Fashion InsiderFlashFlash 123Number 123

Fashion Insider: Putting the “H” in History

By 7 August 2018 No Comments

เรื่องราวของแบรนด์ที่ได้ชื่อว่าหรูหราที่สุดในโลก ด้วยจุดกำเนิดจากอุปกรณ์ขี่ม้า สู่แบรนด์เสื้อผ้า เครื่องหนัง นาฬิกา และน้ำหอม ที่สร้างมาตรฐานอันสูงสุดของความหรูหรา ผ่านกล่องสีส้มและตัวอักษร H ที่หญิงสาวทุกคนอยากครอบครอง

STORY

TAWAN KONKAEW

PHOTOGRAPHY

COURTESY OF BRANDS

Hermès แบรนด์หรูสัญชาติฝรั่งเศสที่ย้อนประวัติได้ยาวนานกว่า 170 ปี ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1837 โดยเทียร์รี แอร์เมส เริ่มแรกเทียร์รีผลิตและจัดจำหน่ายอานม้าและอุปกรณ์สำหรับการขี่ม้าที่เป็นระบบคมนาคมหลักบนท้องถนนทั่วยุโรป โดยเปิดร้านอยู่ที่ Rue Basse du Rempart ในกรุงปารีส ธุรกิจของเทียร์รีประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ในการขายเครื่องใช้เกี่ยวกับม้า รวมถึงกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ ด้วยกระบวนการผลิตที่ละเอียด ประณีต และพิถีพิถันในทุกขั้นตอน โดยเฉพาะเทคนิคการเย็บหนังแบบ 2 เข็ม ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ โดยใช้เส้นด้าย 2 เส้นแทงสลับไปมาในรูเดียวเพื่อยึดแผ่นหนังทั้ง 2 แผ่นเข้าไว้ด้วยกันอย่างแน่นหนา ทำให้สินค้าได้คุณภาพและทนทานกว่าของคู่แข่งในท้องตลาด

และด้วยเทคนิคที่ไม่เหมือนใครนี้เอง ทำให้ภายในไม่กี่ปี Hermès เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ราชวงศ์และชนชั้นสูงของฝรั่งเศสต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยฝีมือการผลิตที่ประณีตไม่เหมือนใคร และใส่ใจการผลิตมากกว่าการหวังผลกำไรเชิงธุรกิจ และการขยายตลาดไปสู่กลุ่มแมส ทำให้ Hermès กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราในแบบฝรั่งเศสแท้ๆ ที่ใครต่อใครหลงรักและเต็มใจลงทุนกับราคาอันแพงระยับมาจนถึงทุกวันนี้

โลโก้ของ Hermès ซึ่งใช้สัญลักษณ์ “รถม้า” มาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1950 นั้น เนื่องจากต้องการระลึกถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์ที่เริ่มจากการผลิตอานม้าและอุปกรณ์สำหรับการขี่ม้า นอกจากนั้นสัญลักษณ์รถม้าที่เทียมด้วยม้า 2 ตัว ยังเป็นตัวแทนความสมดุลและพลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าที่ตรงกับวิสัยทัศน์ของแบรนด์อีกด้วย

อีกหนึ่งสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลย คือกระเป๋า Hermès รุ่น Birkin เเละรุ่น Kelly นับเป็นกระเป๋าที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้หญิงทั่วโลก หากถามว่าอะไรที่ทำให้กระเป๋า Hermès โดดเด่นกว่าใคร คำตอบประกอบด้วย 3 สิ่งนี้ คือ หนึ่ง วัสดุที่ล้วนมีคุณภาพเกรดเยี่ยม ทั้งหนังจระเข้ หนังนกกระจอกเทศ และหนังวัวฟอกสีพิเศษ สอง กระบวนการผลิตจากฝีมือช่างชั้นยอด ที่กระเป๋าแต่ละใบต้องใช้เวลาผลิตยาวนานประมาณ 16-24 ชั่วโมง และสาม คือดีไซน์อันไร้กาลเวลา

ใน ค.ศ. 1892 Hermès เปิดตัวกระเป๋ารุ่น Haut à Courroies โดยในภายหลังได้เรียกว่ารุ่น “Birkin” ตามชื่อสไตล์ไอค่อนสาวชาวฝรั่งเศส Jane Birkin และเป็นกระเป๋าที่สาวๆ ทั่วโลกปรารถนาจะครอบครองกัน ต่อมา ค.ศ. 1935 Hermès เปิดตัวกระเป๋าถือชื่อ Sac à Dépêches ซึ่งเป็นกระเป๋าที่เจ้าหญิงเกรซแห่งประเทศโมนาโก ใช้บังหน้าท้องขณะทรงพระครรภ์ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้กระเป๋ารุ่นนี้ถูกเรียกว่า “Kelly” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

