FASHION INSIDER ร่มแบรนด์ดังที่ทำให้คุณอยากถือคู่กาย แม้ในวันไม่มีฝน

ในยามที่ฝนตกพรำๆ หรือในวันแดดเปรี้ยง ไม่ว่าใครก็คงต้องมองหา ‘ร่ม’ ซึ่งเป็นเสมือนไอเทม Must-have ที่เราต้องมีกันไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะฤดูกาลไหนๆ เราก็สามารถหยิบจับร่มมาใช้กันแดดกันฝน หรือแม้กระทั่งกันลมได้แทบตลอดทั้งปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าเราจะพบว่า มีร่มมากมายหลากหลายแบรนด์ในท้องตลาดให้ได้เลือกสรรกันอย่างไม่ขาดมือ และสำหรับวันนี้ Power จะพาไปรู้จักกับร่มแบรนด์ดังที่โดดเด่นทั้งในแง่ของการผลิต ความประณีต หรูหรา และเต็มไปด้วยสไตล์ที่หลากหลาย ควรค่าแก่การเป็นไอเทม Must-have ที่มาพร้อมกับราคาที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง

Fox Umbrellas
แม้ว่าธุรกิจของครอบครัว Fox จะทำร่มมาตั้งแต่ปี 2411 จนถึงวันนี้แบรนด์ก็ยังคงเป็นที่นิยม และยังเป็นตัวเลือกที่ดีในอังกฤษ ด้วยเอกลักษณ์ในการออกแบบหัวสัตว์และด้ามจับ ความเรียบง่ายที่มาพร้อมการประดิษฐ์อย่างดีเยี่ยม ความพิเศษคือรูปแบบจะเป็นการสั่งทำตามออเดอร์เป็นหลัก โดยสามารถเลือกจากรุ่นที่มีโครงแบบไว้แล้วพร้อมสีตัวร่มตามความชอบ ยกเว้นเฉพาะบางรุ่นที่เป็นแบบเฉพาะ ในส่วนของด้ามจับจะเป็น หนัง ไม้และโลหะต่างๆ นอกจากนี้ยังมีร่มแบบพับได้ด้วยเช่นกัน สนนราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 140 – 1,400 ปอนด์ ดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ชาร์ลิซ เธอรอน และเอมิลี่ บลันท์ เป็นหนึ่งในผู้ที่เคยใช้ร่มของฟอกซ์ในทุกเวลา

London Undercover
นี่คือทางเลือกที่มีความร่วมสมัยมากขึ้น แม้จะให้สไตล์คลาสสิกที่น้อยกว่า แต่เข้าถึงได้ง่ายและทันสมัยมากขึ้น London Undercover ก่อตั้งขึ้นในปี 2008 โดยร่วมมือกับ Monocle, Carhartt และ Fred Perry สไตล์จะเน้นใช้สีมาตรฐาน ลวดลายแสดงออกถึงบุคลิกของผู้ใช้ และชุดอุปกรณ์ที่ใช้งานได้จริง ซึ่งนอกจากสไตล์ที่ทันสมัยแล้ว ยังเป็นวิธีการผลิตที่ยั่งยืน อันเป็นรากฐานของกระบวนการผลิตแต่ละส่วนอีกด้วย สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 30 – 220 ปอนด์

Lockwood Umbrellas
อีกหนึ่งแบรนด์ผู้มาใหม่ในตลาดร่มเช่นเดียวกับ London Undercover ซึ่งมีสไตล์ที่แตกต่างกันอยู่ในที นั่นคือถ้า London Undercover คือโซโหเฮาส์ Lockwood ก็คือเซนต์เจมส์ ด้วยการรังสรรค์ชิ้นงานนั้น ยังคงความเป็นสุภาพบุรุษและสภาพสตรีชาวอังกฤษคลาสสิก แต่มีความทันสมัยขึ้น ร่มของ Lockwood ทุกชิ้นทำด้วยมือใน North London โดยใช้วัสดุที่ยั่งยืนที่ดีที่สุดจากทั่วโลก ควบคู่ไปกับการใช้เทคนิคที่มีอายุหลายศตวรรษ เลือกใช้ไม้เนื้อแข็งที่ทนทาน โครงเหล็กเกรด A และผ้ากันน้ำที่กันน้ำได้จริง รวมถึงการจับคู่ความยาวไม้กับความสูงของแต่ละคน และการปรับแต่งสายรัดปุ่มในแบบเฉพาะตัว ทำให้ร่มแบรนด์นี้ยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 100 – 400 ปอนด์

Swain-Adeney Brigg
แบรนด์เครื่องหนังตัดเย็บระดับสูงจากลอนดอนแบรนด์นี้ มีร่มเป็นไอเทมชิ้นสำคัญของแบรนด์ ด้วยจุดเด่นที่ด้ามจับที่เป็นไม้ทั้งคันแบบไม่มีปนโลหะหรือวัสดุอื่น และไม้แต่ละชนิดยังเป็นไม้คุณภาพสูงราคาแพงอย่าง โอ๊ค เมเปิ้ล และไม้อื่นๆ ที่ใช้สำหรับเครื่องเรือนหรูหราอีกหลายชนิด ประกอบกับรูปทรงร่มแบบคลาสสิก ทำให้ร่มของแบรนด์อายุกว่า 250 ปีนี้อยู่เหนือกาลเวลา และเป็นสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติในการผลิตร่มของอังกฤษ อีกทั้งยังได้รับเลือกให้เป็นคู่หูของสายลับในอุดมคติจากภาพยนตร์ ‘Kingsman’ ที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 350 ปอนด์

