FlashFlash 120New ItemsNumber 120

New Items: Fragrance Update

คิง เพาเวอร์ คัดสรรน้ำหอมกลิ่นใหม่ล่าสุดจากหลากหลายแบรนด์ชั้นนำมาให้คุณเติมเต็มเสน่ห์ความหอมใหม่ตลอดฤดูกาลนี้
Editor
26 February 2018
FlashFlash 120Number 120What’s New

What’s New Watches

NOT JUST TELLING TIME ถ้าแค่ต้องการรู้เวลาน่ะเหรอ เหลือบตาดูมือถือหรือหน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ได้ แต่หากอยากได้บุคลิกที่ไม่ธรรมดาที่ทำให้ใครต่อใครประทับใจล่ะก็ นาฬิกาข้อมือคือคำตอบ อีกทั้งที่เลือกมาครั้งนี้ยังมีฟังก์ชั่นดีๆ อื่นๆ เสริมมาด้วย STORY: SOMPOL MINGKHUAN PHOTOGRAPHY: COURTESY OF BRANDS JAEGER-LECOULTRE ผลงานจาก Jaeger-LeCoultre ไม่เคยธรรมดา Master Tourbillon Dualtime เรือนทองชมพู 18K ขนาด 41.5 มิลลิเมตรนี้ คือข้อพิสูจน์ เพราะนอกจากจะเลอเลิศด้วยการทำงานของกลไกอัตโนมัติ พร้อมจักรกลทูร์บิญองที่อวดการหมุนตัวอยู่ที่ 6 นาฬิกาแล้ว ยังแสดงเวลาของไทม์โซนที่ 2 ในแบบ 24 ชั่วโมงที่ 12 นาฬิกา และแสดงวันที่ผ่านสเกลรอบขอบหน้าปัดด้วยกรุฝาหลังตัวเรือนด้วยแผ่นคริสตัลแซฟไฟร์ เพื่ออวดการแกว่งตัวขึ้นลานของโรเตอร์ทอง 22K IWC แค่สีน้ำเงินเหลือบตามมุมแสงตกของพื้นหน้าปัดที่ตัดกับตัวเรือนขนาด 43.0 มิลลิเมตร และสายสเตนเลสสตีลก็เฉียบแล้ว แต่ Pilot’s Watch Chronograph Edition “Le Petit Prince” เรือนนี้ยังทรงประสิทธิภาพทั้งการบอกและจับเวลาด้วยกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติชั้นยอด สามารถป้องกันสนามแม่เหล็กได้ดี ทั้งยังเท่กว่าใครด้วยฝาหลังที่สลักรูป “เจ้าชายน้อย” จากยอดวรรณกรรมเยาวชนของโลก ซึ่ง IWC ผลิตนาฬิการุ่นพิเศษ เพื่อรำลึกถึงมานานต่อเนื่องหลายปี MONTBLANC แบรนด์ดังอายุกว่าศตวรรษ Montblanc ส่งนาฬิกาคุณภาพเยี่ยมมาให้เลือกใช้งาน Heritage Chronométrie Automatic เรือนเวลาหน้าตาแอบย้อนยุคที่จับตาด้วยพื้นหน้าปัดสีน้ำเงินในตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 40.0 มิลลิเมตรซึ่งซ่อนกลไกอัตโนมัติไว้ข้างใน แสดงเวลาเป็นชั่วโมง นาที และวินาที ด้วยชุดเข็มจากกึ่งกลางหน้าปัด พร้อมการแสดงวันที่ผ่านช่องหน้าต่างที่ 6 นาฬิกา รับประกันคุณภาพตามมาตรฐาน FEMININE TACTICS เสน่ห์ของผู้หญิงอยู่ที่ความฉลาดอย่างมีชั้นเชิงซึ่งชวนให้น่าค้นหา รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ คือตัวตนของแต่ละคน ที่ไม่อาจมองข้าม และหากเผลอไผลพิจารณานานพอ รับรองว่าหนุ่มๆ ได้หลงรักหัวปักหัวปำได้เลยทีเดียว CHOPARD เสน่ห์ “เพชรกลิ้ง” คือเอกลักษณ์ของ Chopard ที่สาวๆ ทั่วโลกหลงใหล และผลงานล่าสุด Happy Dreams ที่เผยโฉมเพื่อฉลองอายุ 40 ปี ของคอลเลคชั่น “Happy Diamonds” นี้ ก็ยิ่งบาดใจด้วยเพชรต่างขนาด 15 เม็ดที่เคลื่อนตัวอย่างร่าเริงไปบนพื้นหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาวเรืองรองในตัวเรือนทองกุหลาบ 18K ขนาด 37.7 มิลลิเมตร ที่ล้อมขอบเรือนและประดับรอบกรอบหน้าปัดชั้นในและบนเข็มขัดสายด้วยเพชรน้ำงาม ทั้งหมดนี้รวมน้ำหนักเพชรถึง 5.01 กะรัตเลยทีเดียว JAEGER-LECOULTRE มนตร์สะกดใจสาวๆ จาก Jaeger-LeCoultre กับคู่สีสวยๆ ของ Rendez-Vous Night & Day ที่ตัดตัวเรือนทองชมพู 18K ขนาด 34.0 มิลลิเมตรด้วยสีเทาแอนทราไซต์ของทั้งพื้นหน้าปัดและสายหนังจระเข้ ก่อนจะล้อมขอบเรือนด้วยเพชรเม็ดงาม 60 เม็ด รวมน้ำหนัก 0.69 กะรัต เสริมเสน่ห์ด้วยการแสดงกลางวัน-กลางคืนผ่านช่องหน้าต่างที่เจาะไว้เหนือตำแหน่ง 6 นาฬิกาอย่างเก๋ไก๋ ทั้งหมดนี้ควบคุมด้วยกลไกอัตโนมัติที่อวดการทำงานผ่านฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ BREGUET Classique 9068 จากยอดแบรนด์ Breguet นี้แม้จะดูเรียบง่าย แต่มีรายละเอียดมากมาย ทั้งพื้นหน้าปัดทองเคลือบสีเงินที่สลักลวดลายด้วยมือตามเทคนิคโบราณ เข็มชี้ดีไซน์ดั้งเดิมกว่า 200 ปี อีกทั้งยังผลิตจากสเตนเลสสตีลที่เผาจนเป็นสีน้ำเงินสด ขอบข้างตัวเรือนทองกุหลาบ 18K ขนาด 33.5 มิลลิเมตรที่เซาะลายร่องในแนวตั้งรอบเรือน…
Editor
26 February 2018
FlashFlash 120Number 120What’s New

