Saint Laurent หนึ่งในแบรนด์แฟชั่นที่สะท้อนตัวตนของสาวปารีเซียงได้อย่างดีที่สุด พลังของความเย้ายวน น่าค้นหา ผสมความเปรี้ยวเก๋และแอตติจูดที่ไม่เหมือนใครนั้น ยังคงโดดเด่นและเรียกให้ทุกสายตาหันมามองได้อย่างไม่เสื่อมคลาย
STORY
TAWAN KONKAEW
PHOTOGRAPHY
COURTESY OF BRANDS
หากเอ่ยถึงแบรนด์ Saint Laurent กับผู้คนในหลายช่วงอายุย่อมได้ภาพในความทรงจำที่แตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจน หากถามคนอายุ 60 ปี แบรนด์นี้คือต้นกำเนิดของความหรูหราตามแบบฉบับ Haute Couture และย่อมปรากฏภาพชุดสูทสีดำสำหรับผู้หญิง (Le Smoking) หรือชุดเดรสคอลเลคชั่น Mondrian ที่นำงานอาร์ตมาสู่แฟชั่นอยู่ในความทรงจำ ถามคนอายุ 50 ปี ก็ต้องมีภาพแจ็กเก็ตไหล่ตั้งที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพวาดของแวนโก๊ะ คนช่วงวัย 40 ต้นๆ อาจจะจำคอลเลคชั่นจีนสุดเปรี้ยวฝีมือการออกแบบส่งท้ายจาก Tom Ford หรือคนอายุ 30 ปี ก็คุ้นกับผลงานการออกแบบแสนโรแมนติกของ Stefano Pilati หันกลับมาถามคนอายุ 20 ปี ก็ต้องนึกถึงภาพร็อกเกอร์สาวสุดซ่าในแจ็กเก็ตหนังและซิลูเอตผอมบางอย่างสุดขั้วตามสไตล์ส่วนตัวของ Hedi Slimane แล้วกลุ่มเด็กสุดเปรี้ยวรุ่นล่าสุดล่ะ เขาก็ต้องนึกถึงรองเท้าบู๊ตสีเงินแวววาวและความเซ็กซี่แบบเดียวกับที่นางแบบสาว Kendall Jenner สวมไปดูแข่งบาสเกตบอล NBA
จะเห็นได้ว่าแม้ภาพจำนั้นแตกต่างกัน แต่แบรนด์หรูแบรนด์นี้ก็มีอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นและสไตล์เป็นอย่างมาก เหตุผลที่เป็นเช่นนี้คงมาจากพลังความคิดและการออกแบบของผู้ก่อตั้งแบรนด์ รวมไปถึงเหล่านักออกแบบรุ่นใหม่ที่หมุนเวียนกันมาสร้างพลังให้กับ Saint Laurent ไม่ให้หยุดนิ่งลงแม้แต่ซีซั่นเดียว
หากจะกล่าวถึงจุดเริ่มต้นและเรื่องราวของแบรนด์นั้นต้องกล่าวถึงประวัติและไลฟ์สไตล์ที่โลดโผนไม่เหมือนใครของดีไซเนอร์ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Yves Saint Laurent เขาเริ่มเป็นจุดสนใจของวงการตั้งแต่อายุเพียง 21 ปี เมื่อเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าดีไซเนอร์ของแบรนด์ Dior ในช่วงนั้นเขาได้แนะนำโครงชุดแบบ A Line ที่ฮิตอย่างมาก จนสามารถกู้วิกฤตทางการเงินของแบรนด์ให้กลับมามียอดขายถล่มทลายได้ ไม่นานหลังจากนั้น เขาถูกกองทัพเรียกให้เข้าร่วมรบ ที่นั่นเองทำให้สภาวะซึมเศร้าของ Yves กำเริบจนต้องเข้ารับการบำบัดในโรงพยาบาล และเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาต้องเลิกทำงานกับแบรนด์ Dior
เมื่อไม่ได้ทำงานกับแบรนด์เดิม Yves Saint Laurent ตัดสินใจก่อตั้งแบรนด์ตามชื่อตัวเอง และประสบความสำเร็จอย่างมาก
แต่ความรักในแบรนด์และมุมมองของเขา
ก็ฉายแววออกมาในรันเวย์ Spring-Summer 2018
ล่าสุด ที่ยกแฟชั่นโชว์ไปยังลาน Trocadéro
ซึ่งมีหอไอเฟลส่องประกายระยิบระยับเป็นฉากหลัง
