Behind the Scene:
Traveller’s Dream

ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากให้นึกถึงนักเดินทางชาวไทยซึ่งเป็นที่รู้จัก เร แม๊คโดแนลด์ จะเป็นชื่อแรกๆ ที่ผุดขึ้นมาในใจของหลายๆ คน เพราะเขาเป็นเหมือนโรลโมเดลของนักเดินทางรุ่นใหม่ที่ใครก็อยากจะเดินตามรอยเท้า ฉะนั้นเมื่อต้องถ่ายแฟชั่นในธีมที่เชื่อมโยงกับการเดินทาง เราจึงนึกถึงเรเป็นคนแรก ซึ่งทันทีที่ได้พบหน้าในวันถ่ายทำ หนุ่มเรก็เอ่ยปากบอกออกมาพร้อมกับลีลาการเอื้อนเอ่ยอันเป็นเอกลักษณ์ว่า ไม่ได้ถ่ายแฟชั่นมานานแล้ว ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปีเลยทีเดียว

“ถ้าย้อนกลับไปประมาณ 20 ปีก่อน ผมถ่ายแฟชั่นเกือบทุกอาทิตย์พอห่างหายไปก็คิดถึงบรรยากาศเหมือนกัน วันนี้เลยดีใจที่ได้เจอพี่ๆ หลายท่านที่คุ้นเคย อาจจะเรียกได้ว่าโตมาด้วยกัน ทำให้รู้สึกเหมือนได้กลับมาในวงการแฟชั่นอีกครั้ง แล้วลุควันนี้บอกได้คำเดียวว่าหล่อมากทุกชุด เหมาะกับผมมากผมว่า Power เลือกถูกคนแล้วล่ะ (ยิ้ม) ไม่น่าเชื่อนะครับว่า เวลาผ่านไปสิบกว่าปีแล้วผมก็ยังโพสได้เป๊ะอยู่ ดูท่าคงจะต้องกลับไปฟิตหุ่นเพิ่มอีกนิดแล้วกลับมาเฉิดฉายในวงการแคตวอล์กรันเวย์อีกสักครั้งหนึ่งแล้วล่ะ” หนุ่มเรที่ปัจจุบันเป็นคุณพ่อลูกหนึ่งเอ่ยพร้อมเสียงหัวเราะ

นอกจากความเป๊ะปังของการโพสท่าตามที่เรว่ามา คงต้องยกความดีความชอบอีกส่วนหนึ่งให้กับความทุ่มเทของสัญชัยที่เซ็ตฉากแกรนด์แคนยอน Dream Destination ของแฟชั่นเซตนี้ออกมาได้อย่างอลังการ รวมถึงจัดเสื้อผ้าหน้าผมได้เหมาะกับนายแบบของเรามากๆ พอบวกกับฝีมือการถ่ายภาพของ จอร์จ–ธาดา วาริช จึงทำให้ได้ภาพที่สวยจนเลือกกันแทบไม่ถูก ยืนยันได้จากภาพแฟชั่นเซ็ตในฉบับนี้ที่หากใครได้เห็นเป็นต้องอยากตามไปโพสท่าถ่ายรูปเก๋ๆ ที่แกรนด์แคนยอนแน่นอน

ถึงแม้ว่าฉากหลังของแฟชั่นครั้งนี้จะเป็นแกรนด์แคนยอน สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของรัฐแอริโซนา สหรัฐอเมริกา แต่หากถามถึงทริปที่ประทับใจและทริปในฝันของเร พิธีกรชื่อดังบอกกับเราว่า “ทริปที่ประทับใจมีหลายทริปมาก ท็อป 10 หรือท็อป 5 จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ตามแต่ช่วงเวลา ณ วันนี้ถ้าให้ยกตัวอย่างประเทศที่ชอบ ก็มีมองโกเลีย เนปาล วานูอาตู วนอยู่ประมาณนี้ แต่ถ้าถามผมอาทิตย์หน้าก็อาจจะเปลี่ยนไป ซึ่งพอหลังๆ มา ผมชอบเดินทางใกล้ๆ บ้านและมักจะไปซ้ำที่เดิมๆ เพราะหลายที่ไปตอนอายุ 20, 25 หรือ 30 กับตอนนี้ที่ 40 ก็จะเห็นอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ อาจเป็นเพราะว่าพอโตขึ้น มุมมองก็เปลี่ยนไปความชอบอาจจะเปลี่ยนตาม ส่วนทริปในฝัน ผมยังไม่เคยไปไอซ์แลนด์ ก็เลยอยากไป หรืออย่างคิวบาก็อยากไป แม้แต่ในประเทศอย่างพิจิตร อุบลราชธานี หนองบัวลำภูก็อยากไป เพราะยังไม่เคยไป และผมเชื่อว่าทุกที่มีของดีหมด” รุ่นพี่นักเดินทางเผยถึงจุดหมายที่เขาฝันไว้

