง
4. ถ้าไปซาฟารีแถบอุทยานแห่งชาติครูเกอร์ หรือมีแผนจะเดินทางโดยรถเข้าไปยังประเทศใกล้เคียงทางตอนเหนือ ต้องฉีดวัคซีนไข้เหลือง และควรปรึกษาแพทย์ก่อนเดินทางเรื่องยาป้องกันมาลาเรีย
5. สภาพภูมิอากาศของแอฟริกาใต้จะกลับกันกับเมืองไทย ฤดูร้อนคือพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ฤดูหนาวคือมิถุนายน-กันยายน ซึ่งอุณหภูมิอาจลงต่ำเป็นเลขตัวเดียว
6. ชาวแอฟริกาใต้มีภาษาราชการถึง 11 ภาษา ชาวผิวดำส่วนใหญ่ใช้ภาษาซูลูหรือโคซา ชาวผิวขาวเชื้อสายดัตช์ใช้ภาษาอาฟรีกานส์ (Afrikaans) และภาษาอังกฤษก็เป็นภาษาที่คนทั่วไปใช้สื่อสารกัน
RECOMMENDED READS
1. Long Walk to Freedom by Nelson Mandela อัตชีวประวัติของเนลสัน แมนเดลา
2. Cry, the Beloved Country by Alan Paton เรื่องราวชีวิตชาวผิวดำในยุคแห่งการเหยียดผิว
3. Jock of the Bushveld by James Percy FitzPatrick การผจญภัยของชายชาวอังกฤษกับสุนัขที่ซื่อสัตย์และกล้าหาญในป่าแอฟริกาใต้ช่วงปลายศตวรรษที่ 19
4. Shaka Zulu: The Rise of the Zulu Empire by E. A. Ritter เรื่องของซูลู อาณาจักรของชนพื้นถิ่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแอฟริกาใต้ ก่อนที่ผู้บุกเบิกเชื้อสายยุโรปจะเข้าครอบครอง