Fashion InsiderFlashFlash 117Number 117POWER Mag

Fashion Insider: Beyond Luxury

Piaget แบรนด์หรูสัญชาติสวิสที่มีดีทั้งในเรื่องคุณภาพ และฝีมือที่แสนประณีต STORY CHALISA VIRAVAN PHOTOGRAPHY COURTESY OF BRANDS ถ้าจะพูดถึงแบรนด์นาฬิกาหรูแดนสวิสที่มีประวัติยาวนานกว่า 140 ปีอย่าง Piaget หลายคนคงนึกถึงเรือนเวลาประดับอัญมณีล้ำค่าในดีไซน์ที่บ่งบอกถึงความเชี่ยวชาญทางศิลปะ หรือนาฬิกาแสนประณีตที่มาพร้อมตัวเรือนบางเฉียบจนทุบสถิติโลก แต่คุณรู้หรือไม่ว่า นอกจากชื่อเสียงเหล่านี้แล้ว Piaget ยังเป็นแบรนด์คุณภาพที่ทั้งออกแบบ พัฒนา และผลิตแต่ละชิ้นส่วนของนาฬิกาด้วยตัวเองในแบบ In-houseมาตั้งแต่แรกเริ่ม คอลเลคชั่นเครื่องประดับที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในเวลานี้ คือ Piaget Possession ซึ่งเน้นสีสันที่จัดจ้านและหลากหลาย จุดเริ่มต้นของ Piaget เกิดขึ้นในปีค.ศ. 1874 ณ La Côte-aux-Fées หมู่บ้านเล็กๆ ที่ตั้งอยู่เชิงเขา Jura ในสวิตเซอร์แลนด์ Georges-Edouard Piaget ได้สร้างห้องเวิร์กช็อปแห่งแรกขึ้นในฟาร์มของครอบครัว นี่เป็นที่ๆ เขาประดิษฐ์คิดค้นกลไกนาฬิกาพกขึ้น ด้วยคุณภาพงานฝีมือและความสร้างสรรค์เข้าขั้นชั้นเลิศกิจการของเขาจึงเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังในวงกว้าง จนกระทั่งถึงจุดเปลี่ยนในปีค.ศ. 1943 ที่เขาหันมาเริ่มธุรกิจนาฬิกาอย่างจริงจังในนาม “Piaget” และหลังจากนั้นเป็นต้นมา แบรนด์หรูสัญชาติสวิสแบรนด์นี้ก็ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาและเครื่องประดับที่ทรงเกียรติที่สุดในโลก ที่แม้แต่ Jackie Kennedy Onassis อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา ก็ยังเลือกสวมนาฬิกาข้อมือเรือนทองที่มีหน้าปัดทำจากหยกและประดับเพชรล้อมรอบขอบตัวเรือนของ Piaget มาแล้ว แน่นอนว่าในภาพยนตร์เรื่อง Jackie นักแสดงสาวดีกรีออสการ์ Natalie Portman ก็ไม่ลืมสวมนาฬิกาเรือนนี้เข้าฉากด้วยกลับเข้าสู่ยุคปัจจุบัน สำหรับคอลเลคชั่นเครื่องประดับที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในเวลานี้ คือ Piaget Possession ซึ่งเน้นสีสันที่จัดจ้านและหลากหลายที่มาจากเทอร์ควอยซ์ มาลาไคต์ ลาพิสลาซูลี โอนิกซ์ คาร์เนเลียน และทองคำ หินสีและแร่ล้ำค่า 6 ชนิด 6 สี ที่สะท้อนถึงบุคลิกและอารมณ์ความรู้สึกของผู้หญิงที่หลากหลายและแตกต่างกัน ความพิเศษของคอลเลคชั่น Piaget Possession นี้ยังอยู่ที่การร่วมมือกันระหว่าง Piaget กับ Olivia Palermo เซเลบริตี้สาวผู้ช่ำชองด้านแฟชั่นจนกลายเป็นสไตล์ไอคอนของสาวๆ ทั่วโลก รวมทั้งเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ให้กับ Piaget มาแล้วกว่า 2 ปี ซึ่งสำหรับ Olivia Palermo แล้ว สีสันคือความสนุกของชีวิตเธอเลยทีเดียว Piaget ยังมีชื่อเสียงและเป็นตัวเลือกในอันดับต้นๆ ของเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดังอย่างในเทศกาลภาพยนตร์ Cannes Film Festival ครั้งที่ 70 “สีสันเป็นสิ่งที่เพิ่มความสนุกสนานให้กับชีวิตของฉัน ฉันชอบที่คอลเลคชั่นนี้มีสีสันเข้ามาเกี่ยวข้อง ฉันคิดว่า คอลเลคชั่นนี้แสดงให้เห็นว่าผู้หญิงสามารถแต่งตัวได้หลากสไตล์ และเครื่องประดับนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้สวมใส่” Olivia Palermo กล่าว นอกจากนั้น Piaget ยังมีชื่อเสียงและเป็นตัวเลือกในอันดับต้นๆ ของเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดัง อย่างในเทศกาลภาพยนตร์ Cannes Film Festival ครั้งที่ 70 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่นาน สาวๆ คนดังที่เราคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะเป็น Naomi Campbell, Coco Rocha, Jessica Chastain, Olga Kurylenko และ Maria João Bastos ต่างก็เฉิดฉายกลางพรมแดงด้วยเครื่องประดับและอัญมณีเลอค่าจาก Piaget จะว่าไปแล้ว Piaget เพิ่งเริ่มสร้างสรรค์เครื่องประดับขึ้นในช่วงทศวรรษ 1950-1960 นี่เอง หลังมุ่งเน้นพัฒนาและประดิษฐ์เรือนเวลามากว่า 80 ปี แต่ถึงจะมาทีหลังก็ไม่ได้มาเล่นๆ เพราะตอนนี้ Piaget มีโรงงานผลิตเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในมหานครเจนีวา แถมเพชรที่นำมาใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานยังได้รับการคัดสรรทั้งในเรื่องของสีและความบริสุทธิ์ที่ต้องอยู่ในระดับดีที่สุดเท่านั้น สำหรับใครที่คิดว่าแบรนด์หรูอย่าง…
Editor
21 December 2017
FlashFlash 117Number 117POWER MagWhat’s New

