SHADES OF BLUE
ถนน Boulevard Princesse Grace de Monaco เลาะเลียบริมทะเล จากนีซไปสู่โมนาโกของเฟรนซ์ริเวียร่าที่เลื่องชื่อ หลังคากระเบื้องดินเผาของบ้านเรือน ความสวยงามของสีผืนน้ำที่แปรเปลี่ยนไปตามความเข้มของแสงแดด ไล่เฉดเขียวอ่อนไปจนถึงฟ้าเข้มที่เห็นเป็นแหลมยื่นออกไปคือ Cap Ferret ที่มีชื่อเสียง

La Vie Comme Rêve à la Côte d’Azur

มีคำกล่าวว่า ถ้าอยากจะเห็นสีฟ้าที่สวยที่สุด
ต้องไปที่โกตดาซูร์ หรือเฟรนช์ริเวียร่า

STORY & PHOTOGRAPHY

SETHAPONG PAWWATTANA

โกตดาซูร์ (Côte d’Azur) หรือเฟรนช์ริเวียร่า เป็นชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ในแผนที่ของประเทศฝรั่งเศส ภูมิประเทศมีลักษณะเป็นทั้งเนินเขาและชายหาดที่ทอดยาวไปสุดสายตา ขอบเขตของเฟรนช์ริเวียร่าไม่มีการกำหนดที่แน่ชัด ว่ากันว่ามีขอบเขตตั้งแต่ม็องตง (Menton) ที่อยู่ใกล้ชายแดนอิตาลี มาจนถึงแซงต์โทรเปซ์ โดยรวมประเทศโมนาโก เอาไว้ด้วย ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 มีการเดินรถไฟสาย Calais-Méditerranée-Express ที่หรูหรา ให้บริการระหว่าง Calais-French Riviera โดยบริษัทที่ก่อตั้งเส้นทางรถไฟ ดิ โอเรียน เอ็กซ์เพรส ที่เลื่องชื่อ ต่อมาขบวนรถไฟนี้ถูกเรียกสั้นๆ ว่า Le Train Bleu ตามสีขบวนรถนอนที่มีสีน้ำเงินเข้ม

PORT OF LUXURY

1. ท่าจอดเรือยอชต์ Port Hercule ที่มีชื่อเสียงของโมนาโก มองไปจะเห็นอาคารสูงที่ปลูกอย่างหนาแน่นแทรกขึ้นมาระหว่างหมู่อาคารเก่าแก่ที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของโมนาโก

2. บ้านเรือนใน Saint-Paul-de-Vence ตัวอาคารทำจากหิน แต่นิยมทำบานประตูและหน้าต่างด้วยไม้ทาสีสด

ITALIAN TOUCH

3. นีซเคยอยู่ใต้การปกครองของอิตาลีมาก่อน ภาพด้านหน้าของ Cimiez Monastery ซึ่งเป็นโบสถ์ของนักบวชนิกายฟรานซิสกัน เป็นสถาปัตยกรรมแบบอิตาเลียนบาโรค สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16

4. Promenade des Anglais เป็นถนนเลียบหาดของเมืองนีซ ที่มีความยาวไปไกลสุดสายตา ตกแต่งด้วยการปลูกต้นปาล์มจนเป็นภาพลักษณ์ของเมืองนีซ

หลังจากเส้นทางรถไฟสายนี้เปิดทำการ ทำให้แถบเฟรนช์ริเวียร่ากลายเป็นสถานที่ตากอากาศของชนชั้นสูงของยุโรป ไม่ว่าจะเป็นสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งสหราชอาณาจักร ราชวงศ์ของรัสเซีย และมหาเศรษฐีระดับโลก ขณะเดียวกัน ที่นี่ก็ยังเป็นที่ชุมนุมของเหล่าศิลปินในยุคอิมเพรสชั่นนิสม์ ไม่ว่าจะเป็นอองรี มาติส, ปอล เซซาน, ปอล โกแก็ง และ วินเซนต์ แวน โก๊ะห์ หรือแม้แต่ปาโบล ปีกัสโซ นอกจากนี้ยังมีเหล่าบรรดานักเขียนอย่างอีดิธ วอร์ตัน, ซอมเมอร์เซ็ต มอห์ม หรือคนที่ทำให้เฟรนช์ริเวียร่ากลายเป็นดินแดนแห่งความหรูหราคละเคล้ากับสีสันของวงสังคมชั้นสูงในบทประพันธ์ของเขา นั่นก็คือ เอฟ. สก็อตต์ ฟิตซ์เจอรัลด์