อีกหนึ่งสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลย คือกระเป๋า Hermès รุ่น Birkin เเละรุ่น Kelly นับเป็นกระเป๋าที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้หญิงทั่วโลก

อีกหนึ่งสินค้าที่ถือว่าเป็นตำนานของแบรนด์ คือผ้าพันคอผ้าไหมพิมพ์ลาย ที่ผลิตครั้งแรกใน ค.ศ. 1937 ด้วยขนาด 70 x 70 เซนติเมตร เป็นลายพิมพ์รูปผู้หญิงใส่วิกสีขาว ต่อมา Hermès ได้ปรับขนาดผ้าพันคอเป็น 90 x 90 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 65 กรัม และเริ่มผลิตด้วยการหาไหมชั้นดีจากรังผีเสื้อ 250 รัง ใช้วิธีการผลิตที่ประณีตไม่เหมือนใคร Hermès พิมพ์ลายบนผ้าด้วยมือ แต่ละปีจะมีผ้าพันคอออกมา 2 คอลเลคชั่น และอาจมีคอลเลคชั่นพิเศษ หรือผลิตล็อตเก่าๆ ขึ้นมาใหม่ จากสถิติพบว่า ผ้าพันคอ Hermès สามารถขายได้ในทุกๆ 25 วินาที และขายไปมากกว่า 1 ล้าน 1 แสนผืนทั่วโลก แน่นอนว่า บุคคลผู้ทรงอิทธิพลของโลก อย่างสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร ก็สวมใส่ผ้าพันคออันเลื่องชื่อของโลกนี้ด้วยเช่นกัน รวมถึงเจ้าหญิงเกรซแห่งโมนาโก  ที่ทรงใช้ผ้าพันคอ Hermès ดามแขนแทนเฝือกใน ค.ศ. 1956 รวมถึงอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 แจ็กเกอลีน เคนเนดี โอนาสซิส ก็เคยใช้ผ้าพันคอ Hermès มาเเล้วทั้งสิ้น

ผลงานการออกแบบที่อยากกล่าวถึงอีกหนึ่งเรื่อง คือเรือนเวลาหลากดีไซน์ที่ผสมผสานการออกแบบแสนคลาสสิก กับมาตรฐานกลไกระดับนาฬิกาสวิสไว้อย่างไม่น้อยหน้าแบรนด์หรูใดๆ อยากจะยกตัวอย่างสัก 2-3 รุ่น ให้ได้ทำความรู้จักกัน เริ่มที่รุ่น Heure H โดดเด่นด้วยตัวเรือนรูปตัว H อักษรแรกของแบรนด์ มีให้เลือกทั้งแบบประดับเพชรล้อมรอบขอบตัวเรือนและแบบตัวเรือนธรรมดา หรือถ้าใครคิดว่าดูมากเกินไป รุ่น Cape Cod ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากหัวเข็มขัดของแบรนด์ ก็น่าสนใจไม่น้อย ส่วนสาวๆ ที่หลงรักและชื่นชอบในกระเป๋า Kelly ก็มีนาฬิการุ่น Kelly ให้ได้จับจองกัน แต่ที่เรียกเสียงฮือฮามากที่สุด คงหนีไม่พ้น Apple Watch ที่รวมดีไซน์สายหนังสไตล์ Hermès ใน ค.ศ. 2015 ถือว่าเป็นการจับมือระหว่างที่สุดแห่งวงการเทคโนโลยีและที่สุดแห่งวงการเครื่องหนังสุดหรูที่ไม่ต้องเลือกระหว่างความไฮเทคและความหรูหรา เพราะทั้งสองสิ่งนั้นปรากฏอยู่ในนาฬิกาเพียงเรือนเดียว

ปัจจุบัน Hermès แตกไลน์สินค้าออกไปมากมาย มีทั้งเครื่องหนังชนิดต่างๆ เน็กไท ผ้าพันคอ เสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กเล็ก น้ำหอม เครื่องประดับ นาฬิกา เครื่องเขียน รองเท้า ถุงมือ ตลอดจนเครื่องครัว จานชาม และเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ของผู้มีรสนิยม ด้วยขั้นตอนการผลิตที่ประณีตและพิถีพิถัน ทำให้แบรนด์ Hermès ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ที่สร้างรอยยิ้มและจังหวะหัวใจเต้นรัวให้กับสาวๆ ได้ เพียงแค่เห็นกล่องและถุงสีส้มอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์