What’s New Grooming

DAY OF LOVE ต้อนรับวันวาเลนไทน์ที่ใกล้จะมาถึง ด้วยน้ำหอมและผลิตภัณฑ์บำรุง เพื่อผู้ชายที่ใส่ใจดูแลตัวเองให้พร้อมสำหรับการออกเดตในค่ำคืนพิเศษนี้ STORY PILAN SRIVEERAKUL • PHOTOGRAPHY COURTESY OF BRANDS SKIN MASTER FOR MEN ARMANI MEN: MASTER CLEANSER (150ML 1,635 BAHT), MASTER LOTION AND PERFECT MASTER (1 SET 6,120 BAHT), AGE MASTER (50ML 7,455 BAHT) 4 ขั้นตอนสำคัญแห่งการดูแลผิวชายหนุ่ม กับคอลเลคชั่นใหม่จาก Armani Men ในขวดดีไซน์สุดเท่ที่มาพร้อมกลิ่นหอมสะอาด เริ่มจาก “Master Cleanser” โฟมล้างหน้าทำความสะอาดผิว ช่วยขจัดความมันและสิ่งสกปรกตกค้างอย่างล้ำลึก “Master Lotion” โลชั่นมอบความชุ่มชื้นผิวสูตรปราศจากแอลกอฮอล์ “Perfect Master” ฟลูอิดเนื้อบางเบาที่โดดเด่นด้วย 7 ประสิทธิภาพแห่งการดูแลผิวในขวดเดียว และ “Age Master” ครีมฟื้นบำรุงผิวเพื่อชะลอริ้วรอยให้ดูลดเลือนลงด้วยสัมผัสเนื้อบางเบา ซึมซาบเร็ว ไม่เหนอะหนะ MEN IN BLACK MY BURBERRY BLACK (50ML 2,870 BAHT) สัมผัสกลิ่นหอมอบอุ่นอ่อนโยนแบบเจนเทิลแมนอารมณ์ดี กับน้ำหอม My Burberry Black ที่มอบสัมผัสกลิ่นนุ่มนวลจากดอกจัสมิน และความหวานจากผลลูกพีช ตัดกับความนุ่มนวลอบอุ่นของแอมเบอร์และใบแพตชูลี ฉีดแล้วดูเป็นหนุ่มหล่อ สะอาด นิสัยดี เฟรนด์ลี่สุดๆ SCENTS OF LONDON JO MALONE LONDON: LIME BASIL & MANDARIN, WOOD SAGE & SEA SALT, BLACK CEDARWOOD & JUNIPER (30ML 2,210 BAHT /100ML 4,420 BAHT), MYRRH & TONKA (50ML 3,910 BAHT / 100ML 5,910 BAHT) ถ้าคุณยังใหม่และไม่คุ้นเคยกับ Jo Malone London เราขอแนะนำให้คุณลองเริ่มห่มกลิ่นหอมมีสไตล์ในแบบฉบับของหนุ่มอังกฤษสุดเนี้ยบกับ 4 กลิ่นนี้ ได้แก่ Lime Basil & Mandarin, Wood Sage & Sea Salt, Black Cedarwood & Juniper และ Myrrh & Tonka *ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาสินค้า โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
Editor
26 February 2018
FlashFlash 120Number 120What’s New

