BeautyFeatureGrooming Story

Grooming Story:
วิธีเติมเสน่ห์ให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่น่าหลงใหล

By 26 November 2020 No Comments

FASHION EDITOR

SANSHAI
JIRAT SUBPISANKUL

PHOTOGRAPHER

AEKARAT UBONSRI

วิธีเติมเสน่ห์ให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่น่าหลงใหล

เมื่อพูดถึงเสน่ห์ที่ชวนดึงดูดให้ใครๆ ต่างอยากเข้าใกล้ เชื่อว่าหนึ่งในนั้นจะต้องมีเรื่องของ ‘กลิ่นกาย’ อย่างแน่นอน เพราะกลิ่นกายเป็นเสมือนฟีโรโมนที่จะช่วยดึงดูดให้ผู้คนเข้าหาหรือผลักดันให้ถอยห่างออกไปได้ พูดง่ายๆ ว่าถ้ากลิ่นดีก็เป็นเหมือนเสน่ห์แต่ถ้ากลิ่นร้ายก็คงต้องขอบาย Power จึงใช้โอกาสนี้ไปเสาะหากลิ่นหอมๆ ที่ชวนดึงดูดใจ เพื่อเติมเสน่ห์ให้กับบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ให้ไปสุดแบบหัวกระไดไม่แห้งกันเลยทีเดียว

แต่ก่อนที่จะไปเลือกน้ำหอมมาเสริมเสน่ห์ให้กับตัวคุณเอง อยากให้ไปทำความรู้จักกับความหอมแต่ละชนิดกันก่อน จะได้เข้าใจตัวเองมากขึ้นว่ากลิ่นหรือโน้ตลักษณะไหนที่เหมาะกับตัวคุณ

FRESH NOTES
ให้กลิ่นที่สะอาด สดชื่น เต็มไปด้วยความสดใส ให้ความรู้สึกเย็นสบาย เป็นกลิ่นที่ได้จากพืชตระกูลซิตรัส เช่น ส้ม มะนาว เกรปฟรุต มะกรูด ถ้าคุณเป็นหนุ่มน้อยวัยใส ไปจนถึงวัยเริ่มทำงาน กลิ่นนี้น่าจะเหมาะกับคุณ

HERBAL NOTES
ให้กลิ่นสะอาดๆ รู้สึกถึงสีเขียวๆ ของใบไม้ ทุ่งหญ้า ธรรมชาติและสมุนไพร ที่แฝงไปด้วยความสุขุมลุ่มลึก เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งชายหนุ่ม คุณผู้ชายในทุกช่วงวัยใช้ได้หมด

FLORAL NOTES
ให้กลิ่นหอมของดอกไม้ ได้อารมณ์ของความนุ่มนวล ดูภูมิฐานและสง่างาม ส่วนใหญ่กลิ่นหลักมักได้จากกุหลาบหรือมะลิ และหากมีความเป็นวู้ดดี้ผสมจะเป็นกลิ่นแนว Unisex สามารถใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง

WOODY NOTES
ให้กลิ่นหอมแบบป่าๆ ที่มีความลึกลับและผ่อนคลาย กลิ่นหลักๆ มาจากพวกไม้จันทน์ หรือซีดาร์ เป็นกลิ่นยอดนิยมสำหรับคุณผู้ชายมาดนิ่งที่ดูสงบแต่แฝงไปด้วยความลึกลับ น่าค้นหา

ORIENTAL NOTES
ให้กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องเทศในแถบเอเชีย ให้ความรู้สึกถึงความเป็นผู้ชายเท่ๆ และอบอุ่น เหมาะกับอากาศหนาวๆ เย็นๆ

เหล่านี้ คุณหนุ่มๆ คงต้องเลือกกลิ่นที่ใช่ด้วยตัวเอง ลองไปเทสต์กลิ่นตามเคาน์เตอร์แบรนด์ดูก่อนว่าอยู่กับกลิ่นไหนมั่นใจที่สุดก็เลือกกลิ่นนั้น แต่ทั้งหลายทั้งปวงแล้วคุณควรจะรู้ไว้ว่ากลิ่นน้ำหอมในแต่ละขวดไม่ได้มีแค่กลิ่นเดียวแล้วจบ แต่มันสามารถเปลี่ยนกลิ่นไปได้เรื่อยๆ ถึง 3 กลิ่นด้วยกันหลังจากฉีดไปแล้ว นั่นก็คือ

Top Notes หรือ Head Notes คือ กลิ่นแรกที่รับรู้ได้ทันทีหลังจากฉีด ก่อนจะระเหยไปอย่างรวดเร็วภายในไม่เกิน 30 นาที

Middle Notes หรือ Heart Notes คือ กลิ่นหอมหลักที่แสดงตัวตนที่แท้จริงของน้ำหอมขวดนั้นๆ ซึ่งจะปรากฏหลังจากฉีดผ่านไปประมาณ 30 นาที และกลิ่นจะคงอยู่ไปประมาณ 2-4 ชั่วโมง

Base Notes หรือ Basic Notes คือ กลิ่นสุดท้ายที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามกลิ่นตัวของผู้ใช้ ซึ่งเราจะได้กลิ่นหลังจากผ่าน 2-4 ชั่วโมงไปแล้วนั่นเอง

