PHOTOGRAPHY: COURTESY OF BRANDS
กระแส Collaboration ในวงการแฟชั่นระดับไฮเอนด์มีออกมาอย่างต่อเนื่อง พักหลังแม้แต่แบรนด์ Haute Couture หรือ Heritage ก็ลงสนามมาเล่นกับตลาดนี้มากขึ้นด้วย แถมส่วนใหญ่ลงมาทดลองร่วมงานกับแบรนด์ที่เล็กกว่าอีกต่างหาก เพราะนอกจากจะช่วยขยายตลาดแล้ว ก็ยังเป็นโอกาสทองสำหรับ Rebranding หรือ PR ทำให้เราได้เห็นแบรนด์ใหญ่จับมือกับแบรนด์เล็กอย่างไม่แคร์เรื่องชนชั้นวรรณะกันเลย
วันนี้ POWER เลยลองหยิบคู่ Collaboration ที่น่าสนใจมาฝากกัน
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://www.instagram.com/jlo/
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://www.instagram.com/haileybieber/
Gucci x The North Face ธันวาคม 2020
อัพดีกรีให้ชีวิตติดธรรมชาติ เอาต์ดอร์ทั้งหรูและชิคขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ จะขึ้นดอยหรือเดินป่าก็ชิคตลอดทริปด้วยดีไซน์วินเทจติดความเนิร์ด ทำให้แจ็กเก็ตขนเป็ดเป็นไอเทมที่ต้องมีถึงจะไม่ได้ออกทริปไปไหนก็เถอะ แถมมาพร้อมเทรนด์รักษ์โลกแบบ Econyl เอาสมบัติที่โดนโละทิ้งแล้วอย่างพรม เสื้อผ้า ไปจนถึงตาข่ายจับปลา นำมาผลิตเป็นไอเทมชิ้นใหม่
เซเล็บที่เป็นแฟนคอลเลคชั่นนี้ อาทิ Jennifer Lopez, Kendall Jenner และ Jessica Biel
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://www.instagram.com/kyliejenner
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://www.instagram.com/skawngur/
Dior x Nike กลางปี 2020
Air Jordan 1s รุ่นนี้ทำออกมาแค่ 8,000 คู่ เพื่อจับกลุ่ม Generation Z ไปจนถึง Millennial ที่ปกติไม่ได้เป็นแฟน Dior สักเท่าไหร่ มาตรฐานราคา Air Jordan จากเดิมคู่ละ USD100-200 แต่คู่นี้ที่ออกกับ Dior ราคากว่า USD2,500 เรียกว่าเป็น Air Jordan รุ่นที่แพงที่สุดว่างั้น ยอดคนลงทะเบียนจองล่วงหน้าปาเข้าไปกว่า 5 ล้านคน ขายแค่ 2-3 นาทีก็เกลี้ยงสต็อก ในตลาดResale คู่นี้ราคาทะลุ USD20,000 ไปแล้ว นี่ขนาดในยุคโควิดที่เงินก็ไม่ได้สะพัดขนาดนั้นนะ
เซเล็บที่เป็นแฟนคอลเลคชั่นนี้ อาทิ Kylie Jenner, Travis Scott และ Nam Juhyuk
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://www.instagram.com/ladygaga/
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://www.instagram.com/madonna/
Louis Vuitton x Supreme ปี 2017