What’s New Beauty

HEART'S DESIRE พบกับบิวตี้ไอเท็มชิ้นเด็ด ที่จะช่วยให้คุณสวยสะดุดตา กว่าใครๆ ในช่วงวันวาเลนไทน์ที่ใกล้จะมาถึงนี้ STORY PILAN SRIVEERAKUL • PHOTOGRAPHY COURTESY OF BRANDS SCENTS OF LOVE PRADA OLFACTORIES EDP (100ML 9,100 BAHT / *RECEIVE A COMPLIMENTARY PRADA OLFACTORIES CARGO DE NUIT MINIATURE 10ML WITH PURCHASE OF ANY OLFACTORIES FRAGRANCE)สัมผัสประสบการณ์ความหอมใหม่จาก Prada Olfactories คอลเลคชั่นน้ำหอม 10 กลิ่นสุดหรูล่าสุดจาก Prada ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์กลิ่นหอมจากจินตนาการแห่งฝันให้กลายเป็นความจริง โดดเด่นด้วยดีไซน์ขวดเรียบเท่ พร้อมถุงผ้าไหมลวดลายกราฟิก เอกลักษณ์จาก House of Prada ที่มีลวดลายแตกต่างกันทั้ง 10 กลิ่น กลิ่นหอมสุดลักชัวรี่นี้สร้างสรรค์ขึ้นมาโดยฉีกกฎเกณฑ์เดิมๆ ในการปรุงแต่งกลิ่น เพื่อให้ได้ความหอมแบบยูนิเซ็กซ์อันเป็นเอกลักษณ์ BE MY VALENTINE (FROM LEFT) • GIORGIO ARMANI ECSTASY SHINE LIPSTICK (1,445 BAHT / *AVAILABLE IN 16 SHADES) • LAURA MERCIER FACE ILLUMINATOR IN INDISCRETION (1,275 BAHT) • URBAN DECAY NAKED SKIN SHAPESHIFTER (1,660 BAHT) • BENEFIT BROW ZINGS (1,140 BAHT / *AVAILABLE IN 3 SHADES) • JO MALONE BODY & HAND LOTION (230ML 2,550 BAHT)5 ไอเท็มชิ้นเด็ดที่จะช่วยให้คุณดูสวยเพอร์เฟ็กต์ในวันวาเลนไทน์ Giorgio Armani Ecstasy Shine Lipstick ลิปสติกเนื้อครีมเนียนนุ่ม บำรุงความชุ่มชื้น ริมฝีปากราวลิปบาล์ม แต่ให้สีสดชัดในการทาเพียงครั้งเดียว Laura Mercier Face Illuminator สี Indiscretion อิลลูมิเนเตอร์เพิ่มประกายผิวให้ดูสว่างกระจ่างใส มีอณูชิมเมอร์ละเอียดระดับไมโคร ช่วยให้ได้ลุคผิวดูฉ่ำน้ำ โดยไม่ทำให้ใบหน้าดูบวมหรือดูวิบวับเกินงาม Urban Decay Naked Skin Shapeshifter พาเลตต์ไฮไลต์และเฉดดิ้งทั้งเนื้อครีมและฝุ่นในตลับเดียว เพื่อใบหน้าที่ได้รูปทรงสมบูรณ์แบบ Benefit Brow Zings พาเล็ตต์แต่งคิ้วที่มาพร้อมอุปกรณ์ครบเซ็ต ทั้งคีมสำหรับจัดแต่งรูปคิ้ว แว็กซ์และพาวเดอร์สำหรับเขียนคิ้ว แปรงหัวตัดสำหรับทาแว็กซ์ แปรงหัวมนสำหรับลงพาวเดอร์ และกระจก Jo Malone Body & Hand…
Editor
26 February 2018
FlashFlash 120Number 120What’s New

What’s New Fashion

เครื่องประดับชิ้นเด็ด ที่จะมาทำให้วันพิเศษอย่าง ช่วงเทศกาลตรุษจีน และวาเลนไทน์ของสาวๆ ดูสดใสและเปี่ยมไปด้วยสไตล์
Editor
26 February 2018
Fashion InsiderFlashFlash 120Number 120

