เพราะเมืองที่น่าอยู่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริม “ศิลปะแห่งการใช้ชีวิต” เป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่าเมืองๆ นั้นจะต้องมีความมั่นคงในด้านต่างๆ ทั้งการเมือง สังคม เศรษฐกิจ การศึกษา การเข้าถึงบริการสาธารณสุข ระบบโครงสร้างพื้นฐาน รวมไปถึงเสถียรภาพทางวัฒนธรรม ตลอดจนเสน่ห์ของเมือง
โดยปี 2022 นี้ The Economist Intelligence Unit (EIU) ทำการสำรวจและเก็บข้อมูลต่างๆ ดังกล่าวใน 172 เมืองจากทุกทวีปทั่วโลก จนได้ผลสรุปออกมาว่า “เมืองน่าอยู่ที่สุดในโลก” ประจำปีนี้ ตกเป็นของขาประจำอย่าง Vienna ซึ่งกลับมารั้งอันดับ 1 อีกครั้ง หลังจากที่ปีก่อนมงไปลงที่ Auckland จาก New Zealand นั่นเอง เรามาอัปเดตสักหน่อยดีกว่าว่า Top 10 ของเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกล่าสุดมีที่ไหนกันบ้าง
อันดับ 1
Vienna – Austria
เมื่อสถานการณ์คลี่คลายก็ถึงเวลาของ The City of Music อีกครั้ง Vienna เมืองหลวงของ Austria นั้นเพียบพร้อมไปด้วยเสถียรภาพและโครงสร้างพื้นฐานของเมืองอันยอดเยี่ยม ทั้งยังเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์สมฐานะเมืองคลาสสิกและโรแมนติกที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปตะวันออก
อันดับ 2
Copenhagen – Denmark
หนึ่งในเมืองเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสุขเป็นอันดับต้นๆ ของโลก อันเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจในการสร้างเมืองที่ยั่งยืน ที่นอกจากมีภูมิทัศน์อันงดงามแล้ว ก็ยังมีความปลอดภัยสูง อาชญากรรมต่ำ รวมไปถึงสวัสดิการที่อำนวยความสะดวกให้กับผู้คนอย่างทั่วถึง
อันดับ 3
Zurich – Switzerland และ Calgary – Canada
ครองอันดับ 3 ร่วมกัน ระหว่าง Zurich เมืองที่ใหญ่ที่สุดใน Switzerland ดินแดนแห่งภูเขาสูง หิมะขาว และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ กับอีกที่ Calgary ประเทศ Canada เมืองที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ไม่ว่าคุณจะชอบดาวน์ทาวน์หรือธรรมชาติ ก็อัดแน่นไปด้วยกิจกรรมให้ทำตลอดทั้งปี
อันดับ 5
Vancouver – Canada
อีกหนึ่งเมืองจาก Canada ที่ขึ้นชื่อเรื่องของคุณภาพชีวิตในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศ ภูมิประเทศ สิ่งแวดล้อม และธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ มีโครงสร้างทางสังคมที่เอื้อต่อความปลอดภัย รวมถึงเป็นเมืองที่โดดเด่นในเรื่องการศึกษาเมืองหนึ่งของโลก
อันดับ 6
Geneva – Switzerland
เมืองเศรษฐกิจสำคัญของสวิตเซอร์แลนด์ เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อมากมาย รวมไปถึงความมั่นคงเพราะเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ศูนย์กลางทางการทูต ถือเป็นเมืองที่มีองค์กรระหว่างประเทศตั้งอยู่มากที่สุดในโลก
อันดับ 7
Frankfurt – Germany
เมืองที่ใหญ่ที่สุดของรัฐ Hessen และใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศ Germany เป็นที่ตั้งของตลาดหลักทรัพย์ Frankfurt และธนาคารกลางยุโรป รวมถึงเป็นเมืองที่ร่ำรวยที่สุดในกลุ่มสหภาพยุโรปอีกด้วย จึงมีความเจริญและทันสมัย ในขณะเดียวกันก็ยังปรากฏให้เห็นอารยธรรมเก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลาง ผสมผสานกับศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัยได้อย่างลงตัว
อันดับ 8
Toronto – Canada
เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ Canada แห่งนี้ ดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมถึงเป็นเมืองในฝันของใครหลายคนอยู่เสมอ ด้วยความเจริญในทุกๆ ด้าน มีระบบขนส่งที่ดี มีโอกาสทางการทำงานสูง สะอาดและปลอดภัยเป็นอันดับต้นๆ ในอเมริกาเหนือ เช่นนี้แล้วใครล่ะจะไม่อยากไปอยู่
อันดับ 9
Amsterdam – Netherlands
เมืองมรดกโลกริมน้ำสุดโรแมนติก ที่เป็นทั้งเมืองหลวงและเต็มไปด้วยสถานที่สำคัญของประเทศ Netherlands โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมและงานศิลปะระดับโลก รวมถึงมีระบบการจัดการเมืองในมิติต่างๆ ที่ยอดเยี่ยมติดอันดับโลก
อันดับ 10
Osaka – Japan และ Melbourne – Australia
สองเมืองร่วมอีกครั้งในอันดับ 10 Osaka ชื่อที่เพียงแค่นึกก็เห็นสีสันของความมีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที แถมยังมีศิลปะญี่ปุ่นโบราณอันทรงคุณค่าให้ชมอีกมากมาย สมกับที่เป็นตัวแทนจากเอเชียในลิสต์นี้ กับอีกเมือง Melbourne ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ อีกเมืองที่แทบไม่เคยหลุดโผไปได้ ศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของ Australia ที่แม้มีความมั่งคงในด้านต่างๆ ดูจริงจังแต่ก็ยังเก๋ไม่น้อยหน้าใคร
ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป การเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย ยกเลิกระบบ Test & Go แล้ว ทำให้การเดินทางท่องเที่ยวทำได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น พร้อมพบกับ KING POWER CLICK & COLLECT บริการพิเศษจาก คิง เพาเวอร์ ที่ช่วยให้ช้อปสินค้า ดิวตี้ ฟรี กับ คิง เพาเวอร์ ออนไลน์ รับของง่ายขึ้นที่สนามบินทั้งขาเข้า-ขาออก
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
#LoveTravellers
#PowerTravellers
#ชวนไทยเที่ยวโลกชวนโลกเที่ยวไทย
#ชวนไทยเที่ยวโลก
#KingPower