ว่ากันว่า ถ้าอยากรู้จักที่ไหนแบบลึกซึ้ง ให้พูดคุยกับผู้คนของที่นั่น นิสัยใจคอและอัธยาศัยของคนท้องถิ่น
จะทำให้เรารู้ว่า วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ และบรรยากาศของเมืองนั้นๆ เป็นอย่างไร
ด้วยเหตุนี้ทุกการเดินทางของสาวสวยรูปร่างสูงโปร่งที่มีอาชีพเป็นนางแบบ พ่วงด้วยตำแหน่งรองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ปีล่าสุด “มิเรียม ศรพรหมมาศ” จึงมักจะไม่พลาดการสนทนาปราศรัยกับผู้คนที่เธอได้พบเจอในแต่ละเมืองแต่ละประเทศ เพื่อให้เข้าถึงความเป็นที่นั่นจริงๆ “ทุกครั้งที่ได้เดินทางไปท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตามมิเรียมตั้งใจที่จะไปเที่ยวกับคนที่รู้จักประเทศนั้นหรือยิ่งเป็นคนประเทศนั้นเลยยิ่งดี เพราะจะทำให้เราได้รู้ว่าชาวเมืองเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร วัฒนธรรมของเขาเป็นแบบไหน สถาปัตยกรรม บ้าน อาคารของเขาทำไมถึงเป็นแบบนั้น เพราะเรามองว่าสิ่งต่างๆเหล่านี้จะทำให้เข้าใจแต่ละที่ที่ไปได้อย่างลึกซึ้งขึ้นอีกอย่างคือ มิเรียมชอบพูดคุยกับผู้คน เวลาไปเที่ยวที่ไหนก็อยากจะเจอคนที่มีมุมมองใหม่ๆ อย่างตอนไปลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่อนๆ ที่อยู่ที่นั่นมานานบอกว่าผู้คนไม่เฟรนด์ลี่เลย แต่พอเราไปแล้ว เรากลับเห็นต่าง เพราะทุกคนที่เจอก็ทักทายกันดี อาจจะเป็นเพราะนิสัยเราด้วยที่ชอบคุยชอบทัก เฮลโล มาจากไหน จะไปไหน จนแม้แต่คนขับรถเมล์ยังโบกมือให้เลย” สาวสวยเล่าถึงความมีมนุษยสัมพันธ์ของตัวเองพร้อมรอยยิ้มกว้าง ซึ่งเธอมองว่าเพราะความเป็นเธอในแบบนี้เอง จึงทำให้ทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม มักจะมีแต่ความสนุกและความประทับใจเป็นของฝากกลับมาเสมอ
มิเรียมบอกว่า นิสัยชอบเรียนรู้และทำความเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นของประเทศต่างๆ อาจจะมาจากการเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกันของเธอเอง เพราะตั้งแต่เด็กเธอต้องปรับตัวให้เข้ากับทั้งสองวัฒนธรรมเพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านทั้งสองหลังของเธอได้อย่างมีความสุข จนทุกวันนี้มิเรียมสามารถอยู่ที่เมืองไทยได้แบบคนไทยจริงๆ และหากไปสหรัฐอเมริกา ก็ใช้ชีวิตได้ไม่ต่างจากคนอเมริกันทั่วไป ซึ่งการเรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างกันมาตั้งแต่เด็กนี้เอง ช่วยสอนให้เธอเปิดใจกับผู้คนในสังคมที่แตกต่าง เธอมองว่าหากไปเที่ยวแล้วได้พูดคุยกับเจ้าบ้าน ก็เหมือนได้ทำความเข้าใจกับวิถีชีวิตและสังคมของแต่ละที่ซึ่งนั่นเองคือความสนุกของการท่องเที่ยวในแบบของเธอ