คู่นี้เป็นแบรนด์ที่มาจากคนละขั้ว แบรนด์หนึ่งเป็นสตรีตแวร์ครองใจสายฮิปจากอเมริกา อีกแบรนด์ก็เป็นแฟชั่นเฮ้าส์ที่สุดของความหรูและราคาที่ต้องเอื้อมกันสุดแขนจากฝรั่งเศส คู่นี้มาเจอกันได้เพราะ Kim Jones ดีไซเนอร์ Menswear ของ LV เป็นแฟนสายสตรีตตัวกลั่น อยากปล่อยของแนวนี้แต่กลัวดูเฟค เลยต้องจับคู่กับ Supreme เพื่อเพิ่มมนตร์ขลังสไตล์สตรีตให้ไอเทมของ LV ผลคือทั้งสองแบรนด์ได้เจาะกลุ่มลูกค้าใหม่กันไปเนียนๆ โดยเฉพาะ LV ที่ทำยอดเพิ่มขึ้นมาถึง 21% ในปีนั้น ส่วน Supreme ก็ได้มีโอกาสทดลองออกผลงานจับตลาดกลุ่มบนสุดร่วมกับแบรนด์ระดับ LV
เซเล็บที่เป็นแฟนคอลเลคชั่นนี้ อาทิ Lady Gaga, Madonna, Justin Bieber และ Beyoncé
ขอขอบคุณรูปภาพจาก https://www.vogue.co.uk/gallery/versace-for-hm-party
Versace x H&M พฤศจิกายน 2011
จะเรียกว่าเป็นคู่บุกเบิกก็น่าจะได้ เพราะตอนนั้นเรื่อง Collaboration ยังใหม่มาก แถมยังเป็นการแท็กทีม Fast Fashion กับ Luxury Fashion งานนี้ต้องให้เครดิต H&M ที่เป็นคนไปทาบทาม Donatella Versace ก่อน ที่ฟินสุดคือสายแฟชั่นนี่แหละ เพราะสามารถเป็นเจ้าของไอเทม Versace ในราคาที่เอื้อมถึง แบรนด์ทั้งคู่ก็วินในแง่ประชาสัมพันธ์ สื่อต่างๆ รุมกันเสนอข่าวเพราะฮือฮามาก จนถึงปัจจุบัน H&M ก็ยังใช้มุกนี้อย่างต่อเนื่อง
แบรนด์ที่เคยทำ Collaboration กับ H&M อาทิ Marni, Alexander Wang, Balmain และ Kenzo
Dolce & Gabbana x Smeg 2016
สองแบรนด์ดังสัญชาติอิตาเลียนที่ทำงานเข้าขากันเป็นอย่างดี ออกมาแล้ว 3 คอลเลคชั่นในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เป็นไอเทมของใช้ในบ้านที่สามารถเป็นงานศิลปะตั้งโชว์ได้สบาย ด้วยดีไซน์สะดุดตาและสีสันสดใสในแบบศิลปะพื้นเมืองของ Sicily ฟังก์ชั่นก็ครบคุณภาพก็จัดเต็ม ไอเทมเด่นคือตู้เย็นจากคอลเลคชั่นแรกเมื่อปี 2016 เพนต์ลายแบบแฮนด์เมด ทำออกมาขายแค่ 100 เครื่องๆ ละ USD50,000 จุดเด่นที่ทุกคอลเลคชั่นมีเหมือนกันคือลวดลายพื้นเมืองที่สื่อถึงวิถีชีวิตชาว Sicilian ผ่านรูปมะนาว รวมทั้งโมทิฟที่อยู่บนรถเทียมม้าแบบดั้งเดิม ทำให้เครื่องครัวดูมีเสน่ห์และบอกเล่าเรื่องราวได้ดี คอลเลคชั่นล่าสุดออกมาเมื่อปีที่แล้วออกมาในโทนขาวฟ้าลาย White Majolica ใครจะไปคิดว่าเตาแก๊สกับเครื่องดูดควันจะดูชวนฝันได้ขนาดนี้
เมื่อแบรนด์จับมือกันมันจึงดีกับทุกฝ่าย ทั้งตัวแบรนด์และเหล่านักช้อป คอลเลคชั่นที่สร้างสรรค์ออกมามีดีไซน์ความพิเศษที่แตกต่างเฉพาะตัว เพราะเป็นงานที่หลอมรวมจุดเด่นของแต่ละแบรนด์เข้าด้วยกัน หลายครั้งมันกลายเป็นของสะสมที่ไม่ได้มีคุณค่าแค่ราคาตามป้ายแต่ยังมีคุณค่าทางจิตใจอีกด้วย