พบกับ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ โฉมใหม่” ที่พร้อมมอบความเพลิดเพลินให้ทุกท่านได้มากไปกว่าการช้อปปิ้งในดิวตี้ ฟรี กับการเป็น “Lifestyle Destination” แห่งใหม่ของเมืองไทย
พื้นที่ของ Brand Boutiques รวบรวมบูติคแบรนด์เนมหรูชั้นนำระดับโลก มาเอาใจผู้ชื่นชอบสินค้าแฟชั่นและสินค้าลักชัวรี่ ไม่ว่าจะเป็น Alexander McQueen, Armani Exchange, Bally, Bottega Veneta, Burberry, Calvin Klein Jeans, Coach, Emporio Armani, Gucci, Lacoste, Michael Kors, Moncler, Prada, Salvatore Ferragamo, Stuart Weitzman
หลังจากปิดปรับปรุงครั้งใหญ่ ถึงตอนนี้ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ พร้อมเปิดให้บริการ “คิง เพาเวอร์ รางน้ำ โฉมใหม่” อย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ เป็นต้นไป โดยได้เนรมิตพื้นที่กว่า 14,000 ตารางเมตร เพื่อมอบความสะดวกสบายให้ลูกค้าด้วยการคัดสรรและรวบรวมสินค้า ประสบการณ์ และรสชาติแห่งความอัศจรรย์จากทั่วโลกมาไว้ด้วยกันในสถานที่เดียว เพื่อให้ทุกท่านได้สัมผัสประสบการณ์การช้อปปิ้งแบรนด์ดัง ประสบการณ์ความบันเทิงด้วยโชว์ระดับโลก ตระการตาทุกเทคนิค แสง สี เสียง เต็มรูปแบบ พลาดไม่ได้กับน้ำพุที่พุ่งทะยานได้สูงถึง 6 เมตร ตามจังหวะดนตรี ด้วยระบบแสง สี เสียง ระดับโลก และสัมผัสประสบการณ์มื้ออาหารแสนอร่อยทั้งจากทั่วไทยและทั่วโลก
เริ่มจากชั้น 1 ซึ่งเป็นพื้นที่ของ Brand Boutiques รวบรวมบูติคแบรนด์เนมหรูชั้นนำระดับโลกมาเอาใจผู้ชื่นชอบสินค้าแฟชั่นและสินค้าลักชัวรี่ ไม่ว่าจะเป็น Alexander McQueen, Armani Exchange, Bally, Bottega Veneta, Burberry, Calvin Klein Jeans, Coach, Emporio Armani, Gucci, Lacoste, Michael Kors, Moncler, Prada, Salvatore Ferragamo, Stuart Weitzman, Tod’s, Valentino, Vilebrequin, Yves Saint Laurent ฯลฯ
ขณะที่อีกด้านหนึ่งของชั้นนี้จัดให้เป็น Sunglasses Store แหล่งรวมแว่นกันแดดแบรนด์ดังหลากสไตล์จากทั่วทุกมุมโลก การตกแต่งในชั้นนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากทองคำ วัสดุซึ่งเปรียบได้ดั่งสัญลักษณ์แห่งความร่ำรวย สง่างาม ในหลายวัฒนธรรม รวมทั้งในวัฒนธรรมไทย ซึ่งได้ปรากฏการแต่งแต้มทองคำบนลวดลายต่างๆ ในศิลปะและสถาปัตยกรรมไทยมากมายจนกลายเป็นความงดงามเฉพาะตัว นักออกแบบได้นำจุดเด่นนี้มาประยุกต์ได้อย่างน่าสนใจ ด้วยการนำหินเทียมและเส้นทองมาใช้ในการประดับตกแต่งเสา ขณะเดียวกับที่ได้เพิ่มความหรูหราให้มากขึ้นด้วยการปูพื้นหินอ่อน White Calacatta และ White Varagus อันเลื่องชื่อ
เมื่อขึ้นมายังชั้น 2 ผู้มาเยือนจะได้สะดุดตากับพื้นที่ซึ่งมีการตกแต่งอย่างสร้างสรรค์โดยใช้รูปทรงกลมซ้อนเหลี่ยมสะท้อนถึงโลกแห่งเรือนเวลา ที่ตรงนี้ คือ The Watch & Jewellery Collection แหล่งรวมนาฬิกาหรูแบรนด์ดังจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่นาฬิกาหรูระดับไฮเอ็นด์ที่มีความงามคลาสสิก ไปจนถึงเรือนเวลาสุดก้าวล้ำที่มีความสลับซับซ้อนของกลไก ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ Baume & Mercier, Blancpain, Breguet, Breitling, Bulgari, Chopard, Gucci, Hermès, IWC, Jaeger Le-Coultre, Longines, Mido, Omega, Piaget, Rado, Rolex, TAG Heuer, Tiffany, Tissot, Tudor, Vacheron Constantin ฯลฯ
พื้นที่ของ Brand Boutiques รวบรวมบูติคแบรนด์เนมหรูชั้นนำระดับโลก
