HappeningHappening 117Number 117POWER Mag

The Greatest King: The Country’s Source of Life

THE COUNTRY'S SOURCE OF LIFE จากพระราชปณิธานที่จะบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับพสกนิกรทั่วทุกพื้นที่บนแผ่นดินไทย ตลอด 70 ปีที่ทรงครองราชย์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงริเริ่มโครงการในพระราชดำริ มากกว่า 4,000 โครงการ โดยในจำนวนนี้เป็นงานพัฒนาแหล่งน้ำและการชลประทานมากถึงกว่า 2,000 โครงการ จากการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรนับตั้งแต่เสด็จขึ้นครองราชย์ ทำให้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงตระหนักว่าภัยแล้งและน้ำเพื่อการเกษตรและอุปโภคบริโภคเป็นปัญหาที่รุนแรงและสำคัญที่สุด การจัดการทรัพยากรน้ำและการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อช่วยให้เกษตรกรสามารถทำการเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี จึงนับเป็นงานสำคัญและมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศซึ่งทำอาชีพกสิกรรม โครงการพัฒนาแหล่งน้ำที่เกิดจากแนวพระราชดำริเป็นลำดับแรก คือโครงการอ่างเก็บน้ำเขาเต่า อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อน พ.ศ. 2505 ขณะเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรที่หมู่บ้านเขาเต่า ทรงพบว่าราษฎรในหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเล ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำจืด ทั้งสำหรับการอุปโภคบริโภคและการเพาะปลูก จึงมีพระราชประสงค์ที่จะทรงช่วยเหลือโดยจัดให้มีแหล่งน้ำด้วยการสร้างเขื่อนดินปิดกั้นน้ำทะเล ไม่ให้ไหลเข้ามาตามคลอง และเพื่อกักเก็บน้ำฝนมิให้ไหลลงสู่ทะเล ทำให้เกิดเป็นอ่างเก็บน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ อ่างเก็บน้ำเขาเต่าเริ่มก่อสร้างในปีพ.ศ. 2506 แล้วเสร็จในปีเดียวกัน เป็นเขื่อนดินที่มีความจุประมาณ 600,000 ลูกบาศก์เมตร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 300 ไร่ ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆ ทำให้ทรงทราบถึงปัญหาขาดแคลนน้ำที่มักเกิดขึ้นในท้องถิ่นทุรกันดาร จึงทรงทุ่มเทพระราชหฤทัยในงานด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ เพราะทรงมีความเชื่อมั่นว่า “น้ำคือชีวิต” ดังพระราชดำรัสที่พระราชทาน ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เมื่อวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2529 ความตอนหนึ่งว่า “...หลักสำคัญว่าต้องมีน้ำบริโภค น้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราะว่าชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้ามีน้ำ คนอยู่ได้ ถ้าไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้า คนอยู่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้า ไม่มีน้ำ คนอยู่ไม่ได้...”อีกทั้งเมื่อใดที่สามารถแก้ไขหรือบรรเทาความเดือดร้อนเรื่องน้ำได้ เมื่อนั้นราษฎรย่อมมีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในการพัฒนาชนบทในด้านต่างๆ ได้ ด้วยเหตุนี้ โครงการพัฒนาแหล่งน้ำตามแนวพระราชดำริจึงได้เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อมุ่งขจัดปัญหาความแห้งแล้งอันเนื่องมาจากสภาพของป่าไม้ต้นน้ำเสื่อมโทรม ลักษณะดินเป็นดินปนทราย หรือการขาดแหล่งน้ำจืด โดยมีหลักสำคัญคือ การพัฒนาแหล่งน้ำให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศในแต่ละท้องที่ และยังจะต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในด้านเศรษฐกิจและสังคมของท้องถิ่น หลีกเลี่ยงการเข้าไปสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้กับคนกลุ่มหนึ่ง และสร้างประโยชน์ให้กับคนอีกกลุ่มหนึ่งอีกด้วย การพัฒนาแหล่งน้ำตามแนวพระราชดำริในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ ไม่เพียงเป็นไปเพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภคเท่านั้น ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันมากล้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานแนวทางพัฒนาแหล่งน้ำในอีกหลายด้าน ทั้งเพื่อการอนุรักษ์พื้นที่ต้นน้ำลำธาร เพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ การระบายน้ำออกจากที่ลุ่ม การป้องกันและบรรเทาน้ำท่วม รวมถึงการบรรเทาน้ำเสีย โดยมีโครงการซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี เช่น เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ “คลองลัดโพธิ์” จังหวัดสมุทรปราการ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงอุทิศพระองค์ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจใหญ่น้อยเพื่อสร้างความสุขที่ยั่งยืนให้กับพสกนิกรที่อยู่ใต้ร่มพระบรมโพธิสมภารมาตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ สิ่งนี้นับเป็นเครื่องยืนยันความตอนหนึ่งในพระราชหัตถเลขาที่ทรงมีไปถึงพระสหายในต่างประเทศภายหลังเสด็จขึ้นครองสิริราชสมบัติ ที่ว่า “...ที่ของข้าพเจ้าในโลกนี้ คือการได้อยู่ท่ามกลางประชาชนของข้าพเจ้า นั่นคือคนไทยทั้งปวง” อย่างแท้จริง
Editor
21 December 2017
BeautyBeauty 117Beauty TrendNumber 117POWER MagTrend

