มาทำความรู้จักกับเพชรยอดมงกุฎของแบรนด์แฟชั่นอังกฤษอย่าง Burberry ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมากว่า 160 ปี ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน และดีไซเนอร์คนใหม่ที่ฉายประกายความสำเร็จตั้งแต่ออกแบบซีซั่นแรก
STORY
TAWAN KONKAEW
PHOTOGRAPHY
COURTESY OF BRANDS
หากพูดถึงแบรนด์แฟชั่นที่โด่งดังที่สุดของอังกฤษ คงไม่มีแบรนด์ไหนเกินหน้า Burberry ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ควบคู่กับวัฒนธรรมการแต่งตัวของคนอังกฤษ Thomas Burberry ซึ่งในตอนนั้นมีอายุเพียง 21 ปี ได้ก่อตั้งแบรนด์ Burberry ขึ้นในปี ค.ศ. 1856 ที่กรุงลอนดอน พร้อมกับคิดค้นวัสดุอย่างผ้ากาบาร์ดีนที่สามารถกันน้ำได้ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแบรนด์ ทำให้เสื้อเทรนช์โค้ตถูกเลือกใช้เป็นเครื่องแบบของทหารอังกฤษในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 เสื้อโค้ตนี้มีเอกลักษณ์ด้วยกระดุมสองแถวยาวถึงหัวเข่า พร้อมสายคาดเอวที่ช่วยทำให้เคลื่อนไหวได้คล่องตัวและไม่รุ่มร่าม รวมถึงปกเสื้อที่ตลบขึ้นมาป้องกันละอองฝนได้อีกด้วย ด้วยการดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์และคุณสมบัติที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศของประเทศอังกฤษที่ฝนตกบ่อย ทำให้เทรนช์โค้ตได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว
แบรนด์ดำเนินกิจการต่อมาเรื่อยๆ จนถึงปี ค.ศ. 1970 จึงเริ่มตีตลาดแฟชั่นต่างๆ ด้วยสินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปของผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก เรื่อยมาจนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อ Christopher Bailey เข้ามาร่วมงานกับแบรนด์ ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2001 Christopher Bailey ได้ดำรงตำแหน่งครีเอทีฟ ไดเร็กเตอร์ ในช่วงเวลาไม่นานถัดจากนั้นเอง วิสัยทัศน์ทางการออกแบบของ Christopher Bailey ผสมผสานกับมุมมองทางธุรกิจของ Rose Marie Bravo ซีอีโอของแบรนด์ ได้ทำให้แบรนด์หรูสัญชาติอังกฤษมีกำไรอย่างมหาศาล ต่อมาในเดือนมกราคม ค.ศ. 2006 Angela Ahrendts ได้เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอของแบรนด์แทนที่ Rose Marie Bravo และเธอได้ริเริ่มตลาดออนไลน์ในสหรัฐอเมริกากับอังกฤษเมื่อปี ค.ศ. 2006 และทั่วยุโรปในปี ค.ศ. 2007 ทำให้ในปี ค.ศ. 2012 Angela Ahrendts ได้ชื่อว่าเป็นผู้บริหารที่มีรายได้สูงสุดในอังกฤษ คือราว 16.9 ล้านปอนด์ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ผู้บริหารหญิงชาวอังกฤษสามารถทำรายได้มหาศาลถึงเพียงนี้
Thomas Burberry
ซึ่งในตอนนั้นมีอายุเพียง 21 ปี
ได้ก่อตั้งแบรนด์ Burberry
ขึ้นในปีค.ศ. 1856 ที่กรุงลอนดอน
ไม่นานหลังจากนั้น Christopher Bailey ก็ขึ้นมาดำรงตำแหน่งซีอีโอแทนในปี ค.ศ. 2014 ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาควบตำแหน่งผู้บริหารและดีไซเนอร์ในเวลาเดียวกันแต่ตำแหน่งทั้งสองนั้นทำให้ในที่สุด Christopher Bailey ตัดสินใจลาออกในช่วงปลายปี ค.ศ. 2017 โดยคอลเลคชั่นส่งท้ายของเขาที่ลอนดอน สร้างเสียงตอบรับอย่างมากมายด้วยการเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศ พาเหรดเสื้อผ้าที่นำเอาแถบสีรุ้งมาผสมผสานกับลายตารางอันเป็นที่คุ้นตาของแบรนด์ ร่วมกับนายแบบนางแบบหลากหลายเชื้อชาติและบุคลิก ช่วยสะท้อนมุมมองของแบรนด์หัวก้าวหน้าอย่าง Burberry ได้เป็นอย่างดี เพราะนี่คือแบรนด์แรกที่ผลิตเสื้อที่กันน้ำ คือแบรนด์แรกที่ทำการถ่ายทอดสดแฟชั่นโชว์ออนไลน์ จึงไม่น่าแปลกใจที่เป็นแบรนด์หรูแบรนด์แรกๆ ที่ออกตัวสนับสนุนกลุ่ม LGBT ที่เป็นกระแสหลักของซีนแฟชั่นทุกวันนี้และอีกหนึ่งสิ่งที่น่าจับตามอง คือกระเป๋า Belt Bag ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากโค้ตกันฝนตัวไอค่อน กระเป๋าใบสวยที่มาพร้อมกับเข็มขัดคาด 2 สีจะต้องกลายเป็นชิ้นเด่นที่ทำกำไรได้อย่างมากมาย แม้ว่า Christopher Bailey จะลาออกไปแต่ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของแบรนด์ก็กำลังจะเริ่มขึ้นเมื่อดีไซเนอร์ชื่อดังแห่งยุคอย่าง Riccardo Tisci จาก Givenchy จะเข้ามาดำรงตำแหน่งแทน
และภาพสุดเปรี้ยวจากคอลเลคชั่น Resort 2019 ก็ปรากฏขึ้น Riccardo Tisci บอกว่า “ผมต้องการเฉลิมฉลองความงาม มรดก ตำนานของแบรนด์ ที่ผมได้พบเมื่อแรกมาถึง Burberry” ดังจะเห็นได้จากภาพชุดทั้ง 16 ลุคที่ทุกภาพถูกสื่อสารออกมาเป็นคู่ชายหญิงโพสท่าแบบไม่เห็นหน้า แต่ทุกลุคที่ดีไซน์ออกมาได้หยิบยกเอาความเรียบง่ายมาผสมผสานกับสัญลักษณ์ประจำแบรนด์ต่างๆ อย่างลายตาราง เสื้อเทรนช์โค้ต แจ็กเก็ตเย็บลาย ที่จับคู่ใหม่ให้น่าสนใจและใส่ได้จริง ให้เหมือนกับผู้คนในท้องถนนทั่วไป แต่ก็สะท้อนความหลากหลายทางเพศและไอเดียการจับคู่ที่ทั้งเหมือนและแตกต่างกัน จนได้รับกระแสตอบรับอย่างดีจากนักวิจารณ์ และเชื่อว่าทุกคนต้องรอดูโชว์ใหญ่ที่จะมากำหนดทิศทางของแบรนด์ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอย่างใจจดใจจ่อ