HighlightKing Power MahanakhonNumber 126

Power Exclusive: King Power Mahanakhon The New Duty Free Shopping Destination

By 8 February 2019 No Comments

นอกจากจะมี “มหานคร สกายวอล์ค” เป็นแลนด์มาร์คท่องเที่ยวระดับโลกแห่งใหม่แล้ว ชื่อของ “คิง เพาเวอร์ มหานคร”
ยังผงาดขึ้นมาครองใจผู้รักการช้อปปิ้งในฐานะแหล่งรวมสินค้าปลอดอากรที่อยู่ใกล้ใจกลางกรุงเทพฯ
และเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ที่นักช้อปไม่อาจพลาดได้

ความเพลิดเพลินของการช้อปปิ้งที่ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ในอาคาร “คิง เพาเวอร์ มหานคร” เริ่มต้นกันตั้งแต่บริเวณล็อบบี้ ชั้น 1 ที่ต้อนรับทุกท่านด้วยร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกภายใต้แบรนด์ชื่อ มหานคร ซึ่งมีสินค้าให้เลือกอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นของที่ระลึกพิเศษสำหรับอาคาร คิง เพาเวอร์ มหานคร เช่น ปากกา ดินสอ พวงกุญแจ เสื้อทีเชิ้ต หมวก กระเป๋า สมุดจดบันทึก แฟ้ม กระดาษโน้ต และเลโก้ เป็นต้น ซึ่งสินค้าที่ระลึกพิเศษเหล่านี้มีวางจำหน่ายเฉพาะที่ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี สาขานี้เท่านั้น

เมื่อขึ้นบันไดเลื่อนสู่ชั้น 2 จะพบกับโซนสินค้าประเภทขนมขบเคี้ยว ผลไม้อบแห้ง ช็อกโกแลตทั้งเฮาส์แบรนด์และแบรนด์ไทยระดับคุณภาพ อาทิ Aimm’s Snack, Bangkok Cookies, Bento, Celebest 1988, The Coffee House, Delicious Thai, Fruits, Fruit King, Fruit Land, Foodstrade Services, Golden Land, J Fruit, Khaoshong, Koh Kae, King Pow Roll, Masita, King Power Recipe, Mountain High, Methee Phuket, Pence, Somphob, Tasty Fruit, Thai Agro และ Taokaenoi เป็นต้น ที่อยู่ใกล้กัน คือโซนผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอางแบรนด์ไทยระดับคุณภาพ ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น Beauty Plus, Cleo, Ele, Gino McCray, Jenny Sweet, Kisaa, Lansley, Le’skin, Mistine, Namu Life, Snake Brand, Scentio, Voodoo, Water Angel, Beauty Cottage, DHC และ Olay 

ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก
ภายใต้แบรนด์ชื่อ มหานคร
ซึ่งมีสินค้าให้เลือกอย่าง
หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น
ของที่ระลึกพิเศษสำหรับอาคาร
คิง เพาเวอร์ มหานคร
เช่น ปากกา ดินสอ พวงกุญแจ

ส่วนอีกโซนหนึ่งบนชั้นเดียวกัน เหล่าสาวกดีสนีย์ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะได้เพลิดเพลินกับการเลือกหาของถูกใจจากสารพันสินค้าลิขสิทธิ์สุดน่ารักจากดีสนีย์ แล้วต่อด้วยพื้นที่สำหรับผลิตภัณฑ์ไทย เช่น แบรนด์ Hanuman และสินค้าจากโครงการ King Power Thai Power พลังคนไทย ที่กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้เข้าไปให้องค์ความรู้กับผู้ผลิตในชุมชนเพื่อต่อยอดพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนักท่องเที่ยว โดยมีผลิตภัณฑ์เด่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ย้อมครามธรรมชาติที่ คิง เพาเวอร์ เข้าไปช่วยดูแลด้านงานดีไซน์ และกระเป๋าสานจากภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่ง คิง เพาเวอร์ ได้ให้ความช่วยเหลือในด้านการตลาดและพื้นที่วางจำหน่าย เป็นต้น

ถัดมาเป็นจุดวางจำหน่ายสินค้าที่ระลึกจากสโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ที่มีทั้งชุดกีฬาภายใต้ตราสัญลักษณ์สโมสร สินค้าที่ระลึกพิเศษ Indigo Collection ที่สร้างสรรค์จากผลิตภัณฑ์ย้อมครามธรรมชาติจากจังหวัดสกลนคร ไปจนถึงสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษในสไตล์เออร์เบินที่โดดเด่นด้วยสีเหลืองสะท้อนแสง (Fluo Yellow) และการผสมผสานความเป็นแฟชั่นและกีฬาเข้าด้วยกัน ออกแบบโดยสองดีไซเนอร์ชื่อดังระดับโลกแห่งแบรนด์ Boll & Rava 

ขยับขึ้นสู่ชั้น 3 คือพื้นที่ที่ทั้งสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษผู้ชื่นชอบในสินค้าประเภทน้ำหอม เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์บำรุงผิว จะสามารถใช้เวลาได้นานอย่างไม่รู้เบื่อ เริ่มตั้งแต่จุดวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ L’Oreal แล้วต่อด้วยโซน Personal Care ที่มีผลิตภัณฑ์สปาแบรนด์ไทยอย่าง Bath & Bloom, Divana, Harnn และ Panpuri เป็นตัวชูโรง ถัดมาเป็นเคาน์เตอร์ของแบรนด์ระดับโลกอย่าง NARS, M.A.C และ Sulwhasoo ซึ่งสกินแคร์ชั้นนำจากเกาหลีแบรนด์นี้ยังเอาใจแฟนๆ ด้วยผลิตภัณฑ์ในแพ็กเกจดีไซน์พิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อวางจำหน่ายเฉพาะที่ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี สาขานี้เท่านั้น 