Beauty Trend: Killer Lips

พบกับเทรนด์สีและเท็กซ์เจอร์ของลิปสติกประจำซีซั่นที่มาแรงสุดๆ ในขณะนี้ รับประกันความโดดเด่นสะกดทุกสายตา…ใครพร้อม ใครสู้ ตามมา
Editor
21 December 2017
BeautyBeauty 117Number 117POWER Mag

Beauty Insider: 6 Best Anti-Ageing Products

พบกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 6 ชิ้นสำคัญ ที่ถือเป็นบิวตี้รูทีนพื้นฐาน เพื่อคงความสดใสอ่อนเยาว์ตราบนานเท่านานให้กับผิวของคุณ
Editor
21 December 2017
BeautyBeauty 117Number 117POWER Mag

Grooming Story: 7 Commandments for Oily Skin

7 COMMANDMENTS FOR OILY SKIN ผิวมัน รูขุมขนกว้าง เป็นสิว คือปัญหาคลาสสิกสำหรับผู้ชาย ซึ่งส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจผิดๆ ในการจัดการกับปัญหาผิวมัน FASHION EDITOR SANSHAI JIRAT SUBPISANKUL PHOTOGRAPHER ONG-ON UPA-IN STORY PILAN SRIVEERAKUL การแก้ปัญหาผิวมันของหนุ่มๆ ส่วนใหญ่ นอกจากจะไม่ช่วยให้ความมันลดลงแล้ว ยังอาจไปกระตุ้นให้เกิดปัญหาสิวอักเสบเรื้อรังตามมา ทิ้งแผลเป็นและรอยดำไว้ให้ดูต่างหน้า จนหมดความมั่นใจ ฉะนั้นถ้าไม่อยากหมดหล่อ จึงควรทำความเข้าใจเรื่องผิวมันกันเสียใหม่ และนี่คือ 7 สิ่งที่คุณควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด 1. CLEANSE YOUR FACE TWICE A DAY ล้างหน้าให้สะอาดเพียงวันละ 2 ครั้งในตอนเช้าและก่อนนอนก็พอ หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า การล้างหน้าด้วยเคลนเซอร์บ่อยๆ จะช่วยให้ผิวมันน้อยลง ซึ่งผิดถนัด เพราะยิ่งผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ก็จะยิ่งเร่งผลิตน้ำมันขึ้นมาเคลือบผิวมากขึ้น การล้างหน้าบ่อยๆ จึงไม่ใช่ทางออก ในระหว่างวันหากหน้ามัน ให้ใชน้ำเปล่าล้างหน้าหรือฉีดสเปรย์น้ำแร่ไปบนผิว แล้วซับออก จะช่วยให้รู้สึกสดชื่นโดยไม่ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น 2. AVOID HARSH CLEANSER หลีกเลี่ยงเคลนเซอร์ทำความสะอาดผิวที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์รุนแรง หรือมีฟองมากเกินไป จนทำให้ผิวรู้สึกแห้งตึงหลังล้างหน้า เพราะผิวที่แห้งตึงไม่ได้แปลว่าต่อมไขมันจะผลิตน้ำมันลดลง ในทางกลับกันเมื่อลิพิด (Lipid) บนผิว ถูกขจัดออกไปจนไม่เหลือฟิล์มเคลือบผิวเพื่อคงสมดุลความชุ่มชื้น ผิวจะยิ่งเร่งสร้างน้ำมันออกมาเพื่อปกป้องผิว ทำให้ผิวมันมากขึ้นกว่าเดิม แนะนำให้เลือกใช้เคลนเซอร์สูตรเนื้อเจลที่มีปริมาณฟองพอเหมาะและมีค่า PH ที่ใกล้เคียงกับผิว