Fashion Insider: Beyond the Dreams

นับตั้งแต่ Alessandro Michele ก้าวขึ้นมาเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ให้กับแบรนด์ Gucci ความฮ็อตฮิตของแบรนด์ก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุด และเช่นกันกับรีสอร์ทคอลเลคชั่น 2018 นี้ ที่แรงบันดาลใจจากธรรมชาติและวัฒนธรรมอิตาลี ได้ก่อให้เกิดคอลเลคชั่นสุดสวยงามอีกครั้ง STORY TAWAN KONKAEW PHOTOGRAPHY COURTESY OF BRANDS ความชื่นชอบและจิตวิญญาณอันมั่นคงต่อความเป็นอิตาลีของ Alessandro Michele นั้น เริ่มมาจากการกำเนิดเป็นคนกรุงโรม และศึกษาที่ Accademia di Costume e di Moda ทำให้เขาซึมซับความรุ่งโรจน์ของชาติพันธุ์ไว้อย่างเต็มที่ โดยเขาเริ่มทำงานที่แบรนด์ Fendi ก่อนที่จะย้ายมาทำงานให้กับ Gucci ในค.ศ. 2002 จากนั้นในค.ศ. 2006 ได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้าแผนกออกแบบเครื่องหนังอันเป็นหน่วยงานที่ทำกำไรหลักให้กับแบรนด์ ต่อมาในค.ศ. 2014 คนทั้งโลกต้องหันมามองที่เขา เมื่อเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของแบรนด์ Gucci ด้วยมุมมอง ในการออกแบบที่นำความหรูหราฟู่ฟ่า แต่ทว่ามีความเป็นศิลปินอยู่สูง เข้ามาล้างภาพลักษณ์เก่าของแบรนด์ ทำให้แบรนด์นั้นประสบความสำเร็จทั้งทางด้านยอดขายและเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสื่อมวลชนอย่างถล่มทลาย เปิดโอกาสให้เขาได้ทดลองและนำเสนอมุมมองใหม่ๆ ในแบบที่ Gucci ไม่เคยทำมาก่อนและครั้งนี้เขาได้จัดแฟชั่นโชว์ล่าสุดขึ้นที่เมืองฟลอเรนซ์ซึ่งการเลือกสถานที่นั้นมีนัยสำคัญซ่อนอยู่ “เมื่อเรานึกถึงยุคเรเนสซองส์ เราจึงตัดสินใจมาที่ฟลอเรนซ์ ที่ซึ่งเป็นศูนย์รวมของความเจริญทุกอย่างในอดีต ด้วยพลังของเงินที่สนับสนุนความก้าวหน้าทางศิลปวิทยาการ” นี่คือเหตุผลที่เขาตัดสินใจเลือกฟลอเรนซ์ และคงจะไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่า Palazzo Pitti พระราชวังเก่าแก่ของตระกูล Medici เจ้าผู้ครองเมือง ซึ่งที่นี่ได้เก็บรักษาศิลปวัตถุไว้มากมาย เช่น ภาพวาดของศิลปินชื่อก้องโลกอย่าง Botticelli และรูปปั้นหินอ่อนสุดตระการตา โดยก่อนจะชมแฟชั่นโชว์ แขกระดับวีไอพีอย่าง Elton John, Jared Leto, Kirsten Dunst และ Dakota Johnson จะต้องเดินผ่านและชื่นชมผลงานศิลปะเหล่านี้ แน่นอนว่าแต่ละคนไม่ทำให้ผิดหวัง ต่างแต่งตัวกันมาแบบจัดเต็ม ทั้งสไตลิ่งและสีสัน เรียกว่าไม่แพ้นายแบบนางแบบบนรันเวย์เลยทีเดียว