What’s New Watches

RETRO EFFECT กระแสเรโทรไม่มีเค้าว่าจะแผ่วลงเลยสักนิด ไม่เว้นแม้แต่แวดวงนาฬิกา ที่ลุคเรโทรครองตลาดมาได้ระยะใหญ่ๆ แล้ว ทั้งนับวันก็ยิ่งมัดใจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่รวมถึงสาวๆ ให้ใหลหลงจนดิ้นไม่หลุด ไม่เชื่อก็ดูตัวอย่าง 3 เรือนนี้ STORY SOMPOL MINGKHUAN PHOTOGRAPHY COURTESY OF BRANDS BREGUET Tradition GMT 7067 จากสุดยอดแบรนด์ Breguet ในตัวเรือนทองขาว 18K ขนาด 40.0 มิลลิเมตร สะดุดทุกสายตาด้วยพื้นหน้าปัดเปิดให้เห็นกลไกทำงานที่จำลองรูปลักษณ์มาจากนาฬิกาพกเมื่อกว่า 200 ปีก่อนได้อย่างงดงาม แสดงเวลาของ 2 ประเทศพร้อมกันผ่าน 2 หน้าปัดย่อย พร้อมการแสดงกลางวัน-กลางคืนจากการทำงานของกลไกไขลานที่สร้างสรรค์อย่างประณีต สามารถสำรองพลังงานได้นาน 50 ชั่วโมง OMEGA เพราะความนิยมเรือนเวลาหน้าตาย้อนยุคนั้นไม่จำกัดเฉพาะชายหนุ่ม Omega จึงส่งนาฬิกาสปอร์ตเรือนสวย Speedmaster Co-Axial Chronograph 38MM ออกมาเอาใจสาวๆ ด้วยตัวเรือนสองกษัตริย์ สเตนเลสสตีลสลับทอง 18K ขนาด 38.0 มิลลิเมตร สะอาดตาด้วยพื้นหน้าปัดสีขาว เติมสีสันให้น่าสนใจด้วยขอบตัวเรือนและสายหนังจระเข้สีเขียว บอกและจับเวลาอย่างเที่ยงตรงแม่นยำระดับโครโนมิเตอร์ด้วยการทำงานของกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติพร้อม “Co-Axial Escapement” BREITLING Breitling ฉลองแซยิดให้คอลเลคชั่นนาฬิกาดำน้ำ Superocean ในปีนี้ ด้วย Superocean Héritage II Chronographe 46 นาฬิกาจับเวลาเรือนสเตนเลสสตี ขนาด 46.0 มิลลิเมตร พร้อมขอบตัวเรือนกำหนดเวลาดำน้ำแบบหมุนได้ทิศทางเดียวที่ใช้สีน้ำตาลช็อกโกแลต รับกันเป็นอย่างดีกับสีพื้นหน้าปัดและสายหนังวัวเนื้อนุ่ม บอกและจับเวลาได้อย่างเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ด้วยกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติ Cal.13 พร้อมความสามารถในการกันน้ำได้ลึก 200 เมตร IN STYLE ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงแล้วย่อมมีอารมณ์ที่หลากหลาย เรือนเวลาที่ซื้อหามาสลับใช้งาน ตามโอกาสที่แตกต่างนั้นจึงมีมากมาย เรียกได้ว่าไม่ว่าอารมณ์ไหน สาวๆ ก็เพริศแพร้วได้เสมอ ROGER DUBUIS ความเนี้ยบหรูสำหรับสตรีที่ดูเรียบง่าย แต่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจาก Roger Dubuis กับความงามของ Velvet ในเรือนทองขาว 18K ขนาด 36.0 มิลลิเมตร ที่บรรจุกลไก In-house แบบอัตโนมัติ Cal.RD 821 ไว้ใต้ฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ เพื่ออวดการทำงานและการขัดแต่งอันแสนประณีต เพิ่มคุณค่าด้วยเพชรน้ำงามที่ล้อมบนขอบตัวเรือนชั้นใน ผลงานแสนสวยนี้ได้รับการรับรองมาตรฐานความเนี้ยบและความยอดเยี่ยมด้วยตราประทับ “Geneva Seal” ที่ออกให้โดยสภาเมืองเจนีวา IWC อีกหนึ่งแบรนด์คุณภาพ IWC เอาใจสาวสวยด้วยเรือนเวลาสไตล์หรูคลาสสิก Da Vinci Automatic 36 ที่เหมาะจะคาดติดข้อมือหญิงสาวในทุกโอกาส ด้วยตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 36.0 มิลลิเมตร พร้อมสายสเตนเลสสตีลข้อละเอียดที่หรูหราในทุกมุมมอง เสริมเสน่ห์ด้วยหลักชั่วโมงและเข็มชี้สีทอง บอกเวลาเป็นชั่วโมง นาที และวินาที พร้อมการแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ด้วยกลไกอัตโนมัติที่บรรจุไว้ใต้ฝาหลังที่สลักลวดลายอย่างงดงาม กันน้ำได้ลึก 30 เมตร BREITLING สไตล์สปอร์ตสำหรับหญิงสาวจาก Breitling กับการผสมผสานความกระฉับกระเฉงเข้าไว้ด้วยกันกับความหรูหราได้อย่างน่ามอง Galactic 32 คือความเท่บนข้อมือด้วยตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาดกะทัดรัด 32.0 มิลลิเมตร กันน้ำได้ลึก 100 เมตร พร้อมขอบตัวเรือนดำน้ำแบบหมุนได้ทิศทางเดียว แสดงเวลาอย่างเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์ผ่านพื้นหน้าปัดเปลือกหอยมุกด้วยเครื่อง “SuperQuartz™” อ่านค่าได้อย่างชัดเจนด้วยเข็มชี้และมาร์คเกอร์ขนาดใหญ่ที่เคลือบด้วยสารเรืองแสง GOLD…
Editor
21 December 2017
FlashFlash 117Number 117POWER MagWhat’s New