James Smith & Sons
แบรนด์ดั้งเดิมอย่าง James Smith & Sons แห่งกรุงลอนดอน ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 1830 เป็นแบรนด์ร่มคลาสสิกที่โด่งดังในความเรียบง่าย แต่ให้ความเนี้ยบในทุกรายละเอียด โดยร่มอันโด่งดังของแบรนด์นั้นมีทั้งรูปทรงหัวสัตว์ที่แกะสลักอย่างโดดเด่น และปลายก้านแบบธรรมชาติที่แปลกตา เมื่อนำมาเข้าคู่กับตัวร่มสีดำ จึงเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ที่ร่มคลาสสิกพึงมี สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 100 – 400 ปอนด์ ความมีชื่อเสียงของ James Smith & Sons เป็นที่ยอมรับอย่างมาก หากคุณบอกคนขับแท็กซี่ในลอนดอนให้พาไป ‘ร้านร่ม’ คุณก็จะได้ไปยืนอยู่ที่หน้าร้านนี้นี่แหละ

Pickett London
ความสง่างามในแบบของ Pickett ก่อตั้งขึ้นในปี 1988 โดย Trevor Pickett เมื่อพูดถึงร่มทำมือในแบบต่างๆ แบรนด์เครื่องประดับในลอนดอนมักเน้นไปที่ความหรูหรามากกว่าการออกแบบที่ไม่ธรรมดา เพื่อให้มั่นใจว่าร่มแต่ละอันดูดีมีรสนิยม และเน้นไปที่ประเภทของไม้ที่ใช้เป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ยังมีทางเลือกในการสั่งทำตามออร์เดอร์ ให้ลูกค้าใช้ผ้าของตัวเอง ปรับด้ามไม้ พิมพ์รูปถ่าย หรือใส่คุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น ซ่อนข้อพับ ได้ตามความต้องการ ซึ่งทางแบรนด์จะพยายามส่งมอบร่มในฝันให้สามารถใช้งานได้จริง โดยผ่านการทดสอบลมแล้วว่าทนทานต่อความเร็วที่ 27 ไมล์ต่อชั่วโมง สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 80 – 350 ปอนด์

Pasotti
เมื่อความคลาสสิกหลอมรวมกับการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ จึงเกิดเป็นพาซอตติ แบรนด์ร่มสุดสร้างสรรค์จากประเทศอิตาลี โดดเด่นในเรื่องการทำด้ามจับและลวดลายบนตัวผืนร่ม เดิมทีถูกออกแบบมาสำหรับผู้ชาย เราจึงได้เห็นลวดลายและรูปทรงของด้ามจับหัวกระโหลกสัตว์ ที่มาพร้อมโทนสีดำ ซึ่งสร้างชื่อให้กับพาซอตติมาหลายสิบปี ก่อนจะออกแบบให้เหมาะกับผู้หญิงมากขึ้น ด้วยลวดลายดอกไม้และด้ามจับรูปทรงงดงามประดับอัญมณี เพิ่มความเลอค่าให้กับร่มคู่กาย สนนราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 200 ยูโร

Francesco Maglia
แบรนด์ร่มระดับลักซ์ชัวรีจากอิตาลี ซึ่งส่งต่อความคลาสสิกจากรุ่นสู่รุ่นมาตั้งแต่ปี 1854 โดยเป็นงานทำมือทั้งหมด โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์ของตัวร่มที่ทำจากผืนผ้าไหมอิตาเลียน และด้ามจับที่ทำจากไม้คุณภาพสูงอย่าง วอลนัท เชอร์รี่วู้ด ไม้ไผ่และอื่น ๆ นับว่าเป็นงานร่มที่เนี้ยบที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้ สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 250 ยูโร สำหรับรุ่นปกติ และ 700 ยูโร สำหรับรุ่นซิกเนเจอร์ของทางแบรนด์

Alexander McQueen
และนี่คือนิยามใหม่แห่งการทำร่ม ความคัลต์ ความดิบและไอเดียสร้างสรรค์ที่โมเดิร์นขึ้น ทำให้ด้ามจับสีดำที่ท็อปด้วยหัวกระโหลกเงิน ทอง และเพชร กลายเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ อีกทั้งตัวร่มสีดำที่เข้ากันได้อย่างพอดีกับด้ามจับสีดำเงา ยังสร้างความหรูหราให้กับร่มได้อย่างไม่มีใครเหมือน สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 450 ปอนด์

Jean-Paul Gaultier
แน่นอนว่าฝีมือการออกแบบไอเท็มที่ออกมาจากแบรนด์นี้จะต้องน่าตื่นตาตื่นใจ และร่มก็เป็นหนึ่งในนั้น ร่มของฌอง-พอลจะเต็มไปด้วยสีสันและลวดลายเต็มผืนร่มต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ที่ให้ความสำคัญกับด้ามจับ ร่มแบรนด์นี้จึงโดดเด่นและพร้อมจะเซอร์ไพรส์ผู้คนทันทีในยามที่กางออก สนนราคาโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 150 ปอนด์

Burberry
ยืนยันว่าลายตารางอันเป็นเอกลักษณ์สามารถเข้าไปอยู่ได้ในทุกไอเทม ไม่เว้นแม้กระทั่งร่ม แม้ร่มของเบอร์เบอรี่อาจจะไม่ใช่ร่มที่คลาสสิก เรียบหรูที่สุด โมเดิร์นที่สุด หรือฉูดฉาดที่สุด แต่ร่มของแบรนด์นี้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อให้เหมาะกับลุคของเสื้อผ้าเบสิกที่แบรนด์สร้างสรรค์ขึ้นได้อย่างไม่มีที่ติ ไม่ว่าจะเป็นเทรนช์โค้ต เสื้อเชิ้ต หรือกระเป๋าหนังรุ่นคลาสสิก