CHOPARD

Mille Miglia คือรายการแข่งรถคลาสสิกที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีระยะทางรวม 1,000 ไมล์ โดย 30 ปีหลังมานี้มี Chopard เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลัก และออกนาฬิกาที่ระลึกในแต่ละปีมาโดยตลอด นี่คือ Mille Miglia Classic Chronograph ในตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 42.0 มิลลิเมตร อวดกลไกโครโนกราฟอัตโนมัติที่มีความเที่ยงตรงระดับโครโนมิเตอร์อยู่ใต้ฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ บอกและจับเวลาผ่านหน้าปัดสีน้ำเงิน จับคู่กับสายหนังลูกวัว ผลิตเพียง 1,000 เรือน

IWC

ตำนานของ Portugieser จาก IWC เริ่มต้นขึ้นใน ค.ศ. 1938 ในฐานะนาฬิกาข้อมือขนาดใหญ่ดีไซน์เรียบง่าย ที่ทำงานด้วยกลไกนาฬิกาพก ซึ่งรูปลักษณ์อันเป็นอมตะนั้นได้ถ่ายทอดต่อมาใน Portugieser Automatic นาฬิกากลไกอัตโนมัติที่สามารถสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 7 วัน อวดการทำงานอยู่ใต้ฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ในตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 42.3 มิลลิเมตร ที่มาพร้อมขอบตัวเรือนบางเฉียบและหน้าปัดผืนกว้าง พร้อมการแสดงเวลาแบบ 2 เข็มครึ่ง และมาตรแสดงระดับพลังงานคงเหลือแบบเต็มตา

JAEGER-LECOULTRE

88 ปีแล้วที่ Reverso จาก Jaeger-LeCoultre เปิดตำนานด้วยตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่สามารถพลิกเอาฝาหลังกลับขึ้นมาไว้ด้านบนได้ ถือกำเนิดตามคำเรียกร้องของนักกีฬาโปโลที่มักประสบปัญหาถูกลูกโปโลพุ่งชนนาฬิกาข้อมือจนเสียหาย และ Reverso Tribute Calendar เรือนนี้คือทายาทแห่งตำนาน งามหรูด้วยตัวเรือนทองชมพู 18K ขนาด 29.9 x 49.7 มิลลิเมตร ที่บรรจุกลไกไขลานไว้ภายใน แสดงเวลา 2 ไทม์โซน พร้อมการแสดงวัน วันที่ เดือน ข้างขึ้น-ข้างแรม และกลางวัน-กลางคืน ผ่าน 2 หน้าปัดทางด้านหน้าและด้านหลัง

ใครว่าผู้หญิงไม่สนใจในกลไก เพราะนับตั้งแต่ครั้งที่สตรีนิยมหยิบนาฬิกาของหนุ่มข้างกายมาสวมใส่ให้ดูเก๋เท่ เธอก็เริ่มสนใจ
ในความซับซ้อนของจักรกลเวลา และนั่นก็ทำให้นาฬิกาสตรีที่ทำงานด้วยกลไกจักรกลกลายเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่พวกเธอหลงใหล

BLANCPAIN

ผลงาน Ladybird ที่สร้างชื่อมานานของ Blancpain นั้นโดดเด่นสมชื่อ “แมลงเต่าทอง” ด้วยกลไกทำงานทรงกลมที่เล็กที่สุดในโลกซึ่งเผยโฉมครั้งแรกในปี ค.ศ. 1956 และรุ่นล่าสุด Ladybird Ultraplate ก็สานต่อตำนานด้วยกลไกอัตโนมัติขนาดเพียง 15.7 มิลลิเมตร ที่บรรจุอยู่ในตัวเรือนทองชาด 18K ขนาด 21.5 มิลลิเมตร ล้อมรอบขอบตัวเรือนด้วยเพชรน้ำงาม รับประกายกับเพชรและทับทิมที่ประดับอยู่บนพื้นหน้าปัดเปลือกหอยมุกอย่างมีดีไซน์ จับคู่กับสายหนังสีขาวเนื้อนุ่ม บ่งบอกถึงความงามหรู