ด้วยความยาวของชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้เฟรนช์ริเวียร่าครอบคลุมพื้นที่เมืองสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นแซงต์โทรเปซ์, คานส์, นีซ รวมทั้งโมนาโก

การเดินทางท่องเที่ยวในแถบนี้ที่นิยมมาก คือการล่องเรือยอชต์ไปตามทะเลแถบนี้ โดยแวะตามเมืองดังกล่าว ซึ่งในปัจจุบันมีบริษัทให้เช่าเรือยอชต์มากมาย และเส้นทางนั้นมักจะเริ่มจากแซงต์โทรเปซ์แล่นไปสู่โมนาโก

การเดินทางสู่เฟรนช์ริเวียร่า เราสามารถบินไปลงที่สนามบิน Toulon–Hyères หรือที่คานส์ หรือที่นีซ คุณสามารถเดินทางโดยรถยนต์เพื่อไปสู่รีสอร์ทหรือโรงแรมหรูในเมืองต่างๆ ได้ แต่ถ้าเช่าเรือยอชต์เพื่อจะล่องเรือในเฟรนช์ริเวียร่า นิยมไปลงเรือที่แซงต์โทรเปซ์ ที่อยู่ทางตะวันตกของเฟรนช์ริเวียร่า เมืองนี้เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ และในยุคซิกซ์ตี้ส์ได้มีการค้นพบดาราสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกแมวยั่วสวาท บริจิตต์ บาร์โดต์ เธอเป็นสาวในหมู่บ้านชาวประมงที่กลายเป็นท่าจอดเรือยอชต์หรูหรา

การท่องเที่ยวในเฟรนช์ริเวียร่าไม่จำเป็นต้องรีบเร่งเที่ยวให้ครบทุกเมือง หากแต่ค่อยๆ แวะเวียนตามเมืองต่างๆ และตักตวงบรรยากาศและความสนุกสนานในแต่ละเมืองที่มีความต่างกัน

ปัจจุบันที่นี่เต็มไปด้วยคลับและร้านอาหารเก๋ๆ อย่าง Club VIP Room (Residence du Nouveau Port, 83990, Saint-Tropez, www.viproom.fr) ที่เป็นที่สังสรรค์ของกลุ่มคนระดับวีไอพีสมชื่อ และที่โด่งดังมากพอๆ กันก็คือ Caves Du Roy (Byblos Saint-Tropez, Avenue Paul Signac, Saint-Tropez, www.byblos.com) ส่วนร้านอาหารนั้น La Résidence de la Pinède (La Réserve Ramatuelle, Chemin de la Quessine, Ramatuelle, www.lareserve-ramatuelle.com) คือร้านอาหารที่มีชื่อเสียง ตั้งอยู่ในรีสอร์ทซึ่งอยู่นอกแซงต์โทรเปซ์ ให้บริการอาหารฝรั่งเศสและเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนที่พัก La Réserve Ramatuelle นั้นก็หรูหราแบบโมเดิร์น และมีบริการสปาที่มีชื่อเสียงมาก แซงต์โทรเปซ์จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี หลังจากการเดินทางอันยาวนาน พักผ่อนในรีสอร์ทหรู ใช้บริการสปา และกลางคืนไปเที่ยวคลับที่ใครมาที่นี่ต้องแวะมาเยือน

