ดูเหมือนโลกจะแคบลงทุกวัน เรามีโทรศัพท์ให้ได้ยินเสียงกันแม้ไม่ได้อยู่ต่อหน้า เรามีแฟกซ์ช่วยส่งข้อมูลได้ในทันทีทั้งที่อยู่ไกลกัน แล้ววันหนึ่งเราก็มี “โซเชียลมีเดีย” ที่ปฏิวัติวิธีการสื่อสารของโลกนี้ไปอย่างสิ้นเชิง เพราะนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เราสามารถติดต่อกับเพื่อนหรือครอบครัวได้ตลอดเวลาที่ต้องการ นักธุรกิจสามารถเข้าถึงลูกค้าได้ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ผู้คนจำนวนมากใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางในการสื่อสารมากขึ้นทุกวัน กลายเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมครั้งสำคัญ จนกระทั่งมีการกำหนดให้วันที่ 30 มิถุนายน ของทุกปี เป็น Social Media Day เพื่อให้เราตระหนักว่า ไม่กี่ปีมานี้ ชีวิตเราเปลี่ยนไปมากขนาดไหน
โซเชียลมีเดีย หรือ สื่อสังคม นั้นหมายความถึงสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่เราใช้สื่อสารกันผ่านอินเทอร์เน็ต ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็ Facebook นั่นแหละ อันที่จริงทุกวันนี้แค่คำว่า Facebook ก็แทบจะแทนความหมายของโซเชียลมีเดียได้เกือบทั้งหมดแล้ว แต่ถ้าถามว่าจุดเริ่มต้นของโซเชียลมีเดียอยู่ตรงไหน ก็ต้องย้อนกลับไปราวๆ ปี 1997 กับเว็บไซต์ที่มีชื่อว่า SixDegrees.com
SixDegrees ถูกพัฒนาขึ้นโดย Andrew Weinreich นักธุรกิจชาวอเมริกันที่ทำการต่อยอดแนวคิด Six Degrees of Separation ที่ว่า คนสองคนใดๆ บนโลกจะรู้จักกันผ่าน “เพื่อนของเพื่อน” เป็นทอดๆ โดยที่ไม่เกิน 6 ช่วง เขาจึงหวังจะสร้างความเป็นไปได้ใหม่ๆ จากความสัมพันธ์นี้ขึ้นมา ด้วยการเปิดให้ผู้ใช้งานสร้างโพรไฟล์ของตนเองและทำความรู้จักกับผู้ใช้คนอื่นในลักษณะยกกำลังสอง ซึ่งนั่นอาจจะพาเราไปเจอกับคนที่อยากขายนาฬิการุ่นที่เราอยากซื้อ หรือได้รู้จักกับคนที่ชอบกินอาหารอินเดียมากพอจะแนะนำร้านเด็ดให้ได้ นับว่าเป็นไอเดียที่ล้ำมากสำหรับยุคนั้น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะล้ำเกินไป เพราะก่อนปี 2000 อินเทอร์เน็ตยังเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มมากๆ ทำให้ SixDegrees ไม่ประสบความสำเร็จมากนักทั้งๆ ที่พอจะเห็นโอกาสอยู่รำไร จนกระทั่ง Andrew Weinreich ตัดสินใจ Exit และขายธุรกิจของเขาไปในที่สุด
หลังจากนั้นไม่นานเมื่อโลกก้าวเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 อินเทอร์เน็ตเริ่มเข้ามามีบทบาทในชีวิตผู้คนมากขึ้น พร้อมๆ กับการถือกำเนิดของโซเชียลมีเดียเจนฯ ใหม่ อย่าง Friendster, MySpace และ LinkedIn ที่ต่างก็สืบทอดเจตนารมณ์ของ SixDegrees มาทั้งนั้น เพียงแต่มีเอกลักษณ์และเป้าหมายที่แตกต่างกันไปนั่นเอง จนมาถึง Facebook YouTube และ Twitter ที่เรียกได้ว่าเป็นยุคทองของโซเชียลมีเดียอย่างแท้จริง
โซเชียลมีเดียนั้นทำให้เราติดต่อกับเพื่อนได้ง่ายขึ้น ในขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้คนแปลกหน้าเข้ามาในชีวิต รวมถึงการเป็นช่องทางการติดตามข่าวสาร ช้อปปิ้ง และความบันเทิงขนาดยักษ์ แน่นอนว่าทุกอย่างล้วนมี 2 ด้าน หลายคนใช้ประโยชน์จากมันในการทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จ แต่หลายคนก็ต้องเป็นทุกข์เพราะมันไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง และนี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งของ Social Media Day
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าโซเชียลมีเดียกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ที่เหลือก็แค่ใช้ให้เหมาะสม เป็นประโยชน์กับทั้งตัวเองและส่วนรวมก็น่าจะพอ ซึ่ง Social Media Day นั้น เปิดโอกาสให้คุณร่วมฉลองหนึ่งในนวัตกรรมอันยอดเยี่ยมของมนุษยชาตินี้ ด้วยการโพสต์เรื่องราวดีๆ อาจจะเป็นประโยชน์ที่คุณได้รับจากโซเชียลมีเดีย แชร์สิ่งดีๆ ไปสู่ผู้คน รวมไปถึงลองใช้แพลตฟอร์มใหม่ๆ ดูบ้าง ใครจะรู้ว่าอาจจะได้ประสบการณ์ดีๆ ความรู้ ความบันเทิง หรือโอกาสใหม่ๆ จนทำให้วันนั้นกลายเป็นวันที่น่าจดจำสำหรับคุณก็ได้
Bill Gates มหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Microsoft อันลือลั่น เคยแนะนำหนังสือเล่มหนึ่งที่มีชื่อว่า Factfulness เขียนโดย Hans Roslin เขาเล่าว่านี่เป็นหนังสือที่ให้ความรู้และมุมมองที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งที่เขาเคยอ่านมาเลย Factfulness ได้แสดงให้เห็นว่าโลกทุกวันนี้ต่างไปจากเดิมอย่างไร ในขณะที่คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่ามันแย่ ถามว่าแย่ไหม? ใช่ มันมีส่วนแย่ แต่ถามว่ามันดีขึ้นกว่าแต่ก่อนหรือเปล่า? แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ อัตราการเสียชีวิตของเด็กเล็กที่ลดลง หรือปริมาณการใช้สารที่ทำลายชั้นโอโซนลดลง เป็นต้น โซเชียลมีเดียเข้าข่ายเรื่องนี้อย่างเห็นได้ชัด ตราบใดที่เรามองสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง เราจะเห็นได้ว่าโลกไม่ได้แย่อย่างที่คิด รวมถึงเราจะเห็นอีกด้วยว่าเราจะทำอะไรให้โลกใบนี้ดีขึ้นได้
LIFESTYLE
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก
https://nationaltoday.com/
https://www.daysoftheyear.com/
https://www.gatesnotes.com/
https://en.wikipedia.org/