OMEGA

คอลเลคชั่นอมตะ Constellation จาก Omega โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์คานคู่บน 2 ข้างตัวเรือน ล่าสุดเปิดตัว Constellation Petite Seconde ที่ยอดเยี่ยมด้วยการทำงานของกลไกอัตโนมัติระบบ Co-Axial ที่มอบความเที่ยงตรงสูงสุดระดับ Master Chronometer บรรจุอยู่ใต้ฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ในตัวเรือนทองชาด 18K ขนาด 27.0 มิลลิเมตร กันน้ำได้ลึก 100 เมตร แสดงเวลาแบบ 2 เข็มครึ่งผ่านพื้นหน้าปัดเปลือกหอยมุกสีขาวที่ประดับด้วยเพชรน้ำงามเพิ่มคุณค่าความหรู รับประกันคุณภาพนานถึง 5 ปี

PIAGET

เรื่องความบาง Piaget ไม่เคยยอมเป็นรอง และ Piaget Altiplano 900P ขนาด 38.0 มิลลิเมตร คือข้อพิสูจน์ เพราะมีความหนาของตัวเรือนทองกุหลาบ 18K แค่เพียง 3.65 มิลลิเมตร จากการใช้แท่นเครื่องด้านหลังของกลไกไขลาน Cal.900P ที่สามารถสำรองพลังงานได้นาน 48 ชั่วโมง เป็นฝาหลังตัวเรือนไปด้วยในตัว นอกจากนี้ยังติดตั้งสเกลแสดงชั่วโมงลงบนกลไก เพื่อให้นาฬิกาเรือนนี้ปราศจากพื้นหน้าปัดและสามารถอวดความงามของกลไกได้อย่างเต็มตา ความงามเช่นนี้จำกัดจำนวนผลิตไว้แค่ 200 เรือน

ไม่ว่าสไตล์แฟชั่นหรือรูปแบบชีวิตจะหวือหวาซับซ้อนขนาดไหน ที่สุดแล้วความเรียบง่ายคือความลงตัวและเป็นอมตะอย่างที่สุด
แต่ความเรียบง่ายที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในการสร้างสรรค์ ลองดูจาก 3 เรือนต่อไปนี้ก็ได้

BAUME & MERCIER

Clifton Baumatic นาฬิกาตัวเรือนสเตนเลสสตีลขนาด 40.0 มิลลิเมตร ที่เหมาะกับทั้งข้อมือบุรุษและสตรี จากแบรนด์เก่าแก่ Baume & Mercier นั้น มีดีซ่อนอยู่ภายใต้หน้าตาเรียบง่าย ซึ่งประณีตในรายละเอียด เพราะทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติชุดล่าสุดที่สามารถสำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 5 วัน และแสดงเวลาแบบ 3 เข็ม พร้อมการแสดงวันที่อย่างเที่ยงตรงระดับประกาศนียบัตรโครโนมิเตอร์จาก COSC อวดการทำงานอยู่ใต้ฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์ สามารถกันน้ำได้ลึก 50 เมตร

LONGINES

La Grande Classique de Longines คือเรือนเวลารูปแบบเรียบง่าย แต่งามด้วยรายละเอียดต่างๆ อันเป็นอมตะที่ครองใจคนทั่วโลกมานาน เหมาะกับข้อมือหญิงสาวด้วยตัวเรือนขนาด 24.0 มิลลิเมตร และข้อสายละเอียดที่ผลิตจากสเตนเลสสตีลขัดเงา ตกแต่งพื้นหน้าปัดสีน้ำเงินที่ปัดเป็นลายรัศมีอย่างมีมิติด้วยเพชรเม็ดเล็ก 12 เม็ดแทนตำแหน่งบอกเวลา บอกเวลาเป็นชั่วโมงและนาทีอย่างเที่ยงตรงด้วยเครื่องควอตซ์ กระชับข้อมืออย่างมั่นคงด้วยตัวพับล็อก 3 ชั้น กันน้ำได้ลึก 30 เมตร

RADO

ความเรียบง่าย คือปรัชญาในการออกแบบของ Rado มาเนิ่นนาน ยิ่งเมื่อมารวมกับวัสดุตัวเรือนสุดไฮเทคที่เป็นทางถนัดของ Rado ก็ยิ่งไม่ควรพลาด ผลงานนาฬิกาเรือนบาง DiaMaster Ceramos Thinline ที่ผลิตตัวเรือนขนาด 41.0 มิลลิเมตร หนา 8.3 มิลลิเมตรด้วย “Ceramos” ที่ผสมขึ้นจากไฮเทคเซรามิกปริมาณ 90% และโลหะอัลลอยอีก 10% จนได้สีทองกุหลาบเงางาม โดยให้ทั้งความแข็งแกร่งและเบาสบาย แสดงเวลาเป็นชั่วโมงและนาทีพร้อมการแสดงวันที่ด้วยกลไกอัตโนมัติ