What’s New Grooming

A WHIFF OF STYLE น้ำหอม 4 กลิ่นใหม่ที่ ผู้ชายทุกคนต้องลอง STORY PILAN SRIVEERAKUL PHOTOGRAPHY COURTESY OF BRANDS A METRO MANIA สะท้อนความเป็นเมโทรแมนด้วยกลิ่นหอมบ่งบอกสไตล์แห่งความเป็นแฟชั่นนิสต้าตัวจริง ด้วยเลเยอร์กลิ่นที่ลุ่มลึกของอำพัน และดอกไอริสที่นุ่มนวล แต่สดชื่น ตัดกับกลิ่นหนังเท่ๆ และใบแพตชูลี่ ได้กลิ่นหอมสุดชิคสำหรับเมโทรแมนทุกคนPRADA L’HOMME INTENSE EDP (50ML 2,400 BAHT / 100ML 3,300 BAHT) A POSITIVE THINKER สะท้อนบุคลิกหนุ่มอารมณ์ดี ด้วยกลิ่นหอมสดชื่นจากขิง ตัดกับความนุ่มละมุนอบอุ่นจากไม้หอม ในแนวกลิ่นโอเรียนทัลPACO RABANNE PURE EXCESS POUR HOMME EDT (50ML 2,000 BAHT / 100ML 2,700 BAHT) A WARM-HEARTED MAN มอบความหอมอบอุ่น ด้วยกลิ่นของขิง และ Green Cardamom ตัดกับกลิ่นหนังแมนๆ และความนุ่มนวลของวานิลลาHUGO BOSS BOSS THE SCENT INTENSE FOR HIM EDP (100ML 3,500 BAHT) MR. NICE GUY มอบสัมผัสกลิ่นสดชื่น โปร่งเบา ด้วยเลมอน ไวโอเล็ตลีฟ และการ์ดามอน ตัดกับความขมกลมกล่อมของเมล็ดกาแฟ เพื่อสร้างบุคลิกสบายๆ เป็นกันเอง เข้าถึงง่าย ให้กับผู้ชายทุกคนที่ห่มกลิ่นนี้SALVATORE FERRAGAMO UOMO CASUAL LIFE EDT (50ML 2,635 BAHT / 100ML 3,655 BAHT)*ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้า โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
Editor
21 December 2017
HappeningHappening 117Number 117POWER Mag

The Greatest King: The Country’s Source of Life

THE COUNTRY'S SOURCE OF LIFE จากพระราชปณิธานที่จะบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพสกนิกรทั่วทุกพื้นที่บนแผ่นดินไทย ตลอด 70 ปีที่ทรงครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงริเริ่มโครงการในพระราชดำริ มากกว่า 4,000 โครงการ โดยในจำนวนนี้เป็นงานพัฒนาแหล่งน้ำและการชลประทานมากถึงกว่า 2,000 โครงการ จากการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรนับตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์ ทำให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงตระหนักว่าภัยแล้งและน้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภคเป็นปัญหาที่รุนแรงและสำคัญที่สุด การจัดการทรัพยากรน้ำและการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถทำการเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี จึงนับเป็นงานสำคัญและมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศซึ่งทำอาชีพกสิกรรม โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่เกิดจากแนวพระราชดำริเป็นลำดับแรก คือโครงการอ่างเก็บน้ำเขาเต่า อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน พ.ศ. 2505 ขณะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรที่หมู่บ้านเขาเต่า ทรงพบว่าราษฎรในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเล ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจืด ทั้งสำหรับการอุปโภคบริโภคและการเพาะปลูก จึงมีพระราชประสงค์ที่จะทรงช่วยเหลือโดยจัดให้มีแหล่งน้ำด้วยการสร้างเขื่อนดินปิดกั้นน้ำทะเล ไม่ให้ไหลเข้ามาตามคลอง และเพื่อกักเก็บน้ำฝนมิให้ไหลลงสู่ทะเล ทำให้เกิดเป็นอ่างเก็บน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ อ่างเก็บน้ำเขาเต่าเริ่มก่อสร้างในปีพ.