หากมีเวลาว่าง สามารถเดินเล่นตามริมท่าเรือได้ มีร้านค้าต่างๆ และมีร้านหรูแบรนด์เนมต่างๆ ซ่อนอยู่ อย่างร้านดิออร์ ที่ Dior Des Lices คล้ายๆ คอมมิวนิตี้มอลล์เล็กๆ ในอาคารเก่าแก่ แต่ตกแต่งภายในทันสมัย นอกจากนี้ยังมีร้านมัลติแบรนด์ขนาดเล็กๆ อีกมากมาย สำหรับเรื่องสินค้าหรูหราแบรนด์เนมนั้น ที่นี่มีให้เลือกมากอย่างน่าแปลกใจเมื่อเทียบกับสัดส่วนของเมือง คงเพราะที่นี่คือ ท่าจอดเรือยอชต์ ที่เหล่าเศรษฐีจะต้องมาแวะขึ้นบกเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศจากการท่องเที่ยวทางทะเล ทุกสิ่งในเมืองท่าจึงรังสรรค์มาเพื่อตอบสนองบุคคลเหล่านี้

ดังเช่นที่ Pampelonne Bay ที่อยู่ไม่ไกลจากแซงต์โทรเปซ์มากนัก เป็นที่รวมของคลับสำหรับคนรักปาร์ตี้และเสียงเพลงต่างๆ เช่น Club 55 (www.club55.fr) เป็นลันช์คลับและบีชคลับที่มีชื่อเสียงมายาวนาน เป็นที่พบปะในยามกลางวันของคนที่มีชื่อเสียงต่างๆ ให้บริการทั้งอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งมุมพักผ่อนริมทะเลเพื่ออาบแดดหรือเอนกายชมน้ำและฟ้าสีสวยของโกตดาซูร์ แต่ถ้าอยากจะสัมผัสบรรยากาศที่จี๊ดจ๊าดขึ้นมาสักหน่อย Nikki Beach (www.nikkibeach.com) คือบีชคลับซึ่งเป็นที่รวมของคนเก๋ๆ ภายใต้เสียงเพลงและบรรยากาศปาร์ตี้สุดจี๊ด

หากโมนาโกคือความหรูหรายิ่งใหญ่ คานส์คือเมืองที่เปรียบเสมือนไข่มุกแห่งเฟรนช์ริเวียร่า ที่ผสมผสานเมืองตากอากาศแบบแซงต์โทรเปซ์เข้ากับโมนาโก ที่นี่มีทุกสิ่งที่เลิศหรูสำหรับคนที่ถวิลหาความหรูหราแบบเฟรนช์ริเวียร่าที่ทันสมัย เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ที่จัดขึ้นราวเดือนพฤษภาคมของทุกปี คือแม่เหล็กดึงดูดให้ผู้คนทั่วสารทิศมาชื่นชมดาราที่พวกเขาชื่นชอบ ไลฟ์สไตล์ที่นี่จึงตอบสนองต่อความหรูหราที่ทันสมัย ภายใต้แนวของต้นปาล์มและสวนสาธารณะ
เลียบริมท่าเรือและชายหาด แต่ด้านหลังตัวอาคารที่ยาวไปตลอดแนวหาด คือถนนสายช้อปปิ้งที่เต็มไปด้วยร้านรวงต่างๆ ใครต้องการรองเท้าเอสปาดริลส์ (Espadrilles) พื้นถักด้วยเชือกแบบที่กะลาสีบนเรือยอชต์นิยมสวม หาซื้อได้ที่คานส์นี่แหละ เพียงแต่เขาดีไซน์ให้สวยงามหลากแบบ ไม่ใช่แค่ผ้าลายทางแบบคลาสสิก

