สถานการณ์ต่างๆ ทั้งฝุ่น PM 2.5 และโควิด-19 ที่เกิดขึ้นตลอดปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ล้วนส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและสภาพจิตใจของเราเป็นอย่างยิ่ง หากจะพูดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนตระหนัก และหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพความเป็นอยู่กันมากที่สุดในรอบหลายปีก็คงจะไม่ผิดนัก แน่นอนว่าการมีร่างกายที่แข็งแรงยังคงเป็นนิยามพื้นฐานของการดูแลสุขภาพ ทว่าเทรนด์ที่มาแรงสุดๆ ในปีนี้ เห็นจะเป็นการใช้ชีวิตอย่างไรให้ปลอดภัยจากมลพิษและเชื้อโรค ตลอดจนการมีสภาวะจิตที่ผ่อนคลายจากความวิตกกังวลกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั่นเอง ไม่รอช้า Power จะพาไปรู้จักกับเทรนด์สุขภาพที่น่าสนใจในปี 2021 นี้
Respiratory Wellness
ฝุ่น PM 2.5 และ โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจโดยตรงนั้น ทำให้เทรนด์ “คนรักปอด” มาแรงแซงทุกโค้ง ผู้คนเริ่มระมัดระวังในเรื่องของการสูดดมอะไรก็ตามที่มองไม่เห็นเข้าไปในร่างกายกันมากขึ้น การสวมหน้ากากอนามัยกลายเป็นเรื่องพื้นฐานที่ไม่จำเป็นต้องบอกกันอีกต่อไป ต้นไม้และเครื่องฟอกอากาศเป็นดั่งของขวัญแทนความรักความห่วงใยที่มีให้กัน รวมไปถึงพฤติกรรมการกินที่เน้นไปที่อาหารร้อนอย่างซุปหรือชามากขึ้น เพื่อเคลียร์คอให้โล่งและช่วยละลายเสมหะ การจิบน้ำอุ่นตลอดทั้งวันยังมีส่วนช่วยทำให้โพรงจมูกโล่งขึ้น ช่วยลดโอกาสการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียต่างๆ ถือเป็นวิธีสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายที่ทำได้ไม่ยากและกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
Home Wellness
ตั้งแต่ปีที่ผ่านมาที่หลายคนต้องใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น การล็อกดาวน์ทำให้เกิดการปรับตัวในหลากหลายมิติ บ้านแทบจะกลายเป็นศูนย์รวมทุกกิจกรรมไปโดยปริยาย ไม่เว้นแม้แต่การออกกำลังกาย ในวันที่การออกไปฟิตเนสกลายเป็นความเสี่ยง หรือการไปสวนสุขภาพที่เคยไปเป็นประจำ อาจทำให้ไม่รู้สึกปลอดภัยเหมือนเช่นเคย สายสุขภาพย่อมจะไม่ทนกับเรื่องนี้ ลู่วิ่งไม่ใช่ราวตากผ้าฉันใด การออกกำลังกายก็ไม่ใช่เรื่องยากฉันนั้น เราจึงได้เห็นบรรดาเครื่องออกกำลังกายที่มาพร้อมเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐาน เทียบเท่าการไปฟิตเนส เข้ามามีบทบาทมากขึ้น เพื่อสร้างบรรยากาศให้สมจริงที่สุด แอปพลิเคชันฟิตเนสออนไลน์เร่งพัฒนา เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่กำลังเปลี่ยนไป มีกิจกรรมที่น่าสนใจอย่าง Virtual Run ต่างๆ ให้เข้าร่วม มี Virtual Class เทรนเนอร์ส่วนตัวบนแพลตฟอร์มออนไลน์เกิดขึ้นมากมาย จะเห็นได้ว่า “บ้าน” ได้ยกระดับขึ้นมากกว่าการเป็นแค่ที่อยู่อาศัยไปแล้ว เพราะไม่เพียง ‘อยู่ได้’ เท่านั้น แต่จะต้อง ‘อยู่ได้ดี’ และมีส่วนช่วยทำให้ชีวิตปลอดภัยและยืนยาวอีกด้วย
Emotional Wellness
จากสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าเราต่างได้รับผลกระทบทางอารมณ์กันถ้วนหน้า หลายคนต้องเผชิญกับความวิตกกังวล ต้องใช้ชีวิตบนความเครียดและความหวาดกลัว ซึ่งเมื่อสะสมมากเข้า ย่อมส่งผลต่อสุขภาพ ภูมิต้านทาน รวมไปถึงระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย อาจก่อให้เกิดความเจ็บป่วยที่รุนแรงอย่างโรคหัวใจหรือโรคซึมเศร้าได้ เทรนด์สุขภาพในปีนี้จึงมุ่งไปที่การแสวงหา “ความมั่นคงทางอารมณ์” ซึ่งในเบื้องต้นก็คือการตั้ง Mindset ไว้ก่อนว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอเพียงให้เราได้ลองสู้กับปัญหา พยายามทำความเข้าใจ เรียนรู้ และแสดงศักยภาพในตัวเองออกมา นอกจากนั้นเรื่องร้ายๆ ยังทำหน้าที่เสมือนเป็นตัวปลดล็อกพื้นที่ชีวิตของเราอีกด้วย เพราะในช่วงเวลานี้เองที่ทำให้เรามองเห็นว่า รอบๆ ตัวยังมีคนที่เรารัก ซึ่งถือเป็นกำลังของหัวใจที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง รวมไปถึงการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีทางด้านการแพทย์ที่ทั้งสะดวกสบายและดีต่อใจ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันที่ให้คำปรึกษาด้านปัญหาสุขภาพจิต หรือการปรึกษาแพทย์ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้น อย่าลืมหาเวลาสปาอารมณ์ของตัวเอง ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพร่างกายกันด้วย
Intuitive Eating
สูตรการกินเพื่อสุขภาพนั้นมีอยู่มากมาย ทว่าในช่วงเวลาของการกักตัวนี้ เทรนด์การกินอย่างหนึ่งได้กลับมาฮิตอีกครั้ง นั่นก็คือ Intuitive Eating หรือ “การกินได้ตามใจอยาก” ซึ่งฟังดูแล้วตรงข้ามกับการมีสุขภาพดีเหลือเกิน เพราะ Intuitive Eating กำลังบอกให้เราลืมเรื่องแคลอรี่ ตารางการกิน อาหารคลีน หรืออาหารขยะไปก่อน แล้วหันมาฟังเสียงของร่างกายตัวเอง การที่ร่างกายส่งสัญญาณว่าอยากกินอะไร อาจเป็นไปได้ว่าร่างกายกำลังขาดสารอาหารประเภทนั้นอยู่ แน่นอนว่ามันไม่ได้โฟกัสไปที่การลดน้ำหนัก แต่เน้นในเรื่องของการมีสติ เรียนรู้ที่จะให้เกียรติความหิว นักโภชนาการที่ทำการวิจัยบอกว่า คุณสามารถกินอะไรก็ได้ที่อยากจะกิน จะกินตอนไหนก็ได้ ตราบใดที่คุณยังคงเงี่ยหูฟังร่างกายของคุณ โดยหลักการง่ายๆ สามารถสรุปได้ดังนี้
- หิวก็กิน เพราะร่างกายและระบบทางชีววิทยาอยากให้คุณรับรู้ รวมถึงอยากให้คุณเชื่อด้วย
- อาหารขยะไม่ได้อร่อยและอาหารคลีนไม่ได้สูงส่งขนาดนั้น
- เลิกตัดสินพฤติกรรมการกินของตัวเอง
- อิ่มคืออิ่ม ไม่ต้องกินจนหมดก็ได้ (ข้อนี้ฟังดูง่ายแต่ไม่ง่าย)
- เคารพในร่างกายของตัวเอง อย่างที่คนเท้าใหญ่ไม่ใส่รองเท้าไซซ์เล็ก เพราะขนาดและปริมาณที่พอดีนั้นเป็นสิ่งสำคัญ
- อย่าคิดว่ากำลังออกกำลังกาย ให้คิดว่ากำลังทำนู่นทำนี่ก็พอ
จำไว้ว่า อาหารหนึ่งมื้อไม่ได้ทำให้คุณมีสุขภาพดีหรือแย่ แต่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณกินเป็นประจำต่างหาก สิ่งสำคัญคือการกินอย่างมีสติ กินได้ ‘ตามใจอยาก’ แต่อย่าเผลอ ‘ตามใจปาก’ เท่านั้นพอ
LIFESTYLE
ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://www.intuitiveeating.org/