IWC

หนึ่งในรุ่นเฉลิมฉลองอายุ 150 ปีของแบรนด์ดัง IWC นาม Da Vinci Automatic Edition “150 Years” มาพร้อมกับความหรูเนี้ยบที่เรียบง่าย ด้วยการแสดงเวลาแบบ 2 เข็มครึ่งผ่านพื้นหน้าปัดสีขาวที่ตกแต่งในอารมณ์ย้อนยุค ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติที่บรรจุอยู่ในตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาด 40.4 มิลลิเมตร สามารถกันน้ำได้ลึก 30 เมตร โดยอวดการทำงานของกลไก ที่สำรองพลังงานได้นาน 60 ชั่วโมง ผ่านฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ รุ่นนี้จำกัดจำนวนผลิตเพียง 500 เรือนเท่านั้น

OMEGA

Railmaster ผลงานระดับตำนาน กลับมาสร้างความยอดเยี่ยมอีกครั้งในวาระครบรอบ 60 ปีเมื่อ ค.ศ. 2017 ที่ผ่านมา และปีนี้ Omega ก็สานต่อตำนานด้วยเวอร์ชั่นล่าสุดที่สามารถต้านทานสนามแม่เหล็กได้ถึง 15,000 เกาส์  มากกว่ารุ่นดั้งเดิมถึง 15 เท่า บรรจุกลไกอัตโนมัติคุณภาพสูงระดับ Master Chronometer ไว้ในตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 40.0 มิลลิเมตร ที่กันน้ำได้ลึก 150 เมตร เลือกจับคู่กับสายสเตนเลสสตีลหรือสายหนัง NATO

PANERAI

ทั่วโลกคุ้นตา Panerai จากความเรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์ ซึ่ง Luminor 1950 Tourbillon GMT Titanio จากซีรีส์ Lo Scienziato สามารถเรียกเสียงฮือฮาได้ก้องโลกด้วยตัวเรือนไทเทเนียมขนาด 47.0 มิลลิเมตร ที่ผลิตด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ เพื่อให้ภายในเป็นช่องกลวง ซึ่งยิ่งทำให้มีน้ำหนักเบากว่าเดิม เปลือยหน้าปัดอวดกลไกไขลานทูร์บิญองที่สามารถสำรองพลังงานได้นานถึง 6 วัน ทั้งยังสามารถแสดงเวลาของไทม์โซนที่ 2 ได้อีกด้วย ความยอดเยี่ยมนี้ผลิตขึ้นเพียง 100 เรือนเท่านั้น

ใช่จะมีแต่นาฬิกาสุภาพบุรุษที่มีผลงานรุ่นดังระดับไอค่อน ในฟากของนาฬิกาสตรีก็มีผลงานชิ้นเอก
ที่ไม่ว่าจะเผยโฉมรุ่นใหม่ในคอลเลคชั่นนี้ทีไร ก็เป็นต้องได้รับความนิยมทุกครั้งไป

BREGUET

Reine de Naples จาก Breguet มัดใจสาวทั่วโลกด้วยตัวเรือนรูปไข่อันเป็นเอกลักษณ์ละมุนตา ความเนี้ยบประณีต และกลไกทำงานชั้นยอด โดย Reine de Naples 8908 เรือนนี้ผลิตตัวเรือนขนาด 36.5 x 28.45 มิลลิเมตรด้วยทองกุหลาบ 18K ก่อนจะล้อมขอบด้วยเพชรน้ำงาม และทับทิมทรงหลังเบี้ยบนยอดเม็ดมะยม รับประกายกับพื้นหน้าปัดเปลือกหอยมุกตาฮิติ แสดงเวลา พร้อมการแสดงข้างขึ้น-ข้างแรม และระดับพลังงานสำรองด้วยการทำงานของกลไกอัตโนมัติ