อีกส่วนบนชั้นเดียวกัน คือ Beauty Club ซึ่งละลานตาไปด้วยผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ที่ คิง เพาเวอร์ คัดสรรมาเป็นพิเศษเพื่อช่วยตอบโจทย์ปัญหาผิวพรรณและความงามของลูกค้าทุกเพศทุกวัย เช่น 111Skin, Alexander McQueen, Atelier, Aveda, Benefit, Biotherm, Bobbi Brown, Burberry, Bvlgari, Caudalie, Chanel, Christian Dior, Clé De Peau Beauté, Clinique, Cosme Decorte, Dr. Jart+, Estée Lauder, Evidens de Beauté, Giorgio Armani, Gucci, Guerlain, Hermès, Jo Malone, Jurlique, Kérastase, Kiehl’s, La Mer, La Prairie, Lancôme, Laneige, Laura Mercier, Le Labo, L’Oréal Paris, M.A.C, NARS, Shiseido, Shu Uemura, SK-II, Tom Ford, Urban Decay, YSL ฯลฯ และเพื่อให้สะท้อนถึงผลิตภัณฑ์ที่วางจำหน่ายนักออกแบบจึงได้บรรจงถ่ายทอดความงามอ่อนโยนผ่านรูปทรงของกลีบดอกไม้ โดยผสมผสานความทันสมัยอย่างเทคโนโลยี LED Module ที่มีความละเอียดสูง
ส่วนชั้น 3 จะเป็นพื้นที่ Thai Lifestyle Collection รวบรวมสินค้าแบรนด์ไทยคุณภาพระดับโลก ทั้งเครื่องประดับ ผลิตภัณฑ์ยา ของฝาก ของที่ระลึกขนมขบเคี้ยวต่างๆ ผลไม้อบแห้ง ช็อกโกแลต มาให้ได้เลือกซื้อหาในท่ามกลางการตกแต่งแบบไทยๆ ที่ผสมผสานไว้ด้วยความทันสมัยจนออกมาเป็นความงามที่น่าตื่นตาตื่นใจ ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมไทยบริเวณโถงเชื่อมต่อจากชั้น 2 ซึ่งนำมาปรับรูปแบบให้มีความร่วมสมัยขึ้นด้วยการใช้วัสดุตะแกรงเหล็ก หรือการใช้สื่อมัลติมีเดียในรูปทรงของบอลลูนในพื้นที่จำหน่ายสินค้าแบรนด์ VS Voyage of Style ที่สะท้อนถึงรสนิยมการเดินทาง ไปจนถึงการนำรูปทรงของเครื่องทอผ้ามาประยุกต์ใช้ในพื้นที่ของ Thai Lifestyle Collection แม้กระทั่งการจัดวางสินค้าในชั้นนี้ก็ยังมีความน่าสนใจ เพราะดีไซเนอร์ได้บรรจงออกแบบให้มีการจัดวางผลิตภัณฑ์แบบเหลื่อมซ้อนกัน เพื่อให้เกิดมิติและความหลากหลาย
คิง เพาเวอร์ ยังได้จัดพื้นที่อีกส่วนบนชั้น 3 ให้เป็น Thai Taste Hub & Restaurants เอาใจนักชิมด้วยร้านอาหารชื่อดังซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในกลุ่มคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ห่านท่าดินแดง, ไทยสตรีทฟู้ด บาย เอเชี่ยน คอร์เนอร์, กุ้งเผา อยุธยา, ข้าวขาหมูจุฬา สามย่าน, ลูกชิ้นปลา บรรทัดทอง, ก๋วยจั๊บฮ่องเต้, รองเมือง เกาเหลา 2495, ทิพย์สมัย ผัดไทยประตูผี, การิม โรตี มะตะบะ ถนนพระอาทิตย์, ฟาร์มแฟคทอรี, ติ่มซำ บิสโทร บาย เชฟป้อม, เอี๊ยงออเฮ่าซือ, ฮอทฟรายด์ บาย ดิเอมเมอรัลด์ 1992, ออลโคโค, ขนมครกประมวล มีศิลป์, ละมัย หอยทอด เยาวราช และ ไทยสกาล่า หูฉลาม เป็นต้น การตกแต่งในส่วนนี้จึงได้นำแรงบันดาลใจจากรูปทรงสถาปัตยกรรมร่วมสมัยในกรุงเทพฯ มาจัดวางในรูปแบบใหม่ โดยสื่อถึงถนนและซอย พร้อมกันนั้นยังมีการเลือกใช้วัสดุและลวดลายที่หลากหลาย สะท้อนถึงความสมบูรณ์ทางวัฒนธรรมในการรับประทานของไทย
เพราะ คิง เพาเวอร์ เป็นมากกว่าดิวตี้ ฟรี เราจึงไม่หยุดที่จะค้นหาสินค้าและประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งในประเทศไทยและระดับโลกมามอบให้นักเดินทาง แวะสัมผัสความรื่นรมย์อย่างไม่รู้จบ ที่มาพร้อมโฉมใหม่ของ คิง เพาเวอร์ รางน้ำ จุดหมายปลายทางที่ครบครันในทุกสิ่งสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ได้แล้ววันนี้