ที่สร้างความน่าตื่นตาตื่นใจให้กับนักช้อปเป็นอย่างมาก คือโซนน้ำหอม ที่รอต้อนรับทุกท่านด้วยน้ำหอมหลากหลายแบรนด์ดังจากทั่วโลก เช่น Burberry, Bvlgari, Chloé, Chanel, Calvin Klein, Clinique, Christian Dior, Estée Lauder, Giorgio Armani, Givenchy, Guerlain, Hugo Boss, Hermès, Jo Malone, Lancôme, Marc Jacobs, Miu Miu, Prada, Ralph Lauren, Sisley, Tiffany, Tom Ford, Versace, YSL โดยเฉพาะจุดสำหรับการเทสต์หากลิ่นหอมที่ชื่นชอบนั้น ได้มีการแบ่งส่วนอย่างชัดเจนระหว่างน้ำหอมสำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี โดยมีกิมมิคบนพื้นเป็นจออินเตอร์แอ็กทีฟ เมื่อเท้าแตะไปที่ใดก็จะปรากฏรูปดอกไม้บานขึ้นตรงนั้น โดยจะมีการเปลี่ยนธีมไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำกัน เป็นจุดที่เรียกเสียงว้าวไปได้อีก 

ในโซนเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว คิง เพาเวอร์ ได้คัดสรรผลิตภัณฑ์เพื่อช่วยตอบโจทย์ปัญหาผิวพรรณและความงามของลูกค้าทุกเพศทุกวัยจากแบรนด์ดังอย่าง Bobbi Brown, Biotherm, Chanel, Clarins, Clinique, Clé de Peau Beauté, Cosme Decorte, Christian Dior, Dr. Jart+, Estée Lauder, Giorgio Armani, Givenchy, Guerlain, The History of Whoo, Jo Malone, Kiehl’s, Lancôme, La Mer, Shiseido, Shu Uemura, Sisley, SKII, Sum37, Urban Decay, YSL ในโซนเดียวกันยังจัดพื้นที่ไว้สำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและดูแลผิวจากเกาหลีและญี่ปุ่นโดยเฉพาะ เช่น Laneige, Anessa, Kosé, Pola โดยเฉพาะแบรนด์หลังนั้นมีวางจำหน่ายเฉพาะที่ คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี สาขานี้เท่านั้นอีกด้วย

ที่สร้างความน่าตื่นตา
ตื่นใจให้กับนักช้อป
เป็นอย่างมาก
คือโซนน้ำหอม
ที่รอต้อนรับทุกท่าน
ด้วยน้ำหอมหลากหลายแบรนด์ดังจากทั่วโลก เช่น Burberry, Bvlgari, Chloé, Chanel

เมื่อขึ้นมาถึงชั้น 4 จะได้พบกับสินค้าเหล้าและบุหรี่ จากนั้นตามด้วยโซนนาฬิกาที่ คิง เพาเวอร์ เอาใจคนรักเรือนเวลาด้วยการรวบรวมนาฬิการุ่นขายดีจากหลากหลายแบรนด์ยอดนิยม เช่น Baume & Mercier, Fiyta, Hamilton, Longines, Mido, Montblanc, Orient, Rado, Seiko, Swarovski, Tissot, Titoni มาไว้ในที่เดียวกัน

อีกด้านหนึ่งบนชั้นนี้เป็นโซนเรดี้ทูแวร์ เอาใจคนรักกีฬาและแฟชั่นด้วยผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ดังอย่าง Ace Denim, Adidas, Anello, Asics, Airwalk, Boll & Rava, Levi’s, Long Goy first collection, N2, Star Wars, Onitsuka Tiger และที่อยู่ใกล้กัน คือแหล่งรวมแว่นกันแดดแบรนด์ดังหลากสไตล์จากทั่วทุกมุมโลก เช่น Burberry, Christian Dior, Emporio Armani, Fendi, Gucci, Prada, Prada Sport, Ray-Ban, Vedi by Vedi Vero, Vedi Vero และยังมีโซนเครื่องหนังให้ได้เลือกซื้อหากระเป๋าใบถูกใจจากแบรนด์ระดับโลกทั้ง Bally, Calvin Klein, Christian Dior, Giorgio Armani, Hugo Boss, Kate Spade, Kipling และ Tumi บนชั้นเดียวกันนี้ ท่านยังจะได้อัพเดตแกดเจ็ตรุ่นล่าสุดจากแบรนด์คุณภาพอย่าง Beats by Dr. Dre และ Bang & Olufsen ก่อนจะปิดท้ายด้วยจุดวางจำหน่ายสินค้าที่ระลึกของ คิง เพาเวอร์ มหานคร ภายใต้ชื่อแบรนด์ Mahanakhon Skywalk ที่ตั้งใจให้ทุกคนมาเยี่ยมชมเก็บภาพความประทับใจกลับไปในรูปแบบของที่ระลึกที่มีดีไซน์เก๋ไก๋

หลังเต็มอิ่มกับการช้อปปิ้งกันแล้ว อย่าลืมจบการเดินทางสู่อาคาร “คิง เพาเวอร์ มหานคร” อย่างสมบูรณ์แบบบน “มหานคร สกายวอล์ค” เพื่อสัมผัสทัศนียภาพของกรุงเทพมหานครจากมุมมองใหม่ในแบบ 360 องศา ที่ทั้งสวยงาม คุ้มค่า คุ้มราคา และจะเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำไปอีกแสนนาน