Our dreams can come true if we have the courage to pursue them.
ตลอดระยะเวลา 137 ปี ที่ทีมฟุตบอลประจำเมืองเล็กๆ แห่งนี้โลดแล่นอยู่ในโลกของกีฬาลูกหนัง ตลอดคืนและวันแห่งความทุ่มเทด้วยความเชื่อมั่นอันแรงกล้า และแล้ววันที่ได้สัมผัสกับถ้วย FA Cup เกียรติยศจากเกมการแข่งขันฟุตบอลถ้วยที่เก่าแก่ที่สุดในโลกก็มาถึงเป็นครั้งแรก อีกหนึ่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ รวมไปถึงแฟนๆ ของ “The Foxes” จะต้องจดจำไปตลอดกาล
นอกจากฟุตบอล FA Cup จะเป็นดั่งตำนานที่จัดแข่งขันอย่างต่อเนื่องมานานถึง 150 ปีแล้ว ความพิเศษอีกอย่างที่ทำให้ฟุตบอลรายการนี้มีเสน่ห์ก็คือ มันเป็นการแข่งขันแบบ “แพ้ตกรอบ” ไม่มีการแบ่งกลุ่มเก็บคะแนน ไม่มีการลุ้นผลจากคู่อื่นๆ มีแค่เกมตรงหน้าที่จะชี้ชะตาว่าใครจะได้ไปต่อ รวมไปถึง FA Cup ยังมีสโมสรหลายระดับลงแข่งขัน ตั้งแต่ระดับลีกสูงๆ ไปจนถึงทีมมหาวิทยาลัย ซึ่งจะมีการลงเล่นรอบคัดเลือกที่แตกต่างกันไปตามระดับ แต่สิ่งที่ทุกทีมต้องทำเหมือนกันก็คือ “อย่าแพ้”
ในเมื่อวัดกันเกมต่อเกมแบบนี้ หลายครั้งมันจึงทำให้เราเห็นว่า ทีมที่เหนือกว่าคู่แข่งในทุกด้านๆ ไม่จำเป็นต้องชนะเสมอไป เพราะเมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้น ไม่ว่าทีมเล็กหรือใหญ่ก็กระหายชัยชนะไม่ต่างกัน จังหวะ โอกาส และหัวใจ ล้วนเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถจะมองข้ามไปได้เลย
ก่อนหน้านี้ เลสเตอร์ ซิตี้ เป็นอีกทีมหนึ่งที่ยังไม่เคยก้าวไปถึงจุดนั้นได้เลยนับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสรมา 137 ปี แม้ว่าในอดีตจะเคยทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศ แต่ผลก็จบลงแค่คำว่าเกือบ โดยครั้งล่าสุดก็เกินกว่าครึ่งศตวรรษเข้าไปแล้ว ซึ่งก็อาจจะพูดได้อยู่เหมือนกันว่า นี่ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเท่าไรนักสำหรับเส้นทางของสโมสรฟุตบอลขนาดเล็กอย่างนี้ จนกระทั่งราว 10 ปีก่อน สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลงอันเป็นดั่งจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ ได้พัดผ่านเข้ามาพร้อมกับชายที่มีชื่อว่า วิชัย ศรีวัฒนประภา และนับแต่นั้นเป็นต้นมา เลสเตอร์ ซิตี้ ได้กลายมาเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญที่ทำให้วงการฟุตบอลอังกฤษเปลี่ยนโฉมไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
หลังจากคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษได้อย่างสง่างามและเหนือความคาดหมายในฤดูกาล 2015/16 รวมไปถึงความพยายามที่จะพัฒนาตนเองให้ขึ้นไปอยู่ในระดับ “ยอดทีม” อย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนว่า “ระดับของความเซอร์ไพรส์” ของเลสเตอร์ ซิตี้ ที่มีต่อแฟนบอลจะค่อยๆ ลดลง เพราะหากมองย้อนกลับไปในตอนนั้น มีการพูดติดตลกกันว่า โอกาสที่ทีมที่เพิ่งขึ้นมาอยู่พรีเมียร์ลีกและจบฤดูกาลที่แล้วด้วยอันดับ 14 อย่างเลสเตอร์ ซิตี้ จะคว้าแชมป์ คงพอๆ กับการได้เจอ เอลวิส เพรสลีย์ ตัวเป็นๆ นั่นแหละ หรือจะพูดให้ง่ายก็คือ มันเป็นไปไม่ได้
แต่แล้ว มันก็เป็นไปได้
และหากปี 2021 นี้ เลสเตอร์ ซิตี้ จะเข้าชิงชนะเลิศ FA Cup อีกครั้งในรอบ 52 ปี ใครจะรู้ นั่นอาจหมายความถึงแชมป์
“ผมอยากคว้าแชมป์เพื่อคุณวิชัยและครอบครัวของท่าน ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะนำทีมลงเล่นในเกมวันนี้”
– เบรนดัน ร็อดเจอส์ ผู้จัดการทีมเลสเตอร์ ซิตี้
ถ้วย FA Cup เป็นความฝันที่ไม่เคยมาถึงสำหรับ วิชัย ศรีวัฒนประภา และนั่นจึงทำให้เกมที่เวมบลีย์มีความหมายเป็นอย่างมาก นักฟุตบอลทุกคนเล่นกันอย่างสุดหัวใจ บนอัฒจันทร์มีรูปของอดีตประธานสโมสรผู้จากไปพร้อมข้อความที่มีใจความว่า “ความฝันนั้นเป็นความจริงได้ หากเรากล้าที่จะไขว่คว้ามัน”
ชัยชนะในค่ำคืนนั้นของเลสเตอร์ ซิตี้ เป็นดั่งรางวัลสำหรับความพยายามและการมีหัวใจแห่งนักสู้เสมอมา แต่สิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือมวลแห่งความรักและเคารพในตัว วิชัย ศรีวัฒนประภา และครอบครัว ที่อบอวลไปทั่วทั้งสนาม เราได้เห็นกองเชียร์ชูผ้าพันคอที่มีข้อความอย่าง MR CHAIRMAN, VICHAI SRIVADDHANAPRABHA, THANK YOU KHUN VICHAI และ FOREVER IN OUR HEARTS เราได้เห็นหลายคนมองขึ้นไปบนฟ้าเมื่อเสียงนกหวีดสิ้นสุดเกมดังขึ้น และ แคสเปอร์ ชไมเคิล ผู้รักษาประตูผู้มีส่วนสำคัญต่อชัยชนะในครั้งนี้ ในฐานะกัปตันทีมที่ได้ชูถ้วย FA Cup คนแรกของประวัติศาสตร์สโมสร เขาเดินไปเชิญ “ต๊อบ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” มาร่วมยินดี ทำให้ภาพของประธานสโมสรที่ลงมาสวมกอดกับผู้เล่นอย่างเป็นกันเองและให้เกียรติ กลายเป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่ผู้คนทั่วโลกต่างพูดถึง
ความสำเร็จครั้งนี้ของเลสเตอร์ ซิตี้ ยิ่งตอกย้ำความจริงที่ว่า ภายใต้การบริหารจัดการที่มีเรื่องของหัวใจเข้าไปเกี่ยวข้อง สามารถพาคุณไปยังจุดที่ไม่เคยมีใครคาดฝันมาก่อนได้ แต่อย่างไรก็ตามฟุตบอลย่อมมีแพ้มีชนะ เส้นทางข้างหน้าในวงการฟุตบอลของ “จิ้งจอกสยาม” จะเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆ พวกเขาไม่ใช่ทีมที่ชนะใครแล้วเราต้องประหลาดใจอีกต่อไปแล้ว อย่างที่ครั้งหนึ่งแคสเปอร์ ชไมเคิล เคยบอกกับเราว่า “คุณวิชัยให้ความหวังและสอนให้พวกเราทุกคนรู้ว่า ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”