สำหรับค่ำคืนที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองอย่างคืนส่งท้ายปีเก่านั้น การพาตัวเองและคนรักไปใช้เวลาร่วมกันในสถานที่พิเศษ ถือเป็นการเตรียมตัวต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่อึดใจนี้ได้ดีอย่าบอกใคร เพราะเราต่างรู้ดีว่า ปีเดือนอันแสนหนักหนากำลังจะผ่านพ้นไปในไม่ช้า และสถานที่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานครที่เราได้คัดสรรมาเป็นอย่างดีเหล่านี้ ล้วนมีความพิเศษในแบบฉบับของตัวเอง หลากหลายครบทุกรสชาติทั้งแม่น้ำ ชุมชน ถนน และบนฟ้า ซึ่งก็รับประกันได้เลยว่า จะช่วยมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้ประทับอยู่ในใจไว้ตั้งแต่นาทีแรกของปี 2022 กันเลยทีเดียว
Ratchadamnoen Road
หลังจากกลับจากการเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างถนนที่สวยงามสง่าขึ้นเส้นหนึ่ง เพื่อทรงใช้ในการเสด็จพระราชดำเนินระหว่างพระบรมมหาราชวังกับพระราชวังดุสิต รวมถึงให้ประชาชนได้มีเส้นทางไว้สำหรับทำมาค้าขายได้สะดวกกว่าแต่ก่อน ตลอดจนเดินเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจไปในตัว พระราชทานนามว่า “ถนนราชดำเนิน” โดยต้นแบบก็มิใช่ใดอื่น Champs-Élysées แห่งมหานครปารีส ถนนที่ได้ชื่อว่างดงามที่สุดในโลกนั่นเอง ดูเหมือนคำกล่าวที่ว่า “Paris is always a good idea.” จะไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยไปนักในครั้งนี้
ถนนราชดำเนินเมื่อครั้งสร้างเสร็จใหม่ๆ นั้น มีสภาพเป็นถนนโล่งๆ มีช่องทางสำหรับเดินรถและเดินเท้า พร้อมกับเสาไฟและเก้าอี้รายทางอย่างยุโรปนิยม ต่อมาจึงมีการสร้างเกาะกลางถนนและอาคารเพิ่มเติมเข้าไป ซึ่งก็ยังคงยึดต้นแบบมาจากสถาปัตยกรรมโมเดิร์นสไตล์ฝรั่งเศสขณะนั้น กระทั่งภายหลังเริ่มมีบทบาทมากขึ้นทั้งในทางสังคมและวัฒนธรรม มีโรงเรียน โรงแรม อนุสรณ์สถาน หอสมุด สนามมวย และที่ทำการกระทรวงต่างๆ พร้อมประดับตกแต่งไฟตลอดเส้นทางในเทศกาลเฉลิมฉลองสำคัญๆ กลายเป็นถนนเส้นหลักแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ที่ไม่เคยหลับไหล
ในยามค่ำคืนของวันสิ้นปี ถนนเก่าอายุร้อยกว่าปีที่ผสมผสานไว้ซึ่งความแตกต่างแห่งยุคสมัยอันเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เส้นนี้ จะงดงามเป็นทวีด้วยดวงไฟที่ประดับประดาสว่างไสวสุกสกาวตลอดเส้นทาง ซึ่งหากได้ขับรถหรือเดิน “ดูไฟราชดำเนิน” แล้วล่ะก็ นอกจากความงดงามที่รับรู้ได้ในทันที เมื่อลองสังเกตดีๆ ยังจะสามารถสัมผัสได้ถึงกาลเวลาที่เปลี่ยนผ่าน ถนนแห่งนี้ได้เชื่อมโยงของไทยเดิม (พระบรมมหาราชวัง-วัดพระแก้ว) เข้ากับของไทยใหม่ (พระราชวังดุสิต-พระที่นั่งอนันตสมาคม) ตามจุดประสงค์แรกที่มันถูกสร้างขึ้น ในขณะที่ตัวเองกลับเป็นสิ่งที่รับมาจากโลกตะวันตก สะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ในช่วงเวลานั้นที่ประเทศไทยกำลังอยู่ในยุคของการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัย (Modernisation) ได้เป็นอย่างดี ทว่าในขณะที่ความคิดกำลังเดินทางย้อนไปในอดีต นาฬิกาที่ยังคงเดินไปข้างหน้าก็บอกให้รู้ว่าปีใหม่มาถึงแล้ว
Sala Arun Bangkok
ร้านอาหารพร้อมที่พักในตัวแห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ในชุมชนท่าเตียน ย่านชุมชนเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงรัตนโกสินทร์ นั่นหมายความว่า “ศาลาอรุณ” จึงแวดล้อมไปด้วยบรรยากาศของวัด วัง ตลอดจนวิถีชีวิตของชุมชนริมเจ้าพระยา โดยเฉพาะความงดงามตรึงตาตรึงใจของพระปรางค์วัดอรุณฯ แสนสง่าที่อีกฟากฝั่งของแม่น้ำ
