WHEN ART MEETS SAND AND SKY
ด้วยขนาด ความวิจิตรบรรจง บวกกับความสมบูรณ์ของการออกแบบนี้
จึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าคุณจะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินอยู่ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ในยุโรป
แต่พอรู้ตัวอีกทีกลับหลงเสน่ห์ความงามของศิลปะอะราเบสก์ไปเป็นที่เรียบร้อย
สำหรับนักเดินทางผู้มีหัวใจแห่งความรักในศิลปะเป็นตัวตั้ง เชื่อว่า “ลูฟวร์” พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางกรุงปารีส ย่อมเป็นหนึ่งในหมุดหมายที่ชีวิตนี้ต้องไปเยือนให้ได้อย่างแน่นอน เพราะหลังจากเปิดให้บริการครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1793 ลูฟวร์ก็ได้กลายเป็นสถานที่สำคัญ ทรงคุณค่าทั้งในด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม รวมถึงเป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีผู้ไปเยือนต่อปีมากที่สุด จนกระทั่งเวลาผ่านไปกว่า 200 ปี ราวปลายปี ค.ศ. 2017 “ลูฟวร์ สาขา 2” ก็ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก
Louvre Abu Dhabi หรือ ลูฟวร์แห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่อาบูดาบี เมืองหลวงของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มากนัก แต่กลับเป็นหนึ่งในจุดหมายที่หลายคนไม่คุ้นเคยจนอาจมองข้ามไป และนั่นจึงทำให้การไปเยือนดินแดนคาบสมุทรอาหรับในครั้งนี้ น่าค้นหา น่าสนใจ และท้าทายนักเดินทางไม่น้อยไปกว่าครั้งไหนๆ
Louvre Abu Dhabi ออกแบบโดย Jean Nouvel สถาปนิกชาวฝรั่งเศส ความโดดเด่นอยู่ที่โดมขนาดใหญ่ที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาวถึง 180 เมตร ครอบอยู่เหนืออาคารจัดแสดงผลงานหลักเกือบทั้งหมด ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากเอกลักษณ์อันอุดมไปด้วยลวดลายของศิลปะท้องถิ่น ผสมผสานกับความงดงามของธรรมชาติ แผ่นน้ำ ท้องฟ้า ผืนทรายของเกาะ Saadiyat และคาบสมุทรอาหรับ อันเป็นสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้
ลวดลายที่สอดประสานกันบนโดม เกิดจากการนำรูปทรงดาว จำนวน 7,850 ดวง และองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมขนาดต่างๆ กันอีกกว่า 10,968 ชิ้น มาเชื่อมต่อ ซ้อนกันถึง 8 ชั้น และถึงแม้ว่าช่องไฟที่กระจายอยู่ทั่วนั้นจะทำให้โดมดูเบาและโปร่ง แต่ในความเป็นจริงมันมีน้ำหนักรวมมากถึง 7,500 ตัน ซึ่งใกล้เคียงกับหอไอเฟลในกรุงปารีสเลยทีเดียว ทำให้จำเป็นต้องเสริมโครงเหล็กเพื่อกระจายน้ำหนักเพิ่มเข้าไปอีก 2 ชั้น รวมทั้งหมดเป็น 10 ชั้น และด้วยขนาด ความวิจิตรบรรจง บวกกับความสมบูรณ์ของการออกแบบนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าคุณจะรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินอยู่ในพิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ในยุโรป แต่พอรู้ตัวอีกทีกลับหลงเสน่ห์ความงามของศิลปะอะราเบสก์ (Arabesque) ไปเป็นที่เรียบร้อย
ช่องว่างบนโดมที่ถูกวางอยู่กระจัดกระจายอย่างนั้น เป็นความตั้งใจของการออกแบบที่ให้แสงลอดผ่าน อันมีแรงบันดาลใจมาจากแสงแดดที่ส่องทะลุใบของต้นปาล์มในโอเอซิสกลางทะเลทรายอาบูดาบีนั่นเอง ด้วยเหตุนี้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายใต้โดม จึงราวกับถูกชโลมด้วย “สายฝนแห่งแสง” ในเวลากลางวัน และอาบด้วย “แสงดาวระยับ” ในเวลากลางคืน
การจัดแสดงผลงานศิลปะของ Louvre Abu Dhabi นั้น ตั้งอยู่บนปรัชญาของการรวมเป็นหนึ่ง โลกที่ไม่มีพรมแดน การแสดงผลงานศิลปะตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันของที่นี่ จึงไม่ได้แบ่งแยกเป็นภูมิภาคใด ทว่าไล่เรียงตามลำดับเวลาไปพร้อมๆ กัน พิพิธภัณฑ์กำลังพาคุณย้อนเวลากลับไปหลายพันปี ก่อนจะผายมือให้เห็นถึงเส้นทางสำรวจความงดงามจากบรรดาสิ่งที่มนุษย์เคยสร้างเอาไว้ ราวกับหลุดเข้าไปในหนังสือเรียนประวัติศาสตร์ศิลปะอย่างไรอย่างนั้น
Louvre Abu Dhabi พยายามแสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่มีความเป็นสากลที่สุด การจัดแสดงผลงานศิลปะชั้นเยี่ยมที่เต็มไปด้วยความหลากหลายและความแตกต่างจากทั่วทุกมุมโลกของพวกเขา จึงโฟกัสไปที่จุดร่วมของมนุษยชาติ นั่นก็คือ“ความคิดสร้างสรรค์” อันเจิดจรัสที่มีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกๆ คน พวกเขา “ก้าวข้าม” สถานที่เวลาและความเคยชินเดิมๆเพื่อที่จะก้าวออกไปให้ไกลกว่าเพื่อที่จะเดินหน้าสู่สิ่งยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่แค่เรื่องราวของตัวเอง
TRAVEL TIPS
• วันจันทร์เป็นวันหยุดสากลของพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่ทั่วโลก รวมถึง Louvre Abu Dhabi
• วันหยุดราชการของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คือ วันศุกร์และวันเสาร์
• สุภาพสตรีควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย สวมเสื้อคลุมหัวไหล่ กางเกงหรือกระโปรงยาวคลุมเข่า
DESTINATION
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก https://www.louvreabudhabi.ae/ และ https://www.facebook.com/LouvreAbuDhabi