เพราะฉะนั้นหากคุณอยากจะได้น้ำหอมเหมาะๆ ไว้สักขวด เวลาเทสต์น้ำหอม อาจต้องรอเวลาให้กลิ่นหลักได้แสดงตัวเสียหน่อย เพราะบางครั้งเราประทับใจที่กลิ่นแรกในยามที่ฉีดแต่พอระยะเวลาผ่านไปกลิ่นหลักเริ่มแสดงตัวตน เรากลับไม่ชอบใจไปเสียอย่างนั้น จึงควรต้องทิ้งเวลาไว้สักครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจเลือก

หลังจากพอจะเริ่มคุ้นเคยกับลักษณะของกลิ่นในแบบต่างๆ แล้ว ก็มาว่ากันด้วยเรื่องของ EDP, EDT หรือ EDC ที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ บนขวดน้ำหอมว่ามันคืออะไรและแตกต่างกันอย่างไร บ่อยครั้งที่มักมีคนสงสัยว่าทำไมน้ำหอมชื่อเดียวกัน กลิ่นเดียวกัน ขนาดเท่ากัน แต่ราคากลับไม่เท่ากัน นั่นก็เพราะมันเป็นเรื่องของความเข้มข้นของส่วนประกอบในการปรุงน้ำหอมนั่นเอง ซึ่งปกติน้ำหอมจะมีส่วนประกอบหลักอยู่ 3 ส่วนคือ หัวน้ำหอม แอลกอฮอล์ และน้ำ ซึ่งถ้าสูตรไหนใช้หัวน้ำหอมเข้มข้น ราคาก็ย่อมสูงตามไปด้วยนั่นเอง

Eau de Cologne (EDC)
น้ำหอมโคโลญนี้เป็นที่นิยมมากสำหรับของคนวัยหนุ่มสาว ด้วยกลิ่นที่บางเบา สดชื่น มีความหอมหวานคล้ายผลไม้เบาๆ มีส่วนผสมของน้ำมันหอมประมาณ 2-4% ให้ความหอมติดทนประมาณ 1-2 ชั่วโมง จึงสามารถฉีดได้บ่อยครั้งที่ต้องการและสามารถฉีดเพิ่มที่ผิวโดยตรงได้

Eau de Toilette (EDT)
สเปรย์น้ำหอมที่มีส่วนผสมของหัวเชื้อน้ำหอมบริสุทธิ์ประมาณ 5-15% ให้ความหอมติดทนประมาณ 3 ชั่วโมง ใช้ได้เป็นประจำในทุกวัน เหมาะกับคนที่ชอบเปลี่ยนกลิ่นระหว่างวัน อีกทั้งยังเป็นน้ำหอมที่เป็นที่นิยมมากที่สุดสำหรับบรรยากาศของฤดูร้อน เพราะให้กลิ่นบางเบาไม่ฉุนจนเกินไป

Eau de Parfum (EDP)
น้ำหอมชนิดนี้มีส่วนผสมของหัวเชื้อน้ำหอมบริสุทธิ์ประมาณ 15-20% นิยมใช้กันมากทั้งชายและหญิง ราคาค่อนข้างแพง และให้ความหอมที่ติดทนประมาณ 5-8 ชั่วโมง ใช้ฉีดที่จุดชีพจรของร่างกายในจุดที่มีอุณหภูมิอุ่นกว่าบริเวณอื่น เช่น ข้อมือ ข้อพับแขน หรือหัวไหล่ สามารถฉีดที่ผมหรือเสื้อผ้าได้ ยกเว้นการฉีดลงบนผ้าไหม เพราะจะทำให้ผ้าเป็นคราบเสียหายได้

นอกจากนี้ยังมีน้ำหอมอีกชนิดที่จัดว่าเลอค่าน่าลองก็คือ Perfume Extrait

น้ำหอมชนิดนี้มีความเข้มข้นของกลิ่นมากที่สุดและราคาก็แพงที่สุดเช่นกัน ด้วยมีส่วนผสมของหัวเชื้อน้ำหอมบริสุทธิ์ประมาณ 20-50% เน้นใช้ตามจุดชีพจรโดยตรง เช่น ข้อมือ หลังหู ซอกคอ ซึ่งการแตะแต้มเพียงเล็กน้อยความหอมก็อยู่ยาวไปได้นานถึง 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว

มาถึงตรงนี้คงพอทำความเข้าใจกับเรื่องกลิ่นหอมๆ กันพอหอมปากหอมคอแล้ว หวังว่าจะสามารถนำไปปรับใช้ในการพิจารณาเลือกน้ำหอมคู่กายของคุณเพื่อเพิ่มพูนเสน่ห์ให้มากยิ่งขึ้นได้ไม่ยาก ที่สำคัญที่สุดคือคุณต้องมั่นใจในยามที่กลิ่นนี้จะติดไปกับตัวคุณเกือบตลอดทั้งวัน เพราะถึงแม้ใครๆ อาจจะบอกว่าแบรนด์นั้นดีแบรนด์นี้หอม แต่ถ้าใจของคุณบอกว่ายังไม่ใช่ มันก็คือไม่ใช่นั่นแหละ ส่วนในครั้งหน้า Power จะพาน้ำหอมกลิ่นไหนมาแนะนำให้คุณผู้ชายได้เลือกเติมเสน่ห์ให้เข้ากับบุคลิกกันบ้างนั้น ก็ต้องรอติดตามกันต่อไป

GROOMING STORY

*ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้า โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า