ด้านนักร้องขวัญใจมหาชนที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงได้รับความนิยมอย่าง ป๊อด–ธนชัย อุชชิน ก็เป็นหนึ่งในนักเดินทางที่มีสไตล์เฉพาะตัวด้วยความที่เป็นศิลปินซึ่งรักการวาดรูปและสร้างสรรค์งานศิลปะ แน่นอนว่าการเดินทางท่องเที่ยวของเขาจึงแฝงเรื่องราวที่เกี่ยวกับศิลปะไว้ด้วยเสมอ ดังนั้นการถ่ายแฟชั่นของป๊อดในครั้งนี้ สัญชัยจึงเนรมิตให้เป็นธีม Art Lover โดยเซ็ตฉากให้เป็นห้องที่เต็มไปด้วยผลงานลายเส้นของ คีธ แฮริ่ง (Keith Haring) ศิลปินชื่อดังชาวอเมริกัน 

“จริงๆ ผมเป็นแฟนคลับของ คีธ แฮริ่ง อยู่แล้วครับ ชอบงานของเขาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ถึงขนาดที่ตอนเรียนอยู่ปี 3 หรือปี 4 เคยแอบทำงานเพนต์แบบเขาลงบนแจกันเซรามิกด้วยนะ แล้วจากนั้นก็ติดตามผลงาน รวมถึงเรื่องราวชีวิตของเขาด้วย เวลาเดินทางไปเที่ยวตามพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ก็มีโอกาสได้ชื่นชมผลงานของเขาบ่อยๆ พอได้มาถ่ายแฟชั่นกับฉากที่เป็นเหมือนผลงานลายเส้นของเขาเลยรู้สึกอินและรู้สึกดีมากครับ” นักร้องดังผู้คลั่งไคล้งานศิลปะเล่าถึงความรู้สึกในการร่วมงานถ่ายแฟชั่นกับ Power เป็นครั้งแรก พร้อมกับเสริมว่าดีใจมากที่ได้ร่วมงานกับทีมงานมืออาชีพ ทั้งสไตลิสต์ ช่างภาพ รวมไปถึงช่างแต่งหน้าและทำผม

เมื่อคุยกันถึงเรื่องเที่ยว ป๊อดบอกว่าปกติแล้วเดินทางบ่อยมาก อย่างปีนี้นับจากต้นปีจนถึงกลางปีก็เดินทางมาแล้ว 5-6 ประเทศ ซึ่งหากถามถึงสิ่งที่พลาดไม่ได้เมื่อไปเที่ยวในแต่ละประเทศ แน่นอนว่าการเข้าไปชมงานศิลปะในพิพิธภัณฑ์คือ Bucket List ของเขา “ถ้าแพลนไปเที่ยวเองก็ต้องเข้าพิพิธภัณฑ์เพราะผมชอบดูงานศิลปะที่สุด การเดินเที่ยวในพิพิธภัณฑ์หรือแกลเลอรีจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับเรา ที่ไปบ่อยมากเลย คือพิพิธภัณฑ์ศิลปะโมริ บนรปปงงิฮิลส์ที่ญี่ปุ่น คือช่วง 5-6 ปีมานี้ ผมไปดูแทบจะครบทุกโชว์ของเขาเลย” ป๊อดเล่าถึงสไตล์การท่องเที่ยวในแบบคนรักศิลปะเช่นเขา ซึ่งหากให้แนะนำคนที่ชอบเดินทางสไตล์เดียวกัน เขาบอกว่าโตเกียว นิวยอร์ก และลอนดอน คือ 3 เมืองที่คนรักงานศิลปะไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะมีผลงานศิลปะให้ชื่นชมกันแบบมหาศาล 

และก่อนที่บรรยากาศอันสนุกสนานในกองถ่ายแฟชั่นของทั้งสองเซ็ตจะจบลง นายแบบทั้งสองคนก็ถือโอกาสนี้ฝากถึงนักเดินทางรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นนักเดินทางแนวไหนก็ตามว่า เพียงแค่เปิดใจให้กว้าง ยอมรับและยินดีกับทุกความแตกต่างและทุกสิ่งที่ได้พบเจอ จะทำให้การเดินทางในแต่ละครั้งมีความหมายเพิ่มขึ้นมากมายกว่าที่คิด