WHAT'S NEW WATCHES
VERSATILITY
ดึงดูดทุกสายตาด้วยเสน่ห์แห่งความเป็นสุภาพบุรุษอันเป็นเอกลักษณ์
ผ่านเรือนเวลาสุดโปรดที่บ่งบอกความเป็นตัวตน
PHOTOGRAPHY: COURTESY OF BRANDS
BREITLING
Breitling Chronomat B01 42 เปิดตัวในปี 1984 มีความโดดเด่นทั้งฟังก์ชั่นและสไตล์ให้เวลาที่แม่นยำทำให้เป็นหนึ่งในนาฬิกาที่มีคนชื่นชอบมากที่สุดประสบความสำเร็จมากที่สุดและเป็นนาฬิกาที่ทุกคนรอคอยมากที่สุดสำหรับปีนี้
Breitling Chronomat B01 42 เป็นนาฬิกากลไกไขลาน ขนาดตัวเรือนอยู่ที่ 42 มิลลิเมตร หนา 15.10 มิลลิเมตร กันน้ำ 20 บาร์ (200 เมตร) ตัวเรือนมีน้ำหนักกำลังดีและมีความหนั่นแน่นเป็นพิเศษจากการตีมากกว่า 15 ครั้ง ในระยะเวลา 2 สัปดาห์ แรงกดในแต่ละครั้งมากกว่า 15 ตัน ผ่านความร้อนที่ 1100 องศาเซลเซียส ตัวสายมีความประณีต หน้าปัดเต็มไปด้วยดีเทล โทนสีสวยและมีขอบหลายชั้น เพียงมองปราดเดียวถึงแม้จะไม่ใช่กูรูนาฬิกา แต่ก็สัมผัสได้ถึงความแพง!
JAEGER-LECOULTRE
แม้คอลเลคชั่น Polaris ของ Jaeger-LeCoultre จะถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อเป็นนาฬิกาสปอร์ตเต็มรูปแบบ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่หรูหรา ด้วย Polaris Chronograph มาในตัวเรือนทองชมพู 18K ขนาด 42.0 มิลลิเมตร โดยเฉพาะเมื่อมาจับคู่กับหน้าปัดสีเทาและสายหนังจระเข้สีน้ำตาลไหม้ ยิ่งให้ความงามสง่าอย่างไม่มีที่ติ ในขณะที่ด้านประสิทธิภาพก็ชั้นเยี่ยม ด้วยกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติที่ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดยาวนานถึง 1,000 ชั่วโมง อีกทั้งความสามารถในการกันน้ำยังเทียบเท่าที่ระดับความลึก 100 เมตร
IWC
IWC ขอเสนอ Portofino Chronograph สำหรับหนุ่มมาดนิ่งแนวสปอร์ต ด้วยเรือนเวลาหรูที่มาพร้อมตัวเรือนทองชาด 18K ขนาด 42.0 มิลลิเมตร ให้ความทันสมัยด้วยหน้าปัดสีน้ำเงินที่ปัดเป็นลาย “Sunray” อย่างมีมิติ ลงตัวด้วยการแสดงเวลาแบบ 2 เข็มครึ่ง แยกการบอกค่าเป็นวินาทีที่ตำแหน่ง 9 นาฬิกา ขณะที่เข็มวินาทีหลักรับหน้าที่แสดงค่าจับเวลา ร่วมกับหน้าปัดย่อยที่ 12 และ 6 นาฬิกา พร้อมการแสดงวันและวันที่ที่ตำแหน่ง 3 นาฬิกา ทั้งหมดนี้ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ
ELEGANCE
คุณค่าที่คุณคู่ควร
เมื่อเรือนเวลาหรูเป็นเสมือนตัวแทนแห่งความเลอค่าน่าค้นหาในตัวหญิงสาว
VACHERON CONSTANTIN
Vacheron Constantin ตั้งใจถ่ายทอดความเลอค่าผ่านเรือนเวลาหรูที่มีความเป็นโอตกูตูร์ชั้นสูง ทั้งในแง่ของแฟชั่นและศาสตร์ของการทำนาฬิกา จึงทำให้ Egerie Self winding ตัวเรือนสแตนเลส ขนาด 35 มิลลิเมตรเรือนนี้ เหมือนเป็นการรวมตัวกันของสองโลกที่ทำให้เกิดความเป็นเลิศทั้งทางด้านกลไกและความสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์การจับจีบบนหน้าปัดที่ให้อารมณ์อ่อนหวานของคุณสุภาพสตรี ผสานกับความงามสง่าของขอบตัวเรือนประกายเพชรที่ประดับด้วยเพชรเจียระไนทรงกลม 58 เม็ด และอีก 34 เม็ด สำหรับรายล้อมวงหน้าปัดย่อยตรงตำแหน่งตัวเลขบอกวันที่อยู่ระหว่างโซนเลข 1 กับ เลข 2 มาพร้อมกลไกควอตซ์ที่เที่ยงตรง และให้ความรู้สึกเบาสบายในยามสวมใส่
OMEGA
Seamaster Aqua Terra 150M จาก Omega ยังคงโดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เรียกว่าสวยทุกมุมมอง ตั้งแต่ขอบตัวเรือนที่ล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดงามส่งประกายหยอกล้อกับลายสลักริ้วคลื่นประดับเพชรต่างขนาดบนหน้าปัด ที่เพิ่มความโดดเด่นด้วยทับทิมทรงมาคีส์สีแดงสดประดับแทนหลักชั่วโมงรับกับสายหนังจระเข้สีแดงวาววับ และที่ ‘มีดี’ ยิ่งไปกว่านั้นคือ ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติแบบ Co-Axial ที่เที่ยงตรงระดับ Master Chronometer พร้อมการป้องกันสนามแม่เหล็ก บรรจุในตัวเรือนทอง SednaTM 18K ขนาด 34.0 มิลลิเมตร ที่กันน้ำได้ 150 เมตร
CHOPARD
เมื่อพูดถึงคอลเลคชั่นยอดนิยมตลอดกาลจาก Chopard คงหนีไม่พ้น Happy Diamonds และ Happy Sport โดยล่าสุด Happy Sport Oval ยังคงตอบโจทย์ความสปอร์ตหรูละมุนตา ด้วยความเป็นเอกลักษณ์ของ “เพชรกลิ้ง” จำนวน 7 เม็ด ซึ่งเคลื่อนที่อย่างอิสระอยู่บนพื้นหน้าปัดเปลือกหอยมุก โดยที่ตำแหน่งแสดงเวลาถูกแทนที่ด้วยเพชรเม็ดงาม ส่งประกายระยิบระยับขับแสงแข่งกับเพชรที่ประดับอยู่บนขอบตัวเรือนและขายึดสาย กลไกอัตโนมัติถูกบรรจุไว้ใต้ฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ในตัวเรือนทองขาว 18K ขนาด 29.0 x 31.31 มิลลิเมตร