เขาเลือกที่จะหยิบกลิ่นอายแฟชั่นที่มีความแปลกใหม่และแหกคอกจากความดูดีในแบบเดิมๆ คล้ายกับยุคเรเนสซองส์ที่ส่องประกายตัวเองออกมาจากยุคกลาง ใครอยากได้เสื้อผ้าแบบไหน Gucci คอลเลคชั่นนี้มีให้หมด และไม่ใช่แบบธรรมดา แต่เป็นแบบพิเศษสไตล์เรเนสซองส์เสียด้วย ร่ายยาวขนาดนี้เพื่อให้เห็นภาพแฟนตาซีที่อยู่ในหัวของดีไซเนอร์ แต่ระดับ Alessandro Michele คงไม่ได้แค่ตีความออกมาเป็นยุคเรเนสซองส์ง่ายๆ แน่ เขาเลือกที่จะหยิบกลิ่นอายแฟชั่นที่มีความแปลกใหม่และแหกคอกจากความดูดีในแบบเดิมๆ คล้ายกับยุคเรเนสซองส์ที่ส่องประกายตัวเองออกมาจากยุคกลาง ด้วยการนำเสนอชุดสูทพร้อมกางเกงขาบาน เสื้อเคปตัวยาว แม็กซี่เดรส ในโทนสีจัดจ้าน อย่างส้มสด ชมพูฟูเชีย และเขียวพิตาชิโอ้ ส่วนวัสดุที่ใช้ก็มีตั้งแต่ผ้าลูกไม้ ขนเฟอร์ ผ้าไหมพิมพ์ลาย ผ้าไหมยกดอก ผ้ากำมะหยี่ พร้อมดีเทลอย่างการปักเลื่อมและมุก เสื้อยืดสกรีนลายชิ้นขายดีของแบรนด์ ตลอดจนไบเกอร์แจ็กเก็ตหนังและกางเกงยีนส์ก็มีเหมือนกัน เท่านั้นยังไม่พอ Alessandro Michele ได้ล้อเลียนชื่อแบรนด์ได้อย่างน่าสนใจ ผ่านคำอย่าง Guccy, Guccification และ Guccify Yourself สร้างความแปลกใหม่และกระตุ้นความอยากเป็นเจ้าของจากเหล่าสาวกได้เป็นอย่างดี ชนิดที่ใครอยากได้เสื้อผ้าแบบไหน Gucci คอลเลคชั่นนี้มีให้หมด และไม่ใช่แบบธรรมดา แต่เป็นแบบพิเศษสไตล์เรเนสซองส์เสียด้วย พูดถึงเสื้อผ้าแล้ว ก็ต้องพูดถึงรองเท้าและกระเป๋าด้วย กระเป๋าในรอบนี้แม้ว่าจะอิงกับรูปทรงคลาสสิกแบบเดิมแต่ดีเทลที่กระหน่ำตกแต่งนั้นกลับไม่ธรรมดาเลย อย่างกระเป๋าถือกำมะหยี่สีแดงเข้มตกแต่งคริสตัลสีเหลืองและโลหะชุบทองรูปผึ้ง สัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ในสมัยโรมัน หรือกระเป๋าหนังปักลายดอกไม้ทั้งใบ ที่ช่วยเพิ่มสีสันและความสดใสในการแต่งตัวได้อย่างทันตา รองเท้าเองก็มีทั้งดีเทลตอกหมุดและคริสตัลใส่กันอย่างเต็มที่ เหมาะสำหรับทำให้ลุคเบาๆ ดูเป็นแฟชั่นมากขึ้น เครื่องประดับที่ดีไซเนอร์นำเสนอนั้นก็มีมากมาย ถ้านับรวมๆ ในโชว์แล้วอาจจะมีมากถึง 100 ชิ้น ทั้งมงกุฎ หวีประดับผม หมวก สร้อยคอ ตุ้มหู ถุงมือ ถุงเท้า เข็มขัด สร้อยข้อมือ แหวน และอีกสารพัน ทุกชิ้นล้วนทำมาจากคริสตัลหรือวัสดุที่มีความวาวเป็นรูปสรรพสัตว์ตามธรรมชาติ หรือสัญลักษณ์ตามความเชื่อโรมัน อย่างมงกุฎใบมะกอก เครื่องหมายของชัยชนะ…
Editor
26 February 2018
Fashion InsiderFlashFlash 120Number 120