“จำได้ว่าตอนไปทำงานที่มัลดีฟส์แค่ 4 วัน ทำเอามิเรียมเกือบจะรู้สึกเศร้า เพราะถึงแม้ว่าสถานที่จะเพอร์เฟ็กต์มาก ทะเลสวย รีสอร์ทสวยงาม แต่ที่นั่นไม่มีวัฒนธรรม ไม่มีชาวบ้าน ไม่มีอะไรเลย เป็นสถานที่ที่สวยเป๊ะเกินไป แต่ไม่มีชีวิตชีวา ต่างจากการไปเดินเล่นในหมู่บ้านเล็กๆ ที่เนเธอร์แลนด์ ซึ่งมิเรียมชอบมาก เพราะถึงจะเป็นประเทศเล็กๆ แต่เขาก็ช่างสังเกตประเทศรอบข้างแล้วนำสิ่งดีๆ มาปรับใช้ในบ้านเมืองเขา รถยนต์ก็ไม่ค่อยมีให้เห็นเท่าไหร่เพราะเขาขี่จักรยานกันมากกว่า เลยทำให้ผู้คนในเมืองมีสุขภาพที่ดีและดูมีความสุขมาก ที่น่ารักอีกอย่าง คือคนที่นั่นไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กก็คุยกันได้ มิเรียมได้คุยกับเด็กอายุแค่ 10-15 ปี เขารู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ของประเทศเขาดีมากทั้งยังมีความคิดอ่านแบบผู้ใหญ่ รู้เลยว่าการเรียนการสอนในโรงเรียนเขาดี ทำให้ไม่มีช่องว่างระหว่างวัยมากนัก หรืออย่างคนรวยกับคนจนก็ไม่ห่างกันมากทุกคนในสังคมของเขาดูเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันซึ่งสำหรับมิเรียมนั่นเป็นสิ่งที่น่ารักมาก”
รองอันดับ 1 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ถ่ายทอดประสบการณ์การท่องเที่ยวของเธอที่จะขาดการพบปะสนทนากับคนท้องถิ่นไปไม่ได้เลย ซึ่งนอกจากเนเธอร์แลนด์ที่ประทับใจมากๆ แล้ว ยังมีอีกหลายวัฒนธรรมหลายประเทศที่เธออยากจะไปสัมผัสและเรียนรู้ ทั้งบราซิล อิตาลี และที่ฝันอยากจะไปเยือนมากที่สุดตอนนี้ คือตาฮิติ เกาะเล็กๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกที่มีวิถีชีวิต วัฒนธรรม ตลอดจนภาษาในแบบเฉพาะของตัวเอง ซึ่งหากได้ไปสักครั้งน่าจะสนุกและสร้างความประทับใจให้กับเธอได้ไม่น้อย
นอกจากการเรียนรู้วัฒนธรรมแล้ว มิเรียมบอกว่า ธรรมชาติคืออีกหนึ่งสิ่งที่เธอชอบมาก ด้วยความที่เป็นสาวเชียงใหม่ ต้นไม้และภูเขาจึงเป็นสิ่งที่เธอรัก แต่อีกใจก็ชอบทะเล ฉะนั้น 2 สิ่งนี้จึงมักจะอยู่ในลิสต์การท่องเที่ยวของเธอเสมอ ไม่ว่าจะไปเยือนประเทศไหนก็ตาม
“มิเรียมชอบธรรมชาติ ทั้งภูเขาและทะเล คือชอบอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเราเอง พอมองทะเลหรือภูเขาแล้วจะรู้สึกว่า เราตัวเล็กนิดเดียว อาจจะตลกตรงที่ทำให้แวบหนึ่งรู้สึกว่าชีวิตเราไม่ค่อยสำคัญ ถ้าเทียบกับโลกที่ใหญ่มากๆ แต่จริงๆ แล้วทุกชีวิตล้วนสำคัญ ธรรมชาติเป็นเหมือนสิ่งที่ช่วยให้เราค้นพบตัวเอง และเยียวยาเวลาเรารู้สึกแย่มากกว่า เพราะอย่างนี้มิเรียมเลยมีความฝันว่าอยากจะสร้างบ้านเด็กกำพร้าให้อยู่ระหว่างภูเขากับทะเล เพราะเราทำงานเป็นนักบำบัดด้วย เลยสังเกตเห็นว่า การได้อยู่กับธรรมชาติจะช่วยให้ทุกคนเจอตัวตนของตัวเองได้ง่ายกว่า เพราะธรรมชาติมีความสงบ นำพาความเครียด ความโกรธออกไปได้ง่าย ยิ่งถ้าเป็นเด็ก ความอิสระของธรรมชาติจะสร้างความกล้าที่จะผจญภัยในชีวิตของเขาเองได้มากขึ้น” นั่นคือมุมมองอีกด้านที่มิเรียมค้นพบระหว่างเดินทาง
คงไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า การเดินทางทำให้มิเรียมได้เข้าใจโลก เข้าใจผู้คนในสังคมที่แตกต่างกัน และยังสร้างแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ในการทำงานเพื่อสังคมของเธอในอนาคต ซึ่งตัวเธอเองก็เชื่อว่า ทุกการเดินทางของทุกคนจะทำให้เกิดสิ่งดีๆ ขึ้นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นความประทับใจที่จะกลายเป็นความทรงจำที่สวยงาม มิตรภาพ และเพื่อนใหม่ๆ ระหว่างทาง หรืออย่างน้อยที่สุดก็คือ ประสบการณ์ที่จะอยู่ในใจให้หวนนึกถึง