ถนนสายช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียงเพราะเป็นที่ตั้งของร้านแบรนด์เนมหรูหรา คือ La Croisette Boulevard แต่ถ้าใครต้องการทราบว่า แฟชั่นแบบคนท้องถิ่นเป็นอย่างไร ให้แวะไปที่ถนน Rue d’Antibes ส่วนใครที่ชอบร้านมัลติแบรนด์ที่มีของเก๋ๆ ต้องแวะที่ 55 Croisette (55 Boulevard de la Croisette, 06400, Cannes) ที่เลือกสรรดีไซน์เด็ดๆ ของ Alexander McQueen, Issey Miyake, Jean Paul Gaultier และอื่นๆ มาให้เลือกสรร และที่ Jacques Loup เป็นร้านมัลติแบรนด์ที่มีมาตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 20 เลือกสรรแต่ของเก๋ๆ จากซูเปอร์แบรนด์ชั้นนำ ที่นี่คือสวรรค์สำหรับคนรักการช้อปปิ้ง

ที่นี่มีร้านอาหารระดับดาวมิชลินมากมาย แต่ที่ภัตตาคาร La Palme d’Or โรงแรม Grand Hyatt Cannes Hôtel Martinez (73 La Croisette, 06400 Cannes, www.HotelMartinez.com) มีชื่อเสียงเรื่องรสชาติอาหารและการบริการ โดยเฉพาะเมนูที่มีชื่ออาหารสั้นๆ ง่ายๆ คือชื่อเครื่องปรุงหลัก อย่างปลา ไก่ หรือเนื้อวัว จะมีวิธีการปรุงที่ไม่เสียชื่อเชฟระดับดาวมิชลิน

LUXE AND GLAM

5. ภัตตาคาร Le Louis XV – Alain Ducasse ที่ตกแต่งอย่างหรูหราในโมนาโก จัดว่าเป็นภัตตาคารที่สวยเป็นอันดับต้นๆ ของที่นี่

6. สวนดอกไม้ใน Villa Ephrussi de Rothschild ปัจจุบันเปิดให้คนทั่วไปได้เข้าชมวิลล่าและสวนที่ได้ชื่อว่าสวยงามมาก และยังให้บริการจัดงานเลี้ยงและงานแต่งงานอีกด้วย ซึ่งได้รับความนิยมมาก

SPICES OF LIFE

7. ซากโบราณบน Cimiez Hill เป็นเมืองเก่าของโรมันที่ชื่อ Cemenelum บนนี้มีซากอาคาร โรงมหรสพ โรงอาบน้ำของโรมันในยุคที่มาปกครองดินแดนแถบนี้

8. เครื่องเทศนานาชนิดที่บรรจุขายในบรรจุภัณฑ์แบบต่างๆ สำหรับนักท่องเที่ยว

ใครที่ต้องการชมเมืองโบราณยุคกลางที่อยู่บนเขา และยังมีผู้คนอาศัยอยู่ ต้องแวะไปที่ Saint-Paul-de-Vence บ้านเรือนที่ปลูกแทรกตามหินผา ทางเดินที่สูงๆ ต่ำๆ ไปตามความสูงของพื้นที่ เหมือนบ้านตุ๊กตาที่ซ่อนในซอกเขา แต่ที่ไม่ควรพลาดก่อนที่จะเดินเข้าไปยังส่วนเมืองเก่า คือร้านอาหารและอาร์ตแกลเลอรี La Colombe d’Or (www.la-colombe-dor.com) ที่ตั้งขึ้นเมื่อราวต้นศตวรรษที่ 20 และเป็นที่พบปะสังสรรค์ของเหล่าศิลปินที่มีชื่อเสียงของยุคอิมเพรสชั่นนิสม์ และเอ็กซ์เพรสชั่นนิสม์ ไม่เพียงแค่ตำนานของร้าน หากที่นี่ยังเป็นร้านอาหารที่ได้ดาวมิชลินอีกด้วย หรือถ้าต้องการเห็นภาพชีวิตของคนท้องถิ่น มีร้านบิสโทรตรงจัตุรัสของเมือง ที่ทุกคนหลังเดินชมเมืองเก่าแล้วจะแวะมานั่งพักที่นี่ ตรงลานหน้าร้านเป็นที่เล่นกีฬาเปตองที่คึกคักทุกวัน