แน่นอนว่าการบริการ การตกแต่ง หรือรสชาติของอาหารนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้ ซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย เพราะคุณจะได้สัมผัสกับที่พักแสนอบอุ่น สบายๆ เป็นกันเอง รวมไปถึงรสชาติของอาหารไทยที่ผสมผสานกับอาหารนานาชาติอย่างฝรั่งเศสหรืออิตาเลียนได้อย่างยอดเยี่ยมลงตัว ทว่าเสน่ห์ที่เป็นดั่งไฮไลต์ของ “ศาลาอรุณ” รวมถึง ร้านอาหาร “The Deck by Arun Residence” และ “Eagle Nest” รูฟท็อปบาร์ที่ตั้งอยู่ในที่พักแห่งนี้ ก็คือทิวทัศน์ของพระปรางค์วัดอรุณฯ ที่ไม่ว่าจะชมในยามเช้าหรือยามค่ำคืน ก็ชวนหลงใหลและเนรมิตให้วันนั้นกลายเป็นวันพิเศษขึ้นได้ในทันที
ด้วยความที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัดพอดี จึงสามารถที่จะสัมผัสความงามได้อย่างเต็มตา ยังมีลมหนาวที่พัดมาเอื่อยๆ ในค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าช่วยเสริมบรรยากาศ ทำให้ภาพขององค์พระปรางค์ต้องแสงไฟอยู่ใต้แสงดาว จะต้องเป็นภาพประทับใจแรกของปีที่ยากจะลืมเลือนอย่างแน่นอน
Sirimahannop
ห้องอาหารและบาร์ที่ลอยโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ สร้างขึ้นโดยมี “เรือทูลกระหม่อม” เรือใบสามเสาคล้ายเรือสําเภาซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศเป็นต้นแบบ โดยถือเป็นเรือประวัติศาสตร์ที่ทำหน้าที่เชื่อมสยามกับโลกตะวันตก ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงมีพระราชดําริเรื่องการเปิดการค้าเสรี การทำสนธิสัญญาเบาว์ริง และการเดินเรือกับอังกฤษ กระทั่งในเวลาต่อมาเมื่อถึงคราวจำเป็น เรือทูลกระหม่อมก็ได้เปลี่ยนหน้าที่จากเรือสินค้าไปเป็นเรือรบประจำการป้องกันปากน้ำเจ้าพระยา ก่อนจะถูกปลดระวางในฐานะเรือรบใช้ใบลําสุดท้ายของกองทัพเรือ
ท่ามกลางบรรยากาศแห่งประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า ณ ท่าเรือของเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ ท่าเรือขนส่งระหว่างประเทศแห่งแรก อดีตย่านอุตสาหกรรมที่ยังคงความมีชีวิตชีวาไม่เสื่อมคลาย โดยไฮไลต์อยู่ที่บริเวณชั้นดาดฟ้าของเรือ (Upper Deck) ที่รายล้อมไปด้วยทัศนียภาพธรรมชาติอันงดงามของสายน้ำแห่งแผ่นดิน สถาปัตยกรรมสะพานแบบอสมมาตรที่สูงเป็นอันดับ 5 ของโลกของสะพานพระราม 3 ตลอดจนเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตริมฝั่งเจ้าพระยา พอตกกลางคืนก็ได้เวลาเปลี่ยนบรรยากาศไปสู่การดื่มด่ำแสงไฟส่งท้ายปีแห่งกรุงเทพมหานคร ที่ส่องสว่างตัดกับท้องฟ้าและผืนน้ำอันมืดมิด
King Power Mahanakhon
สถานที่สุดพิเศษที่สามารถมองเห็นเมืองได้ทั้งเมือง ทิวทัศน์อันสวยงามสุดตาของกรุงเทพมหานครที่อาบแสงอาทิตย์สุดท้ายของปี ก่อนจะแทนที่ด้วยแสงไฟระยิบระยับในเวลากลางคืน จากจุดชมวิวภายนอกอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย ที่ความสูง 314 เมตร ของ มหานคร สกายวอล์ค หนึ่งในจุดท่องเที่ยวชั้นเยี่ยมที่ดีที่สุดของกรุงเทพฯ ณ ชั้น 78 คิง เพาเวอร์ มหานคร
“พลุ” สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ สัญลักษณ์แห่งเทศกาลเฉลิมฉลอง ที่ทั่วทั้งท้องฟ้าของกรุงเทพมหานครจะพร้อมใจกันจุดขึ้นในวินาทีที่เข้าสู่ปีใหม่ ซึ่งไม่ว่าจะยืนอยู่ตรงมุมไหนของ มหานคร สกายวอล์ค ก็จะได้ดื่มด่ำไปกับการแสดงพลุในแบบ 360 องศา โดยไร้ซึ่งสิ่งใดมาบดบัง รวมทั้งอย่าลืมว่า ที่ความสูง 314 เมตรนั้น คุณกำลังมองพลุที่ระดับสายตา ภาพตรงหน้าจึงพิเศษกว่าครั้งไหนๆ ที่เคยเจอ