เคลนเซอร์ที่ดีเมื่อล้างหน้าเสร็จจะช่วยเคลือบคงความชุ่มชื้นเอาไว้บนผิว สังเกตได้จากหลังล้างหน้าแล้ว ผิวจะยังคงความลื่นเหมือนมีฟิล์มเคลือบผิว 3. PICK THE RIGHT INGREDIENTS มองหาสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Benzoyl Peroxide, Salicylic Acid, Glycolic Acid หรือ Beta Hydroxy Acid ที่มีประสิทธิภาพในการช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์เพื่อเผยผิวใหม่ ช่วยลดปัญหาการอุดตันในรูขุมขน และช่วยลดความมันส่วนเกิน สำหรับคนผิวมัน ให้เลือกใช้กันแดดที่เป็นสูตรออยล์ฟรี ในรูปของโลชั่น หรือมิลกี้โลชั่น ซึ่งเป็นสูตรที่บางเบา ซึมซาบเร็ว และไม่ทำให้ผิวมันเหนอะหนะ 4. USE FACE MASK OR CLAY MASK การพอกหน้าด้วยมาสก์ หรือโคลนพอกหน้าที่มีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดผิวอย่างล้ำลึก พร้อมกระชับรูขุมขนและดูดซับความมันส่วนเกิน ถือเป็นหนึ่งกิจวัตรในการดูแลผิวที่ผู้ชายผิวมันทุกคนควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง 5. ALWAYS MOISTURISE YOUR SKIN ไม่ว่าจะผิวมันแค่ไหน ก็ควรทามอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวเป็นประจำ เพราะความมันกับความชุ่มชื้นเป็นคนละเรื่องกัน ต่อให้ผิวมันแค่ไหน ก็สามารถขาดความชุ่มชื้นได้เหมือนผิวแห้ง หากเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือเจอสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง จนทำให้สูญเสียน้ำและขาดความชุ่มชื้น ถ้าไม่ชอบความเหนอะหนะ ให้เลือกมอยส์เจอไรเซอร์สูตรน้ำหรือโลชั่นบางเบา ที่สามารถซึมสู่ผิวอย่างรวดเร็ว บำรุงผิวเป็นประจำหลังล้างหน้าทุกเช้าและก่อนนอน 6. USE ONLY SKINCARE ESSENTIALS ใช้สกินแคร์บำรุงผิวเท่าที่จำเป็นและเลือกใช้สูตรสำหรับผิวมันเท่านั้น พยายามมองหาสกินแคร์สูตรที่เป็นเซรั่ม โลชั่นน้ำ หรือไม่ก็เนื้อเจล หลีกเลี่ยงสกินแคร์ที่มีเนื้อเหนียวข้น ไม่ควรเลเยอร์สกินแคร์มากเกินไป โดยเฉพาะในตอนเช้าและช่วงซัมเมอร์ที่อากาศร้อนอบอ้าว เพราะจะยิ่งกระตุ้นให้ต่อมไขมันทำงานมากขึ้น และอาจก่อให้เกิดการระคายเคืองและการอุดตันจนเกิดปัญหาสิวตามมา 7. WEAR OIL-FREE SUNSCREEN ส่วนใหญ่ผู้ชายที่มีผิวมันมักจะกลัวครีมกันแดดจนหลอน เพราะรู้สึกว่าทาแล้วหน้ามันยิ่งกว่าเดิม อีกทั้งบางคนยังรู้สึกว่าทำให้เกิดการอุดตันจนเกิดสิว แต่ครีมกันแดดถือเป็นแอนไทเอจจิ้งที่ดีที่สุดที่มนุษย์ทุกคนควรทาเป็นประจำทุกวันก่อนออกจากบ้าน ถ้าไม่อยากให้ริ้วรอยมาเยือนก่อนวัยอันควร…
Editor
21 December 2017
FlashFlash 117Number 117POWER Mag