Fashion Insider: Delightful Women

พบกับคอลเลคชั่นรีสอร์ทครั้งแรกของแบรนด์ดังสัญชาติอิตาลีอย่าง Prada ที่นำเสนอมุมมองความขัดแย้งของไอเดีย การออกแบบที่หลากหลาย ผสมผสานกับความเป็นเฟมินีนอย่างสุดขั้ว ผลที่ได้คือคอลเลคชั่นสุดยอดเยี่ยมที่ทุกคนต่างชื่นชม STORY TAWAN KONKAEW PHOTOGRAPHY COURTESY OF BRANDS ย้อนกลับไปเมื่อ ค.ศ. 1978 Miuccia Prada หลานสาวของผู้ก่อตั้งบริษัทเครื่องหนัง Prada ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำธุรกิจครอบครัวนี้ ต่อจากแม่และตาของเธอ Miuccia คนนี้เองเป็นผู้นำเสนอกระเป๋าผ้าไนล่อน วัสดุที่ไม่มีแบรนด์เครื่องหนังชั้นสูงแบรนด์ไหนกล้าเลือกใช้ ออกสู่สายตาชาวโลก จนเป็นที่ฮ็อตฮิตอย่างมากในช่วง ค.ศ. 1980 ไม่นานหลังจากที่สร้างผลกำไรและชื่อเสียงให้กับแบรนด์ เธอได้เริ่มนำเสนอคอลเลคชั่นเสื้อผ้าสำเร็จรูปของผู้หญิงใน ค.ศ. 1989 ต่อมาใน ค.ศ. 1992 เธอได้ออกไลน์เสื้อผ้าที่มีคาแร็กเตอร์สนุกสนานและเป็นตัวเธอมากกว่า ซึ่งตั้งชื่อแบรนด์ตามชื่อเล่นของเธอ คือ Miu Miu จากนั้นใน ค.ศ. 1995 ก็สยายปีกทางธุรกิจสู่กลุ่มแฟชั่นผู้ชาย ทุกวันนี้ภายใต้อาณาจักร Prada มีครบทุกสิ่งให้เหล่าสาวกได้เลือกช้อป ทั้งไลน์เสื้อผ้าผู้ชาย ผู้หญิงเครื่องหนัง รองเท้า กระเป๋าเดินทาง แว่นตา นาฬิกา น้ำหอม เรื่อยไปจนถึงการออกแบบเคสมือถือ อันแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการออกแบบอันเยี่ยมยอดและวิสัยทัศน์ทางธุรกิจที่ไม่ด้อยกว่าใครของ Miuccia Pradaและครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ Prada ได้กระโดดเข้าร่วมแข่งขันในคอลเลคชั่น Resort จากเดิมที่ไม่เคยทำมาก่อน เพราะในแต่ละปี Prada นำเสนอแฟชั่นโชว์ปีละ 2 ครั้ง คือ Spring/Summer และ Autumn/Winter เท่านั้น ครั้งนี้ทั้งสื่อมวลชนและแฟนคลับต่างจับจ้องกันอย่างใจจดใจจ่อว่าคอลเลคชั่น Resort ของ Prada นั้นจะเปรี้ยวล้ำหรือมีหน้าตาเป็นเช่นไร ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ Prada ได้กระโดดเข้าร่วมแข่งขันในคอลเลคชั่น Resort จากเดิมที่ไม่เคยทำมาก่อนเพราะในแต่ละปี Prada นำเสนอแฟชั่นโชว์ปีละ 2 ครั้ง จุดเด่นของการออกแบบเสื้อผ้าของ Miuccia นั้น คือการผสมผสานสิ่งที่ขัดแย้งกันมากๆ เข้าไว้ด้วยกัน แบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน แฟชั่นโชว์ครั้งนี้มีขึ้น ณ Galleria Vittorio Emanuele II กลุ่มอาคารที่สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1877 ภายในพื้นที่จัดแสดงที่เรียกว่า Milan Osservatorio รันเวย์แฟชั่นจัดในห้องโล่งที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างกระจก เปิดเผยให้เห็นสถาปัตยกรรมอันสวยงามภายนอก ภายในจัดวางม้านั่งแถวเดียว จุแขกระดับซูเปอร์วีไอพีไม่กี่ร้อยคน ที่บินตรงมาจากทั่วโลกเพื่อชมแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ แฟนๆ Prada จะรู้ดีว่าจุดเด่นของการออกแบบเสื้อผ้าของ Miuccia นั้น คือการผสมผสานสิ่งที่ขัดแย้งกันมากๆ เข้าไว้ด้วยกัน แบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน อย่างหนังกลับกับพลาสติก ขนเฟอร์เทียมกับผ้าไหมซาติน เป็นต้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน Prada หยิบยกเสื้อผ้าแบบสปอร์ตแวร์มาจับคู่กับเสื้อผ้าที่ดูเป็นผู้หญิงมากๆ อย่างชุดกระโปรงเข้ารูป กระโปรงทรงสอบ หรือเสื้อโค้ตเข้าเอว ในโทนสีอย่างม่วงไลแล็ก ส้มแอปริคอต ชมพู เทา ไปจนถึงลูกเล่นอย่างการใส่ถุงเท้าสูงแบบสปอร์ต (แต่ทอลวดลายแบบ Art Deco) เข้ากับรองเท้าส้นสูง สลับกับรองเท้าผ้าใบ การปักตกแต่งเลื่อม และการเล่นจับจีบผ้าไหมออร์แกนซ่าในรูปครึ่งวงกลม แต่ก็มีลูกเล่นอย่างแผ่นพลาสติกปั๊มลาย Prada แบบสปอร์ตๆ ตัดความเลี่ยนเข้าไป อีกหนึ่งซีนประทับใจ คือลุคแรกที่ปรากฏบนรันเวย์ Miuccia ได้ย้อนกลับไปหยิบผ้าไนล่อนที่เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตธุรกิจของเธอมานำเสนออีกครั้ง แต่ไม่ใช่ในรูปแบบของกระเป๋า เธอเลือกนำเสนอแจ็กเก็ตสปอร์ตแบบโอเวอร์ไซส์ทำจากผ้าไนล่อน แต่ก็แฝงความเซ็กซี่ด้วยดีไซน์ไหล่ปาดเปิดให้เห็นผิวของผู้หญิงอย่างเย้ายวน และด้านล่างจับคู่กับกระโปรงผ้าชีฟองบางเบา หรือชุดเสื้อแขนยาวผ้านิตเข้ารูปคล้ายกับชุดนักกีฬาว่ายน้ำ เข้าคู่กับกระโปรงทรงสอบในวัสดุเดียวกัน ก็ดูโดดเด่นน่าสนใจเป็นอย่างมาก เท่านั้นยังไม่พอ เครื่องประดับสไตล์ Art Deco ก็ถูกนำมาใช้เพิ่มความแปลกตาให้กับลุค…
Editor
26 February 2018
Fashion InsiderFlashFlash 119Highlight 119Number 119