CHOPARD

เอ่ยชื่อ Chopard สาวๆ ทั่วโลกจะนึกถึงเอกลักษณ์ “เพชรกลิ้ง” และนี่คือผลงานล่าสุด Happy Sport Automatic ที่งดงามด้วยพื้นหน้าปัดเปลือกหอยมุกและสายหนังจระเข้สีฟ้าพาสเทล พร้อมเพชรกลิ้ง 5 เม็ด และเพชรน้ำงามรอบขอบตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 30.0 มิลลิเมตร ที่อวดการทำงานของกลไกอัตโนมัติประสิทธิภาพเยี่ยมไว้ใต้ฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ 

FRANCK MULLER

ทั้งคอลเลคชั่น Cintree Curvex (แซงเทร คูร์เวซ์) ตัวเรือนทรงถังเบียร์ ทั้งการตกแต่งหน้าปัดด้วยตัวเลขอารบิกสีสันสดใสสมชื่อ Color Dreams คือเอกลักษณ์ของ Franck Muller สวยงามด้วยพื้นหน้าปัดสีเงินที่ปั๊มขึ้นลายรัศมี ซ้อนกับตัวเลขอารบิกอย่างมีมิติ ก่อนจะเติมความหรูด้วยเพชรน้ำงามที่ประดับลงเรียงรอบขอบตัวเรือนสเตนเลสสตีล ขนาด 29.0 x 39.0 มิลลิเมตร เพิ่มลุคด้วยสายหนังจระเข้สีไวน์แดง แสดงเวลาอย่างเที่ยงตรงด้วยเครื่องควอตซ์

ครั้งนี้ขอเลือกผลงานจากแบรนด์ดังที่มาในคอนเซ็ปต์ที่แตกต่าง
เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้งานที่หลากหลาย ในสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเอง

FOSSIL

แต่ไหนแต่ไรมาแบรนด์สตรีตแฟชั่นอย่าง Fossil จะเน้นความเท่สไตล์เรโทรมาตลอด ครั้งนี้ขอฉีกแนวมาเป็นสปอร์ตคลาสสิกด้วย Grant Sport Automatic Luggage Leather ที่ผสานอารมณ์สปอร์ตของขอบตัวเรือนสไตล์นาฬิกาดำน้ำเข้าไว้ด้วยกันกับหน้าปัดแบบ Skeleton เพื่ออวดการทำงานของกลไกอัตโนมัติที่บรรจุอยู่ในตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 44.0 มิลลิเมตร แสดงเวลาพร้อมระบบปฏิทินที่ครบครันทั้งวัน วันที่ เดือน และกลางวัน-กลางคืน

DIESEL

อีกหนึ่งแบรนด์เท่ที่ไม่เคยหลุดจากความนิยม Diesel ส่ง Timeframes DZ4487 ความเท่แบบคูลๆ ของตัวเรือนสเตนเลสสตีลหุ้มอีป็อกซี่ใส ขนาด 51.0 มิลลิเมตร แบบ Mega Chief พร้อมสายซิลิโคนสีฟ้าโปร่งแสงที่ใสเย็นตา รับกับสีสันของขอบตัวเรือน โดยภายในตัวเรือนที่กันน้ำได้ลึก 100 เมตรนี้บรรจุเครื่องควอตซ์โครโนกราฟที่บอกและจับเวลาได้อย่างเที่ยงตรงแม่นยำ พร้อมการแสดงวันที่ผ่านพื้นหน้าปัดสีเทาอ่อนแบบเมทัลลิก

CASIO

คงไม่ต้องบรรยายอะไรให้มากความสำหรับ Casio G-Shock ที่ยืนยงคงความสปอร์ตพันธุ์อึดมายาวนานถึง 35 ปี โดยรุ่น GA-110MW-7A สีขาวสะอาดตาที่มาในตัวเรือนหุ้มเรซิ่นขนาด
51.2 มิลลิเมตรนี้ ครบเครื่องทั้งความสามารถในการกันน้ำได้ลึกถึง 200 เมตร พร้อมความสามารถในการจับเวลาได้ละเอียด 1/1,000 วินาที ทนต่อสนามแม่เหล็กตามมาตรฐาน ISO764 ทนแรงกระแทกกระเทือน สามารถแสดงเวลาได้ถึง 48 เมืองทั่วโลก และฟังก์ชั่นอื่นๆ อีกมากมายด้วยเครื่องควอตซ์