What’s New Fashion

กลุ่มสีคลาสสิกที่ไม่มีวันล้าสมัย อย่างแดง ขาว น้ำเงิน สื่อถึงพลังและความกลมกลืน จะดูว่าเป็นสีของธงชาติไทย สหรัฐอเมริกา หรือฝรั่งเศสก็ได้ เคล็ดลับในการแต่งตัวด้วยสีเหล่านี้อยู่ที่การแมตช์สีทั้งสามแบบไม่มีสีอื่นมาปะปน เพื่อคงความเด่นของกลุ่มสีเอาไว้อย่างสมบูรณ์
Editor
21 December 2017
LifestyleLifestyle 117Number 117POWER Mag

Remarkable Journal: Unconditional Love

UNCONDITIONAL LOVE ในโอกาสวันแม่ เราได้สอบถามคุณแม่ 8 ท่านถึงทริปในฝันที่อยากจะไปกับลูกสุดที่รักสักครั้ง มาดูกันว่าคุณแม่ทั้ง 8 มีจินตนาการและความตั้งใจที่แตกต่างกันอย่างไร STORY CHALISA VIRAVAN วิชชุกร โชคดีทวีอนันต์ ก่อนหน้านี้เพิ่งไปญี่ปุ่นกับลูกมา ซึ่งมีสถานที่แห่งหนึ่งที่ลูกอยากไปมาก คือจิบลิ มิวเซียม (Ghibli Museum) แต่จองไม่ทัน เลยอดไปกัน ซึ่งที่นี่ลูกคนเล็กอยากไปมาก เพราะเขาชอบ Totoro สำหรับเราก็ชื่นชอบที่นี่ เพราะไม่ใช่แค่เป็นที่สำหรับสร้างสรรค์จินตนาการให้กับเด็กๆ เท่านั้น แต่ด้วยการตกแต่งแบบในหนัง บรรยากาศแฟนตาซี อีกทั้งยังมีสาระความรู้จากเบื้องหลังการผลิตภาพยนตร์การ์ตูนแต่ละเรื่อง รวมทั้งกิจกรรมหลายๆ อย่างที่จัดไว้ จึงทำให้ผู้ใหญ่ก็ยังชอบเข้าไป สำหรับเรา ทริปในฝันกับลูกคงเป็นที่นี่ แต่อาจต้องเป็นปีหน้า ปีนี้ขอพาลูกๆ และคุณแม่ไปรับประทานอาหารด้วยกันในกรุงเทพฯ แทน สิรินทร์ พงษารัตน์ ทริปในฝันกับลูกปีนี้คงไปลอนดอน ประเทศอังกฤษ ก่อนหน้านี้เคยไปด้วยกันมาแล้ว ซึ่งตอนนั้นได้ไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ด้วยกันถึง 4-5 แห่ง แล้วทั้งเราและลูกก็ประทับใจ ความจริงแล้วลูกสาวชอบอากาศ สภาพแวดล้อม และพิพิธภัณฑ์ที่มีอยู่มากมายในลอนดอนมาก เลยคิดว่าจะกลับไปเที่ยวชมให้ทั่วด้วยกันอีกครั้ง ไม่แน่อาจมีแพลนให้ลูกสาวไปเรียนต่อที่นั่นด้วย เปรมฤดี พันธุ์รัตน์ ถ้าพูดถึงทริปในฝันที่อยากไปกับลูกๆ แต่ไม่ได้ไปด้วยกันสักที คงเป็นที่มัลดีฟส์ เพราะถ้าอยู่ที่นั่นคงเหมือนติดเกาะ จะได้มี Quality Time ด้วยกัน แถมยังน่าจะได้พักผ่อนเต็มที่ แต่ตอนนี้ลูกอยู่ต่างประเทศ ต่างคนต่างเดินทางอยู่บ่อยๆ ถ้าเมื่อไหร่เขากลับมา คงจะลงไปทางใต้ด้วยกันก่อน อาจไปพักผ่อนด้วยกันในที่ที่ไม่ไกลมาก อย่างภูเก็ต เรากับลูกชอบทำกิจกรรมเอาต์ดอร์ อย่างดำน้ำ ชิมอาหารท้องถิ่น หรือออกไปเดินเล่น เรียกว่าทำได้ทุกกิจกรรม นันทมาลี ภิรมย์ภักดี ตอนนี้ลูกอายุ 11 ขวบแล้ว และเขาเรียกร้องอยากไปดิสนีย์เวิลด์ที่ฟลอริด้ามาก แถมเมื่อปีที่แล้วตอนเราไปประชุมที่นั่น ด้วยบรรยากาศสนุกๆ แบบดิสนีย์ ก็คิดถึงลูกขึ้นมา ทริปวันแม่ในฝันก็คงเป็นที่ดิสนีย์เวิลด์นี่แหละ แต่ปีนี้คงพาไปยูนิเวอร์แซลสตูดิโอที่สิงคโปร์ทดแทนไปก่อน เพราะถ้าจะพาไปอเมริกา ต้องใช้เวลานานจนอาจต้องหยุดเรียนหลายวัน แต่ทริปที่สิงคโปร์ก็แพลนไว้แล้วว่า จะจองห้อง Ocean Suite ที่ Equarius Hotel ซึ่งจากหน้าต่างห้องนอนสามารถมองเห็นฉลามในอะควาเรียมได้เลย ลูกน่าจะประทับใจและตื่นเต้น ดวงมณี ยันตวัฒนา เพิ่งกลับมาจากบาหลี ถ้าพูดถึงทริปในฝันก็คงอยากจะพาลูกไปที่นี่ ไปเล่นเซิร์ฟด้วยกันทั้งครอบครัว แต่ลูกเพิ่ง 2 ขวบเอง คงต้องรออีกนาน แต่ถ้าเป็นทริปที่ไม่ต้องรอนานขนาดนั้น คงพาไปเที่ยวหัวหินใกล้ๆ ก่อน เพราะลูกชอบทะเล ชอบเล่นน้ำ แถมคุณย่าของเขาก็อยู่ที่นั่นด้วย คงพาไปเรียนรู้ขนบธรรมเนียมกับญาติผู้ใหญ่ อีกอย่างคือ ก่อนหน้านี้เคยพาลูกขี่ม้าเล่นๆ แล้วเขาทรงตัวได้ พอดีกับที่หัวหินก็มีโรงเรียนฝึกขี่ม้าอย่าง Hua Hin Horse Club ด้วย คงให้เขาไปหัดเรียนขี่ม้าที่นี่สักครั้ง พิมพ์ชนก (พลางกูร) สุภัทรพันธ์ุ ปกติแล้วเราเป็นคนชอบไปเที่ยวภูเขา ไม่ได้ชอบทะเลเท่าไหร่ แต่พอมีลูก ก็อยากพาลูกไปทะเล ให้ได้เล่นน้ำสนุกๆ ผ่อนคลาย ทริปในฝันของเราก็เลยเป็นที่เกาะยาวน้อย ตั้งใจจะไปพักที่โรงแรม Cape Kudu ของรุ่นน้อง แล้วไปทำกิจกรรมด้วยกัน อย่างดูปลาดาว แมงกระพรุน และสัตว์น้ำต่างๆ ซึ่งจะทำให้ได้ความรู้ด้วย จริงๆ อยากพาลูกไปโบราโบร่าเหมือนกัน แต่คงลำบาก เพราะไม่มีเส้นทางบินตรง บวกกับต้องใช้เวลาเดินทางนาน คงไปใกล้ๆ แบบนี้ไปก่อน…
Editor
21 December 2017
LifestyleLifestyle 117Number 117POWER Mag