ใครที่ชอบงานศิลปะสมัยใหม่ Fondation Maeght (632 Chemin des Gardettes, 06570, Saint-Paul-de-Vence) ควรค่าแก่การแวะชม โดยเฉพาะงานประติมากรรมที่จัดแสดงอยู่ในสวนท่ามกลางดงต้นสน นอกจากนี้ยังมี Picasso Museum (Château Grimaldi, 06600 Antibes www.antibesjuanlespins.com) ซึ่งปีกัสโซได้มาดัดแปลงปราสาทเก่าของตระกูลกริมัลดีทำเป็นสตูดิโออยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่เขาจะไปอยู่ที่ปารีส ปัจจุบันที่นี่จึงกลายเป็นมิวเซียมที่มีบรรยากาศเดิมๆ แบบสตูดิโอของศิลปินเรืองนามท่านนี้

เมืองที่ใหญ่ที่สุดของเฟรนช์ริเวียร่า คือนีซ ที่นี่มีสถานที่หลายแห่งที่ถูกอ้างถึงในงานประพันธ์ชิ้นเด่นๆ ของนักประพันธ์เรืองนาม โดยทำเลของเมืองนีซก็เอื้ออำนวยให้มีเสน่ห์เช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นชายหาดที่ยาวไปสุดตา เคียงขนานด้วยถนน Promenade des Anglais รวมทั้ง Cimiez Hill เนินเขาสูงที่มีทางคดเคี้ยววกวน แต่ทำให้เรามองเห็นทิวทัศน์ของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ไม่เหมือนที่ไหน บนนั้นมี Matisse Museum และ Cimiez Monastery ที่มีสวนสวยงามและมองลงมาเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองเบื้องล่าง สถานที่ 2 แห่งนี้อยู่ใกล้กัน สามารถเดินไปถึงกันได้ นีซมีส่วนเมืองเก่าที่สวยงาม น่าเดินเล่น และอย่าลืมชิมไอศกรีมรสต่างๆ เพราะนีซได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีไอศกรีมอร่อย เจ้าดังคือ Fenocchio (2 Pl. Rossetti, 06300 Nice)

ออกจากนีซ มุ่งไปโมนาโก จะผ่าน Villa Ephrussi de Rothschild ที่เคยเป็นวิลล่าของบารอนเนสเดอรอธส์ไชลด์ ปัจจุบันเปิดให้ชมและเป็นสถานที่จัดงานต่างๆ โดยคงความสวยงามหรูหรา และสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น และตัวอาคารที่ทาสีชมพูสวยงาม นอกจากภายในวิลล่าที่เต็มไปด้วยการตกแต่งที่เป็นประวัติศาสตร์ยุคหนึ่งของการตกแต่งภายใน สวนของวิลล่าแห่งนี้ก็มีความสวยงามมาก นอกจากดอกไม้ตามฤดูกาล ยังมีสวนไม้อวบน้ำที่สวยงามอีกด้วย (06230 Saint-Jean-Cap-Ferrat, www.villa-ephrussi.com)

เราออกจากฝรั่งเศสเข้าสู่ดินแดนของประเทศโมนาโกแบบไม่รู้สึกตัว เพราะนีซกับโมนาโกใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ราว 1 ชั่วโมง เส้นทางคดเคี้ยวไปตามไหล่เขา อีกด้านหนึ่งเป็นทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่สวยงาม ใจกลางของประเทศโมนาโก เรียกว่า มอนติคาร์โล ซึ่งบางครั้งเราแทบจะแยกไม่ออก เพราะปัจจุบันนี้ความเจริญแทบจะแผ่ไปเต็มแน่น และขนาดของประเทศก็ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่ที่นี่คือที่สุดแห่งวิถีชีวิตที่หรูหรา