ศ. 2506 แล้วเสร็จในปีเดียวกัน เป็นเขื่อนดินที่มีความจุประมาณ 600,000 ลูกบาศก์เมตร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 300 ไร่ ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆ ทำให้ทรงทราบถึงปัญหาขาดแคลนน้ำที่มักเกิดขึ้นในท้องถิ่นทุรกันดาร จึงทรงทุ่มเทพระราชหฤทัยในงานด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ เพราะทรงมีความเชื่อมั่นว่า “น้ำคือชีวิต” ดังพระราชดำรัสที่พระราชทาน ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2529 ความตอนหนึ่งว่า “...หลักสำคัญว่าต้องมีน้ำบริโภค น้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราะว่าชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำ คนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้า คนอยู่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้า ไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้...”อีกทั้งเมื่อใดที่สามารถแก้ไขหรือบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องน้ำได้ เมื่อนั้นราษฎรย่อมมีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาชนบทในด้านต่างๆ ได้ ด้วยเหตุนี้ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำตามแนวพระราชดำริจึงได้เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อมุ่งขจัดปัญหาความแห้งแล้งอันเนื่องมาจากสภาพของป่าไม้ต้นน้ำเสื่อมโทรม ลักษณะดินเป็นดินปนทราย หรือการขาดแหล่งน้ำจืด โดยมีหลักสำคัญคือ การพัฒนาแหล่งน้ำให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศในแต่ละท้องที่ และยังจะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในด้านเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่น หลีกเลี่ยงการเข้าไปสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้กับคนกลุ่มหนึ่ง และสร้างประโยชน์ให้กับคนอีกกลุ่มหนึ่งอีกด้วย การพัฒนาแหล่งน้ำตามแนวพระราชดำริในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่เพียงเป็นไปเพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภคเท่านั้น ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันมากล้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานแนวทางพัฒนาแหล่งน้ำในอีกหลายด้าน ทั้งเพื่อการอนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำลำธาร เพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ การระบายน้ำออกจากที่ลุ่ม การป้องกันและบรรเทาน้ำท่วม รวมถึงการบรรเทาน้ำเสีย โดยมีโครงการซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี เช่น เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ “คลองลัดโพธิ์” จังหวัดสมุทรปราการ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงอุทิศพระองค์ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจใหญ่น้อยเพื่อสร้างความสุขที่ยั่งยืนให้กับพสกนิกรที่อยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารมาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ สิ่งนี้นับเป็นเครื่องยืนยันความตอนหนึ่งในพระราชหัตถเลขาที่ทรงมีไปถึงพระสหายในต่างประเทศภายหลังเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ ที่ว่า “...ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้ คือการได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยทั้งปวง” อย่างแท้จริง
Editor
21 December 2017
BeautyBeauty 117Beauty TrendNumber 117POWER MagTrend