MY WORLD
Tiny Wisdom

ส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งจากบันทึกของ “ชาลิสา วีรวรรณ” บอกเล่าถึงประสบการณ์ การเดินรอบเขาไกรลาสในประเทศทิเบต ที่ซึ่งศาสนา 4 ศาสนามีความเชื่อตรงกันว่าเป็นจุดศูนย์กลางแห่งจักรวาล หลายครั้งที่ใครต่อใครมักจะถามฉันว่า ที่ฉันเดินทางไปหลายแห่งหน ซึ่งลำบากลำบนเหลือเกินนั้นทำไปทำไม และฉันก็ต้องคอยตอบว่า ไม่มีเหตุผลอะไรซับซ้อนเลยจริงๆ ที่ทำไปก็เพื่อสนองความต้องการของตัวเอง แค่นั้นตั้งแต่อายุ 14 ปีที่จากบ้านไปเรียนต่อ การเดินทางเป็นสิ่งที่ฉันคุ้นเคย ประกอบกับการย้ายโรงเรียนบ่อย เลยทำให้ฉันชอบการได้พบเจอสิ่งใหม่ๆ สังคมมักตั้งข้อสงสัยว่าคนที่ชอบเดินทางไปเมืองแปลกๆ หรือถิ่นทุรกันดาร คงเป็นคนที่ไม่มีความสุขหรือไม่ก็ต้องมีปัญหาบางอย่างในชีวิต นี่อาจเป็นเพราะละครไทยชอบนำเสนอเรื่องราวของพระเอกนางเอกที่หนีปัญหา ปลอมตัวไปอยู่ที่อื่น หรือบางคนก็มองว่าอยู่บ้านสบายๆ อยู่ดีๆ จะไปลำบากเพื่ออะไร ลึกๆ แล้วฉันเป็นคนสุดโต่งชอบความเป็นที่สุด และเขาไกรลาสก็คือดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นที่สุดในสามโลก ที่ฉันได้ยินมาตั้งแต่สมัยเรียน อย่างเช่น ป่าหิมพานต์ และนางกินรีในวรรณคดีไตรภูมิพระร่วง เมื่อโตขึ้น ฉันก็เริ่มสนใจและศึกษาความเป็นไปในจักรวาลและโลกแห่งจิตวิญญาณ จนฉันอยากเห็นของจริง และรู้ว่าเราสามารถเดินทางไปที่เขาไกรลาสในเทือกเขาหิมาลัยนี้ได้ แต่ประเด็นคือ ใครจะพาไป นั่นสิ ต่อมาฉันได้ยินมาว่า รศ. ดร. กฤษดาวรรณ เมธาวิกุล ผู้ก่อตั้งมูลนิธิพันดารา เคยพาคนไปที่เขาไกรลาส ฉันไม่รู้จักอาจารย์เป็นการส่วนตัว ฉันเลยจะลากเพื่อนอีก 2-3 คนไปด้วย แต่เจ้ากรรมดันไปได้แค่ 1 คนเท่านั้น เลยกลายเป็นว่าฉันต้องเดินทางไปคนเดียว เขาไกรลาสเต็มไปด้วยตำนานเล่าขาน เป็นทั้งที่ประทับของพระศิวะ ตามความเชื่อของศาสนาฮินดู และเชื่อว่าเขาไกรลาส คือ แห่งเดียวกันกับ “เขาพระสุเมรุ” ภูเขาที่ตั้งอยู่กึ่งกลางจักรวาล