เมื่อไม่ได้ทำงานกับแบรนด์เดิม Yves ตัดสินใจก่อตั้งแบรนด์ตามชื่อตัวเอง และประสบความสำเร็จอย่างมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอคอลเลคชั่นเสื้อผ้าสำเร็จรูปเป็นคนแรก ในขณะที่แบรนด์อื่นยังคงทำเสื้อผ้าแบบสั่งตัดอยู่ลูกค้าคนแรกของเขาคือดาราสาวชาวฝรั่งเศส Catherine Deneuve ที่ยังคงเหนียวแน่นและแวะเวียนมานั่งฟรอนต์โรว์ของแบรนด์จนถึงทุกวันนี้ ยิ่งในยุค 1970-1980 Yves ได้กลายเป็นเจ็ตเซ็ตคนสำคัญที่บินข้ามไปมาระหว่างนิวยอร์กและปารีส เพื่อปาร์ตี้และพบปะกับเซเล็บแถวหน้า การปาร์ตี้อย่างหนักนี้เองทำให้บางครั้งเขาแทบจะไม่สามารถทำงานได้ และต้องหลบไปทำงานออกแบบไกลถึงโมร็อกโก แต่ช่วงเวลานั้นเขาก็ได้นำเสนอน้ำหอมอันแสนอื้อฉาวกับกลิ่น Opium หรือกลิ่นฝิ่นที่มีทั้งคนอยากเป็นเจ้าของและต่อต้านในสังคม รวมถึงน้ำหอมผู้ชายที่เขาเปลือยกายเป็นแบบเอง ซึ่งไม่เคยมีใครทำมาก่อน เรียกได้ว่าช็อกวงการแฟชั่นมากทีเดียว ในช่วงปลายของชีวิต Yves ได้รีไทร์ตัวเองจากการเป็นดีไซเนอร์แล้วเปิดโอกาสให้นักออกแบบหลายคนมาวาดลวดลายแสดงฝีมือให้กับแบรนด์
สำหรับครั้งนี้ อนาคตของแบรนด์ถูกเปลี่ยนมือไปสู่ Anthony Vaccarello ดีไซเนอร์ลูกครึ่งอิตาเลียน-เบลเยียม ที่มีผลงานการออกแบบที่เซ็กซี่ แต่มีกลิ่นอายความสปอร์ตซึ่งเขาเคยทำได้เป็นอย่างดีเมื่อตอนที่เป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ให้กับแบรนด์ Versus Versace ส่วนการทำงานกับ Saint Laurent นั้น แม้จะผ่านมาไม่กี่ซีซั่น แต่ความรักในแบรนด์และมุมมองของเขาก็ฉายแววออกมาในรันเวย์ Spring-Summer 2018 ล่าสุด ที่ยกแฟชั่นโชว์ไปยังลาน Trocadéro ซึ่งมีหอไอเฟลส่องประกายระยิบระยับเป็นฉากหลัง การทำโชว์ครั้งนี้นอกจากเหล่าสื่อแฟชั่นนับร้อย ยังรวมถึงผู้คนและนักท่องเที่ยวหลักพันที่เดินไปมา เปรียบเหมือนการเปิดตัวและสร้างกระแสให้กับแบรนด์อย่างดีเยี่ยม เพราะจะมีแบรนด์อะไรที่แสดงความเป็นปารีสได้ดีเท่านี้ไม่มีอีกแล้ว ฉะนั้น ฉากหลังอย่างหอไอเฟล คือตัวเลือกที่ดีที่สุด
“ผู้หญิงของ Saint Laurent อยากจะสนุก เธอคนนั้นต้องไม่ห่อเหี่ยว แต่เธอพร้อมที่จะสนุกไปกับชีวิต” ใจความที่ชัดเจนนี้เห็นได้จากพาเหรดนางแบบและนายแบบกว่า 90 ชีวิตเดินเรียงรายออกมา โดยเริ่มจากเสื้อผ้ากลิ่นอายยิปซีจาก Marrakech ที่ซึ่งเป็นบ้านพักตากอากาศและแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจของผู้ก่อตั้งแบรนด์ เรื่อยไปจนถึงชุดแต่งงานสีขาวสุดตระการ ที่หยิบยกเอาโครงสร้างแบบกูตูร์มาใช้อย่างน่าสนใจ ส่วนวัสดุที่ใช้ก็เต็มไปด้วยความหรูหรา อย่างผ้าไหมลาเม่ทอลายจุด เสื้อผ้าชีฟองแขนกว้าง ชุดกระโปรงหนังและชุดปักเลื่อม รวมไปถึงขนนกกระจอกเทศที่กระหน่ำปักกันอย่างเต็มที่ เมื่อท่อนบนเต็มไปด้วยดีเทลแล้ว กางเกงขาสั้นจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับโชว์เรียวขาของเหล่านางแบบ ก่อนปิดท้ายด้วยรองเท้าคู่เด่นแสนเย้ายวนที่สะกดแทบทุกสายตา “ผมต้องการเล่าเรื่องของผู้หญิง Saint Laurent ในปารีสไม่มีอะไรที่เป็นแรงบันดาลใจได้เท่าความสัมพันธ์นี้” ดีไซเนอร์ดาวเด่นกล่าวปิดท้าย
มาถึงตรงนี้ ภาพความทรงจำเกี่ยวกับแบรนด์ Saint Laurent ของคุณเป็นแบบไหน จะเป็นรองเท้าส้นสูงรุ่น Muse หรือกลิ่นหอม Opium สุดเย้ายวน หรืออาจจะเป็นความเรียบเท่แบบปารีเซียงยามถือกระเป๋าสี่เหลี่ยมรุ่น Sac De Jour ซึ่งไม่ว่าจะเป็นอะไร พลังความเปรี้ยวเก๋จากแฟชั่นเฮาส์แบรนด์นี้ก็ยังคงเป็นตัวช่วยเรื่องสไตล์ให้กับสาวๆ ได้ทุกครั้งไป