Beauty Trend: Killer Lips

พบกับเทรนด์สีและเท็กซ์เจอร์ของลิปสติกประจำซีซั่นที่มาแรงสุดๆ ในขณะนี้ รับประกันความโดดเด่นสะกดทุกสายตา…ใครพร้อม ใครสู้ ตามมา
Editor
21 December 2017
BeautyBeauty 117Number 117POWER Mag

Beauty Insider: 6 Best Anti-Ageing Products

พบกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 6 ชิ้นสำคัญ ที่ถือเป็นบิวตี้รูทีนพื้นฐาน เพื่อคงความสดใสอ่อนเยาว์ตราบนานเท่านานให้กับผิวของคุณ
Editor
21 December 2017
BeautyBeauty 117Number 117POWER Mag

Grooming Story: 7 Commandments for Oily Skin

7 COMMANDMENTS FOR OILY SKIN ผิวมัน รูขุมขนกว้าง เป็นสิว คือปัญหาคลาสสิกสำหรับผู้ชาย ซึ่งส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจผิดๆ ในการจัดการกับปัญหาผิวมัน FASHION EDITOR SANSHAI JIRAT SUBPISANKUL PHOTOGRAPHER ONG-ON UPA-IN STORY PILAN SRIVEERAKUL การแก้ปัญหาผิวมันของหนุ่มๆ ส่วนใหญ่ นอกจากจะไม่ช่วยให้ความมันลดลงแล้ว ยังอาจไปกระตุ้นให้เกิดปัญหาสิวอักเสบเรื้อรังตามมา ทิ้งแผลเป็นและรอยดำไว้ให้ดูต่างหน้า จนหมดความมั่นใจ ฉะนั้นถ้าไม่อยากหมดหล่อ จึงควรทำความเข้าใจเรื่องผิวมันกันเสียใหม่ และนี่คือ 7 สิ่งที่คุณควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด 1. CLEANSE YOUR FACE TWICE A DAY ล้างหน้าให้สะอาดเพียงวันละ 2 ครั้งในตอนเช้าและก่อนนอนก็พอ หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า การล้างหน้าด้วยเคลนเซอร์บ่อยๆ จะช่วยให้ผิวมันน้อยลง ซึ่งผิดถนัด เพราะยิ่งผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ก็จะยิ่งเร่งผลิตน้ำมันขึ้นมาเคลือบผิวมากขึ้น การล้างหน้าบ่อยๆ จึงไม่ใช่ทางออก ในระหว่างวันหากหน้ามัน ให้ใชน้ำเปล่าล้างหน้าหรือฉีดสเปรย์น้ำแร่ไปบนผิว แล้วซับออก จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นโดยไม่ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น 2. AVOID HARSH CLEANSER หลีกเลี่ยงเคลนเซอร์ทำความสะอาดผิวที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์รุนแรง หรือมีฟองมากเกินไป จนทำให้ผิวรู้สึกแห้งตึงหลังล้างหน้า เพราะผิวที่แห้งตึงไม่ได้แปลว่าต่อมไขมันจะผลิตน้ำมันลดลง ในทางกลับกันเมื่อลิพิด (Lipid) บนผิว ถูกขจัดออกไปจนไม่เหลือฟิล์มเคลือบผิวเพื่อคงสมดุลความชุ่มชื้น ผิวจะยิ่งเร่งสร้างน้ำมันออกมาเพื่อปกป้องผิว ทำให้ผิวมันมากขึ้นกว่าเดิม แนะนำให้เลือกใช้เคลนเซอร์สูตรเนื้อเจลที่มีปริมาณฟองพอเหมาะและมีค่า PH ที่ใกล้เคียงกับผิว