Fashion Insider: Minus Chic

MINUS CHIC ทำความรู้จักกับ Moncler แบรนด์เครื่องกันหนาวสุดหรูหราจากประเทศฝรั่งเศส ที่แฝงไว้ด้วยจิตวิญญาณของนักเดินทาง ผสานเข้ากับผลงานการดีไซน์ที่สวยงามลงตัว เหมาะกับการใช้งานได้จริงเมื่อกระแสลมหนาวมาเยือน STORY  TAWAN KONKAEW • PHOTOGRAPHY COURTESY OF BRANDS ด้วยคุณสมบัติที่มีน้ำหนักเบากว่าเสื้อโค้ตผ้าวูล แต่ให้ความอบอุ่นได้ไม่แพ้กัน จึงกลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ครั้งแรกที่คุณเห็นดาวน์แจ็กเก็ตหรือเสื้อกันหนาวผ้าร่มเย็บลายนั้นคือเมื่อไหร่ และที่ไหน หลายคนอาจไม่รู้ที่มาที่ไปของประดิษฐกรรมการออกแบบชิ้นเอกนี้ ที่ได้สร้างเสื้อผ้าชิ้นใหม่ให้กับผู้คนที่เดินทางในสภาพอากาศหนาวเหน็บทั่วโลก ว่าเกิดขึ้นจากแบรนด์ Moncler นี้เอง ย้อนกลับไปในปีค.ศ. 1952 René Ramillon และ André Vincent สองคู่หูได้ร่วมกันก่อตั้งบริษัทผลิตเครื่องนอน เต็นท์ และอุปกรณ์เดินทางในเมืองหนาวขึ้น โดยตั้งชื่อว่า Monestier-de-Clermont ตามชื่อหมู่บ้านเล็กๆ ในเทือกเขาสูงของประเทศฝรั่งเศส เดิมทีนั้นเสื้อดาวน์แจ็กเก็ตที่ใช้ขนห่านบุด้านในแล้วเย็บด้านนอกด้วยวัสดุกันลม ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องแบบกันหนาวในช่วงฤดูหนาวให้กับพนักงานในบริษัท ด้วยคุณสมบัติที่มีน้ำหนักเบากว่าเสื้อโค้ตผ้าวูลแบบดั้งเดิม แต่ให้ความอบอุ่นได้ไม่แพ้กัน จึงกลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว เพียง 3 ปีหลังจากนั้น เสื้อดาวน์แจ็กเก็ตก็ถูกเลือกใช้เป็นเสื้อกันหนาวของคณะสำรวจอิตาลีที่เข้าไปทำวิจัยในเขตที่ราบสูง Karakorum ในประเทศมองโกเลีย หนึ่งในพื้นที่ที่มีความแปรปรวนด้านภูมิอากาศมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และต่อมาคณะสำรวจสัญชาติฝรั่งเศสก็ไว้วางใจเลือกใช้เสื้อของ Moncler ในการสำรวจยอดเขา Makalu บนเทือกเขาหิมาลัย แบบยกทีมเช่นกัน ไม่เพียงแต่คณะสำรวจ ยอดนักปีนเขาชื่อดังอย่าง Lionel Terray ก็เลือกเสื้อดาวน์แจ็กเก็ตทุกครั้งที่เขาพิชิตยอดเขาต่างๆ ซึ่งเป็นการการันตีได้ถึงคุณภาพอันเยี่ยมยอดและดีไซน์การออกแบบที่เหมาะสำหรับการเดินทางอย่างแท้จริง ทุกวันนี้ Moncler ขยายอาณาจักรแฟชั่นไปอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยตลาดที่มีมูลค่าสูงเกือบ 4,000 ล้านยูโร พร้อมสาขาตามหัวเมืองใหญ่ทั่วทุกห้างดัง เท่านั้นยังไม่พอ ชื่อเสียงของแบรนด์ได้รับการยอมรับในวงกว้างมากขึ้น โดยเมื่อปีค.