GO WITH THE FLOW
STORY: TAWAN KONKAEW
เมื่อสาวนักประชาสัมพันธ์อย่าง ฐิตาภา พนาสหธรรม Director of Communications Rosewood Bangkok เจ้าของสโลแกน “การท่องเที่ยวแต่ละครั้งจะต้องไม่มีการวางแผนตายตัว เพราะเหตุการณ์เฉพาะหน้าและคำแนะนำจากคนในท้องถิ่นจะพาคุณไปพบกับความเซอร์ไพรส์เสมอ” แวะมาบอกเล่าแง่มุมประทับใจของประเทศเพื่อนบ้านทั้งสี่ประเทศเพื่อจุดประกายให้เหล่านักเดินทางอยากเก็บกระเป๋าออกเดินทางกันอีกครั้ง
วังเวียง, ลาว
ทริปวังเวียงเรียกได้ว่าเป็นทริปที่ทรหดที่สุดในชีวิตค่ะ ตั้งแต่การเดินทางคนเดียว แบกเป้หนึ่งใบ นั่งเครื่องบินต่อรถไปจนถึงเมืองกลางหุบเขาแสนสวย บรรยากาศปลายหน้าฝนที่เขียวสด สลับกับ blue lagoon สีฟ้าทำให้เรานั่งชิลไปได้เรื่อยๆ วันแรกที่ไปถึงก่อนที่เพื่อนจะมาเราก็ได้สัมผัสกับความน่ารักของคนในท้องถิ่น เดินไปทางไหนก็จะได้ยินคำทักทาย “สะบายดี” รสชาติอาหารก็ถูกปาก ลงตัวไปหมด พูดย้อนไปก็เหมือนกับเป็นสิ่งที่จุดประกายการท่องเที่ยวและความรักที่จะออกไปสัมผัสโลกกว้างของเรา
นครวัด, กัมพูชา
ชื่อของนครวัดเป็นชื่อแรกๆ ที่อยากจะไปชมเพราะเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่อยู่ใกล้เมืองไทยมากที่สุด ก็มีแอบเผื่อใจไว้แล้วว่ามันจะต้องวุ่นวายคนเยอะเพราะเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของโลก อย่างตอนเช้าที่ทุกคนต้องตื่นไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้นจากด้านหลังปราสาทแล้วสะท้อนกับสระน้ำ คนอยู่รอเป็นร้อยคน แต่พอถึงเวลานั้นมาจริงๆ มันสวยมาก คุ้มค่ามาก แล้วยิ่งคิดตามว่าที่นี่ถูกสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 คนสมัยนั้นเขาสร้างมาได้อย่างไร ต้องใช้แรงงาน ความศรัทธาแล้วก็เงินมากแค่ไหน ยิ่งอะเมซิ่ง แล้วตอนแรกเราก็คิดว่าเป็นแค่ปราสาทๆ เดียว แต่โดยรอบเสียมเรียบคือมีปราสาทอีกนับร้อยแห่ง ทั้งกลุ่มปราสาทนครธม ปราสาทบายน ตาพรหม ยิ่งช่วงนี้หากเราสามารถเดินทางไปมาระหว่างเพื่อนบ้านได้แล้วก็ถือว่าต้องรีบไป เพราะคนจากยุโรปหรือที่ไกลๆ ไม่สามารถมาได้ เราก็จะมีเวลาตักตวงความงามและความมหัศจรรย์ของปราสาทหินได้อย่างเต็มที่
ซาปา, เวียดนาม
การเดินทางขึ้นเหนือครั้งนี้ทำให้เรารู้สึกว่าเหมือนเป็นการเปิดมุมมองอะไรหลายๆ อย่างค่ะ อย่างแรกคือแม้ว่าเวียดนามจะห่างจากไทยด้วยระยะเวลาการบินสองชั่วโมง แต่การใช้ชีวิต วัฒนธรรม ความเป็นอยู่กลับต่างกันอย่างมาก เอาง่ายๆ อย่างการใช้เก้าอี้เตี้ยที่พอเรานึกถึงในบ้านเราก็จะเห็นคนนั่งใช้ซักผ้าล้างจาน แต่ที่นู่นเขานั่งทานเฝอมื้อเที่ยง ตกเย็นมาก็ปิดถนนนั่งดื่มเบียร์สังสรรค์กัน รูปแบบการใช้รถใช้ถนนก็แสนจะวุ่นวายแต่ก็ไม่มีอุบัติเหตุให้เห็นเลย มันเหมือนกับบอกว่าอะไรที่ไม่เหมือนเราก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะผิดหรือไม่ดี อีกข้อหนึ่งคือเราได้เรียนรู้ความเป็นสุขของหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต (Cat Cat Village) ในซาปาชาวเขาที่นี่เขาอยู่กลางอากาศบริสุทธ์ ในหมู่บ้านมีน้ำตก ทุกคนอยู่ได้ด้วยตนเองในสังคมเล็กที่ไม่ต้องมีแสงสีอะไร ดูแล้วก็นึกว่าชีวิตคนเราความสุขความอิ่มใจก็เกิดขึ้นได้ง่ายดายจริงๆ
ย่างกุ้ง, เมียนมาร์
ทริปสุดท้ายก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ตอนนั้นมีโอกาสได้ไปทำงาน ความคิดแรกเราไม่เคยคาดหวังว่าจะเจออะไรพิเศษจากที่นี่เลย แต่พอไปถึงหลายๆ อย่างกลับประทับใจเรามาก อย่างแรกคือภาพผู้คนที่นุ่งโลงจีกันทั้งชายหญิงเหมือนภาพที่เราย้อนอดีตกลับไปกว่าห้าสิบปี ด้วยฉากหลังเป็นอาคารแบบโคโลเนียและความสดใสของสีทองบนเจดีย์ ความรู้สึกอีกอย่างที่เกิดขึ้นคือ เวลาที่เราเดินไปในเมืองมันมีความรู้สึกปลอดภัยแม้ว่าจะเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว แต่ไม่มีใครมาแซวหรือมองด้วยสายตาลวนลามเลย (ซึ่งเราแต่งตัวค่อนข้างเปรี้ยวนะคะ) สุดท้ายคือความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแบบขนานแท้ของคนที่นั่น กิริยาความนอบน้อมตั้งแต่การถอดรองเท้า การนั่งสมาธิ เสียงสวดมนต์ก้องวัด และลมเย็นที่พัดผ่านต้นโพธิ์และเสียงกระดิ่งแสนสงบ มันคือความ Spiritual ที่หาไม่ได้จากที่อื่นค่ะ