SCENTS OF THE SEASON

9. สวนดอกไม้ในอาราม Cimiez Monastery ที่สวยงาม มีทั้งสวนผลไม้และสวนดอกไม้

10. บ้านบนเขาที่ Saint-Paul-de-Vence สร้างจากหินและมีอายุหลายร้อยปี ในสมัยก่อนโคมไฟที่ประดับอยู่นี้จะสว่างด้วยแสงเทียน

TASTE OF LIFE

11. แถบเฟรนช์ริเวียร่า มีชื่อเสียงเรื่องเป็นแหล่งรวมอาหารรสเลิศ เพราะผสมการครัวทั้งฝรั่งเศสและอิตาลี ที่นี่มีทั้งร้านอาหารท้องถิ่นและร้านอาหารระดับดาวมิชลิน ที่ล้วนรังสรรค์อาหารออกมาให้มีหน้าตาสวยงามและรสชาติเลิศล้ำ

แม้บางคนไม่นิยมเสี่ยงโชค แต่ก็ขอเข้าไปชมบรรยากาศของ Monte Carlo Casino ที่หรูหรา รอบๆ นั้นคือบูติคแบรนด์เนมต่างๆ ที่ยั่วใจขาช้อปทั้งหลาย แต่บรรยากาศของท่าเรือยอชต์ Hercule ก็น่าเดินเที่ยว เพราะที่นี่คือท่าเรือยอชต์ที่ถูกกล่าวขานเปรียบดังตำนาน และที่นี่คือที่ชมการแข่ง Monaco Grand Prix ที่จัดมาตั้งแต่ปีค.ศ.1929 และปัจจุบันคือสถานที่แข่งรถฟอร์มูลาวัน ที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลกก็ว่าได้

ที่โมนาโกยังเป็นที่ตั้งของร้านอาหารที่ได้รับรางวัลมากที่สุดในเฟรนช์ริเวียร่า รวมทั้งได้ดาวมิชลินถึง 3 ดวง นั่นก็คือ Le Louis XV – Alain Ducasse ที่เชฟอแลง ดูคาสส์ และหัวหน้าเชฟของร้านอาหารแห่งนี้ Franck Cerutti ช่วยกันสร้างสรรค์อาหารเมดิเตอร์เรเนียนในรูปแบบการครัวชั้นสูงที่ได้รับเสียงชื่นชมมากมาย รวมทั้งมีไวน์ให้เลือกเกือบพันกว่าชนิด กว่าหกแสนขวด อีกทั้งบรรยากาศของร้านที่หรูหราและการบริการที่ทำให้ที่นี่กลายเป็นร้านที่นักชิมต้องมาเยือนให้ได้

ที่นี่ยังมีมิวเซียมทางทะเลที่น่าสนใจ The Oceanographic Museum (Avenue Saint-Martin, Monaco Ville, Monaco, www.oceano.mc) ตั้งอยู่ตรงส่วนที่เป็นเดอะร็อกของโมนาโก ในมิวเซียมนี้มีอะควาเรียมที่แสดงถึงชีวิตสัตว์ทะเลอีกด้วย ตัวอาคารที่สวยงามนี้มีอายุกว่าร้อยปี เป็นการสร้างเพื่ออุทิศให้ศิลปะและวิทยาศาสตร์

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเฟรนช์ริเวียร่า ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ก็ยังคงมีมนต์เสน่ห์เสมอ และการเที่ยวในแถบนี้ ไม่จำเป็นต้องไปทุกเมืองให้ครบ เพราะจริงๆ ยังมีเมืองเล็กๆ อีกมากมาย ซึ่งคุณสามารถกลับมาเยือนได้อีก และทุกครั้งที่มาเยือน จะได้พบกับความประทับใจในความสวยงามของภูมิภาคเฟรนช์ริเวียร่า ที่คุณจะมองหาเฉดสีฟ้าที่สวยที่สุดได้ที่นี่

DESTINATION

Leave a Reply