ศ. 1968 Moncler ได้ร่วมเป็นผู้สนับสนุนเสื้อผ้าหลักของนักกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวทีมชาติฝรั่งเศส  ผลลัพธ์คือ โลโก้รูปไก่และยอดเขาซ้อนกันเป็นรูปตัว M ติดตาผู้คนอย่างห้ามไม่ได้ ผ่านการถ่ายทอดสดกีฬาโอลิมปิกไปทั่วโลก แม้ชื่อเสียงที่สุดยอดในกิจกรรมกีฬาและการเดินทางจะไม่แพ้ใครอยู่แล้ว แต่ในช่วงปีค.ศ. 1980 แบรนด์ได้สร้างไดเร็กชั่นใหม่เพื่อบุกตลาดแฟชั่นให้มากยิ่งขึ้น ผ่านมุมมองของดีไซเนอร์ปารีเซียงอย่าง Chantal Thomass ที่ช่วยปัดฝุ่นแจ็กเก็ตต้านลมหนาวให้ดูเปรี้ยวขึ้นผ่านเทคนิคการเคลือบเงาผิวผ้า “Lacquered” ให้ตัวเสื้อมันวาว และการเสริมเฟอร์ ผ้าไหมซาติน และกระดุม แทนที่ซิปและยางยืดแบบดั้งเดิม ถือเป็นการเปิดตัว Moncler ในสังเวียนแฟชั่นของปารีสได้อย่างน่าสนใจ การเปลี่ยนแปลงนั้นย่อมนำมาซึ่งพลังใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวงการแฟชั่นนั้นมีการเปลี่ยแปลงเป็นว่าเล่นแทบจะทุก 6 เดือนด้วยซ้ำ ในปีค.ศ. 2003 นายทุนชาวอิตาลี Remo Ruffini ได้เข้าซื้อบริษัทสัญชาติฝรั่งเศสนี้และนั่งบริหารในฐานะประธานกรรมการ วิสัยทัศน์ของ Remo ได้นำแบรนด์ Moncler สู่มาตรฐานระดับโลก ด้วยการคัดสรรเหล่านักออกแบบชั้นนำที่จะมาร่วมงานกับแบรนด์ แตกไลน์สินค้าให้หลากหลายตามความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค วิจัยและสนับสนุนการสร้างสรรค์วัสดุใหม่ๆ และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือ การสร้างสรรค์ผลงานทั้งหมดในยุโรปเพื่อมาตรฐานของแบรนด์จะได้คงที่ตามที่ควรจะเป็นในปีค.ศ. 2006 แบรนด์ได้นำเสนอไลน์เสื้อผ้าชั้นสูงระดับ Haute Couture ในชื่อ Moncler Gamme Rouge ภายใต้การออกแบบของกูตูริเยร์ชื่อดัง Giambattista Valli ผู้มีเอกลักษณ์ในการออกแบบชุดผู้หญิงได้อย่างหรูหรา สง่างาม และเย้ายวนในแบบอิตาเลียน แต่ก็แปลกใหม่และใช้แพ็ตเทิร์นได้อย่าง ยอดเยี่ยมในแบบชาวฝรั่งเศสเช่นกัน ต่อมาในปีค.ศ. 2009 หรือ 3 ปีหลังจากนั้น ก็ถึงเวลาของชายหนุ่มบ้าง กับการเปิดตัว Moncler Gamme Bleu สำหรับชายผู้เปี่ยมรสนิยม ภายใต้การผสมผสานดีเอ็นเอแบบสปอร์ตของแบรนด์ กับมุมมองทางด้านเสื้อเทเลอร์เมดของดีไซเนอร์สัญชาติอเมริกันอย่าง Thom Browne ส่วนในปีค.ศ. 2010 ไลน์ Moncler Grenoble ซึ่งเป็นไลน์เสื้อผ้าหลักสำหรับชายและหญิง ได้ปรับปรุงภาพลักษณ์และดีไซน์ใหม่ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับกิจกรรมต่างๆ…
Editor
8 January 2018