มียอดเป็นที่ตั้งแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเป็นที่ประทับของพระอินทร์ มีปลาอานนท์หนุนอยู่รอบตามความเชื่อเรื่องจักรวาลของศาสนาพุทธ มีทะเลสาบล้อมรอบถึง 7 แห่ง ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ “ทะเลสาบมานัสโรวาร” หรือสระอโนดาต สระน้ำศักดิ์สิทธิ์ ในไตรภูมิที่เชื่อกันว่า น้ำในสระนี้สามารถรักษาโรคได้ นี่ยังไม่รวมถึงสารพันเรื่องราวสุดลี้ลับ ทั้งทางพุทธทิเบต ฮินดู บอน และเชน อีกจำนวนมาก และฉันเชื่อว่าเรื่องราวเหล่านี้ทำให้ใครต่อใครอยากมาเยือนเขาไกรลาสครั้งหนึ่งในชีวิต ฉันเองก็เหมือนกันและในปีค.ศ. 2016 ฉันก็ได้ไปเดินรอบเขาไกรลาสอย่างที่ตั้งใจ ถึงทิวทัศน์จะสวยขลัง แต่ก็เป็นป่าทั่วไป ไม่ได้มีสัตว์ในเทพนิยายมาวิ่งเล่นให้เห็น อาหารก็รสชาติแค่พอประทังชีวิต ตลอด 15 วัน ฉันมีโอกาสอาบน้ำแค่ 2 ครั้ง ทั้งวันต้องสู้กับอากาศแสนบางที่ทำให้รู้สึกอึ้งเหมือนโดนค้อนทุบหัวตลอดเวลาเพื่อนร่วมทางก็เพิ่งรู้จัก ไม่ได้เป็นเพื่อนที่รู้ใจมาแต่ไหนแต่ไร แต่กลับช่วยเหลือกันอย่างอบอุ่น ตลอดการเดินทางครั้งนั้น ฉันเข้าใจหลายสิ่งหลายอย่างมากขึ้น ผ่านประสบการณ์ยากลำบากรอบด้าน อย่าว่าแต่ไม่มีห้องน้ำสะอาด แม้แต่อากาศที่เราหายใจทิ้งไปวันๆ เวลาอยู่บ้าน มันมีค่ามหาศาลที่นั่น ฉันมองเห็นค่าของทุกลมหายใจมากขึ้น หรือแม้แต่ขนมปังก้อนเดียวที่พวกเราแบ่งกัน ตอนเช้า ก็มีรสชาติอร่อยน้ำตาไหลเวลาหิวตอนบ่าย หรือมิตรภาพดีๆ ที่ได้จากการเป็นผู้รับ และที่สำคัญกว่า คือการเป็นผู้ให้ สามารถที่จะแบ่งปันของจำเป็น ที่มีน้อยนิดของฉันให้กับคนอื่นด้วยความเต็มใจ ตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ อาจเทียบกับความพิสดารที่มีอยู่ในตำนานไม่ได้ แต่ฉันว่าฉันได้สิ่งที่มีค่าที่สุดกลับมา นั่นคือปัญญา และฉันก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมเขาถึงว่ากันว่า จักรวาลของเขาไกรลาส และความพิเศษเหล่านั้น ความจริงอยู่ในใจของเราทุกคน
Editor
21 December 2017