เคลนเซอร์ที่ดีเมื่อล้างหน้าเสร็จจะช่วยเคลือบคงความชุ่มชื้นเอาไว้บนผิว สังเกตได้จากหลังล้างหน้าแล้ว ผิวจะยังคงความลื่นเหมือนมีฟิล์มเคลือบผิว 3. PICK THE RIGHT INGREDIENTS มองหาสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide, Salicylic Acid, Glycolic Acid หรือ Beta Hydroxy Acid ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์เพื่อเผยผิวใหม่ ช่วยลดปัญหาการอุดตันในรูขุมขน และช่วยลดความมันส่วนเกิน สำหรับคนผิวมัน ให้เลือกใช้กันแดดที่เป็นสูตรออยล์ฟรี ในรูปของโลชั่น หรือมิลกี้โลชั่น ซึ่งเป็นสูตรที่บางเบา ซึมซาบเร็ว และไม่ทำให้ผิวมันเหนอะหนะ 4. USE FACE MASK OR CLAY MASK การพอกหน้าด้วยมาสก์ หรือโคลนพอกหน้าที่มีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก พร้อมกระชับรูขุมขนและดูดซับความมันส่วนเกิน ถือเป็นหนึ่งกิจวัตรในการดูแลผิวที่ผู้ชายผิวมันทุกคนควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง 5. ALWAYS MOISTURISE YOUR SKIN ไม่ว่าจะผิวมันแค่ไหน ก็ควรทามอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวเป็นประจำ เพราะความมันกับความชุ่มชื้นเป็นคนละเรื่องกัน ต่อให้ผิวมันแค่ไหน ก็สามารถขาดความชุ่มชื้นได้เหมือนผิวแห้ง หากเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือเจอสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง จนทำให้สูญเสียน้ำและขาดความชุ่มชื้น ถ้าไม่ชอบความเหนอะหนะ ให้เลือกมอยส์เจอไรเซอร์สูตรน้ำหรือโลชั่นบางเบา ที่สามารถซึมสู่ผิวอย่างรวดเร็ว บำรุงผิวเป็นประจำหลังล้างหน้าทุกเช้าและก่อนนอน 6. USE ONLY SKINCARE ESSENTIALS ใช้สกินแคร์บำรุงผิวเท่าที่จำเป็นและเลือกใช้สูตรสำหรับผิวมันเท่านั้น พยายามมองหาสกินแคร์สูตรที่เป็นเซรั่ม โลชั่นน้ำ หรือไม่ก็เนื้อเจล หลีกเลี่ยงสกินแคร์ที่มีเนื้อเหนียวข้น ไม่ควรเลเยอร์สกินแคร์มากเกินไป โดยเฉพาะในตอนเช้าและช่วงซัมเมอร์ที่อากาศร้อนอบอ้าว เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น และอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองและการอุดตันจนเกิดปัญหาสิวตามมา 7. WEAR OIL-FREE SUNSCREEN ส่วนใหญ่ผู้ชายที่มีผิวมันมักจะกลัวครีมกันแดดจนหลอน เพราะรู้สึกว่าทาแล้วหน้ามันยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งบางคนยังรู้สึกว่าทำให้เกิดการอุดตันจนเกิดสิว แต่ครีมกันแดดถือเป็นแอนไทเอจจิ้งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ทุกคนควรทาเป็นประจำทุกวันก่อนออกจากบ้าน ถ้าไม่อยากให้ริ้วรอยมาเยือนก่อนวัยอันควร…
Editor
21 December 2017